LOGIN“เธอคิดว่าตัวเองจะหาเงินมาคืนฉันทันอย่างนั้นเหรอ โกหกแบบนี้อยากตายรึไง” “มะ…ไม่ค่ะ ฮึก! หนูขอโทษ” “เลิกพูดคำขอโทษส่งๆ สักทีถ้าเธอไม่คิดจะสำนึก ลุกออกมา!” ปากบอกไม่อยากได้เธอเป็นเมียแต่กลับใช้ทุกวิถีทางกดเธอให้อยู่ใต้อำนาจ
View Moreบทนำ
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองกลายเป็นแหล่งนัดเจอกันของต้นหยงและเพื่อนสนิทที่วันนี้ไม่ได้มาทานไอศกรีมหรือเดินเอ้อระเหยลอยชายตากแอร์เฉยๆ แต่พวกเธอนัดกับรุ่นพี่ที่สนิทมากๆ ไว้ต่างหาก “พี่บูมบอกว่ารอเราอยู่ที่ร้านซูชิ” คนพูดมองดูนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้าร้อนรน “งั้นก็รีบไปกันเถอะ เลทมาหลายนาทีแล้ว” ต้นหยงดันหลังเพื่อนพากันกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนเป็นที่จับตามองของเหล่าผู้คนหลายสายตาต่างก็สงสัยว่าสาวน้อยสองคนนี้มีเรื่องเร่งด่วนอันใด ถึงได้รีบร้อนวิ่งสุดกำลังราวกับโดนหมูป่าไล่กวดเช่นนั้น จ่อก! ต้นหยงชะล่าฝีเท้าช้าลงเมื่อร่างกายประสบพบเจอปัญหาบางอย่างทำให้เรี่ยวแรงวิ่งลดลงตามลำดับ ใบหน้าสวยซีดเผือด เม็ดเหงื่อผุดโผล่ตามกรอบหน้าเพราะท้องไส้เริ่มปั่นป่วนอย่างหนัก “เป็นอะไรไปหยง” เห็ดหันมาถามเมื่อเห็นอาการไม่สู้ดีของเพื่อน “ปวดท้องว่ะแก” พูดพลางย่อตัวลงเล็กน้อยเหมือนจะทรุดนั่งลงกับพื้นให้ได้ มือที่กุมหน้าท้องแบนราบลูบเบาๆ หวังให้อาการปวดทุเลาลง “ปวดมากมั้ย ปวดแบบไหน” “ปวดมาก…ปวดขี้อะ” ต้นหยงที่หน้าซีดปากเซียวเงยหน้าบอกกับเพื่อนสาว ขนแขนพร้อมใจกันแสตนอัพประกอบคำพูด “จะบ้าตายกับแก มาปวดอะไรตอนนี้เนี่ย” เห็ดถอนหายใจพรืดพราด กลอกตาให้เพื่อนสนิทหนึ่งตลบ “เอ้า ฉันจะไปห้ามกลไกการทำงานของร่างกายได้รึไงล่ะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ แกไปหาพี่บูมก่อนเลย” “เออก็ได้ ทำธุระเสร็จก็รีบตามมาล่ะ” เห็ดบอกก่อนจะปล่อยให้ต้นหยงรีบจ้ำอ้าวจากไปด้วยท่าเดินไม่ปกติเพราะต้องเก็บอาการปวดแบบสุดๆ เมื่อได้เข้าห้องน้ำนั่งปลดทุกข์ก็ดูเหมือนว่าทุกๆ อย่างจะคลี่คลายลงด้วยดี ต้นหยงระบายยิ้มอ่อนๆ นั่งหลับตาพริ้มเพราะเริ่มรู้สึกโล่งมากขึ้น แต่ในขณะนั้นเอง…เสียงเอะอะอื้ออึงที่ดังเข้าใกล้เรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบโดยรอบเหมาะแก่การปลดทุกข์ของเธอดับสลายไปในทันที ใครกันนะที่บังอาจ! ผลัวะ! “ใครเป็นคนส่งมึงมา!” “อึก! กูไม่บอก” “ไม่บอกก็เตรียมตัวตายคาตีนกู” เสียงทะเลาะของผู้ชายสองคนดังขึ้นราวจะฆ่าแกงกันให้ได้ ต้นหยงยังไม่ทันหายตกใจที่มีผู้ชายอยู่ในห้องน้ำผู้หญิง วินาทีต่อมาเสียงฟาดฟันของมัดหมวยก็ดังตุ้บตั้บเรียกขวัญเธอให้หนีกระเจิง กลัวจะฆ่ากันตายในนี้ เธอไม่รู้ว่าคนข้างนอกเขาผิดใจอะไรกัน แล้วทำไมถึงได้เลือกที่ชำระสะสางแค้นกันในห้องน้ำที่มีเธอนั่งอึอึ๊อยู่ด้วย ต้นหยง กลัวว่าเกิดเผลอส่งเสียงอะไรออกไปก็อาจทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป้าหมายมาหาเธอแทน “เป็นไงไอ้สัตว์! มึงยังจะเงียบอยู่อีกปะ” “ถุ้ย! มีปัญญาทำได้แค่นี้เหรอวะ!” ผลัวะ! “อั้ก!” “ก่อนปากดีกับใครก็ควรดูก่อนว่าเขามือหนักหรือเปล่า แต่กูลืมไปว่ามึงมันโง่ ไม่งั้นก็คงไม่โดนกูจับได้” เสียงหมัดนับสิบๆ ครั้งประเดประดังใส่อีกฝ่ายจนเสียงร้องโอดโอยดังขึ้นอย่างโหยหวนประหนึ่งใกล้สิ้นใจแล้วเต็มที ต้นหยงเดาว่าคนที่ตกเป็นรองจะต้องโดนผู้ชายอีกคนใส่เต็มแรงไม่ยั้งอย่างแน่ๆ เสียงสบถด่าทอ คำหยาบสารพัดพ่นพรูออกมาจากปากชายที่อยู่เหนือกว่า เพียงเวลาไม่นานเสียงหมัดมวยก็เริ่มเบาลง “พวกมึงมาลากตัวมันออกไป!” “ครับนาย” “ส่วนมึง มาจัดการเก็บกวาดตรงนี้ด้วย” คำสั่งเด็ดขาดนั้นทำให้ต้นหยงขนลุกกว่าเดิม แม้ไม่เห็นหน้าชายคนที่ว่าแต่ก็จินตนาการไปไกลถึงใบหน้าโหดเหี้ยมของเขา สั่งคนให้มาลากตัวออกไป ให้จัดการเก็บกวาดงั้นเรอะ จะเป็นอะไรไปได้อีกหากไม่ใช่ผู้ชายอีกคนน็อคเอ้าท์ไปแล้ว ถึงคราวนี้ต้นหยงยกมือปิดปากแน่นด้วยความกลัว เกือบหลุดอุทานออกไปแล้วเชียว ปู้ด! แต่กรรมหนอกรรม! ปากเธอปิดแต่รูทวารเปิดนี่สิ ต้นหยงปล่อยของเสียพรวดพราดออกมาพร้อมเสียงตดลากยาวราวลำไส้เน่า พยายามห้ามร่างกายแล้วนะแต่มันต่อต้านความปวดสุดๆ ไม่ได้อยู่ดี เมื่อเสียงน่าเกลียดหยุดลง ต้นหยงรู้สึกว่าหัวใจตัวเองทำงานหนักมาก มันเต้นถี่รัวเพราะหวาดกลัวคนข้างนอก ที่ไม่รู้ป่านนี้ออกไปจากห้องน้ำผู้หญิงแล้วหรือยัง แต่เมื่อเธอเงี่ยหูฟังก็ไม่ยักจะได้ยินอะไร ป่านนี้ผู้ชายคนนั้นคงออกไปแล้วก็ได้ พอคิดอย่างนี้ก็เริ่มรู้สึกโล่งมากขึ้น ต้นหยงใช้เวลาจัดการตัวเองไม่นานก่อนจะเปิดประตูออกไป ผ่าง! ผ้างงงงง! ปะ…ปิดกลับเหมือนเดิมทันไหมเนี่ย ผู้ชายที่ต้นหยงจินตนาการว่าคงมีใบหน้าโหดเหี้ยมกำลังยืนสูบบุหรี่โดยที่สะโพกหนักพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างสบายๆ หากแต่สายคาคมกล้าคู่นั้นจ้องมองเธอจนร้อนๆ หนาวๆ เขาดูแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้หลายอย่าง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิท ใบหน้าที่โหดเหี้ยมมีความหล่อออร่ากระจัดกระจายอยู่ทั่ว นัยต์สีเข้มล้ำลึกราวกำลังสะกดเธอให้ตกอยู่ในภวังค์ ถึงจะน่ากลัว แต่ก็เป็นคนที่หล่อมากๆ เลยล่ะ ต้นหยงรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เด็กสาวเมินเฉยใส่อีกฝ่ายก่อนจะเดินไปล้างมือโดยที่รู้ตัวว่าโดนจ้องมองอยู่ทุกขณะ อึดอัดโคตรๆ “หวังว่าเรื่องนี้คงไม่แพร่งพรายออกไปให้คนอื่นรู้หรอกนะ” น้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ยขึ้น สายตาจับจ้องร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาล้างมือ เขาไม่รู้ว่านอกจากตัวเอง ลูกน้อง และไอ้สวะที่มีเรื่องด้วย จะยังมีผู้หญิงอีกคนหลบอยู่หลังประตูห้องน้ำ เสร็จเรื่องเขาก็จะเดินออกไปแล้วเชียวหากไม่ได้ยินเสียงผายลมดังสนั่นของเธอซะก่อน ผู้หญิงอะไรตดเสียงดังยังกับฟ้าผ่า “ทำเป็นหูหนวกตาบอดไปซะ หวังว่าจะเข้าใจที่พูด” “พะ…พูดกับหนูเหรอคะ” “ฉันคุยกับแมลงสาบมั้ง” เขาว่าอย่างไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาขุ่นมัวจ้องต้นหยงจนเด็กสาวขวัญหนีดีฝ่อ “นะ…หนูไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นค่ะ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ต้นหยงแสดงสีหน้าใสซื่อสมบทบาท ร่างสูงที่เห็นเช่นนั้นก็แสยะยิ้มพอใจ “ดี โง่ๆ เข้าไว้อย่างนี้แหละจะไม่มีปัญหา” เขาขยี้บุหรี่ทิ้ง มองเธอด้วยสายตาคมดุอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากไปพร้อมชายอีกสองคนที่ต้นหยงพึ่งสังเกตเห็น คาดว่าคงเป็นลูกน้องของหมอนั่น เป็นผู้มีอิทธิพลหรือแก๊งทวงหนี้มั้ยเนี่ย น่ากลัวชะมัดเลย หลังจากผู้ชายคนนั้นเดินจากไปแล้ว ต้นหยงค้ำยันมือทั้งสองข้างกับอ่างล้างหน้า พ่มลมหายใจอึดอัดทิ้งอย่างโล่งอกที่เธอเอาตัวรอดมาได้ จังหวะนั้นเองหญิงสาวเห็นสิ่งของบางอย่างที่วางอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความไม่ตั้งใจของใครสักคนที่เผอิญทำตกไว้ กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมใบหรูใหม่เอี่ยมอ่อง ต้นหยงรีบก้มตัวหยิบขึ้นมาเปิดดูในทันที “โห! เงินโคตรเยอะ” ธนบัตรสีเทาอัดแน่นอยู่ในกระเป๋าใบนั้น มันคือสิ่งที่ทำให้เธอตาค้างพอๆ กับหัวใจที่เต้นแรงอย่างตื่นเต้น มีรูปถ่ายหนึ่งใบซ่อนอยู่ เป็นข้อเฉลยที่ว่ากระเป๋าใบนี้ใครคือเจ้าของ ก็หมอนั่นไงล่ะ…ไอ้ผู้ชายคนหน้าโหดๆ เมื่อกี้ไง คฤหาสน์อัครเตโชภิวัฒน์ ร่างสูงสง่าของนายใหญ่ผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งเด่นอยู่บนโซฟาตัวหนาที่บุหนังอย่างดี