“อ้าว! วอนแล้วไหมล่ะ นั่นเมียเพื่อนนะโว้ย!” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับทำสีหน้าจริงจังเอาเรื่อง
“เฮ้ย! ไอ้บ้า ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฉันหมายถึงว่า น่าจะพาคุณไอรักมาให้ฉันคุ้นเคยหน่อย เผื่อเขาจะมีเพื่อนที่หน้าตาน่ารักเหมือนกัน ฉันจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที นี่แม่ก็มาวุ่นวายจับคู่คนโน้น แนะนำคนนี้ให้ฉันอยู่ได้ ไม่รู้อะไรนักหนา”
“สมน้ำหน้า ก็แกเล่นทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมาอยู่ได้ เมื่อไหร่จะหาสะใภ้เป็นตัวเป็นตนให้แม่เขาได้วางใจสักทีล่ะ”
“เฮ้ย! ของอย่างนี้มันบังคับใจกันได้ที่ไหน ก็ที่เจอมันเคมีไม่ตรงกันนี่หว่า คบประเดี๋ยวประด๋าวพอได้ แต่ให้เอามาเป็นแม่ของลูก ไม่ไหวว่ะ...ว่าแต่แกเหอะไอ้เสือ คิดยังไงวะ ถึงตัดสินใจลงเอยกับคุณไอรัก เห็นตอนแรกที่มาเล่าให้ฟังโวยวายนักหนาว่าโดนบังคับ บอกตรงๆเซอร์ไพรส์มาก” ปลัดเมฆายิงคำถามจบก็จ้องหน้าเพื่อนรอฟังคำตอบ
“แกเคยเชื่อในรักแรกพบไหมวะ” คำตอบที่ได้รับทำให้ปลัดเมฆาสำลักกาแฟ จ้องมองหน้าเพื่อนอย่างขำๆ
“ครั้งแรกที่ฉันเจอหนูไอ ฉันก็หลงใหลไปกับหน้าตาเหมือนกับผู้ชายทั่วไปที่เจอผู้หญิงสวยๆแหละ แต่พอได้ใกล้ชิดพูดคุยยิ่งทำให้ฉันรู้
ไอรักอยู่ในชุดเจ้าสาวสีฟ้าอ่อน ผ้าลูกไม้อย่างดีถูกออกแบบให้ดูเรียบหรู ในแบบชุดเกาะอกกระโปรงสั้นเหนือเข่า กับรองเท้าส้นสูงแบบสานสีฟ้าอ่อนเข้ากับชุด บนศีรษะมีช่อดอกไม้สีขาวเล็กๆพร้อมกับผ้าพลิ้วบางสีฟ้าทิ้งตัวลงมาด้านหลัง พอดีกับผมยาวเกือบกลางหลังของหญิงสาว“โอเคไหมคะ” เจ้าของร้านถามไถ่อย่างใส่ใจ ขณะที่ยืนมองไอรักหมุนซ้ายขวาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่“เอ่อ หนูไอว่าช่วงเอวจะหลวมไปนิดน่ะค่ะ พี่หลินช่วยแก้ให้หน่อยนะคะ”“ได้ค่ะ แล้วจะให้ใส่อะไรเพิ่มในรายละเอียดของชุดไหมคะ” ไอรักมองดูตัวเองในกระจก แล้วหันมายิ้มให้เจ้าของห้องเสื้อ“ไม่ล่ะค่ะพี่หลิน แก้แค่เอวก็พอแล้วค่ะ”“พี่ขอเวลาแก้สักหนึ่งคืนนะคะ พรุ่งนี้พี่หลินจะให้คนไปส่งที่เรือนไทยนะคะ”“ค่ะ ขอบคุณพี่หลินมากนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ยินดีบริการสำหรับคุณไอรักเป็นพิเศษเลยค่ะ” เจ้าของร้านกับลูกค้าต่างยิ้มให้กัน และกำลังจะช่วยกันถอดชุดเจ้าสาวออก“หนูไอครับ หนูไอ”ไอรักชะเง้อฟังเสียงที่เรียกอย่างร้อนรนนั้น“เสียงคุณไทค่ะคุณไอรัก”ไอรักทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แล้วรีบเดินออกมาจ
หญิงสาวพูดจบก็กอดคุณนายกานดาแน่น น้ำตาที่สะกดกลั้นเอาไว้ไหลอาบสองแก้มนวล ไอรักสะอื้นจนตัวโยน จึงไม่ทันได้สังเกตว่าคุณกานดาหยุดร้องไห้แล้วคนป่วยที่นั่งอยู่บนรถเข็นถูกเข็นออกมา ทันได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจน ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง รู้สึกหัวใจพองโตจนคับอก อยากจะดึงตัวคนร่างบางในชุดเจ้าสาวเข้ามากอดแล้วหอมแก้มนวลสักฟอดใหญ่ๆ“พี่จะถือเป็นคำสัญญานะครับ” ไอรักผละจากอ้อมกอดคุณกานดาทันที พร้อมๆกับหันขวับไปทางเจ้าของเสียง“พี่ธีร์...”