หน้าหลัก / โรแมนติก / บรรณาการเย้ารัก / Chapter 5.มีอะไรที่ข้าไม่ควรเห็นหรือ? 

แชร์

Chapter 5.มีอะไรที่ข้าไม่ควรเห็นหรือ? 

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-12 21:09:38

            “เกิดเรื่องใดขึ้น”  ฉู่ห่าวหรานเอ่ยถาม  หันซูจึงรายงานเท่าที่ทราบ อยู่ที่นี่มาปีเศษ ไม่ค่อยมีเรื่องร้ายใดนัก แรกๆ ชาวบ้านมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง แต่นานไปเมื่อเห็นว่าเขาเป็นเพียงอดีตขุนนางตกอับยากจนไร้บารมีจะส่งเสริมผู้ใด  จึงค่อยๆ ห่างหายเลิกสนใจไปเอง

            “ไม่ทราบขอรับ น่าจะเกิดเรื่องที่หมู่บ้าน คุณหนูเยว่ซินไปดูแล้วขอรับ”

            ฉู่ห่าวหรานยกน้ำชาขึ้นจิบแล้วเอ่ยถาม

 “เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับแม่นางเหอ”  

            “ตอนอยู่ที่เมืองหลวงเคยได้ยินเรื่องของนางมาบ้าง แต่บ่าวไม่เคยเห็นใบหน้านางสักครั้ง อันที่จริง คนที่อยากได้ยินแค่เสียงของนางยังต้องจ่ายหลายตำลึงทอง ผู้ที่จะได้พบหน้านางยิ่งน้อยนัก  ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าใช่ตัวจริงหรือไม่”

            “หรือฮ่องเต้ส่งผู้อื่นมาแทน”  ฉู่ห่าวหรานขมวดคิ้ว

            “บ่าวก็คิดเช่นนั้นขอรับ” ใบหน้านางแม้มิได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ไม่ถึงกับเรียกว่าหญิงงาม ยิ่งลักษณะนิสัยแล้ว เขากลับรู้สึกนางไม่มีทางเชี่ยวชาญดีดพิณ ผีผา ชงชาหรือร่ายรำใดๆ ได้เลย

            “ข้าไม่มีอำนาจใดในกำมือ ซ้ำยังอยู่ในภาพร่างกายเช่นนี้ คนผู้นั้นยังไม่คิดจะปล่อยข้าไปอีกหรือ”

            “ใต้เท้า”

            “ช่างเถอะ” เขาถอนหายใจเบาๆ “ข้าจะเข้าไปพักผ่อน หากนางกลับมาแล้วให้มารายงานข้าทันที”

            “ขอรับ”

            ผ่านไปราวสองชั่วยาม หญิงสาวจึงควบม้ากลับมาพร้อมหมาป่าตัวใหญ่ที่สิ้นใจแล้ว นางกระโดดลงจากหลังม้า พยักหน้ากับบ่าวรับใช้ที่ยืนสัพหงกอยู่หน้าประตูให้จูงม้าไปที่คอกม้า นางบิดตัวไปมาแล้วหาวปากกว้าง  ทว่าสายตาปะทะกับร่างสูงใหญ่ของพ่อบ้านที่ยืนรออยู่นานแค่ไหนไม่รู้

            “เหตุใดยังไม่หลับไม่นอน”  เยว่ซินถามน้ำเสียงระรื่น “อย่าบอกว่ารอข้านะ”

            “เป็นคำสั่งของใต้เท้าขอรับ”

            “อ่อ...” นางพยักหน้ารับ “มีฝูงหมาป่าบุกเข้ามาในหมู่บ้าน คงมีคนไปขโมยลูกมันมา พวกมันจึงพากันบุกเข้าหมู่บ้านอย่างไม่กลัวตาย”

            “หมาป่า?”  เขารู้ว่าแถบนี้มีหมาป่า เคยเจอบ้างแต่ไม่เคยไล่ล่าด้วยตนเอง

            “อืม” นางพยักหน้าอีกครั้ง “เจ้าไปรายงานท่านราชครูเถอะ ข้าดีใจยิ่งที่เขาเป็นห่วง ข้าปลอดภัยดี เข้านอนได้แล้ว อ้อ!ถึงช่วงนี้อากาศจะร้อน แต่ใกล้รุ่งอากาศกลับเย็น เจ้าดูแลท่านราชครูให้ดี”

