Share

บทที่ 4 จิตเสน่หา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-14 15:08:41

การเดินทางผ่านถนนคดเคี้ยวข้างทาง เป็นทะเลทรายมีต้นไม้ประปราย ตลอดเส้นทางมีรถวิ่งสวนเลนมาทำให้รู้ว่าเมืองไฮดริกไม่ได้เงียบเหงา เกือบห้าชั่วโมงคนตัวเล็กต้องทนเมื่อยแต่ทัศนียภาพรอบๆ ช่วยผ่อนคลายได้ดี ทันทีที่รถเคลื่อนผ่านถนนลาดยางท่ามกลางตึกขนาดใหญ่และรถมากมาย สาธารณูปโภคทันสมัยไม่แพ้ประเทศเจริญแล้ว

รถจอดเทียบหน้าโรงแรมไฮดริก นิลลนาก้าวลงแล้วกวาดตามองรอบๆ มันสวยงามราวกับเทพนิยายจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นเมืองร้อนมีทะเลทรายล้อมรอบแต่ที่นี่กลับมีความเย็นแผ่ทั่วทุกอณู กระเป๋าสัมภาระถูกวางลงมีพนักงานของโรงแรมยืนรอต้อนรับด้านหน้า

“ผมขอตัวก่อนนะครับ คงต้องกลับโรงแรมเลย”คนขับรถบอก

“กลับเลยเหรอคะ ไม่เหนื่อยเหรอ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว แขกที่โรงแรมผมก็มาส่งแบบนี้บ่อยๆ”เขายิ้ม

“ขอบคุณมากนะคะ”

“ครับ”

คนขับรถเปิดประตูแล้วเคลื่อนเจ้ารถจิ๊บออกจากด้านหน้าโรงแรม

“จะเข้าพักที่นี่ใช่ไหมครับ”พนักงานเอ่ยถาม

“ใช่ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะยกกระป๋าไปให้นะครับ”

ร่างบางสาวเท้ามายังล็อบบี้หินแกรนิตสีดำ มีพนักงานสาวสองคนยืนทำหน้าที่ประจำ เป็นสาวผิวน้ำผิ้ว รูปร่างสูงโปร่งในสูทสีน้ำเงิน ใบหน้าคมสวย ดูโฉบเฉี่ยว

“จองห้องพักเหรอคะ”พนักงานถามน้ำเสียงหวาน

“ใช่ค่ะ ขอเป็นห้องเดี่ยวนะคะ”

“รอสักครู่นะคะ”

พนักงานกดคอมพิวเตอร์ค้นหาข้อมูลครู่หนึ่ง แล้วช้อนสายตามองแขก

“ได้แล้วค่ะ ห้องเดี่ยวนะคะ ชั้นสิบห้าห้องหนึ่งห้าศูนย์สามค่ะ”

พนักงานสาวหยิบกุญแจให้พร้อมคีย์การ์ด เธอรับมาแล้วจัดการรูดบัตรเครดิต ก่อนสาวเท้าไปยังตัวลิฟต์ นิลลนากวาดสายตามองความโอ่อ่าราวกับราชวัง พื้นหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ โถงทางเดินสีทอง ด้านบนเป็นโคมไฟระย้างดงามจับตา ภาพวาดปฏิมากรรมเกี่ยวกับเทพกรีก คนตัวเล็กหยุดเท้าตรงลิฟต์โดยมีพนักงานตามมาติดๆ เมื่อมันเปิดออกเธอก้าวยืนแล้วกดชั้นที่ต้องการ เพียงครู่หนึ่งลิฟต์จอดชั้นสิบห้า ร่างบางสาวเท้าไปยังห้องพักแล้วเปิดประตูออก พนักงานนำกระเป๋าเข้าวางแล้วก้มศีรษะทำความเคารพ นิลลนาเลยให้ทิปเพื่อเป็นการขอบคุณ แล้วปิดประตูลงตามเดิม

ทันทีที่อยู่คนเดียวความอยากรู้เริ่มกระตุ้น นิลลนาสำรวจห้องพักตนเองมองดูเตียงสีเสามีม่านมีขาว พื้นเป็นกำมะหยี่สีแดง ใกล้หัวเตียงมีโต๊ะไม้สักวางโคมไฟรูปดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว หน้าต่างกระจกปิดด้วยม่านสีขาวถูกเปิดออก เผยทัศนียภาพของเมืองไฮดริกอย่างเต็มตา ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างระบายยิ้มด้วยความสุขใจ ที่นี่ให้ความรู้สึกดีกับเธอจริงๆ คนตัวเล็กหันกลับมาค้นข้าวของตนเองวางเรียงราย กล้องถ่ายรูปอุปกรณ์จำเป็นสำหรับทิปนี้ และชุดต้องทะมัดทะแมงพอในการเดินทางไปไหนมาไหน เมื่อจัดเตรียมเรียบร้อยหญิงสาวรีบหยิบผ้าคลุมอาบน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว เพราะเดินทางมาทั้งวันแถมอากาศค่อนข้างร้อนเหนียวตัวหมดแล้ว หยาดน้ำกำลังพร่างพรมทำให้เธอรู้สึกสดชื่น ออกจากห้องน้ำหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์รัดรูปมาสวม ส่องความเรียบร้อยกับกระจกอีกครั้งแล้วหยิบกล้องถ่ายรูป เธอไม่มีทางพลาดบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่แน่ แต่ที่สำคัญต้องหาอะไรรองท้องเสียก่อน

นิลลนาเดินผ่านห้องอาหารโรงแรมอย่างไม่สนใจแม้มีเงินเท่าไหร่ก็ตาม เรื่องน่าสนใจมันคืออาหารพื้นเมืองตามถนนคนเดินในตลาดถัดไปอีกมุมถนน สองเท้าย้ำลงบันไดอย่างเร่งรีบสาวเท้ายังจุดหมาย เห็นแสงไฟดวงเล็กๆ ตามร้านแผงลอยระยิบระยับ กล้องถูกยกขึ้นมาถ่ายภาพอันงดงามแล้วเจ้าของมันจึงดื่มด่ำกับบรรยากาศ ถนนคนเดิมมีสินค้าจำพวกเครื่องประดับพื้นเมือง ผ้าคลุมหน้า กำไลข้อมือ สร้อยคอ และเสื้อผ้าของชนพื้นเมือง แต่ตอนนี้ท้องของเธอร้องเลยเร่งฝีเท้าไปยังกลิ่นหอมกรุ่น เห็นไส้กรอกเนื้อถูกย่างอยู่บนเตาเลยซื้อเสียหนึ่งไม้รองท้องเสียก่อน มองอีกทางเห็นอิทผาลัมสดน่าทาน แต่ตัดสินใจซื้อน้ำทับทิมชิมสักแก้วแก้กระหายมันอร่อยมากทีเดียว

อาหารที่นี่ส่วนมากเป็นนมแพะแม้แต่นมอูฐก็มี พวกผักและผลไม้ค่อนข้างเยอะ น่าแปลกอากาศร้อนขนาดนี้แต่พวกเขาสามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรได้อย่างไร ยิ่งทำให้ชวนสงสัย เมื่ออิ่มท้องคนตัวเล็กยกเรียวแขนดูเวลาใกล้ห้าทุ่มแล้วแต่ยังไม่ง่วงเลย อาจเพราะมันต่างจากไทย คงต้องกลับเพราะตลาดกำลังวายแล้ว ร่างบางเดินทางกลับโรงแรมด้วยความอิ่มเอม เธอเดินมาถึงลิฟต์จังหวะนั้นไม่ได้ให้ความสนใจรอบข้างเพราะมัวแต่ดูภาพในกล้อง

“อุ้ย!”เธอชะงักช้อนสายตามองคนที่ตนเองชนด้วยความตกใจ “ขอโทษนะคะ”

หญิงสาวนิ่งงันดวงตาคมกริบนัยน์ตาสีอำพันนั้นราวกับมีมนต์ให้หยุดนิ่ง มือบางสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และร่างกายกำลังถูกโอบประคองไม่ให้ล้มลง เธอจึงรู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกคนอื่นทำรุ่มร่ามอยู่ ร่างบางเบี่ยงหนีให้พ้นอ้อมแขนของชายแปลกหน้า อันมีหน้าตาหล่อเหลาและผิวพรรณผิดกว่าคนปกติโดยทั่วไป แต่ทว่าเธอไม่จำเป็นต้องสนใจแม้ตื่นตาตื่นใจในแรกเห็นก็ตาม

“ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”นิลลนาบอกพร้อมก้มหน้ารับผิด

“ไม่ครับ” น้ำเสียงทุ้มเยือกเย็นตอบกลับ “แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ พยายามไม่สบตาคู่สนทนาเพราะคิดว่าตนคงเสียเปรียบ ดวงตาคมกริบเหมือนมีแรงดึงดูดใจเลยสั่นสะท้าน

“ไปกันเถอะดีล คุณมีประชุมพรุ่งนี้นะ”

นิลลนาหันมองชายหนุ่มอีกคน หน้าตาคมเข้มไม่แพ้กัน ดวงตาสีดำสนิท มีหนาวเคราเขียวขรึมเหมือนเพิ่งโกนใหม่ ท่าทางดูเหมือนบอดี้การ์ดประจำตัวชายที่ชื่อดีล

“รู้แล้วอัสลัน” เธอเห็นเขาตอบเพื่อน แล้วหันมาสบตาต่อ “คุณเป็นนักท่องเที่ยวใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ”นิลลนาตอบเสียงแผ่ว รู้สึกเกร็งความจริงเขาควรไปเสียทีตามความต้องการของเพื่อน

“เป็นคนเอเชียเหรอ มาจากประเทศอะไรล่ะ”

“ประเทศไทย”

มือบางอันสั่นเทาถูกกุมแล้วดึงขึ้นมาจุมพิตอย่างกะทันหัน นิลลนาตาโตด้วยความตกใจรีบชักมือกลับหน้าตาตื่น

“คุณทำอะไร!”เธอร้องถาม

“จูบมือคุณไง ผมพอใจคุณไม่รู้เหรอ”

นิลลนาหน้าแดง ทำไมเขาถึงทำอะไรรวดเร็วราวกับผู้หญิงเป็นเหมือนตุ๊กตาไปได้ เพิ่งรู้จักมาทำสนิทสนมขนาดนี้มากเกินไป

“แต่ฉันไม่ชอบค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”หญิงสาวตัดบทแล้วเดินหนีไปทันที

ข้อมือบางถูกรั้งไว้ทันที แล้วตวัดให้หันกลับมา โน้มใบหน้าเข้าใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นรดใบหน้า นิลลนาตระหนกยกมือดันออกห่างแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจับไว้แน่นไม่ยอมให้ทำตามใจ

“ปล่อยฉันนะคะ!” เธอส่งเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ

“ผมมีอะไรไม่ดีงั้นเหรอ คุณถึงไม่อยากคุยด้วย”

นิลลนากัดฟันแน่น ต่อให้หน้าดีหล่อเหลาแค่ไหน หากมารยาททรามเธอก็ไม่มีวันญาติดีด้วยหรอก

“ไม่ดีทั้งหมดนั่นแหละค่ะ ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันไม่ชอบ คุณเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้!” คนตัวเล็กพยายามบิดแขนตนเองให้พ้นจากการฉุดรั้งของอีกฝ่าย แล้วหันหน้าหนีตลอดเวลา

“คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณกำลังพูดอยู่กับใคร ผู้หญิงคนไหนเห็นหน้าผมก็ต้องการผมกันทั้งนั้น”

“แต่ไม่ใช่ฉัน!” หญิงสาวเถียงกลับตวัดสายตามอง จังหวะนั้นใบหน้าเขาเคลื่อนใกล้จนริมฝีปากแทบชิดกัน

ร่างบางชะงักดวงตาเรียวสวยเบิกกว้าง สะบัดข้อมือสุดแรงกระชากออกจากเขา

เพียะ!

ฝ่ามือเธอตวัดลงบนใบหน้าหล่อเหลา เห็นแววตาเขาวาวโรจน์ กัดฟันแน่นจ้องมองมา นิลลนารู้สึกตัว เธอไม่ได้ตั้งใจ เขาผิดที่ทำราวกับเธอเป็นผู้หญิงหากิน

“นี่เจ้า กล้าดียังไงมาตบข้า รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร!”

