การเดินทางผ่านถนนคดเคี้ยวข้างทาง เป็นทะเลทรายมีต้นไม้ประปราย ตลอดเส้นทางมีรถวิ่งสวนเลนมาทำให้รู้ว่าเมืองไฮดริกไม่ได้เงียบเหงา เกือบห้าชั่วโมงคนตัวเล็กต้องทนเมื่อยแต่ทัศนียภาพรอบๆ ช่วยผ่อนคลายได้ดี ทันทีที่รถเคลื่อนผ่านถนนลาดยางท่ามกลางตึกขนาดใหญ่และรถมากมาย สาธารณูปโภคทันสมัยไม่แพ้ประเทศเจริญแล้ว
รถจอดเทียบหน้าโรงแรมไฮดริก นิลลนาก้าวลงแล้วกวาดตามองรอบๆ มันสวยงามราวกับเทพนิยายจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นเมืองร้อนมีทะเลทรายล้อมรอบแต่ที่นี่กลับมีความเย็นแผ่ทั่วทุกอณู กระเป๋าสัมภาระถูกวางลงมีพนักงานของโรงแรมยืนรอต้อนรับด้านหน้า
“ผมขอตัวก่อนนะครับ คงต้องกลับโรงแรมเลย”คนขับรถบอก
“กลับเลยเหรอคะ ไม่เหนื่อยเหรอ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว แขกที่โรงแรมผมก็มาส่งแบบนี้บ่อยๆ”เขายิ้ม
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ครับ”
คนขับรถเปิดประตูแล้วเคลื่อนเจ้ารถจิ๊บออกจากด้านหน้าโรงแรม
“จะเข้าพักที่นี่ใช่ไหมครับ”พนักงานเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะยกกระป๋าไปให้นะครับ”
ร่างบางสาวเท้ามายังล็อบบี้หินแกรนิตสีดำ มีพนักงานสาวสองคนยืนทำหน้าที่ประจำ เป็นสาวผิวน้ำผิ้ว รูปร่างสูงโปร่งในสูทสีน้ำเงิน ใบหน้าคมสวย ดูโฉบเฉี่ยว
“จองห้องพักเหรอคะ”พนักงานถามน้ำเสียงหวาน
“ใช่ค่ะ ขอเป็นห้องเดี่ยวนะคะ”
“รอสักครู่นะคะ”
พนักงานกดคอมพิวเตอร์ค้นหาข้อมูลครู่หนึ่ง แล้วช้อนสายตามองแขก
“ได้แล้วค่ะ ห้องเดี่ยวนะคะ ชั้นสิบห้าห้องหนึ่งห้าศูนย์สามค่ะ”
พนักงานสาวหยิบกุญแจให้พร้อมคีย์การ์ด เธอรับมาแล้วจัดการรูดบัตรเครดิต ก่อนสาวเท้าไปยังตัวลิฟต์ นิลลนากวาดสายตามองความโอ่อ่าราวกับราชวัง พื้นหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ โถงทางเดินสีทอง ด้านบนเป็นโคมไฟระย้างดงามจับตา ภาพวาดปฏิมากรรมเกี่ยวกับเทพกรีก คนตัวเล็กหยุดเท้าตรงลิฟต์โดยมีพนักงานตามมาติดๆ เมื่อมันเปิดออกเธอก้าวยืนแล้วกดชั้นที่ต้องการ เพียงครู่หนึ่งลิฟต์จอดชั้นสิบห้า ร่างบางสาวเท้าไปยังห้องพักแล้วเปิดประตูออก พนักงานนำกระเป๋าเข้าวางแล้วก้มศีรษะทำความเคารพ นิลลนาเลยให้ทิปเพื่อเป็นการขอบคุณ แล้วปิดประตูลงตามเดิม