            “ขะ...ขอรับ”

            “ไปเถอะๆ” นางโบกมือไล่ “ข้าจะไปพักผ่อนเช่นกัน”

            หันซูมองหญิงสาวเดินผ่านไปไม่สนใจอะไรเขาอีก เขาถอนหายใจหนักๆ หรือชีวิตเขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดสตรี จึงไม่รู้ว่าโลกนี้มีสตรีแปลกประหลาดเช่นนี้ เขาโคลงศีรษะไปมาแล้วเดินกลับไปรายงานฉู่ห่าวหราน

            แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าตลอดทั้งคืนเยว่ซินจัดการถลกหนังหมาป่าอย่างประณีต เนื้อก็นำมาตุ๋นเครื่องยาจีน กว่าจะเสร็จฟ้าก็สางแล้ว นางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินไปทิ้งตัวนอน  เวลาที่นางเข้าสู่ห้วงนิทราคือเวลาเดียวกับที่ฉู่ห่าวหรานตื่นนอนแล้ว

            แม้ไม่ต้องตื่นเช้าเข้าวังหลวง แต่เขาก็ตื่นเช้าเป็นปกติ หากไม่เขียนตำราก็อ่านหนังสือ สมบัติที่ขนมาจากเมืองหลวงคือหนังสือหลายสิบหีบ 

            เช้านี้มีโจ๊กธัญญพืช   รสชาติที่เปลี่ยนไปทำให้ฉู่ห่าวหรานรู้สึกแปลกพิกล หันซูเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายแล้วรีบเอ่ยถาม

            “ไม่ถูกปากหรือขอรับ”

            “ไม่คุ้นลิ้น” เขาตอบ ข้าวเคี่ยวจนกลายเป็นโจ๊กผสานกับธัญพืชได้อย่างพอดี เขารู้ว่าสถานการณ์การเงินของที่นี่ไม่สู้ดีนัก อาหารแต่ละมื้อแทบไม่เคยมีเนื้อสัตว์ และในบางวันโจ๊กก็ใสราวน้ำเปล่า ทว่าวันนี้กลับมีโจ๊กธัญพืชชามโต แรกทีเดียวเขาคิดว่าตนเองจะกินไม่หมด แต่ไม่รู้ว่าเพราะรสขาติที่ถูกปากหรือเพราะร่างกายไม่ได้กินของดีมานานทำให้กินได้มากกว่าปกติ

            “แม่นาง เอ่อ คุณหนูเยว่ซินทำไว้ก่อนเข้านอน นางให้แม่ครัวช่วยอุ่นให้ใต้เท้าขอรับ”

            “นางทำเองรึ”  นางทำให้เขาประหลาดใจอีกแล้ว สตรีเชี่ยวชาญเรื่องทำอาหารนั้นไม่แปลก แต่เมื่อคืนนางไป ‘ไล่ล่า’ หมาป่าแล้วยังกลับมาทำอาหารเช้าให้เขาอีกหรือ?

            “นางเข้านอนเมื่อใดกัน”

            “ได้ยินว่า ตอนนี้นางยังนอนอยู่ขอรับ”

            ชายนหนุ่มเริ่มอยากรู้เรื่องของนางมากขึ้น ทว่าเมื่อรู้ว่านางเพิ่งเข้านอนไปตอนฟ้าสาง เขาไม่คิดรบกวนนาง เอาเถิด ชีวิตมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย  หากจะมีอีกสักเรื่องสองเรื่องคงไม่หนักหนาไปกว่านี้

            กว่าหญิงสาวจะตื่นก็เที่ยงวันพอดี เมื่อหลับเต็มอิ่มร่างกายก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ตื่นมาก็หิวมาก โชคดีที่คฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตจนเกินไป  ล้างหน้าและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รีบวิ่งมาที่ห้องครัว

“ท่านป้าลี่จือ”  เยว่ซินส่งเสียงเรียกก่อนที่ตัวเองจะยื่นหน้าเข้าไปในห้องครัว  

            “คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

            “เที่ยงแล้วไม่ตื่นได้เหรอ” นางหัวเราะเสียงใสพูดคุยอย่างเป็นกันเองราวกับอยู่ที่นี่มานานนับปี “ข้าหิวแล้ว พอมีอะไรกินบ้างไหม”

            “กินบะหมี่ดีไหมเจ้าคะ”

            “อะไรก็ได้ ท่านป้าทำมาเลย ข้านั่งกินที่นี่แหละ ประเดี๋ยวต้องไปดูหนังหมาป่าที่ตากไว้อีก”

            “ฝีมือคุณหนูถลกหนังได้ดีเยี่ยมจริงๆ”

            “แน่นอนอยู่แล้วก็ข้านะคือ...”