ไอรักใช้มือปาดน้ำตาป้อยๆยิ้มอย่างเอียงอาย มองดูทุกคนที่อมยิ้มไปกับท่าทางของเธอ“หนูไอครับพี่หิวน้ำ” น้ำเสียงออดอ้อนของคนป่วยช่างน่าหมั่นไส้นัก“ค่ะ” ไอรักรับคำอย่างเสียไม่ได้ไอรักรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมายื่นให้คนป่วย ที่นั่งพิงหลังอยู่บนเตียง แต่ธีร์ภาณุก็ไม่รับแก้วไปสักที“รับไปสิคะพี่ธีร์”“พี่ปวดแขน” ไอรักมองหน้าคนตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอย่างเหนื่อยใจ เพราะจากการสอบถามอาการจากคุณหมอเจ้าของไข้ ก็ทำให้ ไอรักรู้ว่า ธีร์ภาณุไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ศีรษะกระแทกแล้วหมดสติไป เมื่อตรวจ
ชายหนุ่มรุกเร้าหนักขึ้น เขาดึงร่างนุ่มนิ่มขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง เพื่อจะได้สัมผัสทุกส่วนของหญิงสาวได้ถนัด เสื้อชั้นในลูกไม้ถูกปลดตะขอหน้าอวดความอวบอิ่มจนคนเห็นแทบคลั่ง ใบหน้าสากก้มลงซุกไซ้อกนิ่มอย่างรวดเร็วด้วยความพึงพอใจ และดูดดึงชิมความหวานจากยอดอกชูชันอย่างไม่รู้จักอิ่ม จนร่างบางสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่าไอรักกัดริมฝีปากบางไว้แน่น แต่ก็ยังไม่สามารถกักเก็บอารมณ์หวามไว้ได้จนต้องเผลอครางออกมา เมื่อได้กำไรพอควรจากร่างบางที่มีรสหวานล้ำ ชายหนุ่มก็หยุดการรุกรานซบหน้านิ่งลงกับอกนิ่ม ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นสบตาของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเพลิงเสน่หา ซึ่งตนเองเป็นคนก่อ ธีร์ภาณุยิ้มใส่ดวงตาคู่สวยก่อนจะค่อยๆติดตะขอชั้นในและกระดุมเสื้อให้หญิงสาว และจัดชุดให้เรียบร้อยเหมือนเดิม แล้วโอบเอวบางไว้หลวมๆไอรักถอนหายใจด้วยความโล่งอกปนเสียดายอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวยังนั่งนิ่งอยู่บนตักของธีร์ภาณุ มันรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้ ไอรักไม่รู้ว่าความรู้สึกรังเกียจเมื่อตอนที่พบครั้งกันครั้งแรกมันหายไปไหน รู้แต่ว่าไม่กลัวสัมผัสจากเขาแล้ว หากแต่รู้สึกดีด้วยซ้ำไป สองหนุ่มสาวสบตาก
“เออ...หายไวๆนะครับนายเล็ก รีบกลับไปเคลียร์งานที่ไร่ให้เสร็จด้วย ไม่อย่างนั้นจะบอกแม่ให้เลื่อนงานแต่งของแกออกไป ให้ฉันแต่งกับแนนคู่เดียวพอ” ไทธรณ์ขู่น้องชาย แต่ดูเหมือนคนไข้จะจงใจหลับตาลงทำหูทวนลมไม่สนใจคำพูดใดๆ“พี่กลับก่อนนะคะหนูไอ อย่าดูแลแต่คุณธีร์จนลืมดูแลสุขภาพตัวเองนะ”“ค่ะพี่แนน ขอบคุณมากนะคะ” ไอรักยิ้มหวานพร้อมกับเดินไปส่ง รสิตากับไทธรณ์ที่ประตู“ฝากดูแล้เจ้าธีร์ด้วยนะหนูไอ พี่กลับก่อนนะครับ” ไทธรณ์พูดพร้อมกับชำเลืองสายตารู้ทันไปที่คนไข้ที่ทำเป็นนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง“ค่ะพี่ไท” ไอรักตอบยิ้มๆแล้วเหลือบสายตามองไปยังร่างของคนตัวโตบนเตียงคนไข้ไอรักดึงประตูห้องปิดแผ่วเบา แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมือใหญ่ปาดหน้ากดปิดล็อกตามทันที“พี่ธีร์! ทำอะไรคะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหลือร้ายผุดพรายเต็มใบหน้า“มันค้างอะ” ไอรักตีท่อนแขนแกร่งเบาๆ แล้วรุนหลังธีร์ภาณุตรงไปยังเตียง ชายหนุ่มเดินไปตามแรงน้อยนิดที่พยายามบังคับตัวเองอยู่“ไม่ต้องเลยนะ เป็นคนไข้ก็ต้องพักผ่อนเยอะๆ” ไอรักจับคนตัวโตหมุนแล้วเขย่งเท้าเพื่อวางมือบนบ่ากว้าง ออกแรงกดลงเ
