ดีลสาวเท้าออกจากโรงแรม พนักงานต่างทำความเคารพ รถกันกระสุนเคลื่อนจอดติดกันสามคัน อัสลันเปิดประตูเพื่อให้เขานั่ง ส่วนตนเองประจำด้านหน้าคู่คนขับ
“พระองค์จะกลับวังเลยหรือเปล่าพะยะคะ”สรรพนามเปลี่ยนไปทันทีที่อยู่ในรถ
กษัตริย์มาซาฮาฟทรงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วรับสั่ง
“พรุ่งนี้มีประชุมที่ไฮดริก กลับวังเสียเวลาเปล่าๆ ไปแคนยาสแทนก็แล้วกัน”
“พะยะค่ะ”
แคนยาสสถานที่อันร่มรื่นอุดมด้วยแมกไม้นานาพรรณ มันคือที่พักผ่อนส่วนพระองค์ของกษัตริย์แห่งซากวัย อันที่จริงพระองค์ไม่ค่อยออกสื่อเพราะเกรงต่ออำนาจมืด การเมืองที่นี่ไม่รุนแรงแต่บรรดาผู้ต้องการแย่งชิงบัลลังก์มีไม่น้อยเลยเลยทำให้ กษัตริย์แห่งประเทศซากวัย มาซาฮาฟ จาเมียร์ จำต้องทำงานในรูปนักธุรกิจรูปงามผู้ประสบความสำเร็จในการบริหาร
รถเคลื่อนผ่านถนนผู้คนสัญจรขวักไขว่ พระเนตรสีอำพันทรงทอดมองประชาชนด้วยความภูมิใจ พระองค์ทรงพัฒนาประเทศจนเจริญก้าวหน้า ผู้คนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก
อัสลันชำเลืองมองประมุขของประเทศด้วยความชื่นชม เขาเป็นราชองค์รักษ์ประจำพระองค์ ตั้งแต่วัยเยาว์ถูกสอนให้ฝึกศิลปะการต่อสู้ การใช้อาวุธในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการลอบสังหารเพื่อคุ้มครองกษัตริย์ในอนาคต เคยพบท่านมาซาฮาฟบ่อยครั้งเพราะพระองค์ชอบหนีมาเที่ยวเล่นกับบรรดาลูกของข้าราชการ ไม่ยอมอยู่ในวังเหมือนพี่ชายต่างมารดา เลยทำให้สนิทสนมกับเด็กๆ วัยเดียวกัน
ในตอนนั้นไม่มีใครรู้จักเจ้าชายมาซาฮาฟ เด็กคนอื่นเลยคิดรุมรังแกแต่พระองค์กลับสู้จนเอาชนะมาได้ ถึงถูกรุมทำร้ายก็ตาม สำหรับเขาชื่นชมมาตั้งแต่ตอนนั้นและอยากให้เจ้าชายมาซาฮาฟเป็นกษัตริย์ ช่วงที่กษัตริย์คายานีสสิ้นพระชมน์มีการถกเถียงกันมากมาย เมื่อกษัตริย์ทรงมีราชโองการให้เจ้าชายมาซาฮาฟในวัยยี่สิบชันษาเป็นผู้ปกครองประเทศซากวัยต่อ ช่วงจังหวะเกิดเหตุโจรปล้นฆ่าชาวเมืองทำให้พระองค์ตัดสินใจปราบโจรจนสำเร็จ บรรดาข้าราชบริพารเลยยอมรับและเจ้าชายมาซาฮาฟกลายเป็นกษัตริย์นักบริหารที่เก่งกาจที่สุดองค์หนึ่งเลยก็ว่าได้
รถจอดเทียบด้านหน้าบ้านพักสไตล์ฝรั่งเศสผสมผสานกลิ่นอายอารยธรรมของเมืองไฮดริก ด้านในตกแต่งด้วยพรมสีแดงปักลวดลายดอกไม้งดงาม เฟอร์นิเจอร์กำมะหยี่ดูหรูหรา เครื่องเรือนเป็นทองเหลือง โคมไฟระย้าไล่ระดับ บันไดวนราวจับสีทอง พาขึ้นสู่ห้องนอนราวยี่สิบห้อง มีข้ารับใช้คอยดูแลทำความสะอาดรวมถึงดูแลสวนไปจนขับรถ