            “คือ?”

            “คือ...คือเยว่ซินไงล่ะ”

            นางหัวเราะร่ากลบเกลื่อนแล้วเดินเลี่ยงไปดูหนังหมาป่าที่ตากไว้  ไม่ได้ทำนานนับปี ได้ทำอีกครั้งกลับจดจำได้แม่นยำ ต่อให้ปิดตานางก็ยังคงทำได้ดี   หนังหมาป่าผืนนี้นางตั้งใจมอบให้ฉู่ห่าวหราน  นางไม่มีสิ่งใดมอบให้เขา เจ้าหมาป่าตัวนี้น่าจะให้เป็นของขวัญกับเขาได้  ข้าวของที่ขนมาจากเมืองหลวง แท้จริงเป็นเพียงเสื้อผ้าของเหอเยว่ซิน แต่เพราะเหอเยว่ซินลอบหลบหนีอยู่ จึงไม่ต้องการนำเสื้อผ้างดงามเหล่านี้ไปด้วย สิ่งที่เหอเยว่ซินนำติดตัวไปคือเครื่องประดับมีราคา และตั๋วแลกเงิน

            เอาละ ประเดี๋ยวกินอาหารเช้า เอ่อ ไม่สิ อาหารเที่ยงเสร็จ นางจะได้พบฉู่ห่าวหรานและสารภาพ เอ่อ ไม่ใช่ๆ นางไม่ได้ทำอะไรผิดจะไปสารภาพทำไมกัน นางแค่ต้องเจรจาตกลงกับบุรุษผู้นั้น ให้เข้าใจว่า ‘เหอเยว่ซิน’ ไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยเหตุผลใด และหวังใจว่าเขาจะเข้าใจ ไม่เอาเรื่องเอาราวใดกับนางด้วย เท่านี้ภารกิจของนางก็จะลุล่วงไปด้วยดี เหลือเพียงสิ่งที่พ่อบุญธรรมฝากฝังในให้นางทำ...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 46. บทส่งท้าย 2 (จบ)

    “แล้ว...ท่าน...ท่านพี่ชอบข้าตรงไหน ทำไมท่านอยากแต่งงานกับข้า”‘ถามเอาตอนนี้มิช้าไปหน่อยหรือเจ้าลิงน้อย’ฉู่ห่าวหรานคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบเวลาที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”แม้มีบิดาเป็นบัณฑิต แต่เยว่ซินไม่ได้ลึกซึ้งกับถ้อยคำที่ต้องคิดสลับซับซ้อน ขณะที่นางคิดทบทวนคำพูดของเขา ปลายนิ้วของชายหนุ่มก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกที่ละชิ้น กว่านางจะรู้ตัว บนร่างก็เหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงปิดบังบัวตูมคู่งาม“อ๊ะ!” เยว่ซินได้สติรีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกแล้วหันหลังให้ เขาไม่เคยฝึกยุทธ์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดเปลื้องเสื้อผ้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เพราะหันหลังให้ เขาจึงเห็นรอยแผลเป็นสีชมพูจางๆ บนแผ่นหลังของนาง เด็กอายุสิบขวบได้รับบาดแผลขนาดนี้ นางต้องอดทนมากกว่าเขาหลายร้อยหลายพันเท่ากว่าจะผ่านมันมาได้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของนางได้เลย นั้นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากนางฉู่ห่าวหรานโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากกับรอยแผลของนางเบาๆ เยว่ซินสะดุ้งแต่ไม่กล้าเอี้ยวตัวกลับมามอง นางลืมไปเสียสนิทใจว่าตนหันหลังให้เขา“แผลอยู่ด้านหลังคงใส่ยาลำบากสินะ” เขาพูดเสียงพร่าชวนให้คนฟังหวั่นไหวพลางแกะสายเอี๊ยมเส้นเล็กด้านหลังขอ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 45. บทส่งท้าย 1.

