ขมิ้นมารีบวิ่งเข้ามาในมหาวิทยาลัยเพราะแม็กนัสนั้นทิ้งเธอไว้และให้เดินเข้ามาเอง เมื่อคืนฝนตกหนักจึงทำให้ถนนมีน้ำขัง หญิงสาวรีบวิ่งเพราะใกล้ถึงเวลาเรียน ตอนที่เธอบอกว่ามีเรียนตอนเช้าเหมือนเขาจงใจแกล้งเธอ
ซ่า!
“ไอ้บ้า!” ขมิ้นก่นด่ารถที่ขับเหยียบน้ำมันกระเด็นใส่เธอจนตัวเรอะไปหมด ทำไมเธอจะจำรถของแม็กนัสไม่ได้
“ขมิ้นไปกัดกับหมาที่ไหนมา”
“วาโยเราสวยขนาดนี้จะเป็นหมาได้ไง” ขมิ้นมองไปที่รถเจ้าปัญหา เหมือนกำลังชะลอดูผลงานของตัวเอง คิดจะแกล้งเธอให้เธอไปฟ้องแม่เขาฝันไปเถอะ
“กลับไปเปลี่ยนชุดคงไม่ทันแล้วอ่ะ”
“เดี๋ยวพาไปซื้อชุดที่หน้ามหาลัย” วาโยถอดเสื้อแจ็กเกตและคลุมตัวให้ขมิ้น ทั้งสองเดินไปพร้อมกันหากมองไกลๆ ก็เหมือนคนรักทั่วไป
.
แม็กนัสฟาดมือลงกับพวงมาลัยรถกับภาพที่เขาเห็น มาเรียนไม่ทันไรก็หัดมีความรัก ไหนแม่เขาบอกว่าขมิ้นเป็นเด็กน่ารักเด็กแรดนะสิไม่ว่า เขาตั้งใจขับรถเหยียบน้ำเพื่อแกล้งขมิ้น แต่เขาน่าจะขับเร็วไปหญิงสาวจึงเปียกไปทั้งตัว
“แรด ร่าน หม่ามี้กำลังไว้ใจคนผิด” เขาต้องหาวิธีแกล้งขมิ้นต่อไปเอาให้ไม่กล้ามาเหยียบที่บ้านเขาอีก
เอี๊ยด
รถซูเปอร์คาร์คันหรูเข้ามาจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรม เสียงเบรกดังลั่นทำให้คนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นหันไปมอง รวมถึงเพื่อรักอย่างกองทัพและไต้ฝุ่น
“มึงเป็นอะไรวะ!”
“เปล่า” แม็กนัสนั่งเรียนด้วยหัวใจที่ว้าวุ่นไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องคิดถึงแต่ใบหน้าของขมิ้น คงเกลียดมากถึงได้คิดถึงแต่ใบหน้าของเธอ
“เที่ยงนี้เราไปกินข้าวที่ตึกบริหารดีป่ะ”
“มึงไปเฝ้าน้องเมษาอีกแล้วเหรอ”
“ก็เออนะสิ แถวนั้นมีแต่คนหล่อๆ” กองทัพนั้นหวงเดือนเมษามาก เรียกว่าต้องได้ไปนั่งเฝ้าเช้าเที่ยงเย็น พอไต้ฝุ่นไม่ยอมไปด้วยก็ไปนั่งเฝ้าคนเดียวเหมือนคนบ้า
“ไปดิ ไลลาไม่มีเรียนขอไปนั่งดูสาวหน่อย”
“เดี๋ยวหัวไม่ได้อยู่บนบ่า”
“ใครกลัววะ” ปากเก่งไปแบบนั้นความจริงเขากลัวเมียมาก เพราะไลลาริณง้อยากง้อเย็นใครจะกล้าทำให้หญิงสาวงอน
“มึงไปด้วยไหม?”
“ไม่ไป!” เขาตอบเสียงแข็งร้อยวันพันปีไม่ค่อยไปกินข้าวตกนั้น ตึกคณะวิศวะก็มีข้าวให้กินเหมือนกัน เพื่อนสองคนเดินมุ่งหน้าไปที่ตึกบริหาร ทำให้แม็กนัสต้องเดินตาม ‘ไม่มีเพื่อนกินข้าวต่างหากละ’
.
