“แนน” ไทธรณ์แทบจะหยุดหายใจเมื่อหันกลับไปมองคนตัวเล็กบนเตียงอีกครั้ง รสิตาถอดชุดสวยเหวี่ยงลงไปกองอยู่ข้างเตียง ร่างทั้งร่างมีเพียงซับในตัวจิ๋วปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนา
“พี่ไทขา...ช่วยแนนด้วย” ร่างบางนอนแผ่หลายั่วยวนอย่างไม่อาย และกำลังวอนขอให้เขาทำให้หลุดพ้นจากความรู้สึกทรมานเสียที ความสุขที่เธอรับรู้ไปเมื่อสักครู่ใหญ่ ไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่มในร่างกายลดน้อยลงเลย
ไทธรณ์นั่งลงบนเตียงข้างๆร่างเกือบเปล่าเปลือยที่สมส่วนของรสิตา เขามองระเรื่อยไปทั่วทั้งร่างบางที่กำลังถูกแผดเผาด้วยเพลิงปรารถนา ผิวสาวขาวอมชมพูไปทั้งร่างเมื่อต้องแสงไฟในห้อง และเขาก็รู้ดีว่าผิวเนียนนี้ลื่นมือเพียงไรเมื่อสัมผัสแตะต้อง หน้าอกอวบอิ่มที่ชูยอดท้าทายรอการดูดกลืนจากปากหนาและลิ้นสากของเขา หน้าท้องแบนราบยามสัมผัสเพื่อผ่านไปสู่ร่องกลางกลีบดอกไม้ที่แสนจะชุ่มฉ่ำนั่น หากไทธรณ์ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากไปกว่านั้น เมื่อรสิตายกตัวขึ้นดึง รั้งรอบคอของเขาให้ล้มทับตัวเอง
รสิตาสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของไทธรณ์ และลูบไล้อย่างโหยหา มือบางอีกข้างรั้งท้ายทอยชายหนุ่มเข้าใกล้ และเ
ถึงแม้จะไม่สามารถกุมรอบพื้นที่แข็งแกร่งได้ทั้งหมดเนื่องจากความใหญ่โตของมัน ก่อนจะเงยหน้าสบตาชายหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มยั่ว ไทธรณ์ประกบปากเข้ากับเธออีกครั้ง พร้อมๆกับวางมือของตนทาบทับมือเล็ก แล้วสอนจังหวะการขยับมือที่จะให้ความสุขกับตนเอง รสิตาทำตามอย่างนักเรียนหัวไว จนไทธรณ์ต้องขบกรามจนเป็นสันนูนเพื่อข่มความเสียวซ่านไว้ เมื่อร่างของหญิงสาวบิดเร่าอีกครั้ง ชายหนุ่มก็รู้ถึงสิ่งที่รสิตาต้องการ เขาส่งนิ้วเรียวใหญ่เข้าไปสำรวจแปลงดอกไม้งามอย่างรู้งานหนุ่มสาวสองคนต่างมอบความสุขให้แก่กัน เมื่อรสิตาเพิ่มความเร็วของมือขณะที่ครอบครองความแข็งแกร่งของเขาไว้ ไทธรณ์ก็เร่งความเร็วตาม น้ำเย็นเฉียบในอ่างไม่ได้ช่วยดับอารมณ์ร้อนรักของทั้งคู่ได้เลย อีกฝ่ายเกิดจากถูกมอมยา อีกฝ่ายเกิดจากอารมณ์รักที่คุกรุ่นในใจมานาน หากแต่ไทธรณ์ก็พยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ก้าวข้ามความต้องการของตนไปมากกว่าสัมผัสภายนอก เขาท่องไว้อยู่ในใจว่ายังไม่ถึงเวลาเสียงหวานและเสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เมื่อทั้งสองจับจูงกันไปท่องวิมานแสงดาวอย่างมีความสุข ร่างบางกระตุกเกร็งผวาเข้ากอดร่างแกร่งตรงหน้าแนบแน่น สายธารอุ่
