แชร์

บทที่ 5 จิตเสน่หา

ผู้เขียน: วนาลักษณ์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-23 14:32:22

ดีลสาวเท้าออกจากโรงแรม พนักงานต่างทำความเคารพ รถกันกระสุนเคลื่อนจอดติดกันสามคัน อัสลันเปิดประตูเพื่อให้เขานั่ง ส่วนตนเองประจำด้านหน้าคู่คนขับ

“พระองค์จะกลับวังเลยหรือเปล่าพะยะคะ”สรรพนามเปลี่ยนไปทันทีที่อยู่ในรถ

กษัตริย์มาซาฮาฟทรงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วรับสั่ง

“พรุ่งนี้มีประชุมที่ไฮดริก กลับวังเสียเวลาเปล่าๆ ไปแคนยาสแทนก็แล้วกัน”

“พะยะค่ะ”

แคนยาสสถานที่อันร่มรื่นอุดมด้วยแมกไม้นานาพรรณ มันคือที่พักผ่อนส่วนพระองค์ของกษัตริย์แห่งซากวัย อันที่จริงพระองค์ไม่ค่อยออกสื่อเพราะเกรงต่ออำนาจมืด การเมืองที่นี่ไม่รุนแรงแต่บรรดาผู้ต้องการแย่งชิงบัลลังก์มีไม่น้อยเลยเลยทำให้ กษัตริย์แห่งประเทศซากวัย มาซาฮาฟ จาเมียร์ จำต้องทำงานในรูปนักธุรกิจรูปงามผู้ประสบความสำเร็จในการบริหาร

รถเคลื่อนผ่านถนนผู้คนสัญจรขวักไขว่ พระเนตรสีอำพันทรงทอดมองประชาชนด้วยความภูมิใจ พระองค์ทรงพัฒนาประเทศจนเจริญก้าวหน้า ผู้คนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก

อัสลันชำเลืองมองประมุขของประเทศด้วยความชื่นชม เขาเป็นราชองค์รักษ์ประจำพระองค์ ตั้งแต่วัยเยาว์ถูกสอนให้ฝึกศิลปะการต่อสู้ การใช้อาวุธในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการลอบสังหารเพื่อคุ้มครองกษัตริย์ในอนาคต เคยพบท่านมาซาฮาฟบ่อยครั้งเพราะพระองค์ชอบหนีมาเที่ยวเล่นกับบรรดาลูกของข้าราชการ ไม่ยอมอยู่ในวังเหมือนพี่ชายต่างมารดา เลยทำให้สนิทสนมกับเด็กๆ วัยเดียวกัน

ในตอนนั้นไม่มีใครรู้จักเจ้าชายมาซาฮาฟ เด็กคนอื่นเลยคิดรุมรังแกแต่พระองค์กลับสู้จนเอาชนะมาได้ ถึงถูกรุมทำร้ายก็ตาม สำหรับเขาชื่นชมมาตั้งแต่ตอนนั้นและอยากให้เจ้าชายมาซาฮาฟเป็นกษัตริย์ ช่วงที่กษัตริย์คายานีสสิ้นพระชมน์มีการถกเถียงกันมากมาย เมื่อกษัตริย์ทรงมีราชโองการให้เจ้าชายมาซาฮาฟในวัยยี่สิบชันษาเป็นผู้ปกครองประเทศซากวัยต่อ ช่วงจังหวะเกิดเหตุโจรปล้นฆ่าชาวเมืองทำให้พระองค์ตัดสินใจปราบโจรจนสำเร็จ บรรดาข้าราชบริพารเลยยอมรับและเจ้าชายมาซาฮาฟกลายเป็นกษัตริย์นักบริหารที่เก่งกาจที่สุดองค์หนึ่งเลยก็ว่าได้

รถจอดเทียบด้านหน้าบ้านพักสไตล์ฝรั่งเศสผสมผสานกลิ่นอายอารยธรรมของเมืองไฮดริก ด้านในตกแต่งด้วยพรมสีแดงปักลวดลายดอกไม้งดงาม เฟอร์นิเจอร์กำมะหยี่ดูหรูหรา เครื่องเรือนเป็นทองเหลือง โคมไฟระย้าไล่ระดับ บันไดวนราวจับสีทอง พาขึ้นสู่ห้องนอนราวยี่สิบห้อง มีข้ารับใช้คอยดูแลทำความสะอาดรวมถึงดูแลสวนไปจนขับรถ