ในมือถือแก้วน้ำสีอำพัน ใบหน้าเรียบเฉยไม่ปรากฏอารมณ์อื่นใด รอบๆ รายล้อมด้วยคนรับใช้และเหล่าบอดี้การ์ดที่พร้อมใจกันก้มหัวอยู่อย่างเงียบๆ “ได้เรื่องแล้วครับนาย คนที่เอากระเป๋าไปคือเด็กผู้หญิงคนนั้นครับ” “คนไหน!” พายัพ อัครเตโชภิวัฒน์ตวัดเสียงสูงถามลูกน้องมือขวาคนสนิทที่ยืนรายงานความคืบหน้าเรื่องกระเป๋าสตางค์ของเขาที่โดนขโมยไปเมื่อหลายวันก่อน องอาจส่งมือถือให้ผู้เป็นนายดูคลิปจากกล้องวงจรปิดหน้าห้องน้ำ มีเด็กสาวผมยาวตัวเล็กคนหนึ่งทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ราวกับกลัวมีคนเห็น มือของเธอกุมกระเป๋ากางเกงไว้แน่นราวกับกลัวของด้านในหาย ต่อมาก็คลิปจากกล้องวงจรปิดเหมือนกัน แต่คราวนี้ตรงลานจอดรถซึ่งไร้ผู้คน มีเพียงเด็กหญิงคนเดิมที่ยืนแอบอยู่ตรงเสามุมหนึ่ง ซึ่งเผอิญว่าเป็นมุมที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดมาก เธอหยิบกระเป๋าสตางค์ของเขาที่ขโมยไป ลูบคลำไว้อย่างหวงแหนราวกับกลัวว่าจะต้องเสียมัน จากนั้นเธอก็เดินหายออกไปจากรัศมีกล้องวงจรปิดในที่สุด ปัง! “กล้ามาก! ได้ที่อยู่ของเธอรึยัง” พายัพตบโต๊ะเสียงดัง ระเบิดอารมณ์โมโหกับหลักฐานชัดเจนที่ได้เห็น เขาหันไปคาดคั้นคำตอบจากลูกน้อง “ครับนาย เราสืบจนรู้ที่อยู่ของเธอแล้วครับ” สิงหาลูกน้องมือซ้ายเป็นคนตอบ “ดี! กูให้เวลาพวกมึงหนึ่งชั่วโมง ไปลากเด็กนั่นมาให้ได้” “นายจะจัดการเธอยังไงครับ” พายัพกระดกน้ำเมารวดเดียวหมด แก้วที่ถูกวางกระแทกกับโต๊ะจนเกิดเสียงดังอย่างกลัวมันจะแตกพลอยทำให้ลูกน้องคนอื่นๆ ตกใจตัวเล็กลีบไปด้วย นายใหญ่ตอนโมโห น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรดี… “ก็ในเมื่อกล้าขโมยของของกู อย่าหวังว่ากูจะใจดีด้วย” เด็กสาวดวงตกคนนั้นควรจะคิดได้ตั้งแต่ตอนที่โดนเขาขมขู่สิ ไม่ใช่กล้าบังอาจริเป็นโจรขโมยของคนอื่นหน้าด้านๆ ในเมื่อเธอไม่กลัวสิ่งที่จะตามมา เขาก็จะทำให้รู้เองว่าผลของเด็กขี้ขโมยมันเป็นยังไง“อย่ามายุ่งกับหนู!” ฉันสะบัดตัวจนหลุดออกมาจากไอ้ผู้ชายคนนั้นได้ เขาคงไม่พอใจที่ฉันไม่ยอมให้ความร่วมมือเลยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมก้าวสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“เล่นตัวแบบนี้คิดจะเพิ่มค่าตัวรึไง!”