“อากาศดีจัง เอ๊ะ!มีต้นดอกปีบด้วย” ไอรักอุทานเบาๆก่อนจะก้าวลงจากศาลาทรงไทย แล้วสาวเท้าเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ใบเขียวครึ้ม มีดอกสีขาวเป็นช่ออยู่เต็มต้น บริเวณใต้ต้นของมันมีดอกหล่นอยู่เต็มไปหมด สีขาวโพลนของดอกปีบที่ตัดกับสีเขียวเข้มของใบหญ้า ทำให้ดอกดูเด่นชัดยิ่งขึ้น ยิ่งเดินเข้าใกล้ไอรักก็ยิ่งได้กลิ่นหอมของมันที่ใต้ต้นปีบหญิงสาวนั่งลงกับพื้นสนามหญ้า และเก็บดอกปีบทีละดอกไว้ในมือพร้อมกับรอยยิ้ม ดอกปีบมีสีขาว ก้านดอกยาวประมาณสองนิ้ว และมีกลีบดอกสีขาวประมาณสี่ห้าแฉกเพียงชั้นเดียวบานอยู่ตรงปลายก้านดอก เป็นดอกไม้ที่ไอรักชอบมากเพราะมีกลิ่นหอมเย็นแบบไทยๆ หญิงสาวเก็บดอกปีบหลายดอกไว้ในกำมือ แล้วยกขึ้นดมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด“หอมจังเลย” ไอรักเผลอยิ้มให้กับบรรยากาศตอนสายกับดอกไม้หอมที่ชื่นชอบ ก่อนจะตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงแหลมเล็กๆ“พี่หนูไอคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียงเล็กๆที่ได้ยิน ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับเจ้าของเสียง“อ้าว! น้อยหน่า” เด็กหญิงน้อยหน่าวิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบตรงไปหาไอรัก แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ“เป็นไงบ้างหายดีแล้วเหรอ พี่มัวแต่ยุ่งๆเรื่องโน้นเ
“เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะว่าอะไรนะคะ รถคันนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าสภาพไม่ดี แล้วจะมาว่ากันมันก็ไม่ถูกนะคะ” ไอรักพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ“นายเล็กหวงรถคันนี้มากค่ะพี่หนูไอ ลุงมิ่งไม่น่าขับมาเลย”“บ๊ะ! เอ็งนี่ ใครจะไปอยากให้มันพังล่ะวะ ก็ข้ารีบมาเอาเอกสารให้นายเล็ก เห็นรถคันนี้จอดอยู่ใกล้ๆข้าก็รีบขับมา เดี๋ยวพอนายเล็กตื่นขึ้นมาเอกสารยังไม่ถึงมือ ข้าจะโดนว่าเอาได้ เฮ้อ!แต่ดันมาทรยศเอาซะได้” พูดจบลุงมิ่งก็ถอนหายใจพร้อมกับส่ายศีรษะ“งั้นลองให้พี่หนูไอขับดูไหมล่ะลุง รถคันนี้พี่หนูไอก็เคยขับได้นะ” น้อยหน่าพูดขึ้นพร้อมกับดึงแขนไอรักเบาๆ ด้วยสายตาละห้อย“นะ...พี่หนูไอ ถือว่าช่วยลุงมิ่งนะคะ นี่ถ้าเอางานไปให้นายเล็กไม่ทันก่อนตื่นล่ะก็ ลุงมิ่งต้องโดนเอ็ดแน่ๆเลย แล้วนายเล็กก็ต้องหักเงินเดือนลุงมิ่ง หรือไม่ก็อาจจะไล่ออก เพราะทำงานไม่เสร็จตามสั่ง” น้อยหน่าพูดพร้อมกับหันไปขยิบตาให้ลุงมิ่ง ไอรักนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากขอกุญแจกับลุงมิ่ง แล้วเดินไปที่รถจี๊ปที่จอดอยู่ใกล้ๆไอรักขึ้นนั่งประจำที่คนขับ แล้วเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ ครั้งที่หนึ่งรถไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ไอรักหันไปมอ