กษัตริย์มาซาฮาฟถอดสูทแล้วส่งให้คนรับใช้ดูแล ปลดเนคไทเพื่อคล้ายความอึดอัด พับแขนเสื้อเชิ้ตเสยผมเล็กน้อยแล้วสาวเท้าขึ้นสู่ชั้นบนของบ้านพัก

“พระองค์ไม่เสวยก่อนหรือพะยะค่ะ”อัสลันทักไว้เสียก่อน ทำให้พระองค์ทรงชะงักพระบาท

“ยังก่อนอัสลัน” ทรงหยุดคิดครู่หนึ่ง “อย่าลืมเรื่องที่ข้าสั่งเจ้าก่อนหน้าด้วยล่ะ เรื่องหญิงไทยคนนั้น”

อัสลันสะอึก นึกว่าพระองค์คงลืมไปเสียแต่ที่ไหนกลับจดจำแม่นยิ่งกว่าอะไร ไม่น่าเลยจริงๆ คงถึงคราวเคราะห์ ช่วยไม่ได้เช่นกันเขาเองต้องทำตามหน้าที่ของราชองครักษ์ผู้ภักดี

“กระหม่อมรับทราบแล้วพะยะค่ะ”องครักษ์หนุ่มคุกเข่าแล้วรับคำ ก่อนลุกยืน

กษัตริย์หนุ่มโบกพระหัตถ์สีพระพักตร์ติดรำคาญ

“อยู่ที่นี่ไม่ต้องพิธีรีตองหรอกอัสลัน ความจริงเรียกฉันว่าดีลเหมือนเดิมดีกว่า ทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีมากแล้วมันอึดอัด”

“เกล้ากระหม่อมคงทำตามความต้องการของพระองค์มิได้พะยะค่ะ”

มาซาฮาฟตวัดสายพระเนตรมอง แววพระเนตรขุ่น

“นี่คือคำสั่ง!”

“รับทราบแล้วพะยะค่ะ!”อัสลันรับคำหนักแน่น กษัตริย์มาซาฮาฟทรงชี้นิ้วพระหัตถ์

“ข้าบอกว่าไง”

“ผมทราบแล้วครับ”

“ดีมาก ข้าไปนอนก่อนล่ะ เหนื่อยมาก”

อัสลันมองตามแผ่นพระปฤษฏางค์แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ความเอาแต่ใจของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยน พอมาถึงตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะพาตัวหญิงสาวชาวไทยมาให้ได้อย่างไร คิดแล้ว... อยากทุบหัวตัวเองให้ระเบิดนัก ถ้าหากนางยินยอมพร้อมใจก็ว่าไปอย่าง แต่นี้คงไม่มีทางแน่นอน

แสงแห่งอรุณรุ่งอีกวันสาดส่องนิลลนาค่อยขยับลุกจากเตียงกว้าง วันนี้คือวันที่สองแห่งการท่องเที่ยว ถึงเมื่อคืนจะเจอเรื่องร้ายก็ตามทีเถอะ วันนี้เธอใส่เสื้อยืดสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์ห้าส่วน โดยมีแจ็กเก็ตยีนส์สวมทับเพื่อป้องกันแสงแดด เธอดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย เปิดประตูก้าวออกจากห้องไปยังลิฟต์ของโรงแรม

ถึงชั้นล่างนิลลนากวาดสายตามองรอบๆ ตอนแรกคิดหาของกินรองท้อง ภายในโรงแรม แต่ตัดสินใจฝากท้องไว้ข้างนอกดีกว่า หยุดยืนด้านหน้าบันได หยิบหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวออกมา แล้วอ่านมัน มีหลายที่อยากไปเช่นผาแสงจันทร์ แต่ที่นี่ต้องเยือนยามราตรี เปิดหน้าอื่นๆ แล้วอ่านคราวๆ จนเห็นคฤหาสน์หลังงาม ปลูกสร้างผสมผสานสไตล์ฝรั่งเศส มองแค่ในรูปยังน่าสนใจขนาดนี้ หากได้ถ่ายรูปคงดีไม่น้อย