    ‘คุณชายฉินฝากบอกคุณหนูว่า เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตจะเป็นคนรับซื้อไว้เองขอรับ’ หม่าเจียนอี้รายงานตามที่ฉินเฟยหลงกำชับไว้ ‘เขาจะต้องการไปทำไมเยอะแยะ’ แรกทีเดียวนางไม่เข้าใจนัก แต่หลังจากมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงเดินทางจากไปได้ราวสองเดือน นางได้ข่าวว่าในวังหลวงเกิดก่อกฎบ แต่ครั้งนี้ไม่สูญเสียเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากหลายฝ่ายทนพฤติกรรมฮ่องเต้ทรราชไม่ไหว รวมทั้งต้องการโคนล้มอำนาจเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ถึงเวลานี้นางคาดเดาได้แล้วว่าฉินเฟยหลงแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่ช่างเถอะ อย่างไรนางอยู่ที่นี่ไกลเมืองหลวงมาก หากไม่เพราะการข่าวของโรงรับจำนำเจิ้งจิงดีเยี่ยม นางคงไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่กว่าจะรู้ข่าวก็ผ่านมานานนับเดือน เพราะความใจลอยคิดเรื่องอื่น ทำให้เยว่ซินเผลอเหยียบชายกระโปรงตนเอง นางเสียจังหวะเล็กน้อย แต่มือข้างหนึ่งยืนมาประคองนางไว้ก่อน “ไหวหรือไม่” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือนความห่วงใย ทำให้เยว่ซินรู้ว่ามือที่ประคองนางอยู่คือใคร ทว่านางมองที่พื้นเห็นรองเท้าบุรุษยืนใกล้ม

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 44. เจ้าจะไปไหน

    มู่หงเทียนคืนหยกชิ้นนั้นให้เซียงเริ่นเจิน “หยกชิ้นนี้เป็นหยกลายเมฆที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้” ฉินเฟยหลงปรายตามองเล็กน้อยก่อนเผยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่า วันข้างหน้า หากพวกเจ้าต้องการล้างมลทินหาคนผิดมาลงโทษ ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่” เซียงเริ่นเจินไม่รู้ว่าที่แท้ฉินเฟยหลงเป็นใคร รู้เพียงว่าเขามีลักษณะโดดเด่นเหนือคนทั่วไป แต่ลึกๆ เขากลับรู้สึกมีความหวัง การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แม้เขาเป็นขุนนางแต่ก็คาดหวังเห็นความสุขของชาวบ้านเหนือสิ่งอื่นใด “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องเดินทาง” มู่หงเทียนเอ่ยกับทุกคน แต่สายตาหยุดที่ฉู่ห่าวหราน “ข้าหวังใจว่าเจ้าจะกลับไปช่วยงานอีกครั้ง” ฉู่ห่าวหรานไม่ได้ปากตอบรับ เขาเพียงส่งยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือคารวะ “ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย” หลังจากสิ้นสุดการสนทนา ทั้งหมดออกมาส่งมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงขึ้นรถม้า ทว่ายังมีรถม้าโกโรโกโสคุ้นตารออยู่ไม่ไกล เยว่ซินจำได้ดีว่าเป็นรถม้าของฉู่ห่าวหราน “ทำไมรถม้าของท่านมาอยู่ตรงนี้” “ข้าเองก็ต้องกลับคฤหาสน์เชิงเขาแล้ว” “

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 43. ไขว่คว้าความสุข

    ฉู่ห่าวหรานตื่นจากภวังค์พลิกฝ่ามือหงายขึ้นแล้วประสานมือกับนางแล้วส่งยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย” ท่าทีสนิทสนมและอาการห่วงใยเต็มเปี่ยมนี้ ทำเอาพ่อและแม่บุญธรรมรวมทั้งฉินเฟยหลง นั่งยิ้มกริ่มแม้แต่หันซูที่เคยไม่ชอบนิสัยไร้มารยาทของนางยังยอมรับว่า ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่ง คู่สวรรค์สร้างเช่นนี้ไม่แต่งงานกันได้อย่างไร เยว่ซินเพิ่งรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาจึงคิดชักมือกลับแต่ฉู่ห่าวหรานบีบมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย จะว่าไป นางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเขา แต่ทำไม นางไม่สามารถดึงมือตนเองกลับมาได้ การที่เขากุมมือไว้มันรู้สึกดีเหลือเกิน “เด็กโง่” มู่ยี่หัวเราะร่า พอใจที่เห็นว่าที่ลูกเขยใส่ใจลูกสาวบุญธรรมอย่างดี “บุรุษที่ดีเช่นนี้ต้องรีบคว้าไว้สิ ” “พวกท่านไม่เข้าใจ” นางหมายถึงบาดแผลไฟไหม้บนแผ่นหลังของนาง เป็นสามีภรรยา ยามร่วมหอต้องเปลือยกายแล้วเขาเห็นแผลเป็นของนางจะไม่หมดเสน่หาไปหรือ? แม้ฉู่ห่าวหรานยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางยังเป็นกังวลอยู่ดี “แผลเป็นของฉู่ห่าวหรานรักษาได้ แผลเป็นของเจ้าก็รักษาได้เช่นก

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 42. พี่เขย

    “ขออภัยแม่นางเหอ ตอนนี้จิตใจของข้าอยู่ที่การดูแลซินเอ๋อร์ คงไม่มีใจไปทำสิ่งอื่นได้” “ซะ...ซิน...ซินเอ๋อร์” เยว่ซินทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเรียกนางสนิทสนมอย่างนี้ “คุณชายฉินเรียกเจ้าว่าซินเอ๋อร์ได้แล้วข้าเรียกไม่ได้รึ” ฉู่ห่าวหรานยังคงน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาจ้องเขม็งที่นางทำให้หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก ท่าทางของเยว่ซินทำให้ฉินเฟยหลงหัวเราะด้วยความพอใจ “เรียกซินเอ๋อร์นั้นเหมาะสมแล้ว” ฉินเฟยหลงพอใจที่เห็นฉู่ห่าวหรานแสดงท่าทีชัดเจนเช่นนี้ ก็คงมีลิงน้อยโง่งมของเขาที่ดูไม่ออกหรือไรว่าอีกฝ่ายมีใจให้นาง “เอาล่ะ ข้ามาเพื่อกล่าวลา และหวังใจว่าจะได้พบท่านราชครูฉู่ที่เมืองหลวง ท่านมิต้องรีบให้คำตอบข้า แค่เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะถามท่านอีกครั้ง” “ขอบคุณคุณชายฉิน” ฉินเฟยหลงผงกศีรษะให้เล็กน้อย แล้วจับท่อนแขนของเหอเยว่ซิน กึ่งลากกึ่งจูงออกมาทันที ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาเตือนนางแล้ว แต่นางยังกล้าทอดสะพานให้ฉู่ห่าวหรานอีก สตรีผู้นี้น่าชังยิ่งนัก “เอ๊ะ!” “ยังจะอยู่อีกเรอะ” เหอเยว่ซินกัดริมฝีปากไม่กล้าโต้เถียงอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาลากออกมา ฉู่ห่าวหรานถอนใจเบาๆ ในห้องเหลือเพียงเขา

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 41. คนมีแผลอยู่ด้วยกันไม่ดีหรือไร

    “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรไม่รู้ มาช่วยข้าเตรียมอาหารเถิด” “ได้เจ้าค่ะ ฮูหยิน” “เชี่ยวเมิ่น!” เสียงหัวเราะหวานใสของทั้งสองคนทำให้ห้องครัวเล็กๆ ดูอบอุ่นขึ้น เชี่ยวเมินติดตามจางฮุ่ยเหมยมานาน ลำบากมาด้วยกันก็มาก นางได้แต่หวังว่านายของตนจะพบความสุขเสียที. ฉินเฟยหลงเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของหญิงสาวก็เดาความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจอยู่หลายส่วน “แม่นางเหอ” เจ้าของชื่อตัวจริงถึงกับสะดุ้ง เหอเยว่ซินที่ยืนอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ มือที่ประคองถาดขนมหวานสั่นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยทักทาย “คุณชายฉินเฟยหลง” แม้เขาจะยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน เขาคลี่พัดในมือโบกเบาๆ แสร้งทำเป็นมองเข้าไปด้านใน“อ่อ...ท่านราชครูฉู่อยู่กับซินเอ๋อร์ที่นี่เองหรือ? แหม...ดูเอาใจใส่ซินเอ๋อร์ดีเหลือเกิน” ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าของเหอเยว่ซินแล้วพูดต่อ “เจ้าคงคิดสินะว่า ที่ตรงนั้นควรเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status