“พี่ขอโทษที่ไม่ดูแลแนนให้ดีกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น” น้ำเสียงสำนึกผิดและสายตาที่มองมายังรสิตาทำให้หญิงสาวหัวใจกระตุกวูบ เพราะคนที่ผิดน่าจะเป็นเธอมากกว่าที่เป็นคนเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนนั้นไทธรณ์ขยับเข้าใกล้รสิตา หญิงสาวกระชับผ้าห่มในมือแน่นโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มยิ้มกับอาการนั้น มือหนาปัดปอยผมที่ระหน้าผากมน มองหญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่นและห่วงใย ก่อนจะดึงร่างบางนุ่มนิ่มเข้ามากอดแนบอกกว้าง รสิตาเอนซบอย่างไม่เกี่ยงงอน“ขอบคุณมานะคะที่ช่วยแนนไว้” เสียงหวานพึมพำอยู่กับแผงอกกว้าง“เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องดูแลแนนด้วยชีวิตของพี่เอง พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแนนได้อีก” ชายหนุ่มหญิงสาวกระชับอ้อมกอดเพื่อถ่ายทอดความรักให้กันและกัน“ไปอาบน้ำก่อนไหมครับ เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้าน ป่านนี้เจ้าสัวปรีชาพลิกแผ่นดินหาแล้วล่ะ ลูกสาวหายไปทั้งคืนอย่างนี้”“เอ่อ...”“พี่เตรียมชุดไว้ในห้องน้ำให้แล้ว ไปอาบน้ำเถอะครับร่างกายจะได้สดชื่น” ไทธรณ์ส่งยิ้มอบอุ่นให้รสิตา แต่แววตาของหญิงสาวก็ยังบ่งบอกถึงความลังเล“พี่จะหันหลังให้ โอเคไหมครับ” ไทธร
“อืม...”เจ้าสัวส่งเสียงงึมงำในลำคอ ละสายตาจากไทธรณ์ก้มลงทานข้าวต้มเงียบๆ ราวกับว่าไม่มีเขานั่งอยู่ตรงนั้น ครู่เดียวถ้วยกาแฟหอมกรุ่นก็ถูกนำมาวางต่อหน้าไทธรณ์“เจ้าสัวครับ คุณย่าครับ”“ว่าไงคุณไท”เจ้าสัวปรีชาวางช้อนลง และกวักมือเรียกเด็กมาเก็บชามข้าวต้ม พร้อมกับทั้งทำสัญญาณมือไล่เด็กรับใช้ทุกคนให้ออกจากบริเวณนั้น“ผมรอฟังอยู่คุณไท”ไทธรณ์รู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้องไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะไม่แน่ใจว่าถ้อยคำที่เรียบเรียงไว้ในใจ เมื่อพูดออกไปแล้วจะถูกใจเจ้าสัวไหม“ว่ามาสิพ่อไท ย่ากับเจ้าสัวรอฟังอยู่” หญิงชราสำทับอีกครั้ง ทั้งสองจ้องมาที่ไทธรณ์เพื่อรอฟังอย่างตั้งใจ“ผมเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม”“ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายครับเจ้าสัว” ไทธรณ์ย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลังจากจากที่เขาเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงให้เจ้าสัวปรีชาฟัง หากแต่เจ้าสัวกลับไม่มีท่าทีโมโหอย่างที่เขากลัวไว้แต่แรก“ผมจะให้โอกาสไอ้กฤษณ์ตามที่คุณไทแนะนำ เพราะผมเองก็ไม่อยากมีปัญหากับพวกมีสีเท่าไรนักหรอก แต่ถ้าหากคุณไทรับปากที่จะดูแลแน