กษัตริย์มาซาฮาฟถอดสูทแล้วส่งให้คนรับใช้ดูแล ปลดเนคไทเพื่อคล้ายความอึดอัด พับแขนเสื้อเชิ้ตเสยผมเล็กน้อยแล้วสาวเท้าขึ้นสู่ชั้นบนของบ้านพัก
“พระองค์ไม่เสวยก่อนหรือพะยะค่ะ”อัสลันทักไว้เสียก่อน ทำให้พระองค์ทรงชะงักพระบาท
“ยังก่อนอัสลัน” ทรงหยุดคิดครู่หนึ่ง “อย่าลืมเรื่องที่ข้าสั่งเจ้าก่อนหน้าด้วยล่ะ เรื่องหญิงไทยคนนั้น”
อัสลันสะอึก นึกว่าพระองค์คงลืมไปเสียแต่ที่ไหนกลับจดจำแม่นยิ่งกว่าอะไร ไม่น่าเลยจริงๆ คงถึงคราวเคราะห์ ช่วยไม่ได้เช่นกันเขาเองต้องทำตามหน้าที่ของราชองครักษ์ผู้ภักดี
“กระหม่อมรับทราบแล้วพะยะค่ะ”องครักษ์หนุ่มคุกเข่าแล้วรับคำ ก่อนลุกยืน
กษัตริย์หนุ่มโบกพระหัตถ์สีพระพักตร์ติดรำคาญ
“อยู่ที่นี่ไม่ต้องพิธีรีตองหรอกอัสลัน ความจริงเรียกฉันว่าดีลเหมือนเดิมดีกว่า ทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีมากแล้วมันอึดอัด”
“เกล้ากระหม่อมคงทำตามความต้องการของพระองค์มิได้พะยะค่ะ”
มาซาฮาฟตวัดสายพระเนตรมอง แววพระเนตรขุ่น
“นี่คือคำสั่ง!”
“รับทราบแล้วพะยะค่ะ!”อัสลันรับคำหนักแน่น กษัตริย์มาซาฮาฟทรงชี้นิ้วพระหัตถ์
“ข้าบอกว่าไง”
“ผมทราบแล้วครับ”
“ดีมาก ข้าไปนอนก่อนล่ะ เหนื่อยมาก”
อัสลันมองตามแผ่นพระปฤษฏางค์แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ความเอาแต่ใจของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยน พอมาถึงตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะพาตัวหญิงสาวชาวไทยมาให้ได้อย่างไร คิดแล้ว... อยากทุบหัวตัวเองให้ระเบิดนัก ถ้าหากนางยินยอมพร้อมใจก็ว่าไปอย่าง แต่นี้คงไม่มีทางแน่นอน
แสงแห่งอรุณรุ่งอีกวันสาดส่องนิลลนาค่อยขยับลุกจากเตียงกว้าง วันนี้คือวันที่สองแห่งการท่องเที่ยว ถึงเมื่อคืนจะเจอเรื่องร้ายก็ตามทีเถอะ วันนี้เธอใส่เสื้อยืดสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์ห้าส่วน โดยมีแจ็กเก็ตยีนส์สวมทับเพื่อป้องกันแสงแดด เธอดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย เปิดประตูก้าวออกจากห้องไปยังลิฟต์ของโรงแรม