เขาตวาดจนเธอสะดุ้ง ไม่คิดว่าน้ำเสียงจะทรงพลังขนาดนี้ ปกติเธอไม่เคยกลัวใครเลย แต่ชายแปลกหน้าคนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกถึงอำนาจที่ไม่มีทางต่อกร

“ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นใคร แล้วฉันก็ไม่สนด้วย โดนแค่นี้ยังน้อยไป ฉันไม่ใช่ผู้หญิงหากิน คุณไม่มีสิทธิ์มาทำรุ่มร่าม!” หญิงสาวต่อว่าน้ำเสียงสั่น แม้กายจะสะท้านแต่จำต้องหาทางปกป้องศักดิ์ศรีตนเอง

อัสลันรีบเข้าห้าม พร้อมส่งสายตาไปถึงหญิงเอเชียเพื่อส่งสัญญาณให้หนีไป เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ ลิลลนารีบหนีออกมาจากตรงนั้นทันที สายตาของเขาน่ากลัวมากเหลือเกิน ที่ต่อปากต่อคำก็เล่นเอาแทบยืนไม่อยู่

“เจ้าจะหนีไปไหน ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าข้า!”

นิลลนาได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเธอเข้าใจมันดี แต่คำพูดแบบนี้ราวกับผู้รากมากดีเก่า แต่ตอนนี้เธอไม่อยากมัววิเคราะห์เรื่องไร้สาระ หาทางหนีจากชายแปลกหน้าคนนั้นดีกว่า

“ดีลใจเย็นก่อน ที่นี่ท่านไม่ควรเปิดเผยตัว” อัสลันเตือน กางมือกั้นไม่ให้ดีลไล่ตามหญิงไทย

“อัสลันฉันต้องการผู้หญิงคนนั้น!” ดีลเข่นเขี้ยวกำมือแน่น

คนถูกสั่งชะงัก เขาไม่อยากทำร้ายเธอ ผู้หญิงคนนั้นแค่ไม่รู้ว่าชายที่ยืนต่อหน้าเขาคือใคร เธอเลยเผลอทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่

“จะดีเหรอดีล ผมว่าอย่าทำอะไรเธอเลย”

“ฉันต้องการผู้หญิงคนนี้!” ดีลไม่ยอมลดละ

“หาเอาใหม่ดีกว่าดีล คุณแค่ปรายตามองสาวๆ ก็ตามเป็นทิวแถวแล้ว แค่ผู้หญิงไทยคนเดียวอย่าไปยุ่งเลย ปล่อยให้เธอท่องเที่ยวที่นี่ดีกว่า เผื่อคนเอเชียจะมาอีก”

ดีลหันมองอัสลัน สีหน้าฉายฉัดว่าไม่รับฟังความคิดเห็นใดๆ

“ข้าต้องการผู้หญิงคนนั้นหาทางเอาตัวนางมาให้ได้อัสลัน กล้าหยามกันขนาดนี้ สตรีนางนั้นต้องได้รับโทษ!”