“โอเคจ้ะ พี่หนูไอขับรถไปโกดังคนเดียวก็ได้ น้อยหน่าไปกับลุงมิ่งเถอะจ้ะ” น้อยหน่ายิ้มกว้างโบกมือลาไอรัก แล้วหันหลังวิ่งไปขึ้นรถกระบะ“ผมไปก่อนนะครับนายหญิง”รถกระบะสีขาวกลับรถเพื่อมุ่งหน้าเข้าไร่แสงตะวันในเส้นทางเดิม ไอรักเริ่มบังคับรถออกตัวอย่างช้าๆไปอีกทางหนึ่งของไร่ เพราะไม่อยากขับรถผ่านบ้านหลังเล็กที่เจ้าของไร่อยู่นั่นเอง หญิงสาวจำทางในไร่ได้พอสมควร จากการที่เคยขับรถมาสำรวจไร่กับน้อยหน่าเมื่อครั้งก่อน และทางก็ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ไอรักจึงไม่กังวลใจที่ต้องขับรถมาคนเดียว ตอนแรกไอรักคิดว่าจะใช้รถคันนี้ขับหนีออกจากไร่แสงตะวัน แต่ดูอาการของรถแล้วน่าจะไปไม่รอด เธอจึงตัดสินใจที่ขับรถไปไว้ในโกดังตามที่ตกลงกับลุงมิ่งไอรักขับรถไปตามทางที่คดเคี้ยวเล็กน้อย และขับอย่างช้าๆ เพื่อความปลอดภัยในการขับรถบนเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน เพราะถนนในไร่บางแห่งก็มีหลุมขนาดใหญ่ ถ้าขับเร็วมากอาจจะเกิดอันตรายได้ขณะที่หญิงสาวบังคับรถไปตามทางอย่างระมัดระวังนั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของใครสองคน กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ข้างทางใกล้ๆกับแปลงอ้อย ซึ่งอยู่ห่างจากไอรักในระยะที่มองเห็นหน้าไม่ช
ลุงมิ่งเปิดประตูรถข้างคนขับออก แต่ยังไม่ทันได้ขึ้นนั่งบนรถ เสียงเรียกของคนงานหนุ่มก็ดังขึ้น ทำให้ลุงมิ่งหันไปมองที่มาของเสียง“ลุงมิ่งๆ” คนงานวิ่งกระหืดกระหอบมา เมื่อวิ่งมายืนอยู่ตรงหน้าลุงมิ่ง เขาก็หอบเสียจนตัวโยน“อ้าว! ไอ้ยอด มีอะไรหรือเปล่าวิ่งซะหน้าตั้งมาเชียว” ลุงมิ่งถามอย่างใจเย็น“เกิดเรื่องใหญ่แล้วลุง ไฟไหม้ไร่อ้อยแปลงริมสุดตรงท้ายไร่โน่น” คนงานหนุ่มรายงานพร้อมกับชี้ไปทางท้ายไร่ ลุงมิ่งตกใจตาเบิกโพลง เมื่อหันไปมองตามที่คนงานหนุ่มบอก“ตายล่ะหว่า! แล้วมีใครไปดูหรือยัง” ลุงมิ่งถามอย่างร้อนใจ“พวกเราไปช่วยกันบางส่วนแล้วล่ะ ฉันมารายงานให้ลุงรู้จะได้แจ้งนายเล็กถูก เดี๋ยวฉันต้องขอตัวไปช่วยพวกนั้นก่อนนะ นี่ก็ขับรถมารับคนงานอีกกลุ่มหนึ่งจะได้ไปช่วยกัน” คนงานหนุ่มพูดจบก็วิ่งไปขึ้นกระบะรถอีกคันที่จอดอยู่ไกลจากตัวบ้านพอสมควรลุงมิ่งเดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้าน ชายแก่กำลังตัดสินใจว่าจะปลุกเจ้านายหนุ่มดีหรือไม่ เพราะเมื่อคืนกว่าธีร์ภาณุจะได้พักผ่อนก็เกือบเช้า แล้วนี่ยังจะมาเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนซ้ำอีก“เอาวะยังไงก็ต้องบอกล่ะ” ชายแก่ตัดสินใจเ