ขมิ้นหลังจากเรียนเสร็จจึงลงมาทานข้าวและได้รับข้อความจากแม็กนัสว่าให้หาทางกลับบ้านเองเพราะเขาไม่ว่าง ไม่ว่างก็ไม่เห็นต้องง้อเลยปกติก็กลับเองทุกครั้ง สายตาของเธอปะทะกับร่างใหญ่ที่เดินเข้ามาในโรงอาหาร ขนาดแม็กนัสเดินมาหลังสุดเธอยังเห็นเขา ทั้งสองสบตากันพอดีจนขมิ้นต้องรีบก้มหน้า
“เป็นไรขมิ้น”
“ไม่มีไรรีบกินดีกว่าอยากกลับแล้ว” ขมิ้นพูดคุยและยิ้มให้เพื่อน โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครอีกคนกำลังจ้องหน้าเธอด้วยความโกรธแค้น
แม็กนัสทานข้าวไปไม่กี่คำเมื่อเห็นว่าขมิ้นลุกออกไปแล้ว เขาจึงรีบเดินตามไปเพื่อไม่ให้เพื่อนจับพิรุธได้เรื่องที่เขาต้องมาตามรับตามส่งขมิ้น เพื่อนของเขายังไม่มีใครรู้
“มาเรียนหรือมาจับผู้ชายวะ อีกคนจะสิงกันอยู่แล้ว”
“พี่พูดกับขมิ้นเหรอ”
“ยืนอยู่ด้วยกันเธอเห็นหมาตัวไหนป่ะ” แม็กนัสพูดยียวนกวนประสาท เมื่อเช้าแกล้งไปแล้วตอนเย็นจะทำอะไรกับขมิ้นต่อดี
“ถ้าขมิ้นเป็นหมาพี่แม็กก็หมาเหมือนกันนั่นแหละ ถึงคุยกันรู้เรื่อง”
“กวนประสาทฉันเหรอ”
“แม็กนัส มาหาเชอรี่เหรอคะดีจัง” สาวที่ชื่อเชอรี่เดินเข้ามาหอมแก้มแม็กนัสแบบไม่สนสายตาของใคร และเหมือนจะไม่ได้มองว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว
“อืม” สายตาของเขาจับจ้องไปที่ขมิ้นจึงคิดหาวิธีที่จะแกล้งเธอได้
“ขึ้นรถสิเดี๋ยวผมพาไปชอปปิ้ง เธอด้วยขมิ้นไปช่วยฉันถือของ”
“ทำไมต้องไปด้วย” จะไปกับแฟนก็ไปกันสองคนก็ได้มั้ง ทำไมต้องลากเธอไปด้วยเธอไม่ใช่คนรับใช้เขาเสียหน่อย
“ใครคะ? เราไปกันสองคนก็ได้” เชอรี่ไม่ชอบคนตรงหน้าสัญชาติญาณของเธอบ่งบอกว่าแม็กนัสกำลังให้ความสนใจ
“ไปนั่งหลัง”
“ที่นั่งข้างคนขับเขาให้คนรู้ใจนั่งเท่านั้นนะ”
“พี่คะ? ใครเขาอยากนั่งข้างคนขับกันไม่เคยขึ้นแท็กซี่เหรอคะผู้โดยสารหรือลูกคุณหนูเขาต้องนั่งหลัง” เธอมีปากคิดเหรอว่าจะยอมให้ว่าอยู่ฝ่ายเดียว
“สภาพเธอเหรอเป็นลูกคุณหนูยาจกนะสิไม่ว่า”
“พี่แก่แล้วคงแยกไม่ออกมากกว่าค่ะ” ขมิ้นตอบกลับเชอรี่ไปและนั่งกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อรถแล่นออกไป
“แม็กนัสไปเก็บเด็กคนนี้มาจากไหนคะ ไม่มีมารยาทเลย”
“เด็กแม่ผมนะอย่าไปถือสาเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าเลย” แม็กนัสพูดไปและมองกระจกหลังเพื่อดูปฏิกิริยาของขมิ้น และเธอไม่สนใจใบหน้าเรียบเฉยมองออกไปนอกรถ ในใจคงจะด่าเขาไม่หยุด
เอี๊ยด!