“แต่...” อัสลันอ้าปากจะค้าน

“ทำตามคำสั่งแค่นั้น” ดีลตัดบท

“ครับ”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 12 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    บันไดหนทางสู่ใต้ดินทั้งมืดและอับชื้น ร่างบางสั่นสะท้านแต่ข่มความกลัวเอาไว้ เธอจะไม่ร้องขอให้พระองค์ทรงเมตตา หากต้องตายที่นี่ก็ยังดีกว่าต้องอยู่ในสภาพของพระสนม กรงเหล็กสุดทางเดินถูกเปิดออก คนตัวเล็กถูกผลักดันให้เข้าไปในนั้น“อยู่ในนี้ก่อนนะ ผมจะคอยให้คนมาส่งน้ำส่งข้าวไม่ต้องห่วง”อัสลันบอกเป็นภาษาอังกฤษ“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้ฉันอดตายไปเถอะ” เธอบอก แล้วก้าวขึ้นนั่งชั่นเข่าบนเตียงเหล็กเย็นเฉียบราชองครักษ์ส่ายหน้าแล้วสาวเท้าออกจากบริเวณนั้น ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ น้ำตาเอ่อ เธอเคยต้องการมาอยู่ในที่แบบนี้เหรอ เคยต้องการเป็นสนมเหรอ ไม่เคยต้องการเลย อยากกลับเมืองไทยเหลือเกิน พ่อกับแม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหน ทรงใจร้าย ใจดำ คอยดูเถอะสักวันเธอจะเอาคืนคนที่ทำเอาไว้เสียให้หมด อย่าให้เป็นทีของนิลลนาก็แล้วกันดึกสงัดเสียงหนูตามพื้นห้อง วิ่งกันขวักไขว่ นิลลนาหดขากวาดตามองรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว แสงไฟสลัวไม่ได้ช่วยให้สว่างมากนัก มองด้านไหนมีแต่ความมืดมิด สถานที่แห่งนี้มีคนตายหรือเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย มีแค่ทหารเฝ้าอยู่ตรงด้านหน้า ประตูห่างออกไปหลายเมนตร ร่างบางชันเข่ากอดตัวเองแน่น ความหนาวเริ่มมาเยือน ฟันกร

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 11 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    ซากิน่าและปารตีกอดอกจ้องมองใบหน้า เมื่อพิจารณาแล้วผิวพรรณขาวผ่อง ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วบางโค่ง ริมฝีปากบางสีชมพู ผิวแก้มแดงปลั่งน่ามอง ขนาดเธอเป็นหญิงชาวซากวัยยังอดอิจฉาไม่ได้“นาเดียจะแปลให้พระสนมฟังนะเจ้าคะ” นาเดียบอกสองสาว“บอกไปสิว่าให้ไสหัวกลับประเทศตัวเองไป อย่างไรเสียฝ่าบาทไม่มีวันสนใจไยดีผู้หญิงประเทศอื่นหรอก” ซากิน่าเข่นเขี้ยวนาเดียทำหน้าที่แปลก นิลลนายกท่อนแขนกอดอกบ้าง มองดูสองสาวคาดการณ์คงอิจฉาริษยาเลยพูดจาเช่นนี้ มองรอบๆ เห็นสตรีหลายนางงดงามทุกคน ที่นี่ไม่เหมาะกับเธอเอาเสียเลย“ฉันก็อยากกลับแต่เผอิญว่า... ฝ่าบาทไม่ให้กลับน่ะสิ” เธอลากเสียงยาวราวกับต้องการยียวนสองสาวมองหน้ากันตั้งท่าอยากเต้นเร่าๆ แต่หยุดตัวเองไว้เสียก่อน“ฝ่าบาททรงมีพระสนมมากมาย อีกหน่อยก็ทรงเบื่อเจ้าแล้ว!” ปารตีพยายามสรรหาถ้อยคำมาบาดใจอีกฝ่ายบ้าง“เบื่อก็ดีสิกำลังต้องการเลย ไม่ต้องเสด็จมาที่ห้องยิ่งชอบ ทำไมเธอสองคนไม่พยายามทำให้ฝ่าบาทหลงบ้างเล่า พระองค์จะได้ไม่ต้องเสด็จมาหาฉันที่ห้อง!”“ฝ่าบาทไม่มีทางหลงผู้หญิงอย่างเธอหรอก!” ซากิน่าเริ่มเดือด เมื่อรู้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานสตรีนางนี้“หลงไม่หลงฉันไม่รู้ แต