แคนยาสที่พักของกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย สถานที่อันมีมนต์ขลังภายใต้พื้นที่กว่าร้อยไร่ สาธารณูปโภคครบครันราวกับโรงแรมระดับหกดาว แต่สถานที่แห่งนี้ไม่เปิดให้ใครเข้าชม สามารถถ่ายรูปนอกรั้วเท่านั้น

คนอ่านเบ้ปากคิดในใจ ขี้งกชะมัด แค่คฤหาสน์สวยอลังการ หากเปิดให้เข้าชมคงรับรายได้ไม่น้อยเลย  กลางวันไม่ได้ทำอะไร หรือเธอจะไปเที่ยวที่แคนยาสดี ถ่ายรูปสวยๆ อวดยัยดา เผื่อขานั้นจะอิจฉาเล่น เห็นชอบอะไรหรูหราอยู่ด้วยตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่ แล้วบอกคนขับ ครู่หนึ่งคิ้วเขาขมวดแล้วพยักหน้าเข้าใจ

ราวหนึ่งชั่วโมงรถเคลื่อนจอดหน้าคฤหาสน์ มีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตากำลังถ่ายรูปอยู่ นิลลนาไม่รอช้าหยิบกล้องตัวโปรดมาจัดการนำภาพแห่งความทรงจำเมมโมรี่ไว้ เก็บภาพจนหนำใจเรียบร้อยร่างบางหยุดยืนมองนอกรั้วด้วยความสนใจ อยากรู้จักด้านในมีอะไรกันแน่ดูเหมือนไม่มีคนอยู่ด้วย หากเยี่ยมชมแคนยาสได้คงดีไม่น้อย

กวาดตามองซ้ายมองขวาค่อยๆ ย่องตามริมรั้วเห็นพุ่มไม้เตี้ยๆ มีสุนัขพันธุ์โกลเด้นลอดนำไปก่อน นิลลนากระหยิ่มในใจทางหมารอดเนี่ยแหละเหมาะ เธอหันมองผู้คนอีกครั้งเห็นไม่มีใครสนใจเลยรีบคลานเข่าแทรกกายเข้ามาด้านใน สนามหญ้าด้านหน้าปลูกไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ไม่ค่อยมีคนเฝ้าสักเท่าไหร่เลยทำให้คนตัวเล็กสามารถเล็ดรอดผ่านไปได้จนถึงตัวบ้าน

จังหวะเหมาะเห็นทุกอย่างชัดเจนหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อถ่าย รูปนี้คงมีคนอิจฉาเป็นแน่ คนอย่างนิลลนาแน่ไม่หยอก เธอเตรียมกดชัตเตอร์จังหวะนั้นของสุดรักดันถูกหยิบออกจากมือ เธอหันมองสีหน้าตื่นตระหนกอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“คะ...คุณ!”

“ไงครับ มาทำอะไรเหรอ ที่นี่ห้ามคนนอกเข้ามานะหรือจะบอกว่าอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ผมรู้สึกว่าคุณพูดภาษาอังกฤษได้นะ!”อัสลันถามแล้วยิ้มเย็น

“คือว่า...”

ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบผ้าสีขาวถูกโปะลงบนจมูก มันกะทันหันจนไม่ทันระวังตัว ร่างบางล้มลงทันทีที่ได้กลิ่นหอมเอียน ราชองครักษ์ปลอมตัวรีบรับไว้แล้วอุ้ม พาร่างเล็กมายังห้องนอนของแขก โชคดีที่วันนี้กลับเข้ามาเอาเอกสารให้ฝ่าบาทไม่เช่นนั้นคงไม่เจอจังหวะดีๆ แบบนี้ เท่านี้ก็หมดเรื่อง

วางร่างคนไม่ได้สติบนเตียงกว้างแล้วเท้าเอวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะโทษเขาไม่ได้หรอกเพราะจำใจเหมือนกัน เมื่อพิศมองสาวชาวไทยแล้วอดทึ่งไม่ได้ ฝ่าบาทพระเนตรแหลมนัก นางสวยจริงสมความต้องการ ผิวพรรณขาวเนียน ใบหน้ารูปไข่ แก้มมีเลือดฝาด ติดตรงตัวเล็กกะทัดรัดไปหน่อย