ทันทีที่อยู่คนเดียวความอยากรู้เริ่มกระตุ้น นิลลนาสำรวจห้องพักตนเองมองดูเตียงสีเสามีม่านมีขาว พื้นเป็นกำมะหยี่สีแดง ใกล้หัวเตียงมีโต๊ะไม้สักวางโคมไฟรูปดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว หน้าต่างกระจกปิดด้วยม่านสีขาวถูกเปิดออก เผยทัศนียภาพของเมืองไฮดริกอย่างเต็มตา ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างระบายยิ้มด้วยความสุขใจ ที่นี่ให้ความรู้สึกดีกับเธอจริงๆ คนตัวเล็กหันกลับมาค้นข้าวของตนเองวางเรียงราย กล้องถ่ายรูปอุปกรณ์จำเป็นสำหรับทิปนี้ และชุดต้องทะมัดทะแมงพอในการเดินทางไปไหนมาไหน เมื่อจัดเตรียมเรียบร้อยหญิงสาวรีบหยิบผ้าคลุมอาบน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว เพราะเดินทางมาทั้งวันแถมอากาศค่อนข้างร้อนเหนียวตัวหมดแล้ว หยาดน้ำกำลังพร่างพรมทำให้เธอรู้สึกสดชื่น ออกจากห้องน้ำหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์รัดรูปมาสวม ส่องความเรียบร้อยกับกระจกอีกครั้งแล้วหยิบกล้องถ่ายรูป เธอไม่มีทางพลาดบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่แน่ แต่ที่สำคัญต้องหาอะไรรองท้องเสียก่อน
นิลลนาเดินผ่านห้องอาหารโรงแรมอย่างไม่สนใจแม้มีเงินเท่าไหร่ก็ตาม เรื่องน่าสนใจมันคืออาหารพื้นเมืองตามถนนคนเดินในตลาดถัดไปอีกมุมถนน สองเท้าย้ำลงบันไดอย่างเร่งรีบสาวเท้ายังจุดหมาย เห็นแสงไฟดวงเล็กๆ ตามร้านแผงลอยระยิบระยับ กล้องถูกยกขึ้นมาถ่ายภาพอันงดงามแล้วเจ้าของมันจึงดื่มด่ำกับบรรยากาศ ถนนคนเดิมมีสินค้าจำพวกเครื่องประดับพื้นเมือง ผ้าคลุมหน้า กำไลข้อมือ สร้อยคอ และเสื้อผ้าของชนพื้นเมือง แต่ตอนนี้ท้องของเธอร้องเลยเร่งฝีเท้าไปยังกลิ่นหอมกรุ่น เห็นไส้กรอกเนื้อถูกย่างอยู่บนเตาเลยซื้อเสียหนึ่งไม้รองท้องเสียก่อน มองอีกทางเห็นอิทผาลัมสดน่าทาน แต่ตัดสินใจซื้อน้ำทับทิมชิมสักแก้วแก้กระหายมันอร่อยมากทีเดียว
อาหารที่นี่ส่วนมากเป็นนมแพะแม้แต่นมอูฐก็มี พวกผักและผลไม้ค่อนข้างเยอะ น่าแปลกอากาศร้อนขนาดนี้แต่พวกเขาสามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรได้อย่างไร ยิ่งทำให้ชวนสงสัย เมื่ออิ่มท้องคนตัวเล็กยกเรียวแขนดูเวลาใกล้ห้าทุ่มแล้วแต่ยังไม่ง่วงเลย อาจเพราะมันต่างจากไทย คงต้องกลับเพราะตลาดกำลังวายแล้ว ร่างบางเดินทางกลับโรงแรมด้วยความอิ่มเอม เธอเดินมาถึงลิฟต์จังหวะนั้นไม่ได้ให้ความสนใจรอบข้างเพราะมัวแต่ดูภาพในกล้อง
“อุ้ย!”เธอชะงักช้อนสายตามองคนที่ตนเองชนด้วยความตกใจ “ขอโทษนะคะ”
หญิงสาวนิ่งงันดวงตาคมกริบนัยน์ตาสีอำพันนั้นราวกับมีมนต์ให้หยุดนิ่ง มือบางสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และร่างกายกำลังถูกโอบประคองไม่ให้ล้มลง เธอจึงรู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกคนอื่นทำรุ่มร่ามอยู่ ร่างบางเบี่ยงหนีให้พ้นอ้อมแขนของชายแปลกหน้า อันมีหน้าตาหล่อเหลาและผิวพรรณผิดกว่าคนปกติโดยทั่วไป แต่ทว่าเธอไม่จำเป็นต้องสนใจแม้ตื่นตาตื่นใจในแรกเห็นก็ตาม
“ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”นิลลนาบอกพร้อมก้มหน้ารับผิด
“ไม่ครับ” น้ำเสียงทุ้มเยือกเย็นตอบกลับ “แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ พยายามไม่สบตาคู่สนทนาเพราะคิดว่าตนคงเสียเปรียบ ดวงตาคมกริบเหมือนมีแรงดึงดูดใจเลยสั่นสะท้าน
“ไปกันเถอะดีล คุณมีประชุมพรุ่งนี้นะ”
นิลลนาหันมองชายหนุ่มอีกคน หน้าตาคมเข้มไม่แพ้กัน ดวงตาสีดำสนิท มีหนาวเคราเขียวขรึมเหมือนเพิ่งโกนใหม่ ท่าทางดูเหมือนบอดี้การ์ดประจำตัวชายที่ชื่อดีล
“รู้แล้วอัสลัน” เธอเห็นเขาตอบเพื่อน แล้วหันมาสบตาต่อ “คุณเป็นนักท่องเที่ยวใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”นิลลนาตอบเสียงแผ่ว รู้สึกเกร็งความจริงเขาควรไปเสียทีตามความต้องการของเพื่อน
“เป็นคนเอเชียเหรอ มาจากประเทศอะไรล่ะ”
“ประเทศไทย”
มือบางอันสั่นเทาถูกกุมแล้วดึงขึ้นมาจุมพิตอย่างกะทันหัน นิลลนาตาโตด้วยความตกใจรีบชักมือกลับหน้าตาตื่น
“คุณทำอะไร!”เธอร้องถาม
“จูบมือคุณไง ผมพอใจคุณไม่รู้เหรอ”
นิลลนาหน้าแดง ทำไมเขาถึงทำอะไรรวดเร็วราวกับผู้หญิงเป็นเหมือนตุ๊กตาไปได้ เพิ่งรู้จักมาทำสนิทสนมขนาดนี้มากเกินไป
“แต่ฉันไม่ชอบค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”หญิงสาวตัดบทแล้วเดินหนีไปทันที
ข้อมือบางถูกรั้งไว้ทันที แล้วตวัดให้หันกลับมา โน้มใบหน้าเข้าใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นรดใบหน้า นิลลนาตระหนกยกมือดันออกห่างแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจับไว้แน่นไม่ยอมให้ทำตามใจ
“ปล่อยฉันนะคะ!” เธอส่งเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“ผมมีอะไรไม่ดีงั้นเหรอ คุณถึงไม่อยากคุยด้วย”
นิลลนากัดฟันแน่น ต่อให้หน้าดีหล่อเหลาแค่ไหน หากมารยาททรามเธอก็ไม่มีวันญาติดีด้วยหรอก
“ไม่ดีทั้งหมดนั่นแหละค่ะ ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันไม่ชอบ คุณเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้!” คนตัวเล็กพยายามบิดแขนตนเองให้พ้นจากการฉุดรั้งของอีกฝ่าย แล้วหันหน้าหนีตลอดเวลา
“คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณกำลังพูดอยู่กับใคร ผู้หญิงคนไหนเห็นหน้าผมก็ต้องการผมกันทั้งนั้น”
“แต่ไม่ใช่ฉัน!” หญิงสาวเถียงกลับตวัดสายตามอง จังหวะนั้นใบหน้าเขาเคลื่อนใกล้จนริมฝีปากแทบชิดกัน
ร่างบางชะงักดวงตาเรียวสวยเบิกกว้าง สะบัดข้อมือสุดแรงกระชากออกจากเขา
เพียะ!