ตุบ
“โทษทีไฟแดง”
ขมิ้นเงยหน้าขึ้นมาเอามือจับหน้าผากที่เริ่มบวมเพราะศีรษะไปกระแทกกับเบาะหน้าเพราะเธอนั่งหลังจึงไม่ได้คาดเข็มขัด
สายตาเอาเรื่องมองไปที่แม็กนัส ทำให้เขาหัวเราะออกมา อยากรู้ว่าจะทนได้สักแค่ไหน
“ฉันอยากได้ลองใส่รองเท้าเธอใส่ให้ฉันหน่อย”
“พี่มือตีนพี่ก็มีหรือพิการไปแล้วคะ” ขมิ้นถือของเต็มไม้เต็มมือไม่รู้จะซื้ออะไรนักหนา แถมแม็กนัสยังตามใจรุ่นพี่อีก คงจะรักกันมากไม่ลงไปรักกันในนรกเลย
“ฉันบอกให้ใส่รองเท้าให้ฉัน!”
“ถูกเลี้ยงมายังไงถึงมารยาทแย่ขนาดนี้” แค่ขอร้องดีๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องสั่งกันถึงขนาดนี้จนคนในร้านเริ่มมองมาที่พวกเธอทั้งสอง
“อีเด็กนี่ฉันบอกให้ใส่รองเท้าให้ฉัน!”
“เสร็จกันหรือยัง” แม็กนัสเข้ามาในร้านของเท้าไม่รู้เชอรี่จะซื้ออะไรนักหนาเขาอยากออกไปจากตรงนี้ ผู้หญิงอะไรน่าเบื่อจัง
“แม็กนัสคะเชอรี่จะให้เด็กของคุณใส่รองเท้าให้แต่เธอไม่ยอม”
“ขมิ้นทำไมไม่ใส่ให้เชอรี่” แม็กนัสได้ทีแล้วเอาใหญ่อยากแกล้งขมิ้นจึงใช้เชอรี่เป็นเครื่องมือ
ตุบ
“ขมิ้นไม่ใช่ขี้ข้าค่ะไม่ได้เป็นง่อยก็ใส่เอง ที่บ้านไม่สอนเรื่องมนุษยธรรมเหรอคะ หรือไม่ตั้งใจเรียนนิสัยแบบนี้เก็บเอาไว้ใช้กับคนที่บ้านนะคะ จะได้ไม่เป็นภาระของสังคม” ขมิ้นโยนของทั้งหมดลงไปกองกันที่พื้นไม่กลัวว่ามันจะเสียหายหรือไม่ คิดว่าเธอหัวอ่อนจะเล่นตามน้ำของเขาคิดผิดเสียแล้ว
เพียะ!
“ไม่ต้องมาสอนฉัน!”
แม็กนัสต้องใจไม่น้อยที่เชอรี่ตบขมิ้นเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าทำแบบนี้ในที่สาธารณะ เขาเห็นคนตัวเล็กกุมแก้มไว้ แต่สิ่งที่เขาไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ผัวะ
“กรี๊ดดดดด”
.
สถานีตำรวจ ขมิ้นนั่งกอดอกมองคนที่กำลังแสดงละครอยู่ เชอรี่ร้องไห้ฟูมฟายเพราะจมูกนั้นเบี้ยวจนอาจต้องทำใหม่ และขอความเห็นใจที่เธอโดนต่อยหน้าร้องไห้เล่าความเท็จต่อหน้าตำรวจ
“ถ้าพี่ยังเป็นคนอยู่ก็เล่าสิ่งที่เห็นไปสิ อย่าลืมว่าร้านเขามีกล้องวงจรปิด”
“นั่นเธอจะไปไหนขมิ้น”
“คุณป้าประกันตัวขมิ้นแล้ว โชคดีนะคะ” ขมิ้นโบกมือลาแม็กนัสวันนี้เธอเหนื่อยจนตัวแทบขาด ก่อนจะมาถึงโรงพักเธอโทรไปร้องห่มร้องไห้เล่าให้แม่ของแม็กนัสฟังว่าคนรักของเขามารังแกเธอก่อน เธอเลยต่อยหน้าจนจมูกที่ยัดซิลิโคนนั้นหัก
“แม็กนัสค่ะเชอรี่เจ็บ”
“คุณไม่ควรไปตบใครก่อนนะ โดนแค่นี้ยังน้อยไป” เขาจะเดินไปตามขมิ้นแต่ถูกเชอรี่คว้าแขนไว้ ทีแรกเขาเสนอเงินให้เชอรี่เพื่อไปทำจมูกใหม่ แต่หญิงสาวไม่ยอมจะเอาเรื่องขมิ้นให้ได้จนมาถึงที่โรงพัก
“มันไม่มีสิทธิ์มาต่อยหน้าเชอรี่”
“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรไปตบหน้าเขาก่อน!”
