Share

Chapter 4.สตรีประหลาด

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-12 21:09:19

            “ข้าน้อยจะไปเตือนพวกเขา...”

            “ช่างเถอะ”  เขาโบกมือห้ามแล้วเข็นรถที่ห้องหนังสือ ทุกอย่างยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยดี แต่เหมือนมีบางอย่างไม่เหมือนเดิม

            “มีใครเข้ามาในนี้หรือไม่”

            “มีแค่บ่าวไพร่เอาหนังสือออกมาตากแดดขอรับ” หันซูกล่าวไปตามจริง “หรือนายท่านเห็นสิ่งใดผิดปกติขอรับ”

            “ไม่มีอะไร ข้าคิดมากไปเอง เจ้าไปชงชามาเถิด ข้าจะอยู่อ่านตำราที่นี่”

            “ขอรับ”

            เมื่ออยู่คนเดียว ฉู่ห่าวหรานอดคิดถึงสตรีนางนั้นไม่ได้ ครึ่งเดือนที่เขาตั้งใจหลบหน้า คิดว่านางคงร้องไห้ฟูมฟายกับชะตากรรมแสนอาภัพที่ต้องมาอยู่ไกลในหมู่บ้านชนบทเช่นนี้ เขาคิดจะปล่อยให้นางเศร้าโศกให้พอ แล้วเจรจาเรื่องหาที่ทางให้นางออกจากที่นี่ไปใช้ชีวิตที่ดีกว่า  เขาไม่รู้ว่าเหตุใด คนที่ไม่เป็นที่โปรดปรานเช่นเขาจึงได้รับหญิงบรรณาการเช่นนี้

            หรือฮ่องเต้ยังคงไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ  จึงส่งคนมาสอดแนมและส่งข่าว

            ปลายนิ้วยกขึ้นแตะแผลเป็นบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว

            ครานั้น องค์ชายสามก่อกบฏ ลอบปลงพระชมน์ฮ่องเต้หมายสถาปนาตนเองขึ้นครองบัลลังก์  แต่เขาใช้ชีวิตเข้าแลกปกป้องรัชทายาทจนตัวเองบาดเจ็บสาหัส  เมื่อฟื้นขึ้นจึงรู้ว่าองค์ชายสามสิ้นพระชมน์แล้วและรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์สืบทอดต่อจากพระบิดา สภาพของเขาหลังฟื้นจากความตายสูญสิ้นทุกสิ่งอย่าง แม้ฮ่องเต้องค์ใหม่ส่งหมอหลวงมารักษาอาการบาดเจ็บของเขา แต่ก็ไม่อาจกลับมาใช้ชีวิตปกติได้  จนสุดท้ายจึงได้รับอนุญาตให้กลับมาพักฟื้นที่นี่  ความจริง ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว เขายังไม่เข้าใจ เหตุใดส่งหญิงคณิกามาให้เขา ทั้งที่ตอนอยู่เมืองหลวง เขาเองไม่เคยย่างเท้าเข้าสถานที่เช่นนั้นเลย

            ฉู่ห่าวหรานดำดิ่งในความห้วงความคิดของตนเอง ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเพียงใด  ตื่นจากภวังค์ก็เมื่อใบหน้าสดใสและรอยยิ้มกว้างยื่นมาใกล้แล้วเอ่ยขึ้น

            “ข้าวเย็นพร้อมแล้ว”  หญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม หลังจากยุ่งในครัวอยู่ร่วมชั่วยามก็ทำทุกอย่างเรียบร้อย รีบวิ่งกลับไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเชิญเขาไปกินข้าวด้วยตนเอง

            “ข้าให้บ่าวตั้งโต๊ะแล้ว ท่านมากินข้าวเถิด”  นางพยักหน้าเชิญชวน “กินร้อนๆ จะอร่อยมาก ถ้าท่านไม่มากินตอนนี้ ก็ต้องไปอุ่นใหม่อีก เพราะฉะนั้น มากินข้าวเร็วๆ”