“พี่ธีร์” ไอรักเรียกหาคนป่วยเมื่อขึ้นบ้านมาแล้วไม่เห็นธีร์ภาณุนั่งอยู่ที่เดิม“ไปไหนของเขานะ” ไอรักเดินตามเข้าไปหาในห้องนอน มองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่“พี่ธีร์อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าคะ” ไอรักเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ แต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบ หญิงสาวเลยเปิดประตูห้องน้ำ แล้วโผล่หน้าเข้าไปมองหา จึงได้เห็นว่าคนตัวโตนอนหลับตาพริ้มแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ“พี่ธีร์” ไอรักเรียกเบาๆ ธีร์ภาณุลืมตาขึ้นช้าๆ เขายันกายขึ้นนั่งตัวตรงในอ่างอาบน้ำ“พี่เมื่อยตัวเลยอยากแช่น้ำอุ่นหน่อย นี่เผลอหลับไปหรือเนี่ย” ธีร์ภาณุพูดด้วยน้ำเสียงเพลียๆ“หนูไอรอที่โต๊ะหลังบ้านนะคะ อีกเดี๋ยวป้าบัวจะยกกับข้าวมาให้”“ครับ...โอ๊ย!” ธีร์ภาณุยกมือขึ้นกุมหัว สีหน้าแสดงอาการเจ็บปวดได้อย่างแนบเนียน ไอรักรีบปราดเข้าไปนั่งลงข้างอ่างอาบน้ำ แล้วจับบ่าคนสำออยด้วยความเป็นห่วง“เป็นอะไรคะ ปวดหัวหรือคะ ไปหาหมอไหม” คนเป็นห่วงซักถามอาการเร็วปรื๋อ“เจ็บตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้” ธีร์ภาณุจับมือบางวางตรงนั้น ตรงนี้แล้วทำหน้าสำออย แต่ไอ้ตรงนี้สุดท้ายของเขาน่ะ มันอยู่ใต้น้ำ คนที่สัมผัสได้ถ
“ได้ยาดีอย่างนี้หายวันหายคืนแน่” ไอรักหยิกที่อกกว้างเบาๆ“เจ้าเล่ห์ตลอด ไปทานข้าวกันได้แล้วค่ะ ป่านนี้ป้าบัวยกสำรับมาให้แล้ว”“อีกนิดไม่ได้เหรอ?” ธีร์ภาณุออดอ้อนต่อรอง“หยุดเลยนะ อีกนิดของพี่ธีร์มันไม่เคยเชื่อถือได้เลยค่ะ ไปค่ะลุกแล้วไปทานข้าวกันจะได้ทานยา”“รู้ทันตลอด” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากอ่างก่อน เขาไม่อายร่างกายของตัวเอง แต่ไอรักน่ะสิ ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้ามอง ทั้งที่ก็เห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว“ลุกขึ้นสิครับหนูไอ พี่จะเช็ดตัวให้” ธีร์ภาณุพันผ้าเช็ดตัวที่เอวสอบ แล้วถือไว้ในมืออีกผืน ไอรักโยกโย้ไม่อยากลุกขึ้นจากอ่าง“พี่ธีร์ออกไปก่อน หนูไอเช็ดเองก็ได้ค่ะ”“ถ้าหนูไอไม่ลุกออกมาจากตรงนั้น พี่จะลงไปอีกนะ” ไม่พูดเปล่ามือหนาทำท่าจะปลดปมผ้าขนหนูที่เอวตนเองด้วย“ลุกค่ะ ลุกแล้ว” ไอรักลุกขึ้นก้าวขาเรียวอกมาจากอ่าง ธีร์ภาณุมองร่างสมส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแล้วยิ้มกริ่ม ไอรักค้อนขวับวงใหญ่“หนาวค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ ทำให้ธีร์ภาณุต้องรีบใช้ผ้าเช็ดตัวให้ร่างนุ่มนิ่มอย่างอ้อยอิ่ง“แต่งงานแล้ว เราอาบน้ำด้วยกันทุกวันเนอะ” ไอรักตวัดส