“ใจเย็นกับเด็กมันหน่อยโว้ยไอ้กิต”“นั่นสิ น้องเค้ากลัวมึงแล้วนะ”“ถ้าไม่ยอมก็ปล้ำเลยพี่”โอ้โห คำพูดคำจาแต่ล่ะคน เกิดมาจากหลุมไหนกันเนี่ยฉันก้าวถอยหลังเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็โดนเขาตะครุบสำเร็จ ร่างใหญ่โตฉุดกระชากลากถูฉันไปยังโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพื่อนเขา โดยที่เสียงร้องด่าของฉันก็ดังอย่างไม่ลดละ“ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้! อย่าเข้ามานะ!”“ขอดีๆ ไม่ให้ก็ต้องใช้กำลังกันหน่อย”เขาแสยะยิ้มให้ก่อนจะผลักจนฉันล้มกระแทกใส่โซฟา ร่างกายเจ็บระบมไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะขอสู้ตายเมื่อเขาก้าวเข้ามาประชิดตัวตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่ฉันไม่ต้องการ พอเขายื่นหน้ามาใกล้ฉันถึงใช้มือข้างที่ผลักอกเขาอยู่ ชกใส่หน้าเสียจนเต็มแรงจนเขาเซแถดๆ ออกจากตัวฉันไป“โอ้ย! อีนังเด็กบ้า! มึงกล้าดียังไงมาต่อยกู” สรรพนามอ่อนหวานก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์โกรธฉันไม่รอตอบคำถามเขาหรอก พออีกฝ่ายตั้งท่าจะกระโจนเข้ามาอีกครั้งฉันก็ลุกวิ่งเท
พายัพมองแผ่นกระดาษในมือด้วยสีหน้านึกสนุก แววตาสีเข้มจ้องลายเซ็นของเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่วางตา เอกสารยินยอมทางร่างกายเมื่อเธออายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ “นายครับ นายไม่ได้คิดจะเอาน้องเขามาเป็น…เอ่อ ไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหมครับ” องอาจถามผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “เอาเด็กนั่นมาเป็นเมียน่ะเหรอ” พายัพหัวเราะอย่างนึกขันกับความคิดลูกน้อง “เด็กกะโปโลแบบนั้นฉันไม่มีทางเอาขึ้นเตียงหรอก ถ้าขึ้นเขียงน่ะไม่แน่” องอาจยิ้มแหยให้ผู้เป็นนาย เขาก็ขอให้สิ่งที่พายัพพูดเป็นจริงด้วยเถอะ เพราะเท่าที่เห็นสายตานายตอนมองเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วมันไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ต้นหยง | part ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันทำอย่างนี้ ไม่อยากจะเชื่อ! “ยูนิฟอร์มที่นี่สวยจังเลยอะหยง” เห็ดที่ตามฉันมาทำงานที่คลับดูจะตื่นเต้นออกนอกหน้านอกตาไปมาก วันนี้คือวันแรกที่ฉันต้องเริ่มงาน หลังกลับจากโรงเรียนฉันก็รีบรายงานแม่ทันทีว่าคงไปช่วยขายขนมไม่ได้แล้วล่ะ เพราะต้องไปทำพาร์ทไทม์ที่เคยบอกเอาไว้ จริงๆ พาร์ทไทม์ที่ว่าคืองานที่ร้านของแม่พี่บูม เป็นร้านคาเฟ่เบเกอรี่น่ารักๆ ไม่ใช่คลับซึ่งเป็นแหล่งรวมอบายมุขที่ฉันอยู่อย่างในตอนนี้