“ท่านอัสลันจะไปหรือยังครับ”เสียงทหารคนสนิทเอ่ยถาม

เขาเอี้ยวกายแล้วมองก่อนเลิ่กคิ้ว “ไปสิ”

ชายหนุ่มสาวเท้าออกจากห้องแล้วปิดประตูตามเดิม ลูกน้องสองคนที่สั่งไว้ให้เฝ้า ยืนประจำตำแหน่งเรียบร้อย เย็นนี้ประชุมเสร็จค่อยให้ฝ่าบาทมาทอดพระเนตรก็แล้วกัน

รถเคลื่อนออกจากแคนยาสสู่ตึกบริษัทจาเมียร์กรุ๊ป ตึกสูงเจ็ดสิบห้าชั้นตั้งตระหง่านกลางเมืองไฮดริก อัสลันกดลิฟต์ไปยังชั้นห้าสิบเพื่อเข้าห้องประชุม ไดรฟ์ข้อมูลถูกเปิดมันอธิบายถึงการส่งออกน้ำมันและทรายสำหรับก่อสร้างของซากวัย ราวสองชั่วโมงทุกอย่างจบลง การพรีเซนต์สำหรับเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น

ทรงลุกจากพระเก้าอี้แล้วพระราชดำเนินออกนอกห้องประชุม อัสลันรีบเข้าประชิดพระวรกายแล้วกระซิบข้างพระกรรณ

“ผมทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วนะครับ”

ริมพระโอษฐ์หนากระตุกยิ้ม “ดีมาก”

ทรงขึ้นลิฟท์อย่างรวดเร็วแล้วเร่งดำเนิน มายังรถผู้บริหาร ซึ่งจอดรอรับด้านหน้าเรียบร้อย อัสลันรีบนั่งประจำเบาะหน้าคู่คนขับ แล้วเหลือบมองฝ่าบาท พอเห็นแววพระเนตรแล้วรู้สึกกังวลแทนสาวชายไทยเหลือเกิน

“ไปไหนต่อไหมครับดีล” อัสลันเอ่ยถาม

“ไปแคนยาสสิถามได้”

“ครับ”

สามทุ่มรถเคลื่อนจอดหน้าคฤหาสน์หลังงาม ทรงดำลงจากรถยนต์ผู้บริหาร แล้วเร่งฝีพระบาทไปยังชั้นสองทันที ทหารสองนายด้านหน้าทำความเคารพแล้วเปิดพระทวาร กษัตริย์มาซาฮาฟทรงยืนทอดพระเนตร เจ้าของร่างบางกำลังหลับพริ้มราวกับเด็กทารกไม่ปาน ทรงเท้าพระกฤษฎีแล้วแย้มโอษฐ์ ตอนแรกพระองค์ต้องการสั่งสอนนางข้อหาเสียมารยาท แต่ตอนนี้กลับทรงคิดอีกทาง ยิ่งทอดพระเนตรยิ่งรู้สึกพระทัยสั่นไหว ทรงตัดสินใจแน่วแน่ นางต้องมาเป็นสนมของพระองค์

กษัตริย์มาซาฮาฟทรงดำเนินออกจากห้อง แล้วลงบันไดพร้อมรับสั่ง

“กลับแวนเดอเลียเลยอัสลัน” ทรงรับสั่ง

“ตอนนี้เหรอครับ”

“ใช่ กลับเลย”

กษัตริย์มาซาฮาฟไม่รอช้าอุ้มร่างอรชรไว้ในอ้อมพระกร กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำเอาพระหฤทัยเต้นโครมคราม มาถึงรถจอดรอวางร่างไว้แล้วทรงนั่งบนเบาะ พระหัตถ์ลูบไล้ใบหน้าและเส้นผมอ่อนนุ่มตลอดทาง หากนางตื่นมาอาจดีใจก็ได้ เพราะพระองค์ทรงให้ทุกสิ่งที่นางต้องการได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 30 ใจไม่ปรารถนา