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 10 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    นาเดียคุกเข่าบนพื้นก้มหน้าเพื่อให้ฝ่าบาทพระราชดำเนินผ่าน ครู่หนึ่งจึงลุกยืนมองประตูห้อง รู้สึกเป็นห่วงพระสนม ค่อยๆ แง้มแล้วก้าวข้ามธรณีสู่ด้านใน ยินเสียงสะอื้นแผ่ว ในอกสั่นไหวขึ้นมาด้วยความสงสาร เดินมาถึงเตียงสี่เสาเห็นร่างอรชรชั่นเข่าซบหน้า“คุณนิลลนา...”เธอเรียกชื่อเสียงแผ่วเบาแล้วค่อยๆ ขยับกายเข้าหาจับไหล่เพื่อปลุกปลอบ“ฉันอยากกลับเมืองไทย ทำไมฉันต้องมาเจอสภาพเช่นนี้ด้วย!”หญิงสาวตัดพ้อเงยหน้าช้อนสายตามองสาวรับใช้ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนเพียงคนเดียวภายในพระราชวังแวนเดอเลีย“อดทนหน่อยนะคะ ความจริงฝ่าบาทพระองค์ทรงมีพระเมตตามากนะคะ ไม่มีสตรีนางใดปฏิเสธพระองค์ คุณควรจะยอมรับและโอนอ่อนนะคะ”นิลลนากัดฟันแน่น การมีสัมพันธ์ทั้งที่ใจไม่ได้ชอบพอ ใครจะทำได้เธอไม่ใช่คนเช่นนั้น“แต่ฉันไมได้รักฝ่าบาท ไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อนด้วยซ้ำ แล้วจะให้เป็นสนมได้ยังไง!”นาเดียไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสตรีปฏิเสธฝ่าบาท แค่เพียงเห็นพระสิริโฉมไม่ว่าใครต่างหลงใหล มีเพียงคุณนิลลนาเท่านั้น ไม่อยากเชื่อมีคนแบบนี้ในโลกด้วยหรือ“คุณใจเย็นก่อนนะคะ วันนี้ฝ่าบาททรงมีราชกิจคงไม่เสด็จมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ”คนตัว

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 9 ข้อตกลง

    ข้ารับใช้สาวเห็นใจเพราะตนนั้นไม่มีครอบครัวอีกแล้ว เลยไม่รู้ว่าควรกลับไปหาใคร การจากบ้านเกิดมานานคงทำให้คิดถึงทั้งพ่อแม่บรรยากาศ“เดี๋ยวฉันไปนอนเป็นเพื่อนนะคะ แต่นอนบนเตียงไม่ได้ ขอปูผ้านอนบนพื้นแทนค่ะ”นิลลนามีรอยยิ้มขึ้นมาระบายลมหายใจแผ่ว อกเคยอึดอัดเริ่มผ่อนคลาย ยังคงรอโอกาสหนทางแห่งการหลุดพ้นจากกรงทอง อยากโบยบินหนีไปเสีย ความงดงามแห่งซากวัยเธอตระหนักดี แม้ชายผู้หมายตาในตัวเธอแสนสูงส่ง งามสง่า พระพักตร์แสนหล่อเหลา ต้องตราตรึงใจต่อสตรีเพศ แต่ไม่ใช่เธอ เมื่อไม่มีใจต่อกันคงไม่อาจทนอยู่ด้วยกันได้ ร่างกายกับหัวใจไม่อาจยินยอมยกเรียวแขนก่ายหน้าผาก วันนี้รอด พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร พระองค์ทรงเอาแต่พระหทัยไม่สนว่าเธอจะรู้สึกเช่นไรเลย ควรทำอย่างไรถึงรอดจากชะตากรรมเช่นนี้ไปได้ เปลือกตาเริ่มปิดสนิทถึงมีเรื่องมากมายให้คิดแต่ร่างกายไม่อาจฝืนทนต่อสภาพแวดล้อม อย่างไรเสียมันคงต้องหลับลงนาเดียก้าวหยุดยืนข้างเตียงมองพระสนมองค์ใหม่แล้วรั้งผ้าห่มคลุมกาย จัดการปูผ้าลงบนพื้นหยิบหมอนแล้วล้มตัวลงนอน พระนางทรงไม่เหมือนใคร เพราะเห็นให้เกียรติเธอราวกับเพื่อนจริงๆนิลลนาขยับกายยกมือบีบขมับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่ว พ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 8 ข้อตกลง