“แม็กนัสเป็นห่วงมันเหรอคะมันก็แค่ขี้ข้า!” เชอรี่เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวไม่อยู่เพราะมีคนขัดใจ หญิงสาวกัดปากตัวเองจนช้ำไปหมด
“ผมว่าคุณใจเย็นๆ และตั้งสตินะถ้าจะเอาเรื่องคุณก็ต้องกล้าเผชิญกับพ่อแม่ผม”
เขาจ่ายค่าปรับให้ตำรวจและออกมาทันที เชอรี่ตะโกนเรียกเขาไม่หยุด เขาไม่น่าใช้เชอรี่เป็นเครื่องมือให้การเอาคืนขมิ้นเลย เขารีบกลับบ้านเพื่ออยากขอโทษขมิ้นครั้งนี้เหตุการณ์มันรุนแรงเกินไป
แสงแดดอ่อนๆ ของยามเช้าสาดส่องกระทบกับกระจกหน้าต่างเซฟเฮาส์สุดหรูใจกลางกรุงปารีส เมืองแห่งความโรแมนติก ขมิ้นยืนอยู่ที่ระเบียงห้องชื่นชมทิวทัศน์ของหอไอเฟลที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ลมเย็นพัดผ่านผิวกายของเธอเบาๆ ทำให้เธอหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ"ตกหลุมรักที่นี่เลยใช่ไหม?"เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่อ้อมแขนอบอุ่นจะโอบรัดเอวของเธอจากด้านหลัง แม็กนัสโน้มศีรษะลงมาแนบชิดกับไหล่ของเธอ สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมของหญิงสาวขมิ้นหัวเราะเบาๆ "ขมิ้นตกหลุมรักทุกอย่างที่นี่เลย ไม่ใช่แค่เมืองนี้นะ..."เธอเว้นจังหวะ ก่อนจะหันไปสบตากับเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอทอประกายอบอุ่นเมื่อพูดต่อ"แต่รวมถึงพี่แม็กด้วย" “ปากหวานคงต้องจัดอีกรอบ”แม็กนัสยิ้มออกมา ดวงตาสีน้ำตาลลึกซึ้งของเขาฉายแววแห่งความรัก ขมิ้นรู้ว่าเธอไม่ได้แค่พูดเล่น ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเขา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก “อย่ามาหื่นขมิ้นขาสั่นไปหมดแล้ว” “พี่คิดถึงเมียหนิ ใครกันมาให้พี่เย็.-ด ถึงที่” “ดูพูดเข้า” “เราแต่งงานกันนะค่อยกลับไปจัดที่เมื
ขมิ้นนั่งจ้องมองเด็กทารกตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ในเปลตัวจ้ำหม่ำนอนหลับปุ๋ย ในปากยังมีขวดนมอยู่ขมิ้นเขี่ยแก้มเบาๆ ทำให้เด็กน้อยทำตัวยุกยิกไปมา “ชอบเด็กไหมขมิ้น” “น้องน่ารักมากเลยนะคะ” “ตอนนอนน่ารักพอตื่นบ้านแทบแตก” เดือนเมษาเพิ่งคลอดลูกสาวได้ไม่นาน กองทัพจะมาขอลูกที่คนสองเธอจึงบอกให้เขาพักก่อน “ขมิ้นยังไม่อยากมี” “เรียนจบแต่งงานไปแล้วก็อยากมีเอง” ดูอย่างไต้ฝุ่นสิคนเจ้าชู้แบบนั้นพอมีความรักก็อยากมีลูกขึ้นมาทันที เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยน “ขนมจ้ะสาวๆ” ไลลาริณถือขนมมาวางพร้อมกับนั่งลงที่พื้น เห็นลูกสาวของกองทัพแล้วทำให้อยากมีบ้าง “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคนอย่างพี่ไต้ฝุ่นจะยอมหยุดที่พี่ไลลา” ในแก๊งนี้บอกเลยว่าไต้ฝุ่นคือคนที่ใช่ชีวิตคุ้มค่าที่สุดฟาดเรียบไม่เหลือ “คนเจ้าชู้ถ้าเขาอยากหยุดจะหยุดเองเราไม่ต้องพยายาม” กว่าจะหยุดเสียน้ำตาไปเยอะเหมือนกัน เขาทำให้ไลลาริณมั่นใจว่าเขานั้นหยุดอยู่ที่เธอคนเดียว “พี่แม็กนัสธรรมดาเสียที่ไหน” “เสือสุ่ม” “ห่างกันตั้ง 1 ปีคิดถึงเขาไหม”
เอเลนอยิ้มหน้าบ้านที่ลูกชายตามง้อขมิ้นสำเร็จคิดว่างานนี้จะได้ออกโรงเอง ความหวังที่อยากได้ขมิ้นมาเป็นลูกสะใภ้นั้นวันนี้สำเร็จลุล่วง ต้องรีบหาฤกษ์หมั้นหมายให้เร็วที่สุด “ถ้าลูกชายหม่ามี้แกล้งอะไรบอกแม่ได้เลยนะลูกหม่ามี้จะจัดการมันเอง” “หม่ามี้ผมลูกหม่ามี้นะ” รักลูกสะใภ้มากกว่ารักลูกตัวเองไม่ได้ “คงไม่กล้าทำอะไรขมิ้นแล้วค่ะ” แม็กนัสน่าจะกลัวเข็ดยาดไปอีกนาน กว่าจะผ่านด่านพ่อตาไม่ง่ายเรียกว่าแทบจะเอาชีวิตไปทิ้งหลายครั้ง “อย่าทำแบบนั้นอีกนะแม็กนัส” “ผมไม่กล้าแล้วครับ” ต่อจากนี้จะเชื่อหัวใจตัวเองไม่กล้าปากเก่งทำสิ่งตรงข้ามกับหัวใจอีกแล้ว แม็กนัสพาขมิ้นมาที่ผับของไต้ฝุ่นอีกไม่กี่วันเขาจะต้องไปฝึกงานที่บริษัทของพ่อ จึงพาหญิงสาวมาทำความรู้จักแบบเป็นทางการ วันนี้กองทัพและไต้ฝุ่นพาคนรักมาด้วยสาวๆ จะได้มีเพื่อนคุย ขมิ้นกับเดือนเมษารู้จักกันแล้วส่วนไลลาริณนั้นอยู่คนละคณะจึงไม่ค่อยเจอหน้ากัน “พี่เมษาท้องได้กี่เดือนแล้วคะ” “จะเข้าสามเดือนแล้วจ้ะ” กองทัพไม่พูดพร่ำทําเพลงเสกเด็กน้อยเข้าท้องเรียบร้อย
ส่วนพ่อขมิ้นซึ่งตอนนี้ถูกภรรยาเรียกกล่อมจนอารมณ์เย็นลงมาบ้างแล้ว เขาแก่จนอายุปูนนี้เห็นแก่ความสุขของลูกเขาจึงยอมให้โอกาสแม็กนัสอีกครั้ง “เมื่อตัดสินใจแล้วก็รับผิดชอบด้วยตัวเอง” “ขอบคุณคุณพ่อครับที่เข้าใจ” “ได้คืบจะเอาศอกใครให้เรียกพ่อ” ปทุมทำเป็นเคร่งขรึมวันก่อนยังเรียกเขาลุงอยู่เลย แต่ไม่เป็นไรเขาอารมณ์ดีเพราะขมิ้นจะอยู่ที่บ้านสวนกับเขาอีกสี่ปี ก่อนจะไปอยู่กับแม็กนัสสมน้ำหน้าให้อยู่ห่างกันแบบนั้นแหละถึงจะถูก ตกดึกแม็กนัสหมุดออกจากมุ้งตัวเองคิดถึงขมิ้นอยากกอดอยากหอมแต่เกรงใจพ่อกับแม่ คืนนี้จะไปฟัดให้หายคิดถึง “จะไปไหนครับพี่ชาย” “เบาๆ ดิวะกูจะไปนอนกับขมิ้น” “กินลูกตะกั่วตัวใครตัวมันนะ” เรียวตะหันหลังนอนเล่นโทรศัพท์ต่อ เขามาอยู่ที่บ้านสวนเกือบสองสัปดาห์ แทนที่เขาจะได้ใช่ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ปิดเทอมนี้จึงไม่ได้ไปเที่ยวไหน แกร็ก “พี่มาแล้วจ้ะ ขมิ้นของพี่” ตอนเย็นเขาบอกขมิ้นว่าห้ามล้อกประตูจะแอบเข้ามานอนด้วย เขาย่องขึ้นเตียงขมิ้นเหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจเพราะฝนตกลงมากลบเสียงจนม