ฝ่ามือเธอตวัดลงบนใบหน้าหล่อเหลา เห็นแววตาเขาวาวโรจน์ กัดฟันแน่นจ้องมองมา นิลลนารู้สึกตัว เธอไม่ได้ตั้งใจ เขาผิดที่ทำราวกับเธอเป็นผู้หญิงหากิน
“นี่เจ้า กล้าดียังไงมาตบข้า รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร!”
เขาตวาดจนเธอสะดุ้ง ไม่คิดว่าน้ำเสียงจะทรงพลังขนาดนี้ ปกติเธอไม่เคยกลัวใครเลย แต่ชายแปลกหน้าคนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกถึงอำนาจที่ไม่มีทางต่อกร
“ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นใคร แล้วฉันก็ไม่สนด้วย โดนแค่นี้ยังน้อยไป ฉันไม่ใช่ผู้หญิงหากิน คุณไม่มีสิทธิ์มาทำรุ่มร่าม!” หญิงสาวต่อว่าน้ำเสียงสั่น แม้กายจะสะท้านแต่จำต้องหาทางปกป้องศักดิ์ศรีตนเอง
อัสลันรีบเข้าห้าม พร้อมส่งสายตาไปถึงหญิงเอเชียเพื่อส่งสัญญาณให้หนีไป เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ ลิลลนารีบหนีออกมาจากตรงนั้นทันที สายตาของเขาน่ากลัวมากเหลือเกิน ที่ต่อปากต่อคำก็เล่นเอาแทบยืนไม่อยู่
“เจ้าจะหนีไปไหน ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าข้า!”
นิลลนาได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเธอเข้าใจมันดี แต่คำพูดแบบนี้ราวกับผู้รากมากดีเก่า แต่ตอนนี้เธอไม่อยากมัววิเคราะห์เรื่องไร้สาระ หาทางหนีจากชายแปลกหน้าคนนั้นดีกว่า
“ดีลใจเย็นก่อน ที่นี่ท่านไม่ควรเปิดเผยตัว” อัสลันเตือน กางมือกั้นไม่ให้ดีลไล่ตามหญิงไทย
“อัสลันฉันต้องการผู้หญิงคนนั้น!” ดีลเข่นเขี้ยวกำมือแน่น
คนถูกสั่งชะงัก เขาไม่อยากทำร้ายเธอ ผู้หญิงคนนั้นแค่ไม่รู้ว่าชายที่ยืนต่อหน้าเขาคือใคร เธอเลยเผลอทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่
“จะดีเหรอดีล ผมว่าอย่าทำอะไรเธอเลย”
“ฉันต้องการผู้หญิงคนนี้!” ดีลไม่ยอมลดละ
“หาเอาใหม่ดีกว่าดีล คุณแค่ปรายตามองสาวๆ ก็ตามเป็นทิวแถวแล้ว แค่ผู้หญิงไทยคนเดียวอย่าไปยุ่งเลย ปล่อยให้เธอท่องเที่ยวที่นี่ดีกว่า เผื่อคนเอเชียจะมาอีก”
ดีลหันมองอัสลัน สีหน้าฉายฉัดว่าไม่รับฟังความคิดเห็นใดๆ
“ข้าต้องการผู้หญิงคนนั้นหาทางเอาตัวนางมาให้ได้อัสลัน กล้าหยามกันขนาดนี้ สตรีนางนั้นต้องได้รับโทษ!”