            นางเร่งเขาแล้วเดินนำหน้ามาก่อน ปล่อยให้หันซูเข็นรถเข็นของฉู่ห่าวหรานมาโต๊ะกินข้าว อาหารหลายอย่างทำให้สองนายบ่าวแปลกใจ ปกตินายท่านกินง่ายอยู่ง่าย อาหารแค่สองอย่างก็เพียงพอแล้ว แต่วันนี้มีมากหลากหลายราวกับจะเลี้ยงคนสักสี่ห้าคนเลยทีเดียว

            “นี่หัวปลาต้มซี้อิ้ว ”  นางพูดแล้วตักใส่ชามวางตรงหน้าเขา “ส่วนเนื้อปลาข้าเอาไปทอดทำปลาผัดเปรี้ยวหวาน  ข้าขึ้นเขาได้เห็ดสดๆ มาหลายอย่างเลยเอามาทำไข่ผัดเห็ดเต้าหูอ่อน และน้ำแกงปลาของท่าน ชิมได้เลย ถ้าคาวไม่ถูกปากก็ยกให้หันซูกินได้”

            นางบรรยายรายการอาหารเสร็จก็ยื่นผ้าเปียกส่งให้ หันซูรับมาให้นายท่านเช็ดมือ  เยว่ซินไหวไหล่ไม่ใส่ใจที่เขาไม่รับผ้าเปียกจากมือนาง หญิงสาวเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงหยิบตะเกียบเตรียมกินข้าว

            “กินได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”  พูดพลางใช้ตะเกีอบคีบเห็ดวางบนถ้วยข้าวให้เขา “ครัวของท่านมีเครื่องปรุงรสเยอะมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าคฤหาสน์ซอมซ่อของท่านจะมีครัวดั่งทองคำเช่นนี้”

            “เอ่อ...”  หันซูพูดอะไรไม่ออก ไม่นึกว่าต้องเจอสตรีพูดไม่หยุด พูดเองเออเองคนเดียวก็ได้

            “นั่งสิ กินด้วยกัน”  นางพยักหน้าให้หันซู แล้วหันไปมองทางฉู่ห่าวหราน “อยู่กับแค่นี้ ใต้เท้าไม่คิดเล็กคิดน้อยใช่ไหม”

            “ไม่หรอก” ฉู่ห่าวหรานยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าอนุญาตให้หันซูนั่งกินข้าวพร้อมกัน

            ฉู่ห่าวหรานชิมน้ำแกงปลา เขาเป็นคนไม่ชอบรสคาวในอาหาร ทำให้เลี่ยงกินอาการจำพวกเนื้อสัตว์ จนคนอื่นเข้าใจไปว่าเขากินเจ แต่เมื่อชิมอาหารที่นางทำแล้ว นับได้ว่านางไม่ได้กล่าวเกินจริง

            “อร่อยก็บอกอร่อย ข้าไม่ถือหรอกนะ”  นางยิ้มแล้วคีบชิ้นปลาวางในถ้วยข้าวของฉู่ห่าวหรานแล้วจึงทำเช่นเดียวกันกับหันซู

            “อืม อร่อยจริงๆด้วย”  หันซูหลุดปากชื่นชมออกมา เขามองนายท่านเป็นระยะๆ เมื่อผู้เป็นนายไม่ปฏิเสธ เขาก็กินข้าวคำโต

            ฉู่ห่าวหรานลอบมองหญิงสาว แต่นางกลับสบตากับเขาไม่มีหลบสายตา นางกินข้าวคำโต ไม่มีท่าทีละเลียดกินที่ละคำ

            “ข้าไม่ได้ใส่ยาพิษในอาหาร แต่ถ้าจะทำจริง ข้าใส่ยาปลุกกำหนัดดีกว่า”

            “แค่กๆๆ เจ้า...เจ้า” หันซูถึงกำสำลัก  เยว่ซินส่ายหน้าไปมาแล้วรีบรินน้ำส่งให้

            “เจ้านี่ใช้ไม่ได้เลย ไม่สมกับเป็นองครักษ์ของท่านราชครูเลย”

            “แม่นางเหอ”  ฉู่ห่าวหรานเอ่ยขึ้น

            “เรียกข้าว่าเยว่ซิน”  นางฉีกยิ้ม “หรือจะเรียกน้องหญิง หรือฮูหยิน  ข้าก็ไม่รังเกียจ”

            “เจ้า!”