ไอรักหลับยาวแทบจะไม่รู้เรื่อง หลังจากจบงานพิธีช่วงเช้าตอนเกือบเที่ยง และถูกพาตัวมาที่ไร่เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงกลางคืน หญิงสาวถูกกำหนดว่าให้พักผ่อน ก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมอีกครั้งเพียงสองชั่วโมง หากแต่คนที่เป็นเจ้าบ่าวกลับไม่ได้พักผ่อนเลย เขาต้องการตรวจงานเองทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด“นายเล็ก พี่หนูไอยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ สงสัยหลับอยู่น่ะค่ะ ช่างแต่งหน้าทำผมมานั่งรอนานแล้วนะคะ” น้อยหน่าวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกชายหนุ่มขณะที่เขากำลังสั่งงานเสร็จพอดี และกำลังจะไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงค่ำคืนนี้“หนูไอคงเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อเช้าน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้เอง”ธีร์ภาณุเดินเร็วกลับไปยังบ้านหลังเล็กของเขา เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน บรรดาช่างแต่งหน้าทำผมที่เป็นสาวประเภทสอง ต่างก็แอบกรี๊ดอยู่ในใจเมื่อเห็นเจ้าบ่าวในระยะใกล้“ขอโทษนะครับที่ต้องรอ เดี๋ยวผมจะเรียกเจ้าสาวให้นะครับ”พูดจบธีร์ภาณุหายเขาไปในห้องนอนพร้อมกับปิดล็อกประตู ทำเอาคนที่นั่งรอแต่งหน้าเจ้าสาวที่ได้ยินเสียงล็อกประตู ต่างมองหน้ากันว่าจะ ล็อกประตูเพื่ออะไร แค่เข้
ปอยผมระบ่าเนียน บนศีรษะถูกแซมด้วยดอกไม้สีฟ้าดอกเล็กๆหลายดอกเมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวขึ้นไปอยู่บนเวที พิธีกรจึงเริ่มทำหน้าที่ เชิญพ่อและแม่ของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวคำอวยพรพร้อม ทั้งถ่ายรูปหมู่ครอบครัว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณงานคู่ไทธรณ์และรสิตาได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอตอนตีหนึ่ง โดยใช้คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวปรีชาที่ไทธรณ์ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่แล้วเป็นเรือนหอคู่ของธีร์ภาณุและไอรักได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอก่อนเที่ยงคืน ซึ่งคุณกานดาตกลงว่าจะใช้เวลา23.59น. เป็นฤกษ์ดี และเรือนหอที่ใช้ก็คือบ้านหลังเล็กในไร่นี้เอง ตามความประสงค์ของเจ้าบ่าวงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความชื่นมื่นและรอยยิ้ม เจ้าบ่าวทั้งสองคอยประคับประคองดูแลเจ้าสาวของตนเองอย่างดี จนหญิงสาวที่มาร่วมงานต่างอิจฉา ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มเพื่อนไอรักสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“สวัสดีค่ะพี่ธีร์” พิมพ์รพีพรหนึ่งในสองสาวที่มีท่าทางมั่นใจ เอ่ยทักทายเพื่อนเขย เมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเดินทักทายขอบคุณแขกเหรื่อในงานจนมาถึงโต๊ะที่พวกเธอนั่งกันอยู่
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน