“เธอทำอะไร”
“บอกมาว่าคุณเอาพวกเขาไปไว้ที่ไหน”
“เธอไม่กล้าหรอกน่า เอามีดลงเถอะ หาวิธีที่ฉลาดกว่านี้” เขาแนะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ดวงตาของมาลินียิ่งกว่าความชิงชัง ชายหนุ่มเป่าลมใส่หน้าเธอแล้วเขาก็จัดการจับข้อมือเธอบิดจนมีดหลุด จากนั้นก็พลิกร่างเธอจนหลังชนกับแผ่นอกของเขา อกแข็งเหมือนหิน ลำแขนแข็งแรง รึงรัดเธอไว้ แล้วก้มลงกระซิบใกล้หูของเธอ “และด้วยความหวังดี มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นซะ ที่นี่ไม่เหมาะกับผู้หญิงโง่อย่างเธอหรอก”
มาลินีกัดริมฝีปากแน่นจนเจ็บ เธอพยายามจะดิ้นรนให้ร่างกายพ้นจากพันธนาการอันน่าขยะแขยงนี่ แต่เธอก็ทำไม่ได้ หมอนี่แข็งแรงมากจริงๆ จนเหมือนว่าเธอตกอยู่ในที่แคบที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาชัดมาก มันเต้นเร็วและแรงจนเหมือนมันจะกระทุ้งถีบแผ่นหลังของเธอ เธอได้กลิ่นน้ำหอมของเขา รวมทั้งกลิ่นของลมหายใจที่รดอยู่บนแก้มนวลของเธอ
“คุณคือความเลวร้ายของกรีซ”
ถูกเธอตราหน้า แต่เขากลับหัวเราะ เสียงนั้นน่าขนลุก เขาหย่อนริมฝีปากกระซิบติดริมหูของเธอ มันทำให้หัวใจของเธอเต้นเร่าแข่งกับเขา
“แต่เธอคือความเลวร้ายในชีวิตของฉันและครอบครัวจาโคมิน เธอเป็นตัวซวย เป็นต้นเหตุให้พวกเขาต้องพบกับความหายนะ เธอทำให้ร้านขนมปังอบที่เก่าแก่นี่ถึงคราววิบัติ”
หญิงสาวนิ่งอึ้งไปนิด เขาผลักเธอออกจากการเกาะกุม โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“ลองไปคุกเข่าขอโทษฉันดูสิ...ไม่แน่...พวกเขาอาจจะกลับมาก็ได้”
เขาขยับเนกไท เชิดหน้า พูดทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ ออกจากร้านไป
“forget me not”
ประตูปิดลง มาลินีนิ่งไปอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะเดินไปพิงที่ประตูร้าน แล้วถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง สิ้นหวังกับโลกใบนี้ สิ้นหวังต่อพระเจ้า สิ้นหวังต่อโชคชะตา เธอไม่เคยรู้สึกโกรธมากขนาดนี้มาก่อนเลย ความรู้สึกนี้มาพร้อมๆ กับความห่อเหี่ยว แห้งแล้ง วินาทีนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ดวงตาก็เห็นแค่ความมืดมน
“บอกแล้ว เตือนแล้ว ก็ไม่ฟัง”
ชายหนุ่มกลับเข้ามานั่งในรถที่เย็นฉ่ำของตัวเอง ด้วยท่วงท่าสง่า สุขสบาย และดูผ่อนคลายกว่าสองวันที่ผ่านมามาก ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะเขาจัดการเสี้ยนหนามในชีวิตให้พ้นทางเจริญของเขาได้แล้ว ลูกน้องทั้งหกเข้านั่งประจำที่ในรถ ส่วนบรูโน่ผู้ทำหน้าที่พลขับ เขาไม่ได้หันหลังมามองเจ้านาย เพียงแต่ส่งคำถามมาเท่านั้น
“จะกลับเลยไหมครับ”
“ยังก่อน ฉันแค่อยากจะรอดูยัยผู้หญิงคนนั้นออกมาเก็บขยะของเธอ”
แอนเดรียและเองเกิลเบิร์ตได้แต่แอบถอนหายใจ
“แล้วครอบครัวนั้นละครับ”
วิกเตอร์ไม่ค่อยสนใจคำถามสักเท่าไหร่ เขาเอาแต่จ้องที่ประตูร้าน
“พวกมันไม่เอาข้อเสนอของฉันก็บ้าแล้ว ได้ทุกอย่าง ทั้งบ้าน รถ เงินทอง แถมลูกชายมันยังได้มีโอกาสเรียนในโรงเรียนดีๆ มหาวิทยาลัยเจ๋งๆ จนจบดอกเตอร์”
“พวกเขาถูกบังคับ”
คราวนี้เจ้านายหันกลับมามองเองเกิลเบิร์ต
“มีคนบอกว่าความจริงแล้วพวกนายเกลียดฉันมาก...จริงรึเปล่า?”
ทุกคนหน้าชา แม้แต่ลุยจิก็ยังปากสั่น ต้องรีบพูด
“เป็นไปไม่ได้ นั่นคือเรื่องโกหกที่ไร้สาระครับ”
วิกเตอร์ทำสีหน้าไม่ค่อยเชื่อถือนัก แต่เขาไม่สนใจหรอก เพราะเขาไม่เคยต้องการความรักจากคนพวกนี้อยู่แล้ว เขาหันกลับไปมองประตูเหมือนเคย แน่นอน ครอบครัวนั้นถูกบีบบังคับ ทั้งโดยอำนาจมืดและเงิน เขาเสนอทุกอย่างขณะที่คนพวกนั้นถูกลักพาตัวไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่แล้ว เขาสัญญากับพวกนั้นว่าจะไม่ทุบบ้านนี้ทิ้ง จะอนุรักษ์เอาไว้โดยใช้ชื่อบ้านนี้ว่าจาโคมินเหมือนเดิม คนพวกนั้นจะพูดอะไรได้ ยังไงซะ เขาก็เอาอนาคตลูกชายมาล่อแล้วนี่
“ฉันก็ว่างั้น” เขาเพิ่งรู้สึกว่าการรังแกผู้หญิงทำให้มีความสุขอย่างประหลาด เขาปรารถนาจะเห็นภาพของผู้หญิงคนนั้นเดินร้องไห้ออกมา ปากคอสั่นพร่า หวาดผวา นั่งลงกับพื้นถนนด้วยความทดท้อสิ้นหวัง ที่สุดแล้ว เธอจะคร่ำครวญว่าเธอไม่น่าลบหลู่วิกเตอร์เลย เธอทำพลาดไปแล้ว
“ความจริง กลับเลยก็ได้ แต่กลับไปที่โรงแรมดีกว่า ฉันอยากพักผ่อน หลังจากที่ต้องทำงานหนักมาสองวันแล้ว”
เขาพูด ขณะที่ผู้หญิงคนนั้น เปิดประตูออกมายืนอยู่หน้าร้านแล้ว ด้วยสีหน้าที่เขาพอใจ เธอดูเศร้ามากจริงๆ
“สงสัย อีกไม่นานนี้ จะมีผู้หญิงโง่ๆ ไปคุกเข่าขอร้องฉันว่ะ”
เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา เขย่งปลายเท้าแล้วจูบแก้มสากหอมๆของเขาด้วยความรัก ชายหนุ่มน้อมรับความรู้สึกแสนสวยนั่นด้วยการก้มลงจูบแก้มแดงเรื่ออย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม เมื่อผละจาก ดวงตาสีเขียวคมกริบ จ้องมองใบหน้านวลในอุ้งมืออย่างมีความหมาย“แต่ใจผมเหมือนจะระเบิดทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าคุณ ผมถึงไม่อนุญาตให้คุณอยู่ใกล้ๆเวลาผมทำงานยังไงล่ะ”หญิงสาวยิ้มนิดๆ ดวงตาเต้นระยิบ“ทำไมคะ”เธอแสร้งถามไร้เดียงสา“เพราะผมอาจจะมีเซ็กกับคุณบนโต๊ะทำงานไง”“บ้า” เธอเขิน เขาหัวเราะ“ผมรักคุณนะ”“พูดแบบนี้อีกแล้ว” เขาพูดพลางยกร่างบางขึ้นอุ้ม แล้วพาเธอไปวางลงบนเตียงนอนแสนนุ่ม “คราวหลังพูดคำอื่นบ้างก็ได้ค่ะ”“เพราะถึงยังไง คุณก็ยอมผมอยู่ดี” แม้จนถึงวินาทีนี้ หัวใจของเขาและเธอก็ยังคงเต้นแรงทุกครั้ง การร่วมรักกันครั้งแล้วครั้งเล่าอาจหวานชื่น สดใส และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมซาบซ่านหัวใจ แต่เขารู้ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ เพราะที่นี่คือเตียงแห่งความทรงจำ“forget me not”เขากระซิบบนปลายจมูกของเธอ หญิงสาวยิ้มหวาน“แต่ฉันกินมัสมั่นเข้าไปเยอะเลยนะคะ”เธอท้าทายเขา แต่เขาก็กลั้นใจยิ้ม“แต่ผมจะกินมัสมั่นจากปากของคุณ”หญิ
เมื่อเสร็จสิ้นมื้ออาหารอันเลิศรสของครอบครัวที่แสนอบอุ่นมั่งคั่ง คู่พ่อแม่ก็แยกไปทำธุระสำคัญในฐานะนักการเมืองใหญ่ ส่วนคู่หนุ่มสาวที่มีหน้าที่หลักในการช่วยกันบริหารธุรกิจของออปเปนไฮน์ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป พวกเขาเขียนใบลาพักร้อนเป็นเวลาสองสัปดาห์เพื่อจะไปฮันนีมูนที่เมืองไทย วางงานไว้ให้ผู้ช่วยได้สร้างผลงานบ้าง“ฉันดีใจจังเลยค่ะ ฉันจะได้กลับบ้านแล้ว” ชายหนุ่มจูงมือเธอไว้แน่น ดวงตาเปล่งประกายขณะพาเธอเข้าลิฟต์แล้วกดลงชั้นต้อนรับของโรงแรม ทั้งที่ควรจะขึ้นไปยังห้องสวีตรูมอันเป็นห้องพักผ่อนส่วนตัวของท่านซีอีโอ เขามีโต๊ะทำงานอยู่บนห้อง เขามีเอกสารหลายอย่างที่ต้องเซ็นก่อนจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้“จะไปไหนหรือคะ” ประตูลิฟต์เปิดออก เธอถูกเขาลากไปราวกับเป็นของไร้น้ำหนัก “วิกเตอร์ คุณกำลังทำอะไรคะ ทำไมไม่รีบขึ้นไปเคลียร์งาน”เมื่อถึงบริเวณหน้าฟร้อน เธอก็ได้เห็นเหล่าบอร์ดี้การ์ดของเขา ยืนเรียงเป็นแถว เหมือนพนักงานต้อนรับ เจ้านายหนุ่มวางก้ามทันที เขาหันไปพยักพเยิดบอกลุยจิและแอนเดรียให้ทำตามแผนการที่วางไว้สองหนุ่มเดินเข้ามา หยุดต่อหน้าเจ้านาย“คิดจะทำอะไรกันแน่คะ”“เชิญครับ” ลุยจิยิ้มบางๆ พร
“อย่าคิดว่าจะลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นาน คนอย่างเธอ...”“คนอย่างฉันมันยังไงหรือคะ ขอโทษเถอะคุณหนู คนอย่างฉันไม่เคยดูถูกใคร ไม่เคยคิดจะทำให้ใครเดือดร้อน เว้นก็แต่พวกเขาจะหาเรื่องเองทั้งนั้น”คุณหนูสะบัดมือจากการเกาะกุม หายใจฟืดฟาดๆ จนอกกระเพื่อม“ตอนนี้เธอคงจะสะใจละสินะ ที่เห็นครอบครัวของฉันต้องหมดเนื้อหมดตัว”“อย่าเอาความคิดของตัวเองมาตัดสินคนอื่นสิคะ ฉันไม่เคยคิดว่าความเดือดร้อนของคนอื่นเป็นของหวานหรอกนะคะ โดยเฉพาะกับคุณและคุณแม่ของคุณ”“อย่ามาสร้างภาพหน่อยเลยน่า คอยดูเถอะ ฉันจะทวงของๆฉันคืนจากเธอให้หมดเลย”มาลินียิ้มบางๆ เธออดตำหนิมารดาไม่ได้ ถึงมันจะเป็นบาปก็เถอะ ท่านเลี้ยงดูบุตรสาวให้เป็นคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน นอกจากจะมีนิสัยชอบดูถูกคนอื่น ชอบใช้กำลัง และขี้อิจฉาแล้ว เธอยังเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริงอีกด้วย นี่ถ้าเอามาให้เธออบรม เธอจะบ่มเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า“เอาเถอะค่ะ ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดู”“ฉันทำได้แน่ แล้วเธอจะได้รู้จักฉันดีขึ้น” มาลินีผละจากช่อดาวมา โดยไม่หันไปมองอีกเลย แม้เธอจะรู้สึกเป็นห่วงเจ้าหล่อนอยู่บ้างก็เถอะ เธอสั่งพนักงานให้จัดการดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินไปหาสาม
“ผมคงไม่ได้มาเยี่ยมท่านอีก ขอให้มีความสุขกับคุก ลาตลอดชาตินะครับ”เมื่อจบธุระที่แดนคุมขังนักโทษ ชายหนุ่มเดินทางไปยังสถานที่จอดเครื่องบินส่วนตัวของอธีน่ากรุ๊ป เพื่อพบกับภรรยาที่รออยู่ จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นเครื่อง ออกเดินทางไปยังครีตในวันนี้ คฤหาสน์อันน่าสะพรึงกลัวถูกบูรณะซ่อมแซมเสียใหม่จนกลายเป็นคฤหาสน์แสนสวยที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ สวนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่และทุ่งดอกไม้สีม่วงสดได้รับการปรับปรุงดูแลอย่างเหมาะสม มีการตกแต่งสวนหย่อมภายในรั้วเหล็กและปลูกดอกไม้เพิ่มเติมจนเต็มแน่นทุกพื้นที่ ตกแต่งด้วยลานน้ำพุ รูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ มีผีเสื้อบินว่อนสร้างความมีชีวิตชีวาที่ซึ่งเคยเปรียบดั่งนรก บัดนี้กลับกลายเป็นสวรรค์ราวกับถูกเสก“สวยถูกใจคุณไหม” เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ “ที่โยนเหรียญส่วนตัวของคุณ”หญิงสาวยังคงมองสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าด้วยความทึ่ง“คุณทำได้ยังไง สวยจนจำบรรยากาศเดิมแทบไม่ได้”“บอกแล้วว่าเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง”“นอกจากมีเงินแล้ว ต้องเจ้าเล่ห์ขี้โกงด้วย”“ผมจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”“ฉันด่าต่างหาก”“ถ้างั้น เมียด่า แปลว่าจะเจริญ”เธอหัวเราะกับความกะล่อนของสามี เขาหัวเราะตาม ความส