ถึงชั้นล่างนิลลนากวาดสายตามองรอบๆ ตอนแรกคิดหาของกินรองท้อง ภายในโรงแรม แต่ตัดสินใจฝากท้องไว้ข้างนอกดีกว่า หยุดยืนด้านหน้าบันได หยิบหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวออกมา แล้วอ่านมัน มีหลายที่อยากไปเช่นผาแสงจันทร์ แต่ที่นี่ต้องเยือนยามราตรี เปิดหน้าอื่นๆ แล้วอ่านคราวๆ จนเห็นคฤหาสน์หลังงาม ปลูกสร้างผสมผสานสไตล์ฝรั่งเศส มองแค่ในรูปยังน่าสนใจขนาดนี้ หากได้ถ่ายรูปคงดีไม่น้อย
แคนยาสที่พักของกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย สถานที่อันมีมนต์ขลังภายใต้พื้นที่กว่าร้อยไร่ สาธารณูปโภคครบครันราวกับโรงแรมระดับหกดาว แต่สถานที่แห่งนี้ไม่เปิดให้ใครเข้าชม สามารถถ่ายรูปนอกรั้วเท่านั้น
คนอ่านเบ้ปากคิดในใจ ขี้งกชะมัด แค่คฤหาสน์สวยอลังการ หากเปิดให้เข้าชมคงรับรายได้ไม่น้อยเลย กลางวันไม่ได้ทำอะไร หรือเธอจะไปเที่ยวที่แคนยาสดี ถ่ายรูปสวยๆ อวดยัยดา เผื่อขานั้นจะอิจฉาเล่น เห็นชอบอะไรหรูหราอยู่ด้วยตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่ แล้วบอกคนขับ ครู่หนึ่งคิ้วเขาขมวดแล้วพยักหน้าเข้าใจ
ราวหนึ่งชั่วโมงรถเคลื่อนจอดหน้าคฤหาสน์ มีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตากำลังถ่ายรูปอยู่ นิลลนาไม่รอช้าหยิบกล้องตัวโปรดมาจัดการนำภาพแห่งความทรงจำเมมโมรี่ไว้ เก็บภาพจนหนำใจเรียบร้อยร่างบางหยุดยืนมองนอกรั้วด้วยความสนใจ อยากรู้จักด้านในมีอะไรกันแน่ดูเหมือนไม่มีคนอยู่ด้วย หากเยี่ยมชมแคนยาสได้คงดีไม่น้อย
กวาดตามองซ้ายมองขวาค่อยๆ ย่องตามริมรั้วเห็นพุ่มไม้เตี้ยๆ มีสุนัขพันธุ์โกลเด้นลอดนำไปก่อน นิลลนากระหยิ่มในใจทางหมารอดเนี่ยแหละเหมาะ เธอหันมองผู้คนอีกครั้งเห็นไม่มีใครสนใจเลยรีบคลานเข่าแทรกกายเข้ามาด้านใน สนามหญ้าด้านหน้าปลูกไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ไม่ค่อยมีคนเฝ้าสักเท่าไหร่เลยทำให้คนตัวเล็กสามารถเล็ดรอดผ่านไปได้จนถึงตัวบ้าน
จังหวะเหมาะเห็นทุกอย่างชัดเจนหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อถ่าย รูปนี้คงมีคนอิจฉาเป็นแน่ คนอย่างนิลลนาแน่ไม่หยอก เธอเตรียมกดชัตเตอร์จังหวะนั้นของสุดรักดันถูกหยิบออกจากมือ เธอหันมองสีหน้าตื่นตระหนกอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“คะ...คุณ!”
“ไงครับ มาทำอะไรเหรอ ที่นี่ห้ามคนนอกเข้ามานะหรือจะบอกว่าอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ผมรู้สึกว่าคุณพูดภาษาอังกฤษได้นะ!”อัสลันถามแล้วยิ้มเย็น
“คือว่า...”
ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบผ้าสีขาวถูกโปะลงบนจมูก มันกะทันหันจนไม่ทันระวังตัว ร่างบางล้มลงทันทีที่ได้กลิ่นหอมเอียน ราชองครักษ์ปลอมตัวรีบรับไว้แล้วอุ้ม พาร่างเล็กมายังห้องนอนของแขก โชคดีที่วันนี้กลับเข้ามาเอาเอกสารให้ฝ่าบาทไม่เช่นนั้นคงไม่เจอจังหวะดีๆ แบบนี้ เท่านี้ก็หมดเรื่อง
วางร่างคนไม่ได้สติบนเตียงกว้างแล้วเท้าเอวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะโทษเขาไม่ได้หรอกเพราะจำใจเหมือนกัน เมื่อพิศมองสาวชาวไทยแล้วอดทึ่งไม่ได้ ฝ่าบาทพระเนตรแหลมนัก นางสวยจริงสมความต้องการ ผิวพรรณขาวเนียน ใบหน้ารูปไข่ แก้มมีเลือดฝาด ติดตรงตัวเล็กกะทัดรัดไปหน่อย
“ท่านอัสลันจะไปหรือยังครับ”เสียงทหารคนสนิทเอ่ยถาม
เขาเอี้ยวกายแล้วมองก่อนเลิ่กคิ้ว “ไปสิ”
ชายหนุ่มสาวเท้าออกจากห้องแล้วปิดประตูตามเดิม ลูกน้องสองคนที่สั่งไว้ให้เฝ้า ยืนประจำตำแหน่งเรียบร้อย เย็นนี้ประชุมเสร็จค่อยให้ฝ่าบาทมาทอดพระเนตรก็แล้วกัน
รถเคลื่อนออกจากแคนยาสสู่ตึกบริษัทจาเมียร์กรุ๊ป ตึกสูงเจ็ดสิบห้าชั้นตั้งตระหง่านกลางเมืองไฮดริก อัสลันกดลิฟต์ไปยังชั้นห้าสิบเพื่อเข้าห้องประชุม ไดรฟ์ข้อมูลถูกเปิดมันอธิบายถึงการส่งออกน้ำมันและทรายสำหรับก่อสร้างของซากวัย ราวสองชั่วโมงทุกอย่างจบลง การพรีเซนต์สำหรับเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น
ทรงลุกจากพระเก้าอี้แล้วพระราชดำเนินออกนอกห้องประชุม อัสลันรีบเข้าประชิดพระวรกายแล้วกระซิบข้างพระกรรณ
“ผมทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วนะครับ”
ริมพระโอษฐ์หนากระตุกยิ้ม “ดีมาก”
ทรงขึ้นลิฟท์อย่างรวดเร็วแล้วเร่งดำเนิน มายังรถผู้บริหาร ซึ่งจอดรอรับด้านหน้าเรียบร้อย อัสลันรีบนั่งประจำเบาะหน้าคู่คนขับ แล้วเหลือบมองฝ่าบาท พอเห็นแววพระเนตรแล้วรู้สึกกังวลแทนสาวชายไทยเหลือเกิน
“ไปไหนต่อไหมครับดีล” อัสลันเอ่ยถาม
“ไปแคนยาสสิถามได้”
“ครับ”
สามทุ่มรถเคลื่อนจอดหน้าคฤหาสน์หลังงาม ทรงดำลงจากรถยนต์ผู้บริหาร แล้วเร่งฝีพระบาทไปยังชั้นสองทันที ทหารสองนายด้านหน้าทำความเคารพแล้วเปิดพระทวาร กษัตริย์มาซาฮาฟทรงยืนทอดพระเนตร เจ้าของร่างบางกำลังหลับพริ้มราวกับเด็กทารกไม่ปาน ทรงเท้าพระกฤษฎีแล้วแย้มโอษฐ์ ตอนแรกพระองค์ต้องการสั่งสอนนางข้อหาเสียมารยาท แต่ตอนนี้กลับทรงคิดอีกทาง ยิ่งทอดพระเนตรยิ่งรู้สึกพระทัยสั่นไหว ทรงตัดสินใจแน่วแน่ นางต้องมาเป็นสนมของพระองค์
กษัตริย์มาซาฮาฟทรงดำเนินออกจากห้อง แล้วลงบันไดพร้อมรับสั่ง
“กลับแวนเดอเลียเลยอัสลัน” ทรงรับสั่ง
“ตอนนี้เหรอครับ”
“ใช่ กลับเลย”