“แต่...” อัสลันอ้าปากจะค้าน
“ทำตามคำสั่งแค่นั้น” ดีลตัดบท
“ครับ”
การเดินทางผ่านถนนคดเคี้ยวข้างทาง เป็นทะเลทรายมีต้นไม้ประปราย ตลอดเส้นทางมีรถวิ่งสวนเลนมาทำให้รู้ว่าเมืองไฮดริกไม่ได้เงียบเหงา เกือบห้าชั่วโมงคนตัวเล็กต้องทนเมื่อยแต่ทัศนียภาพรอบๆ ช่วยผ่อนคลายได้ดี ทันทีที่รถเคลื่อนผ่านถนนลาดยางท่ามกลางตึกขนาดใหญ่และรถมากมาย สาธารณูปโภคทันสมัยไม่แพ้ประเทศเจริญแล้วรถจอดเทียบหน้าโรงแรมไฮดริก นิลลนาก้าวลงแล้วกวาดตามองรอบๆ มันสวยงามราวกับเทพนิยายจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นเมืองร้อนมีทะเลทรายล้อมรอบแต่ที่นี่กลับมีความเย็นแผ่ทั่วทุกอณู กระเป๋าสัมภาระถูกวางลงมีพนักงานของโรงแรมยืนรอต้อนรับด้านหน้า“ผมขอตัวก่อนนะครับ คงต้องกลับโรงแรมเลย”คนขับรถบอก“กลับเลยเหรอคะ ไม่เหนื่อยเหรอ”“ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว แขกที่โรงแรมผมก็มาส่งแบบนี้บ่อยๆ”เขายิ้ม“ขอบคุณมากนะคะ”“ครับ”คนขับรถเปิดประตูแล้วเคลื่อนเจ้ารถจิ๊บออกจากด้านหน้าโรงแรม“จะเข้าพักที่นี่ใช่ไหมครับ”พนักงานเอ่ยถาม“ใช่ค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะยกกระป๋าไปให้นะครับ”ร่างบางสาวเท้ามายังล็อบบี้หินแกรนิตสีดำ มีพนักงานสาวสองคนยืนทำหน้าที่ประจำ เป็นสาวผิวน้ำผิ้ว รูปร่างสูงโปร่งในสูทสีน้ำเงิน ใบหน้าคมสวย ดูโฉบเฉี่ยว“จองห้องพักเหร
นิลลนาหันมองพี่ชายเพื่อน รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร และเธอไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น หากต้องเดินทางด้วยกันขอปลีกไปคนเดียวดีกว่า เธอไม่คิดชอบพอกับเขาเลย“พี่นัทจะไปเหรอ?”ดาริกาถามพี่ชาย“ใช่ ก็จะได้ไปเป็นเพื่อนนิลไง”“แน่ใจแล้วเหรอคะพี่นัท งานพี่เยอะไม่ใช่หรือไงจะลาได้เหรอ”ฟังบทสนทนาแล้ว นิลลนาอึดอัดหากไม่ไปแค่แสดงละครก็ได้ ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนด้วย เห็นว่าเพื่อนสาวยังว่างไม่ได้หางานทำเลยชวน แต่ดูท่าจะเหลว“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนนิลหรอก” นิลลนารีบบอก “เอาแบบนี้แกแกล้งทำเป็นว่าไปกับฉันหน่อยได้ไหมยัยดา”“อะไรนะ แกจะบ้าเหรอนิล จะให้หลอกพ่อแม่แกด้วยเหรอ!”มือสองข้างยกพนมเพื่อขอร้อง ดาริกาเมินมองทางอื่นเพราะไม่อยากโดนผู้ใหญ่ตำหนิ หากร่วมมือแล้วพ่อแม่เพื่อนรู้ความจริงมีหวังโดนถล่มจนเละเทะไม่มีชิ้นดีแน่“ช่วยฉันหน่อยนะดา ฉันอยากไปจริงๆ พ่ออนุญาตแล้วด้วยขอแค่มีแกไปเป็นเพื่อนเท่านั้น”“แกอย่ามาโยนขี้ให้ฉันสินิล ถ้าพ่อแม่แกรู้ว่าฉันโกหกมีหวังโดนยำเละแน่”“ถ้างั้นแกก็ไปกับฉันสิ”นิลลนายื่นข้อเสนออีกครั้ง“ไม่เอาหรอก มันร้อนแกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน”“ร้อนตรงไหน กลางคืนออกจะหนาว อ