    นิลลนายกมือห้าม “อย่าเรียกว่าปรนนิบัติเลย ฉันไม่ต้องการแบบนั้นหรอก แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าพระสนม ฉันไม่ได้เป็น”“แต่หม่อมฉันจำเป็นต้องทำนะคะ เพราะถูกฝ่าบาทรับสั่ง หม่อมฉันไม่อยากบกพร่องต่อหน้าที่ค่ะ”คนฟังระบายลมหายใจ อากาศไม่ร้อนเท่าใดนักแต่เธอไม่ได้อาบน้ำมานานแล้ว เหนียวตัวจนแทบทนไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นนาเดีย ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหมเหนียวตัวสุดๆ แล้วก็... กับฉันไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์เพราะฉันไม่ใช่ราชวงศ์ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”“เอ่อ...” นาเดียอึกอัก “คงไม่ดีหรอกเพคะ”นิลลนาถอนหายใจยาว“เชื่อฉันเถอะนาเดีย ฉันไม่ชอบพิธีรีตองอะไร ความจริงอยากหนีให้พ้นๆ เสียจากที่นี่ แต่หนทางยังไม่มี ฉันอยากได้เพื่อนไม่ได้อยากได้คนรับใช้”“แต่ถ้าใครได้ยินเข้า พระสนมจะถูกตำหนิเอาได้ แล้วหม่อมฉันจะถูกลงโทษด้วย” นาเดียหลุบตามองพื้น“ถ้าอย่างนั้นเวลาอยู่ข้างนอกนาเดียค่อยใช้คำราชาศัพท์กับฉันก็แล้วกัน ฉันเองก็เห็นใจไม่อยากเห็นเดียถูกลงโทษ ได้ไหม”ข้ารับใช้ระบายยิ้ม เป็นเช่นนี้เธอค่อยโล่งใจ ไม่อยากนั้นพระสนมอาจถูกตำหนิ เธออาจต้องได้รับโทษอีกด้วย“ได้เพคะ”“ยังไม่ทันไรเลย ใช้คำราชาศัพท์กับฉันอีกแล้ว” นิลลนาระบายยิ้ม“

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 7 ข้อตกลง

    ใบหน้าเรียวสวยอาบน้ำตา หนทางรอดไม่มีแล้วหรือ หากต้องเป็นผู้หญิงของทหารทั้งกองทัพสู้ยอมเป็นของชายคนเดียวคงดีกว่า คิดถึงพ่อแม่ท่านคงช้ำใจหากรู้ว่าเธอต้องมาเจอกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้“อย่าทำกับหม่อมฉันแบบนี้เลยเพคะ หม่อมฉันยอมแล้ว ยอมแล้วเพคะ ”คนตัวเล็กอ้อนวอนทั้งน้ำตากษัตริย์มาซาฮาฟช้อนพระเนตรมอง แล้วจับไมค์ตรัสบางอย่าง ทหารส่งเสียงอ่อย อีกครั้งร่างบางถูกลากออกจากสถานที่แห่งนั้น อัสลันมองตามส่ายหน้ารู้สึกสงสารสาวชาวไทยจับใจร่างบางถูกพาตัวมายังห้อง ประตูถูกปิดแน่นหนา เธอรู้ชะตาตนเองสองเท้าก้าวถอยหลังจนชิดกำแพง แต่ทว่าพระองค์กลับสาวพระบาทเข้าหาเพื่อประชิดกาย“เจ้าถอยหนีเราทำไม ในเมื่อเจ้ายินยอม”“มะ...หม่อมฉันรู้สึกไม่ชินเพคะ”เธอร้องบอกเสียงสั่นทรงหรี่พระเนตรสาวพระบาทเพียงก้าว พระกรตวัดรวบเอวบาง ดันจนร่างอรชรล้มลงบนเตียง นิลลนายกมือดันแผงพระอุระสีหน้าตื่นตระหนก ครานี้ทางรอดคงไม่มีอีกแล้ว“พระองค์จะทำอะไร!”“ทำให้เจ้าเป็นสนมของเราอย่างเต็มตัวไงล่ะนิลลนา”“ไม่ได้นะเพคะ”เธอร้องบอก “อื้อ!”ริมฝีปากบางถูกจุมพิตอย่างง่ายดาย นิลลนารับรู้ถึงความร้อนร่างกายพาลสั่นสะท้านเมื่อถูกสำรวจความหวานอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status