กษัตริย์มาซาฮาฟไม่รอช้าอุ้มร่างอรชรไว้ในอ้อมพระกร กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำเอาพระหฤทัยเต้นโครมคราม มาถึงรถจอดรอวางร่างไว้แล้วทรงนั่งบนเบาะ พระหัตถ์ลูบไล้ใบหน้าและเส้นผมอ่อนนุ่มตลอดทาง หากนางตื่นมาอาจดีใจก็ได้ เพราะพระองค์ทรงให้ทุกสิ่งที่นางต้องการได้
บันไดหนทางสู่ใต้ดินทั้งมืดและอับชื้น ร่างบางสั่นสะท้านแต่ข่มความกลัวเอาไว้ เธอจะไม่ร้องขอให้พระองค์ทรงเมตตา หากต้องตายที่นี่ก็ยังดีกว่าต้องอยู่ในสภาพของพระสนม กรงเหล็กสุดทางเดินถูกเปิดออก คนตัวเล็กถูกผลักดันให้เข้าไปในนั้น“อยู่ในนี้ก่อนนะ ผมจะคอยให้คนมาส่งน้ำส่งข้าวไม่ต้องห่วง”อัสลันบอกเป็นภาษาอังกฤษ“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้ฉันอดตายไปเถอะ” เธอบอก แล้วก้าวขึ้นนั่งชั่นเข่าบนเตียงเหล็กเย็นเฉียบราชองครักษ์ส่ายหน้าแล้วสาวเท้าออกจากบริเวณนั้น ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ น้ำตาเอ่อ เธอเคยต้องการมาอยู่ในที่แบบนี้เหรอ เคยต้องการเป็นสนมเหรอ ไม่เคยต้องการเลย อยากกลับเมืองไทยเหลือเกิน พ่อกับแม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหน ทรงใจร้าย ใจดำ คอยดูเถอะสักวันเธอจะเอาคืนคนที่ทำเอาไว้เสียให้หมด อย่าให้เป็นทีของนิลลนาก็แล้วกันดึกสงัดเสียงหนูตามพื้นห้อง วิ่งกันขวักไขว่ นิลลนาหดขากวาดตามองรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว แสงไฟสลัวไม่ได้ช่วยให้สว่างมากนัก มองด้านไหนมีแต่ความมืดมิด สถานที่แห่งนี้มีคนตายหรือเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย มีแค่ทหารเฝ้าอยู่ตรงด้านหน้า ประตูห่างออกไปหลายเมนตร ร่างบางชันเข่ากอดตัวเองแน่น ความหนาวเริ่มมาเยือน ฟันกร
ซากิน่าและปารตีกอดอกจ้องมองใบหน้า เมื่อพิจารณาแล้วผิวพรรณขาวผ่อง ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วบางโค่ง ริมฝีปากบางสีชมพู ผิวแก้มแดงปลั่งน่ามอง ขนาดเธอเป็นหญิงชาวซากวัยยังอดอิจฉาไม่ได้“นาเดียจะแปลให้พระสนมฟังนะเจ้าคะ” นาเดียบอกสองสาว“บอกไปสิว่าให้ไสหัวกลับประเทศตัวเองไป อย่างไรเสียฝ่าบาทไม่มีวันสนใจไยดีผู้หญิงประเทศอื่นหรอก” ซากิน่าเข่นเขี้ยวนาเดียทำหน้าที่แปลก นิลลนายกท่อนแขนกอดอกบ้าง มองดูสองสาวคาดการณ์คงอิจฉาริษยาเลยพูดจาเช่นนี้ มองรอบๆ เห็นสตรีหลายนางงดงามทุกคน ที่นี่ไม่เหมาะกับเธอเอาเสียเลย“ฉันก็อยากกลับแต่เผอิญว่า... ฝ่าบาทไม่ให้กลับน่ะสิ” เธอลากเสียงยาวราวกับต้องการยียวนสองสาวมองหน้ากันตั้งท่าอยากเต้นเร่าๆ แต่หยุดตัวเองไว้เสียก่อน“ฝ่าบาททรงมีพระสนมมากมาย อีกหน่อยก็ทรงเบื่อเจ้าแล้ว!” ปารตีพยายามสรรหาถ้อยคำมาบาดใจอีกฝ่ายบ้าง“เบื่อก็ดีสิกำลังต้องการเลย ไม่ต้องเสด็จมาที่ห้องยิ่งชอบ ทำไมเธอสองคนไม่พยายามทำให้ฝ่าบาทหลงบ้างเล่า พระองค์จะได้ไม่ต้องเสด็จมาหาฉันที่ห้อง!”“ฝ่าบาทไม่มีทางหลงผู้หญิงอย่างเธอหรอก!” ซากิน่าเริ่มเดือด เมื่อรู้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานสตรีนางนี้“หลงไม่หลงฉันไม่รู้ แต
