แสงแดดยามเช้าสอดส่องเข้ามาที่หน้าต่างบานเล็ก ทำให้เด็กน้อยที่หลับปุ๋ยไปตั้งแต่เมื่อคืนพยายามลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย
เจ้าหญิงลุกขึ้นยืนจากที่นอนแต่ตาดวงกลมโตของเธอก็ยังปิดสนิทอยู่ พร้อมกับที่เจ้าหญิงยกมือขึ้นสลัดความขี้เกียจของตัวเองออกไป พร้อมทั้งเตะขาด้านขวาที ด้านซ้ายที เหมือนเธอที่กำลังจะออกกำลังกายในตอนเช้าอย่างไงอย่างงั้น เจ้าหญิงออกกำลังกายท่านั้นท่านี้โดยที่เปลือกตายังของเธอยังปิดอยู่ โดยที่เด็กสาวไม่รู้เลยว่าการกระทำที่ตลกๆและดูน่ารักของเธอตอนนี้อยู่ในสายตาของบทร้ายอยู่ตลอดเวลา " สวัสดีจ๊ะทุกท่าน วันนี้เราเอาท่าทางในชีวิตประจำวันมาประยุกต์ให้เป็นท่าออกกำลังกายกันดีกว่า เอ้า ย่ำเท้าจ๊ะ " เจ้าหญิงร้องเพลงโบกโบ๊กโบกของมิสเตอร์ ไบรอัน ในการออกกำลังกายในครั้งนี้ จนทำให้บทร้ายที่ยังนั่งพิงอยู่บนหัวเตียงถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันทันที และเขาก็สงสัยว่าเด็กสาวที่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเธอจะทำอะไรต่อไป " ท่าแรก ท่าโบกแท็กซี่ เอ้ายื่นแขนออกมากันเร็ว ต่อจากก็ โบกโบกโบก สะบัดแขน โบกโบกโบก ซ้าย โบกโบกโบก ขวา โบกโบ้กโบก " เจ้าหญิงที่ตอนนี้ได้ทำท่างทำทางที่เธอได้ร้องเพลงออกมาพร้อมกับส่ายสะโพกงอนของเธอไปมา และกวักมือทำท่าทางโบกแท็กซี่ จนบทร้ายที่นั่งดูการกระทำของเด็กสาวถึงกับกลั้นขำกับภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าเอาไว้ไม่ได้จริงๆ " อ๊ากกกกก ฮ่าๆๆๆ " บทร้ายเผลอหัวเราะออกมาเสียงดัง จนเจ้าหญิงที่หลับตาและยืนเต้นอยู่นั้นถึงกับเปิดเปลือกตากว้างออกมาด้วยความตกใจทันที " ว๊ายยยย ขะ คุณบทร้ายเข้ามาตอนไหนคะ 0.0 " เจ้าหญิงที่เห็นคุณบทร้ายนั่งพิงอยู่ที่หัวเตียงของเธอถึงกับตกใจเบิกตากลมโตของเธอออกมากว้างทันที " ตั้งแต่เมื่อคืน " เขาที่รู้ตัวแล้วว่าได้เผลอหลุดขำออกไป เขาก็รีบปรับสีหน้าให้ดูนิ่งๆอีกครั้งหนึ่งเหมือนเดิม เมื่อเขาเจอถ้าโบกโบ๊กโบกของเด็กสาว เขาถึงกับหลุดคาแรคเตอร์ของคุณบทร้ายเลยสินะ -..- " ตะ ตั้งแต่เมื่อคืน คุณบทร้ายโกหกหรือเปล่าเจ้าหญิงไม่เห็นรู้เรื่องเลย " เธอทำแก้มป่องออกมาทันทีเมื่อเธอได้ยินว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ถ้าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืนก็แสดงว่าเขาก็ได้นอนบนเตียงอยู่กับเธอน่ะสิ ซึ่งแบบนั้นยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คนที่รักสะอาดและหวงพื้นที่ความเป็นส่วนตัวแบบเขาอ่ะนะจะมาทำเรื่องแบบนี้ ยังไงเจ้าหญิงก็ไม่เชื่อหรอก! " จิ้ " เจ้าหญิงที่คิดว่าเขาโกหกเธอก็จิ้ปากออกมาอย่างไม่พอใจทันที " ทำไมคุณบทร้ายชอบโกหกเจ้าหญิงอยู่เรื่อยเลยนะ " เธอพึมพำออกมาเบาๆ แต่ทำให้เขาที่หูดีราวกับสุนัขจิ้งจอกก็ได้ยินเหมือนเดิม เขาไม่ได้อธิบายอะไรให้เธอฟังมากนัก ให้เธอคิดว่าเขาโกหกก็ดีแล้ว เพราะเขาก็ไม่พร้อมที่จะอธิบายให้เธอฟังเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเดินมานอนที่เตียงเล็กๆกับเธอแบบนี้ แทนที่จะไปนอนสบายๆที่บ้านหลังใหญ่ และตัวของเขาเองก็หาคำตอบให้กับเรื่องนี้ยังไม่ได้เช่นเดียวกัน เขาเดินออกมาจากบ้านหลังเล็กสีขาวของเจ้าหญิงและกลับไปที่บ้านหลังใหญ่ของเขาเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที 4 ชั่วโมงผ่านไป บริษัท BR จำกัด ตอนนี้บทร้ายอยู่ที่บริษัทของเขา และเขาไม่วายที่จะเปิดหน้าจอเพื่อดูกล้องวงจรปิดว่าตอนนี้เด็กสาวของเขาได้ทำอะไรอยู่คนเดียวในบ้านหลังเล็กสีขาวนั่น แต่เขากลับไม่ได้เห็นอะไรมากนักเพราะเจ้าหญิงหมกมุ่นอยู่แต่ในห้องนอนของตัวเอง และเขาก็ไม่ได้ติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้องนอนของเธอ นานๆทีเจ้าหญิงจะเดินออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำก็เท่านั้น ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วก็เป็นกิตลูกน้องคนสนิทของเขาที่เปิดประตูเข้ามา " ได้ข้อมูลของเด็กที่ชื่อเถวะมาแล้วครับนายท่าน " กิตบอกผู้เป็นนายท่านของเขาพร้อมกับยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยประวัติและข้อมูลของเด็กที่ชื่อเถวะที่เขาสั่งให้อัคคีคนขับรถของเจ้าหญิงไปตามสืบประวัติเด็กคนนั้นมา " เพื่อนสนิท " เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีเมื่ออ่านประวัติของเด็กที่ชื่อเถวะ แต่ที่ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมากก็คือเด็กที่ชื่อเถวะนั่นเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าหญิงมาตั้งนมนานมากแล้วต่างหาก " สนิท สนิทแค่ไหนกัน " เขาโยนเอกสารที่เต็มไปด้วยประวัติของเด็กเถวะลงกับพื้นห้องทำงาน จนกระจัดกระจายไปหมดด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ จนทำให้กิตขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างนึกสงสัยกับท่าทางของเจ้านายที่แปลกไปของเขาทันที เพราะปกติเขาไม่เคยจะสนใจหรือสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติของผู้หญิงคนไหนนอกจากที่ต้องเกี่ยวเนื่องกันในทางธุรกิจก็เท่านั้น " รูป รูปนั่นอะไร " เขาที่โยนกองเอกสารลงพื้นแต่ก็ดันชำเรืองตาไปเห็นรูปถ่ายปึกหนึ่งขึ้น