ร่างบางล้มตัวลงนอนหยิบนิตยสารของประเทศซากวัยมาอ่าน ประเทศซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนัก แต่ทว่าเหตุใดมันถึงมีมนต์ขลังกับเธอนัก เพียงแค่เห็นเมืองไฮดริกยามราตรี มันช่างสวยงามจนแทบอยากเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้น ผ่าจันทราสถานท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ หากคู่รักใดได้ไปอธิฐานที่นั้นล้วนแต่สมหวัง พระจันทร์ดวงกลมส่องแสงนวลผ่อง เหนือหน้าผาความสูงนับร้อยเมตร แค่เพียงคิดก็ทำให้ตื่นเต้นเสียจนนอนแทบไม่หลับแล้วและที่สำคัญกว่านั้น กษัตริย์แห่งประเทศมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมาหนักหนา เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาสีอำพัน คิ้วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว ผมสีดำสนิท เขาว่ากันว่าพระองค์ทรงหล่อเหลาจนหญิงสาวใดได้พบเห็นต่างมอบใจให้ แต่สำหรับนิลลนาเธอไม่ได้สนใจต่อตัวพระองค์เลยสักนิด แค่เพียงต้องการท่องเที่ยวในประเทศนี้เท่านั้น พรุ่งนี้เธอจะขอบิดาเพื่อเดินทางแค่ครั้งเดียวในชีวิต อยากไปมากจริงๆ ไม่รู้เพราะอะไรเกือบเก้าโมงเช้า คนขี้เซาขยับลุกจากเตียงกว้าง อ้าปากหาวบิดกายขับไล่ความเมื่อย เอี้ยวตัวหันมองนาฬิกาหัวเตียง มือบางยกปิดปากสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าตนเองจะหลับยาวถึงขนาดนี้ สะบ
เสียงกดชัตเตอร์ดังทั่วสนามหญ้าขนาดใหญ่ ญาติพี่น้องต่างพากันแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ นิลลนา วาดวิจิตร หญิงสาววัยยี่สิบสองปี อดีตดาวมหาวิทยาลัยด้วยใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ดวงตาเรียวสวย จมูกโด่งรั้น คิ้วเรียวยาว ผมหยักศกเคลียแผ่นหลัง ด้วยรูปร่างเค้าโครงทำให้มีชายหลายคนต่างขายขนมจีบเป็นทิวแถว แต่นิลลนาไม่อาจปักใจชอบใครเพราะมุ่งแต่ต้องการทำความสำเร็จให้พ่อแม่ชื่นใจนิราพรแย้มยิ้มยินดีกับความสำเร็จ ลูกยามสวมชุดครุยช่างดูมีสง่า คนเป็นแม่โอบกอดแนบแน่นเพื่อถ่ายรูปโดยมีช่างภาพถูกว่าจ้างมาโดยเฉพาะ วิชยุทธมองภรรยาแล้วอดอมยิ้มเสียไม่ได้ เห็นใบหน้าแสนสุขแล้วอิ่มเอมอีกคน ลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ทำให้ผิดหวังเลย ชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อหิ้วดอกไม้มาส่งให้ถึงมือบุตรสาว“ยินดีด้วยนะนิล ลูกทำสำเร็จแล้วนะ”นิลลนารับมาน้ำตาคลอกอดบิดาแน่น ที่สำเร็จมาได้เพราะพ่อคอยส่งเสียให้เรียน“ขอบคุณมากนะคะพ่อ”คนเป็นพ่อลูบศีรษะลูกแผ่วเบา ก่อนเพื่อนร่วมงานและญาติสนิทคนอื่นจะมาแสดงความยินดี เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเข้าสู่หกโมงเย็น นิลลนาแข้งขาสั่นด้วยรองเท้าส้นสูงแถมยืนถ่ายรูปกับคนนั้นที คนนี้ทีทั้งวัน“นิล!”เสียงตะโกนเ