    ร่างบางลุกยืนแล้วหุนหันวิ่งออกนอกห้องโถงทันที กษัตริย์มาซาฮาฟทอดพระเนตรแผ่นหลังบอบบางแล้วหรี่พระเนตรลงครุ่นคิดบางอย่าง นิลลนารีบเปิดประตูห้องข้ารับใช้คนสนิทเห็นร่างอรชรนอนคว่ำหน้าบนเตียงเสียงสะอื้นยังดังแว่ว ร่างบางรีบทรุดกายลงข้างเตียงน้ำตาเอ่อ“นาเดีย...”เธอเรียกชื่อข้ารับใช้เสียงแผ่วครั้นได้ยินเสียงเรียกเธอรีบพลิกกายเพื่อหันมอง แต่ทว่าร่างกายอันบอบช้ำไม่อำนวย“โอ้ย!”“อย่าขยับนาเดีย ไม่เป็นไรไม่ต้องหันมาหรอก”“ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ทำให้คุณต้องฝืนใจยอมฝ่าบาท”“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะนาเดีย ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้นาเดียเดือดร้อนเพราะความเห็นแก่ตัว”นิลลนาบอกเสียงเครือ“คุณไม่ผิดหรอกค่ะที่คิดอยากหนี นาเดียเองก็อยากให้คุณได้กลับบ้าน แต่นาเดียไม่มีอำนาจมากพอจะช่วยเหลือคุณ ขอโทษนะคะทั้งที่คุณมองนาเดียเหมือนเพื่อนคนหนึ่งแท้ๆ แต่นาเดียกลับทำให้คุณต้องเสียสละตัวเอง”ยิ่งพูดยิ่งเหมือนตัวเองทำให้เจ้านายต้องทุกข์ทรมาน เธอรู้สึกผิดมากจริงๆ ที่เกิดมาต่ำต้อยไม่อาจช่วยเหลือใครได้นิลลนาโน้มกายโอบกอดเพื่อนสาวด้วยความปวดร้าว เธอไม่เคยคิดเลยว่าข้ารับใช้คนสนิทจะรู้สึกกับเธอเช่นนี้ ถูก

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 29 ใจไม่ปรารถนา

    นิลลนาช้อนสายตามองแววตาแค้นเคือง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะฝ่าบาทเพียงพระองค์เดียว“เรื่องนี้หม่อมฉันผิดคนเดียวคนอื่นไม่เกี่ยว ฝ่าบาททรงปล่อยคนอื่นไปได้ไหม!”“เจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าด้วยเหรอนิลลนา”“หม่อมฉันไม่ได้ต่อรอง เพียงแค่ร้องขอต่อฝ่าบาทเท่านั้น”หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงแข็ง“นี่หรือคือการร้องขอ”ทรงเลิ่กพระขนงเพื่อเปิดศาสน์ท้ารบต่อสตรีตัวเล็กด้านหน้าริมฝีปากบางเม้มสนิทข่มกลั้นความรู้สึกในอกเอาไว้ หากตัวคนเดียวเธอคงโวยวายไม่กลัวตายไปแล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะมีหลายชีวิตพ่วงท้ายมาด้วย“ฝ่าบาทต้องการอะไรจากหม่อมฉันหรือเพคะ ในเมื่อพระองค์มีสตรีมากมายคอยปรนนิบัติจะเสียหม่อมฉันไปสักคนจะเป็นไรไป”เธอบอกแล้วกวาดตามองรอบห้องโถงซึ่งล้วนแล้วแต่มีหญิงงามมากมายยืนห้อมล้อมอยู่“เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าต้องการอะไร เจ้าก็คือเจ้านิลลนา คนอื่นมาทดแทนไม่ได้ ถ้าหากทดแทนได้ข้าจะกักขังเจ้าไว้ทำไมอีก”คำตรัสทำเอานางสนม และบรรดาหญิงสาวถวายตัวกัดฟัน อารีมากำมือแน่นด้วยความปวดร้าวในอก ทรงยังไม่รู้พระองค์อีกเหรอว่าทำไมถึงได้รั้งหญิงชาวไทยนางนี้ไม่ยอมปล่อย ไม่อยากเชื่อเลยว่าฝ่าบาทจะทรงปันใจให้นาง แล้วเธอเล่าเป็นตัวอะไร