“คะ…คุณ” กว่าจะพูดคำแรกได้เล่นเอากลั้นหายใจจนเหนื่อยเลยล่ะ “คุณจับฉันมาทำไม แล้วนี่…ฉันอยู่ที่ไหนวะเนี่ย”“ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าฉันจับเธอมาทำไม” น้ำเสียงเข้มขรึมมีแววไม่พอใจต่อท่าทางของฉันอันที่จริงฉันรู้อยู่แก่ใจแต่แค่ตีบทเด็กสาวที่ถูกกระทำก็เท่านั้น“เธอเอาอะไรไปจากฉันล่ะ” สายตาคมดุทำให้ฉันต้องกลืนน้ำลายตาม หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะความหวาดหวั่น“อะ…เอาอะไรไปเหรอคะ” ฉันตีหน้าซื่อถามกลับก่อนจะได้รับยิ้มเหี้ยมเกรียมจากเขาตึง!“กรี๊ดดดด!”“เลิกทำเป็นไม่รู้สักที! เธอขโมยกระเป๋าตังค์ฉันไปไม่ใช่เหรอ”เสียงร้องเสียขวัญของฉันกับเสียงตะคอกของเขาที่ยืนมองอยู่เบื้องล่างดังพร้อมๆ กัน ไอ้บ้านั่นมันกดปุ่มอะไรสักอย่างทำให้กรงเหล็กที่ขังฉันอยู่เนี่ย ลดระดับลงมาอีกนิดหนึ่ง เห็นน้องๆ จระเข้ชัดกว่าเดิมอีกฉันคิดว่าถ้าตัวเองยังแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาก็จะต้องกดปุ่มบ้าๆ นั่นจนในที่สุดกรงก็หย่อนจ๋อมลงน้ำ ฉันก็จะกลายเป็นอาหารของจระเข้ชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์!“นะ…หนูขอโทษ หนูเป็นคนเอาเงินของคุณไปเองค่ะ”“นั่นไง เธอจริงๆ ด้วย” สายตาเคืองโกรธของเขาราวจะฆ่าฉันให้ได้“หนูก็ไม่ได้อยากขโมยเงินคุ
ต้นหยง | partแท็กซี่คันคุ้นตาของลุงประพจน์จอดเทียบหน้าบ้าน ฉันลงไปเปิดประตูรถให้ยายก่อนจะค่อยๆ พยุงท่านเข้ามานั่งพักด้านใน แม่และน้องชายที่เห็นว่าพวกเรากลับมาจากโรงพยาบาลแล้วต่างกุลีกุจอเข้ามาช่วยขนของ“เป็นยังไงบ้างจ๊ะแม่ หมอว่ายังไงบ้าง” แม่ถามไถ่การของยายอย่างเป็นห่วงเป็นใย ตอนที่ยายต้องแอดมิทนอนโรงพยาบาล ช่วงกลางวันไม่มีคนคอยเฝ้าเพราะแม่ต้องทำงาน ส่วนฉันและน้องชายไปโรงเรียนเพราะช่วงนี้ใกล้ปิดเทอมแล้ว ฉันที่พอมีเงินอยู่บ้างจึงจ้างคนรู้จักที่สนิทกันในซอยบ้านเราให้มาดูแลยาย ส่วนกลางคืนฉันขอเป็นคนเฝ้าเองยายมีโรคประจำตัวหลายอย่าง โรคที่คนแก่ชอบเป็นกันนั่นแหละ เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ก็เพราะความดันต่ำจนเป็นลมหมดสติ ค่ารักษาอื่นๆ ก็ตามมาด้วยที่ฉันพึ่งบอกไปว่าพอมีเงินอยู่บ้าง จริงๆ แล้วจำนวนเงินเยอะใช้ได้เลยล่ะ แค่มันไม่ใช่เงินของฉันนี่สิย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน ฉันปวดท้องหนักมากจนต้องวิ่งจู๊ดๆ หาห้องน้ำ ไม่รู้เป็นความบังเอิญ โชคชะตากลั่นแกล้ง หรือเพราะเป็นคนดวงซวยอยู่แล้ว ฉันจึงได้เจอกับเหตุการณ์คนทะเลาะชกต่อยกันในห้องน้ำไอ้เราพยายามทำตัวให้เงียบที่สุดเพราะไม่อยากมีเอี่ยวด้วย แต่เพราะท้อ