นาเดียคุกเข่าบนพื้นก้มหน้าเพื่อให้ฝ่าบาทพระราชดำเนินผ่าน ครู่หนึ่งจึงลุกยืนมองประตูห้อง รู้สึกเป็นห่วงพระสนม ค่อยๆ แง้มแล้วก้าวข้ามธรณีสู่ด้านใน ยินเสียงสะอื้นแผ่ว ในอกสั่นไหวขึ้นมาด้วยความสงสาร เดินมาถึงเตียงสี่เสาเห็นร่างอรชรชั่นเข่าซบหน้า“คุณนิลลนา...”เธอเรียกชื่อเสียงแผ่วเบาแล้วค่อยๆ ขยับกายเข้าหาจับไหล่เพื่อปลุกปลอบ“ฉันอยากกลับเมืองไทย ทำไมฉันต้องมาเจอสภาพเช่นนี้ด้วย!”หญิงสาวตัดพ้อเงยหน้าช้อนสายตามองสาวรับใช้ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนเพียงคนเดียวภายในพระราชวังแวนเดอเลีย“อดทนหน่อยนะคะ ความจริงฝ่าบาทพระองค์ทรงมีพระเมตตามากนะคะ ไม่มีสตรีนางใดปฏิเสธพระองค์ คุณควรจะยอมรับและโอนอ่อนนะคะ”นิลลนากัดฟันแน่น การมีสัมพันธ์ทั้งที่ใจไม่ได้ชอบพอ ใครจะทำได้เธอไม่ใช่คนเช่นนั้น“แต่ฉันไมได้รักฝ่าบาท ไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อนด้วยซ้ำ แล้วจะให้เป็นสนมได้ยังไง!”นาเดียไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสตรีปฏิเสธฝ่าบาท แค่เพียงเห็นพระสิริโฉมไม่ว่าใครต่างหลงใหล มีเพียงคุณนิลลนาเท่านั้น ไม่อยากเชื่อมีคนแบบนี้ในโลกด้วยหรือ“คุณใจเย็นก่อนนะคะ วันนี้ฝ่าบาททรงมีราชกิจคงไม่เสด็จมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ”คนตัว
ข้ารับใช้สาวเห็นใจเพราะตนนั้นไม่มีครอบครัวอีกแล้ว เลยไม่รู้ว่าควรกลับไปหาใคร การจากบ้านเกิดมานานคงทำให้คิดถึงทั้งพ่อแม่บรรยากาศ“เดี๋ยวฉันไปนอนเป็นเพื่อนนะคะ แต่นอนบนเตียงไม่ได้ ขอปูผ้านอนบนพื้นแทนค่ะ”นิลลนามีรอยยิ้มขึ้นมาระบายลมหายใจแผ่ว อกเคยอึดอัดเริ่มผ่อนคลาย ยังคงรอโอกาสหนทางแห่งการหลุดพ้นจากกรงทอง อยากโบยบินหนีไปเสีย ความงดงามแห่งซากวัยเธอตระหนักดี แม้ชายผู้หมายตาในตัวเธอแสนสูงส่ง งามสง่า พระพักตร์แสนหล่อเหลา ต้องตราตรึงใจต่อสตรีเพศ แต่ไม่ใช่เธอ เมื่อไม่มีใจต่อกันคงไม่อาจทนอยู่ด้วยกันได้ ร่างกายกับหัวใจไม่อาจยินยอมยกเรียวแขนก่ายหน้าผาก วันนี้รอด พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร พระองค์ทรงเอาแต่พระหทัยไม่สนว่าเธอจะรู้สึกเช่นไรเลย ควรทำอย่างไรถึงรอดจากชะตากรรมเช่นนี้ไปได้ เปลือกตาเริ่มปิดสนิทถึงมีเรื่องมากมายให้คิดแต่ร่างกายไม่อาจฝืนทนต่อสภาพแวดล้อม อย่างไรเสียมันคงต้องหลับลงนาเดียก้าวหยุดยืนข้างเตียงมองพระสนมองค์ใหม่แล้วรั้งผ้าห่มคลุมกาย จัดการปูผ้าลงบนพื้นหยิบหมอนแล้วล้มตัวลงนอน พระนางทรงไม่เหมือนใคร เพราะเห็นให้เกียรติเธอราวกับเพื่อนจริงๆนิลลนาขยับกายยกมือบีบขมับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่ว พ
นิลลนายกมือห้าม “อย่าเรียกว่าปรนนิบัติเลย ฉันไม่ต้องการแบบนั้นหรอก แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าพระสนม ฉันไม่ได้เป็น”“แต่หม่อมฉันจำเป็นต้องทำนะคะ เพราะถูกฝ่าบาทรับสั่ง หม่อมฉันไม่อยากบกพร่องต่อหน้าที่ค่ะ”คนฟังระบายลมหายใจ อากาศไม่ร้อนเท่าใดนักแต่เธอไม่ได้อาบน้ำมานานแล้ว เหนียวตัวจนแทบทนไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นนาเดีย ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหมเหนียวตัวสุดๆ แล้วก็... กับฉันไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์เพราะฉันไม่ใช่ราชวงศ์ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”“เอ่อ...” นาเดียอึกอัก “คงไม่ดีหรอกเพคะ”นิลลนาถอนหายใจยาว“เชื่อฉันเถอะนาเดีย ฉันไม่ชอบพิธีรีตองอะไร ความจริงอยากหนีให้พ้นๆ เสียจากที่นี่ แต่หนทางยังไม่มี ฉันอยากได้เพื่อนไม่ได้อยากได้คนรับใช้”“แต่ถ้าใครได้ยินเข้า พระสนมจะถูกตำหนิเอาได้ แล้วหม่อมฉันจะถูกลงโทษด้วย” นาเดียหลุบตามองพื้น“ถ้าอย่างนั้นเวลาอยู่ข้างนอกนาเดียค่อยใช้คำราชาศัพท์กับฉันก็แล้วกัน ฉันเองก็เห็นใจไม่อยากเห็นเดียถูกลงโทษ ได้ไหม”ข้ารับใช้ระบายยิ้ม เป็นเช่นนี้เธอค่อยโล่งใจ ไม่อยากนั้นพระสนมอาจถูกตำหนิ เธออาจต้องได้รับโทษอีกด้วย“ได้เพคะ”“ยังไม่ทันไรเลย ใช้คำราชาศัพท์กับฉันอีกแล้ว” นิลลนาระบายยิ้ม“
ใบหน้าเรียวสวยอาบน้ำตา หนทางรอดไม่มีแล้วหรือ หากต้องเป็นผู้หญิงของทหารทั้งกองทัพสู้ยอมเป็นของชายคนเดียวคงดีกว่า คิดถึงพ่อแม่ท่านคงช้ำใจหากรู้ว่าเธอต้องมาเจอกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้“อย่าทำกับหม่อมฉันแบบนี้เลยเพคะ หม่อมฉันยอมแล้ว ยอมแล้วเพคะ ”คนตัวเล็กอ้อนวอนทั้งน้ำตากษัตริย์มาซาฮาฟช้อนพระเนตรมอง แล้วจับไมค์ตรัสบางอย่าง ทหารส่งเสียงอ่อย อีกครั้งร่างบางถูกลากออกจากสถานที่แห่งนั้น อัสลันมองตามส่ายหน้ารู้สึกสงสารสาวชาวไทยจับใจร่างบางถูกพาตัวมายังห้อง ประตูถูกปิดแน่นหนา เธอรู้ชะตาตนเองสองเท้าก้าวถอยหลังจนชิดกำแพง แต่ทว่าพระองค์กลับสาวพระบาทเข้าหาเพื่อประชิดกาย“เจ้าถอยหนีเราทำไม ในเมื่อเจ้ายินยอม”“มะ...หม่อมฉันรู้สึกไม่ชินเพคะ”เธอร้องบอกเสียงสั่นทรงหรี่พระเนตรสาวพระบาทเพียงก้าว พระกรตวัดรวบเอวบาง ดันจนร่างอรชรล้มลงบนเตียง นิลลนายกมือดันแผงพระอุระสีหน้าตื่นตระหนก ครานี้ทางรอดคงไม่มีอีกแล้ว“พระองค์จะทำอะไร!”“ทำให้เจ้าเป็นสนมของเราอย่างเต็มตัวไงล่ะนิลลนา”“ไม่ได้นะเพคะ”เธอร้องบอก “อื้อ!”ริมฝีปากบางถูกจุมพิตอย่างง่ายดาย นิลลนารับรู้ถึงความร้อนร่างกายพาลสั่นสะท้านเมื่อถูกสำรวจความหวานอ