กิตเมื่อได้ยินดังนั้นเขาเลยก้มลงไปหยิบรูปที่ผู้เป็นนายท่านถามและยื่นไปให้เขาทันที เขาเปิดรูปต่างๆนาๆดูก็พบว่าเป็นรูปครอบครัวของไอ้เด็กเถวะ พร้อมกับรูปที่ถ่ายคู่กันกับเจ้าหญิงเป็นปึกๆ ซึ่งแน่นอนว่ารูปที่ถ่ายคู่กับเจ้าหญิงมันมากมายนัก แต่เขาก็เปิดดูมันทุกรูปจนหมด " หึ " เขาเค้นหัวเราะออกมาในลำคออย่างไม่ชอบใจนัก และเขาก็คงจะไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เขารู้สึกอะไรอยู่กันแน่ที่ทำไมจู่ๆ เขาถึงรู้สึกไม่พอใจมากมายขนาดนี้ ครืดดดด ครืดดดด เจ้าหญิงที่นอนดูการ์ตูนอยู่บนเตียงด้วยโทรศัพท์ราคาแพงที่คุณบทร้ายซื้อให้จู่ๆก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้นมาซะงั้น " ทำอะไร " เสียงนิ่งเรียบดังขึ้นมา จนทำให้เจ้าหญิงลุกขึ้นนั่งและขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมด้วยความไม่เข้าใจทันที " เจ้าหญิงดูการ์ตูน " เด็กน้อยตอบกลับคุณบทร้ายไป ที่จู่ๆเขาก็โทรเข้ามาถามเธอดื้อๆซะอย่างงั้น ปกติไม่เห็นจะโทรหากันเลยนี่ เจ้าหญิงคิดในใจ " ฉันจะให้ไอ้อัคคีพาเธอมาที่บริษัทฉัน เตรียมตัวให้พร้อมด้วย " เขาบอกเธอออกไปแบบนั้นและก็ตัดสายทิ้งไปทันที ทิ้งให้เจ้าหญิงนั่ง งง อยู่กับคำพูดของเขา " ไปที่บริษัทอย่างนั้นเหรอ คุณบทร้ายไม่เคยพาไปเลย ตื่นเต้นจรังแฮะ^^ " เจ้าหญิงที่ตอนนี้ดีอกดีใจที่จะไม่ได้มานอนกกอยู่แต่ในห้องแบบนี้เธอก็รีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำอีกครั้งหนึ่งในทันที " ใส่ชุดไหนดีน๊าาา " เจ้าหญิงที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้เธอคลุมร่างกายด้วยผ้าขนหนูสีขาวพูดขึ้นมา ก่อนเธอจะยื่นมือไปเลือกเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ และเจ้าหญิงก็หยิบชุดกระโปรงเดรสสีขาวสายเดี่ยวผูกโบว์ออกมาสวมใส่ พร้อมกับหมุนตัวไปมาเหมือนกับเจ้าหญิงองค์น้อยๆน่ารักๆ " คุณแม่ซื้อมาให้ ได้ใส่ออกไปข้างนอกสักที " เจ้าหญิงว่าพลางเดินไปหวีผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมกับที่เธอหยิบกิ๊ฟรูปผีเสื้อสีฟ้าอ่อนๆมาแปะไว้ที่ผมตรงสลวยของเธอ พร้อมกับหยิบต่างหูรูปผีเสื้อใส่ไปเพื่อเป็นการประดับตกแต่งให้ชุดไม่ดูเรียบเกินไป พร้อมกับที่เธอทำท่าทางส่งจุ๊บและทำปากจู๋ไปที่กระจก " คุณเจ้าหญิงครับ แต่งตัวเสร็จหรือยังครับ " เสียงอัคคีดังออกมาอยู่นอกบ้านหลังเล็กสีขาว " เสร็จแล้วค๊าาาาา " เจ้าหญิงตอบกลับพลางยื่นมือไปหยิบกระเป๋าสะพายสีขาวที่สายสะพายเป็นไข่มุกล้วนๆ ซึ่งกระเป๋าใบนี้เถวะเป็นคนซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดตั้งแต่ปีที่แล้วโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังถูกจัดไว้สำหรับการคลอดโดยเฉพาะ บทร้ายไม่ยอมห่างจากห้องคลอดแม้แต่ก้าวเดียวเขานั่งกุมมือเจ้าหญิงแน่นตลอดทุกวินาทีของความเจ็บปวด“พี่…มันเจ็บ หนูไม่ไหวแล้ว…” เจ้าหญิงเหงื่อซึม หน้าซีด“ไหวสิเมียพี่ต้องไหว หนูเก่งที่สุดแล้วนะครับ…” บทร้ายแนบริมฝีปากกับหน้าผากเมียน้ำตาคลอ“แค่คลอดลูกของเราออกมา พี่ขอร้อง…”เสียงร้องไห้ของทารกตัวน้อยดังขึ้นในห้อง บทร้ายถึงกับทรุดนั่งร้องไห้เงียบๆข้างเตียงราวกับหัวใจถูกปลดปล่อยจากความกลัวทั้งปวง“ได้ลูกสาวค่ะ แข็งแรงมากเลย”“ลูกพ่อ… หนูของพ่อ… ขอบคุณที่มาเกิดเป็นลูกพ่อแม่นะครับ”...ลูกสาวของบทร้ายและเจ้าหญิงถูกตั้งชื่อว่า “น้องเจ้าขา”เด็กหญิงผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตเหมือนแม่ รอยยิ้มอบอุ่นเหมือนพ่อเมื่ออายุครบ 1 ขวบเธอเริ่มหัดเดิน เริ่มพูดคำว่า “ปะป๊า” และ “หม่ามี๊” ได้บทร้ายนั่งคุกเข่ารอรับลูกที่กำลังเกาะโซฟาแล้วค่อยๆยืนขึ้นเจ้าขาก้าวขาเล็กๆเดินมาหาพ่อก่อนจะโผเข้ากอดอกบึ้กๆของบทร้ายแน่น“เก่งมากลูก… ลูกของพ่อเดินได้แล้ว!” บทร้าย หัวเราะแล้วร้องไห้ในเวลาเดียวกัน“เจ้าขาเก่งที่สุดเลยลูก หนูเก่งเหมือนแม่เลยใช่ไห
มหาวิทยาลัยเจ้าหญิงกำลังนั่งเรียนทุกคนตกใจเมื่อเห็น “เจ้าของมหาวิทยาลัย” เดินตรงมาที่หน้าห้องเรียน ใส่สูทสีดำ ขรึมเยือกเย็น ดวงตาแดงก่ำอาจารย์ถึงกับชะงักบทร้ายเปิดประตูโดยไม่พูดอะไร ก่อนพูดเพียงคำเดียว“ออกมาเดี๋ยวนี้” บทร้ายพูดเสียงเข้มเจ้าหญิงหน้าเสียหยิบของแล้วรีบลุกเสียงซุบซิบในห้องดังกระหึ่ม “บทร้ายดุโหดมาก” “โอ้ย เมียโดนแน่”ในรถพอขึ้นรถเท่านั้นแหละประตูปิดเสียงดัง “ปัง!” ก่อนที่บทร้ายจะพูดด้วยน้ำเสียงกดอารมณ์“ทำไมไม่บอกพี่?” บทร้ายเสียงสั่น“หนูแค่อยากเรียน… หนูไม่อยากเป็นภาระ” เจ้าหญิงก้มหน้าตอบน้ำเสียงเบาๆ“ไม่อยากเป็นภาระจนไม่รักตัวเองรึไง!?! หนูเพิ่งฟื้น รู้ไหมว่าถ้าเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะ…” บทร้ายเผลอตะคอกใส่เจ้าหญิงด้วยความโกรธเขากำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธปนเสียใจ เจ้าหญิงน้ำตาซึมพยายามยื่นมือไปแตะแขนบทร้าย“พี่… หนูขอโทษ…”“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับหนู พี่ขอโทษที่ดุ แต่พี่กลัว… พี่กลัวจะเสียหนูไปอีก…” บทร้ายเสียงแผ่วลงเมื่อรู้ตัวว่าเผลอตะคอกเมียเพนท์เฮ้าส์บทร้ายอุ้มเมียขึ้นห้องไม่พูดไม่จาแต่พอวางเมียบนเตียงเท่านั้นก็ซบหน้าลงที่หน้าท้องเธอน้ำตาหยด