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 28 ใจไม่ปรารถนา

    “ไม่เป็นไรหรอกเรายินดี”หญิงสาวหันมองนาเดียแล้วกุมมือไว้แน่น“นาเดียฉันไปก่อนนะ สักวันเราคงได้พบกัน”“รักษาตัวดีๆ นะคะ”นาเดียบอกเสียงเครือ น้ำตาเอ่อ“จ้ะ”รถถูกเปิดประตูออกนิลลนารีบขึ้นนั่ง ทหารทำหน้าที่ขับเคลื่อนออกจากบริเวณนั้นทันที นาเดียสะอื้นไห้ด้วยความอาลัยผสมความหวาดหวั่นใจ หากฝ่าบาททรงทราบเรื่องราวคงลุกลามใหญ่โต เธออาจต้องโทษประหารก็เป็นได้“กลับเข้าด้านในกันเถอะ เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”อารีมาสั่งเสียงเด็ดขาด“พะยะค่ะพระสนม”“ได้ยินหรือเปล่านาเดีย”นาเดียชะงักหันมองแล้วถอนสายบัว “เพคะพระสนม”ผู้ร่วมแผนการสาวเท้าไปยังวังหลังเตรียมแยกย้ายกัน แต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อแสงไฟสาดส่องทั่วบริเวณตามด้วยทหารจำนวนมากยืนล้อมอยู่ อารีมาปากสั่นใบหน้าซีดเผือด อัสลันก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าทุกคนก่อนลอบชำเลืองนางในดวงใจ“ท่านกำลังทำอะไรอัสลัน นี่พระสนมเอกกล้าดียังไงขวางทาง”ข้ารับใช้คนสนิทรีบประกาศ“ที่กระหม่อมกล้าเพราะมีราชโองการจากฝ่าบาทมาพะยะค่ะพระสนม”อัสลันกางราชโองการทันที สนมเอกแทบทรุดกองกับพื้น“ข้าทำอะไรผิดพวกเจ้าถึงมาจับตัวเช่นนี้”อารีมายังคงหาทางรอด“พระสนมเอกน่าจะรู้อยู่แก่

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 27 นกน้อยเฝ้าคืนรัง

    กระเป๋าเป้ถูกจัดเก็บเรียบร้อยเหลือเพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิม เท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องจัดการอีกเพียงแค่รอเวลาให้ถึงเที่ยงคืนตรงเท่านั้น นิลลนาสาวเท้าใกล้ข้ารับใช้คนสนิท“ดูแลตัวเองดีๆ นะนาเดีย ฉันจะพยายามติดต่อเธอ”“คุณก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”นิลลนาอดรนทนไม่ได้เลยโอบกอดข้ารับใช้คนสนิทแนบแน่น เพราะมีนาเดียเธอถึงอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ มีเพื่อนคอยแก้เหงาพูดคุยด้วยทุกวัน“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ”“นาเดียก็เหมือนกันค่ะ”ฮายิรีบวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินความลับของพระสนมแห่งตำหนักบุปผชาติ สองเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อรายงานมันคงเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอาจทำให้ท่านอัสลันหันมาให้ความสนใจในตัวเธอบ้าง ถึงห้องทำงานทหารสองนายกันฮายิไว้ไม่ให้เข้าใกล้อย่างใจหวัง“ฉันมีเรื่องจะรายงานท่านอัสลัน”ฮายิตะโกนอัสลันชะงักมือลุกยืนก้าวไปยังประตูหน้าห้อง“เปิดเถอะ”ทหารสองนายยอมเปิดทางให้ข้ารับใช้ ฮายิก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าอัสลัน หัวใจเธอสั่นสะท้านยามได้สบตาพาลให้เลือดในกายไหลพล่านไม่หยุด“เจ้าเป็นคนของตำหนักพระสนมนิลลนาไม่ใช่หรือ?”อัสลันถามเสียงเข้ม“ใช่เจ้าค่ะ”“แล้วมีอะไรมาหาเราถึงที่ห้องทำ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 26 นกน้อยเฝ้าคืนรัง