เขาพูดจบก็หันหลังขวับ จะเดินจาก หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างเร่งร้อน“เดี๋ยวค่ะ” เธอประคองตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนร่างเซเกือบจะล้ม ชายหนุ่มอีกคนรีบเข้ามาจับตัวเธอไว้ แต่เธอไม่ได้สนใจเขาสักเท่าไหร่ เธอผละจากเขา เดินไปหาผู้ชายที่กำลังจะจากไป “ฉันต้องขอโทษแทนพ่อของฉันด้วยนะคะ ที่มีส่วนทำให้คุณต้องเป็นทุกข์และมีชีวิตที่เดียวดายมาโดยตลอด”เขาหยุดฝีเท้า แต่ไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาว“ได้โปรด อย่าเป็นทุกข์อีกเลยนะคะ เริ่มต้นชีวิตใหม่และมีความสุขกับทุกวัน”เขาหัวเราะในลำคอเบาๆราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลก เขาตัดสินใจหันกลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกครั้ง เขายิ้มมุมปาก สีหน้ามีกลิ่นเย้ยหยันนิดๆติดอยู่อย่างจับได้ ครานี้แหละ เธอถึงตระหนักว่าสองหนุ่มหน้าเหมือนกันไม่น้อย“ถ้านี่เป็นคำอวยพร ก็ขอบคุณ แต่ถ้าอยากให้ผมมีความสุขจริงๆละก็ คุณก็เลิกกับหมอนั่นเสียสิ แล้วมาอยู่กับผมที่นี่แทน”วิกเตอร์รีบเดินมาดึงตัวเธอไปอยู่ข้างๆทันที เหมือนกลัวจะถูกโฉบไป“มันจะมากไปแล้วนะโว้ย เธอเป็นเมียฉัน เป็นน้องสะใภ้ของนายนะ”นีโอนาสทำหน้าหยัน“ใครจะสน”น้องชายชี้หน้าพี่ชาย หญิงสาวรีบจับแขนคนใจร้อนไว้เพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนจากชี้เป็นก
“ช่วยไม่ได้ มันอยากโง่เองนี่นา” วิกเตอร์ไม่แปลกใจเลย เขาพอจะเดาเรื่องนี้ออกตั้งแต่ที่รู้ความจริงแล้ว สำหรับหญิงสาวก็เช่นเดียวกัน เธอนึกไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะเห็นความซื่อสัตย์ของปู่เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น เธออยากจะทุบหัวหมอนี่ให้ยุบไปเลย“เขาไม่รู้หรอก ว่าฉันแอบมองมาจากตู้เสื้อผ้า ด้วยสายตาแน่วแน่ เพื่อจะจดจารรายละเอียดทั้งหมด เพื่อฝังเอาไว้ในหัวสมอง” ภาพในอดีตย้อนกลับมาให้เขาคลั่ง เขาเล่าเหมือนกำลังมองเห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นอยู่ “ตอนที่เขาตบหน้าลูกชายของเขาด้วยความแรง และประกาศตัดขาดความเป็นพ่อลูก ฉันเฝ้ามองด้วยความสะใจ และบอกกับตัวเองว่าให้ใจเย็นๆเข้าไว้ และรอคอยให้เวลานี้มาถึง พระเจ้า และเธอก็มาที่นี่ มาเพื่อฉันจริงๆด้วย”น้ำเสียงของเขาน่ากลัวนัก วิกเตอร์หายใจไม่ค่อยทั่วท้องสักเท่าไหร่ หัวใจเต้นเร่า หวาดหวั่นว่าหญิงสาวจะได้รับอันตรายจากคนสติหลุด เขาจ้องมองหญิงสาวชนิดไม่ยอมกระพริบตา แต่เจ้าหล่อนกลับมีสีหน้าสงสัยมากกว่าจะหวาดกลัว นั่นเพราะเธอสัมผัสได้ว่าหัวใจของชายหนุ่มผู้กำความแค้น เต้นถี่ยิบและรุนแรงเหมือนจะระเบิดออกมา มันกระทุ้งลำตัวของเธอจนรู้สึกได้เป็นไปได้ไหมที่หมอนี่กำลังหวาดก