มหาวิทยาลัยเช้าวันรุ่งขึ้น: วันพรีเซนต์เจ้าหญิงสวมชุดนักศึกษาสะอาดเรียบ ผูกผม เรียบร้อย แต่หน้าซีดมาก เธอยืนหน้าห้องประชุมพร้อมทีม หัวใจเต้นแรงเพราะความเครียด ตอนที่เดินขึ้นเวที…เธอกลั้นหายใจและเริ่มพูด30 นาทีผ่านไป…...พรีเซนต์เสร็จ...ภาพเริ่มเบลอ เสียงในห้องเบาๆลง มือสั่น หน้าเย็นเฉียบ เจ้าหญิงเซ ทรงตัวไม่อยู่ ร่างบางล้มลงต่อหน้าอาจารย์และเพื่อนทั้งห้อง“เจ้าหญิง!!”🚑 โรงพยาบาลบทร้ายได้ยินข่าวจากพยาบาลที่ติดต่อมา บทร้ายมาถึงด้วยความเร็วสูงสุดที่รถของเขาจะพาไปได้ เขาเปิดประตูห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจที่แทบหลุดออกมามองเห็นเมียนอนบนเตียง ให้น้ำเกลือ ขอบตาแดงเพราะน้ำตา“พี่ขอโทษ…พี่ไม่น่าปล่อยให้หนูทำทุกอย่างคนเดียวแบบนั้นเลย”“พี่ควรอยู่ตรงนั้น พี่ควรกอดหนู พี่ควรห้ามหนูตั้งแต่แรก…”เขาคุกเข่าข้างเตียง จับมือเมียไว้แน่น ริมฝีปากสั่น น้ำตาไหลเงียบๆ ในห้องเงียบสงัดมีแค่เสียงเครื่องวัดชีพจรและเสียงใจเขาเต้นระรัว...เจ้าหญิงลืมตาช้าๆเห็นหน้าผัวฟุบอยู่ข้างเตียงมืออุ่นๆของเขาจับมือเธอไว้ตลอดไม่ปล่อยเลยแม้แต่วินาทีเดียว“พี่…” เจ้าหญิงเรียกบทร้ายเสียงเบาและแหบพร่า“หนู…หนูตื่นแล้วใช่ไหมคะ
ฮันนีมูนสุดหรูหนึ่งวันหลังแต่งงานบทร้ายจองเกาะส่วนตัวที่มัลดีฟส์ มีแค่เขาและเธอ…ในรีสอร์ทกลางทะเลเสียงคลื่นเบาๆ บรรยากาศโรแมนติกจนต้องรักกันทุกเช้า เย็น และกลางคืน“บนเตียงก็ผัว บนเรือก็ผัว ในน้ำก็ผัว…หนูหนีผัวไม่พ้นหรอกเมียพี่”ปี 4เช้าวันเปิดเรียนเช้านั้น…เสียงนาฬิกาปลุกยังไม่ทันดัง บทร้ายก็ตื่นขึ้นมามองใบหน้าหวานของภรรยาสุดที่รัก เจ้าหญิงนอนกอดแขนเขาแน่นเสื้อยืดตัวใหญ่ที่ใส่นอนเมื่อคืนเลิกขึ้นมานิดๆเผยให้เห็นผิวขาวนวลจนคนเป็นผัวอยากจะให้เมียโดดเรียน…เอ้ย ไม่ใช่บทร้ายก้มจูบหน้าผากเจ้าหญิงเบาๆ“เมียพี่จะเป็นนักศึกษาปี 4 ที่สวยที่สุดในโลก”พอเจ้าหญิงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ บทร้ายยืนยันจะขับรถไปส่งเมียเอง ไม่ยอมให้อัคคีขับเหมือนทุกครั้ง“ขอโทษนะคะ ผัวขับรถไปรอหน้าคณะทุกวันแบบนี้ เพื่อนจะไม่สงสัยเหรอคะ?” เจ้าหญิงพูดแซว“ก็ไม่ต้องสนใจสิคะคุณเมีย เขารู้ก็ดี จะได้รู้ว่าเมียใครอย่าแตะ” บทร้ายตอบยียวนกวนประสาทกลับมหาวิทยาลัยคณะนิเทศศาสตร์ทุกสายตาหันมามอง…เจ้าหญิงเปิดประตูลงจากรถสุดหรูพร้อมเสียงกระซิบของเพื่อนๆในคณะ“นั่นผัวเจ้าหญิงเหรอ?”“โอ๊ย ทำไมหล่อโหดขนาดนี้”“มีผัวดีชีวิตดีจริงๆ…”“แล