    นาเดียหันมาทางเจ้านาย “คุณนิลลนา พระสนมเอกต้องการคุยกับคุณค่ะ พระนางขอให้คุณพูดภาษาอังกฤษ”“ได้สินาเดีย”นิลลนารับคำสนมเอกยกยิ้มแล้วผายมือเชื้อเชิญ นิลลนาลอบสังเกตท่วงท่าการเดินแม้ข้ารับใช้ติดตามยังมีสง่า ดูท่าแล้วสนมเอกองค์นี้คงไม่พ้นมเหสีของกษัตริย์มาซาฮาฟแน่นอน ร่างบางก้าวตามไปยังศาลาหกเหลี่ยมตั้งอยู่ริมโอเอซิส ข้ารับใช้นำชาและคุกกี้ธัญพืชมาเสริฟ์“เราขอแนะนำตัวก่อน ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์หรือมากพิธีหรอกนะ เพราะเราเองไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ พูดคุยกับปกติเหมือนเพื่อนน่าจะดีกว่า”“ได้ค่ะ ฉันเองก็ชอบแบบนั้นเหมือนกัน”นิลลนาตอบรับทันที“เราชื่ออารีมาเป็นสนมเอกของกษัตริย์ แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร”“ฉันชื่อนิลลนา”“นิลลนางั้นเหรอ เธอมาจากประเทศอะไรกัน”“มาจากประเทศไทยค่ะ”อารีมาอดแปลกใจไม่ได้ที่พระสนมเป็นชาวเอเชีย โดยปกติแล้วฝ่าบาทไม่ทรงโปรดสักเท่าไหร่ แต่ดูจากรูปร่างหน้าตาของหญิงชาวเอเชียแล้วก็พอจะเรียกความสนใจจากพระองค์ได้ในระดับหนึ่ง“แล้วเธอมาเป็นพระสนมได้ยังไง เจอกับฝ่าบาทที่ไหนเหรอ”อารีมาเอ่ยถามแล้วยกชาขึ้นจิบสายตาไม่ละจากวงหน้า ผู้หญิงคนนี้ดูสดใสน่ามองอย่างประหลาด“ฉันพบโดยบังเอิญที่โรงแรมไ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 25 นกน้อยเฝ้าคืนรัง

    ร่างอรชรหยุดเท้ามองดูพระสนม ทรงนั่งหมอบกับพื้น ข้ารับใช้คนสนิทรีบตรงเข้าพยุงให้ลุกยืน ด้วยความตกใจ เธอรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเทาของผู้เป็นนาย“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณนิลลนา”นาเดียเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ปะ...เปล่าไม่เป็นอะไร”“ทะเลาะกับฝ่าบาทอีกแล้วเหรอคะ”นิลลนาเม้มริมฝีปากนึกถึงแววพระเนตรเมื่อครู่ ใครจะคิดว่าพระองค์จะทรงกริ้วหนักขนาดนั้น ความหวังให้ปล่อยตัวคงเลื่อนลอยเต็มที“อืม”“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”“นาเดีย... จำยานอนหลับที่เธอให้ฉันได้ไหม”หญิงสาวย้อนถามแล้วสบตาเพื่อนเพียงคนเดียวนาเดียขมวดคิ้วเรียวงาม จ้องมองกลับดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ เพราะมันผิดปกติตั้งแต่เมื่อคืนไม่เห็นฝ่าบาทออกจากห้องบรรทมของพระสนม เงียบหายจนถึงรุ่งเช้า พระสนมไม่น่ายินยอมง่ายดายเช่นนั้น“หรือว่า...”“ใช่ ฉันผสมยานอนหลับในแก้วไวน์ให้ฝ่าบาททรงดื่ม”นิลลนาตอบ“อะไรนะคะ!”นาเดียร้องลั่นด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ายานอนหลับที่ตนนำมาให้จะถูกใช้ในทางผิด ฝ่าบาทกริ้วหนักคงไม่แปลก “คุณรู้หรือเปล่าคะว่าโทษวางยากษัตริย์ถึงประหารเลยนะคะ”นิลลนากัดฟันแน่น ใครใช้ให้ฝ่าบาทเอาแต่ใจกับเธอก่อนเล่า ไม่เคย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status