“นายหญิง!” ลุงมิ่งอุทานขึ้นเสียงดัง ธีร์ภาณุหันขวับมองหน้าลุงมิ่งด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังกลุ่มคนงาน ทุกคนหลีกทางให้เจ้านายหนุ่มได้มองเห็นร่างบางที่นอนไม่ได้สติอย่างชัดเจน“หนูไอ!” ธีร์ภาณุเรียกชื่อไอรักอย่างตกใจชายหนุ่มนั่งคุกเข่าลงแล้วใช้มือทั้งสองข้างช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอก ลำแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างของไอรักไว้แน่น“หนูไอ หนูไอ” ธีร์ภาณุพยายามเรียกชื่อไอรัก โดยหวังว่าหญิงสาวจะรู้สึกตัว“นายเล็กครับ น้ำครับ” ลุงมิ่งยื่นกระบอกน้ำเย็นให้ธีร์ภาณุ ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนวางร่างบาง โดยให้ศีรษะวางอยู่บนตักของตัวเอง ก่อนจะเทน้ำใส่มือแล้วลูบตามใบหน้าของหญิงสาว“เฮ้ย! ไปๆถอยออกไปให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกกว่านี้” ลุงมิ่งส่งเสียงดังบอกคนงานให้ถอยออกไป คนงานทุกคนจึงแยกย้ายกันเดินห่างออกไป และต่างก็สงสัยว่าผู้หญิงสวยคนนี้เป็นใคร ทำไมผู้เป็นนายของไร่แสงตะวันถึงได้ดูเป็นห่วงเป็นใยมากมายนัก อาจเป็นเพราะไอรักเพิ่งเข้ามาอยู่ในไร่ และธีร์ภาณุเองก็ยังไม่ได้แนะนำให้คนงานรู้จัก เมื่อเห็นเจ้านายผู้เข้มงวด แต่กลับปฏิบัติอย่างอ่อนโยนกับหญิงสาว ลูกน้องก็เลยพาลสงสัยสถ
“เอ่อ...คุณภูคะไอ้นั่นที่เราจะใช้กันมันเอ่อ...มีไม่ครบนะคะ” ภูชิตขมวดคิ้วงง น่านน้ำจึงรีบพูดต่อเร็วปรื๋อ“ก็คุณภูทิ้งไปแล้วอันนึง มันก็ไม่ครบสามอัน เวลาจะทำอะไรกันเขาต้องใส่ให้ครบสามอันตามจำนวนที่มีอยู่ในกล่องไม่ใช่หรือคะ” พูดจบแล้วน่านน้ำก็สบตาเขาอย่างจริงจัง ภูชิตไม่รู้จะหัวเราะหรือทำหน้ายังไงดี เขากลัวคนไม่ประสาจะอายไปยิ่งกว่านี้ ชายหนุ่มจึงยิ้มอ่อนโยนแล้วก้มลงกระซิบที่ริมหูเล็ก“ผมทำเป็นหรอกน่า” น่านน้ำอ้าปากเหวอกับสิ่งที่ได้ยิน และเป็นอีกครั้งที่ภูชิตใช้โอกาสนั้นครอบครองริมฝีปากบาง แล้วมอบจูบรสหวานซ่านจนหญิงสาวแทบละลายมือร้อนลูบไล้ต้นแขนเนียนเบาๆราวกับจะปลอบประโลม ก็อาการสั่นสะท้านเป็นครั้งคราวขณะที่เขากำลังจูบเธออยู่นั้น ทำให้ภูชิตรู้ดีว่าลึกๆแล้วหญิงสาวคงจะขลาดกลัวอยู่ไม่น้อย แต่เขาคงถอยไม่ได้อีกแล้ว ชายหนุ่มถามตัวเองในใจว่า หากชีวิตหนุ่มโสดที่เคยหวงแหนมานานจะ
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่