ตอนบ่ายอาการป่วยของเขาดีขึ้นมากวันนี้จึงสั่งให้เรียวตะไปหาซื้อพวงมาลัยที่ตลาด ที่แรกน้องชายบอกให้เขาร้อยเองในสวนมีดอกไม้หลายพันธุ์ อย่าหวังว่าคนแบบเขาจะยอมทำ แม็กนัสเดินขึ้นเรือนพร้อมกับพวงมาลัยสองพวงพ่อกับแม่ของขมิ้นมองแม็กด้วยความสงสัยว่าแม็กนัสเป็นอะไรหรือจะกินยาไม่ได้เขย่าขวด “แม็กนัสมีอะไรเปล่าลูก” แม่ของขมิ้นเอ่ยถามเมื่อเห็นเขานั่งลงที่พื้นพร้อมกับพวงมาลัยสองพวง “ผมจะมาขอขมาคุณน้าทั้งสองครับ” พ่อกับแม่ของขมิ้นยิ่งงงไปกันใหญ่ แม็กนัสก้มลงกราบเท้าพ่อกับแม่ของขมิ้น แล้วสารภาพความจริงทุกอย่างเป็นเพราะเขาขมิ้นถึงหนีกลับมาที่เขามาตามเพราะรักขมิ้นจึงมาขอโทษ ขมิ้นเดินมาได้ยินเธอก็ตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าแม็กนัสจะกล้าสารภาพกับพ่อแม่ หญิงสาวยืนหลบมุมเพื่อรอดูสถานการณ์ “มึงออกจากบ้านกูไปเลย!” “พี่ทุมใจเย็นก่อนสิ” “เราจะฝากลูกสาวไว้กับมันได้ยังไงดีนะที่วันนั้นยังไม่รับหมั้น ออกไปจากบ้านกู!” ปทุมโกรธจนโยนพวงมาลัยทิ้ง ทำลูกเขาเจ็บคนเป็นพ่อแม่นั้นเจ็บยิ่งกว่า “ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น” “มึงอยาก
ขมิ้นพาแม็กนัสเข้าสวนทุกวัน ดายหญ้า รดน้ำ พรวนดิน เก็บผลผลิตแม็กนัสต้องทำทุกอย่าง โดยมีเรียวตะเป็นผู้ช่วยงานมันหนักเสียจนเรียวตะอยากกลับกรุงเทพ“กูไม่น่ามากับพี่เลยไอ้ห่าแม็ก” จากที่คิดว่าแม็กนัสอาจจะทนได้ไม่นานแต่มันไม่ใช่ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว คนที่จะตายคือเขาเอง“มึงจะเรียกกูว่าพี่ทำไมถ้าจะด่าขนาดนั้น”“พี่ทำคนเดียวเลย”แม็กนัสมองมังคุดที่กองอยู่ตรงหน้าวันนี้ขมิ้นให้เขาแยกผลไม้ใส่ลังเพื่อจะนำไปส่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาด หลายวันก่อนต้องไปเก็บทุเรียนจนใบหน้าได้แผลมาหนึ่ง“หน้ายังไม่หายดีเลยแผลมาอีกละกว่าจะได้กลับกรุงเทพผมเตรียมโลงไว้ให้พี่ดีกว่า”“เงียบเลยนะมึงไม่ช่วยยังปากดีอีก” เขาบอกขมิ้นไว้แล้วว่ายังไงเขาจะไม่ยอมแพ้คนอื่นเขาทำงานหนักได้ เขาก็ต้องทำได้เหมือนกัน.“ลูกคุณหนูสำอางมากคิดว่าจะหนีกลับกรุงเทพตั้งแต่วันแรกแล้ว” ปทุมยอมในความอดทนของแม็กนัสขนาดถูกเขาแกล้งให้ทำงานหนักก็ไม่หวั่นไม่บ่น แต่ชอบมาแตะตัวลูกสาวเขาตลอด“จะไปไหนขมิ้นแดดร้อนอยู่”“ไปเอาน้ำจ๊ะพ่อ”เห็นเขาทำงานหนักจึงสงสารตอนนี้บ่ายโมงแดดแรงมาก ขมิ้นถือน้ำและผลไม้แช่แข็งไปให้เขาเธออยากพูดกับเขาตรงๆ“น้ำกับผลไม้”“