บทร้ายวางแหวนวงเดิมไว้ในกล่องกำมะหยี่เขาคุกเข่าอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะผิด แต่เพราะรัก“หนู…พี่ไม่รู้ว่ามีสิทธิ์ไหม แต่ขอพี่ได้ใส่แหวนวงนี้ให้อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในฐานะผัว แต่ในฐานะผู้ชายที่ไม่มีใครรักเท่าหนูอีกแล้ว…”เจ้าหญิงยื่นมือไปทั้งน้ำตาแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูเขา“ใส่ให้แน่น ๆ เลยนะคะพี่…เพราะรอบนี้ หนูจะไม่มีวันถอดมันออกอีกแล้ว…”...ห้องสวีทชั้นบนสุดของโรงแรม 7 ดาวในกรุงเทพมหานครคือสถานที่ที่บทร้ายจัดไว้สำหรับการ “เริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่” เขาไม่พูดพร่ำ ไม่อธิบายซ้ำ เขาแค่จ้องเจ้าหญิงด้วยแววตาที่ลึกกว่าทะเล…และเร่าร้อนกว่ากองไฟบทร้ายปิดประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาเจ้าหญิงช้าๆเหมือนนักล่าที่รอคอยเหยื่อของเขากลับมาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง“คืนนี้…ผัวจะรักเมียให้สมกับที่เกือบเสียเมียไป…” บทร้ายดึงเจ้าหญิงเข้าไปจูบอย่างรุนแรงลิ้นของเขาดุนดันสอดแทรกและตักตวงรสหวานจากริมฝีปากที่เขาโหยหา มือเขากอบกุมเอวบางแน่นจนเจ้าหญิงต้องจับไหล่เขาไว้“พะ-พี่…เดี๋ยวก่อน…”“ไม่รอแล้ว…เมียพี่ทั้งคน ผัวห้ามใจไม่ไหวแล้ว…”บทร้ายยกตัวเข้าหญิงขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวก่อนพาไปวางลงบนเตียงใหญ่ ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล
เพนท์เฮ้าส์ทุกคืน…บทร้ายนอนกอด iPad เปิดรูปคู่ที่ถ่ายตอนขอแต่งงานและวิดีโอที่เขาแอบอัดเอาไว้เองเสียงเจ้าหญิงพูดว่า “รักผัวนะคะ” ยังอยู่ในคลิป แต่ยิ่งฟังยิ่งเจ็บ เพราะรู้ว่า…เขาทำลายมันด้วยมือของตัวเอง“พี่แม่ง…เลวชิบหาย…” บทร้ายกัดปากจนเลือดซึม โทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระจกที่แขวนไว้ถูกเขาเขวี้ยงแตกเป็นเสี่ยงๆในไลน์กลุ่มรวมนักศึกษาโดยบทร้ายมีแอ็คอวตารเข้าไปอยู่ด้วยในกลุ่ม...มีคนโพสต์รูประหว่างเจ้าหญิงกับเพื่อนใหม่มีเสียงเชียร์ว่า “เปิดใจเถอะเจ้าหญิง” แต่ทุกข้อความ…เหมือนมีดปักที่กลางอกบทร้าย...โต๊ะกินข้าวที่เคยมีเจ้าหญิงคอยตักให้วันนี้มันว่างเปล่า บทร้ายนั่งมองข้าวเย็นจนแข็ง แล้วเอาไปเททิ้งทั้งน้ำตา“ไม่มีหนู…อะไรมันก็ไม่มีรสชาติอีกเลย…”วันถัดไปธันวามาหาเพื่อนสนิทที่เพนท์เฮ้าส์ ธันวาแอบไปซุ่มดูเจ้าหญิงห่างๆ เขาอัดวิดีโอที่ตอนเจ้าหญิงพูดกับแม่วันดีไว้ เขานำมาเปิดให้บทร้ายดูในวันหนึ่งที่เขาหมดแรงจะลุกขึ้นจากเตียง “แม่…หนูไม่ได้อยากหย่า หนูแค่เสียใจ หนูแค่รู้สึกว่าพี่เขาไม่รักหนูจริง…”คำว่า “ไม่ได้อยากหย่า” กลายเป็นไฟสุดท้ายที่ยังจุดในหัวใจบทร้ายบทร้ายเงยหน้าขึ้น…น้ำตาไหลพร