            “กินข้าวๆ” นางคีบเนื้อปลาส่งให้หันหู  “กินข้าวก่อน  ข้ารอพบท่านราชครูตั้งครึ่งเดือนแล้ว รอกินข้าวเสร็จแล้วจะได้คุยธุระสำคัญ”

            ถ้อยคำของนางทำให้ฉู่ห่าวหรายเงยหน้าขึ้น เขาสบตากับหญิงสาว ดวงตาใสกระจ่างจ้องมองกลับไม่มีหลบสายตา หรือแสดงท่าทีเขินอาย เขาเผลอขมวดคิ้วพร้อมกับได้ยินเสียงคำถามในหัว 

‘นางเป็นใครกันแน่’.

          เสียงเคาะเกราะไม้ส่งสัญญาณเตือนภัย ดังมาจากหมู่บ้าน คฤหาสน์หลังงามตั้งอยู่เชิงเขา ห่างจากหมู่บ้านพอสมควรแต่ยังได้ยินเสียงนั้น   บ่าวรับใช้ที่มีอยู่ไม่กี่คนได้ยินเสียงชัดเจนต่างจับกลุ่มพูดคุยกัน คนเหล่านี้เพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานก็จริง พื้นเพเป็นชาวบ้านธรรมดาที่ไร้ที่ไปจำใจขายตัวเป็นทาส มิใช่บ่าวรับใช้ที่เดินทางจากเมืองหลวง

            เดิมทีเยว่ซินตั้งใจว่า หลังกินมื้อเย็นแล้วจะเจรจากับฉู่ห่าวหรานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ทว่าเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยทำให้เปลี่ยนใจเรียกบ่าวมาสอบถาม นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยกับพ่อบ้าน

            “ขอยืมม้าสักประเดี๋ยว ข้าจะเข้าไปดูในหมู่บ้านหน่อย”

            “หา! เอ่อ ...แม่นาง เอ่อ คุณหนูเยว่ซินว่าอะไรนะขอรับ”

            “หาอะไรของเจ้า”  เยว่ซินทำตาดุใส่ “เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลท่านราชครู ข้าไปครู่เดียว”

            นางไม่รอฟังคำอนุญาตของใครทั้งสิ้น  ยกชายกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งเร็วๆ จากไปทันที

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 46. บทส่งท้าย 2 (จบ)

    “แล้ว...ท่าน...ท่านพี่ชอบข้าตรงไหน ทำไมท่านอยากแต่งงานกับข้า”‘ถามเอาตอนนี้มิช้าไปหน่อยหรือเจ้าลิงน้อย’ฉู่ห่าวหรานคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบเวลาที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”แม้มีบิดาเป็นบัณฑิต แต่เยว่ซินไม่ได้ลึกซึ้งกับถ้อยคำที่ต้องคิดสลับซับซ้อน ขณะที่นางคิดทบทวนคำพูดของเขา ปลายนิ้วของชายหนุ่มก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกที่ละชิ้น กว่านางจะรู้ตัว บนร่างก็เหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงปิดบังบัวตูมคู่งาม“อ๊ะ!” เยว่ซินได้สติรีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกแล้วหันหลังให้ เขาไม่เคยฝึกยุทธ์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดเปลื้องเสื้อผ้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เพราะหันหลังให้ เขาจึงเห็นรอยแผลเป็นสีชมพูจางๆ บนแผ่นหลังของนาง เด็กอายุสิบขวบได้รับบาดแผลขนาดนี้ นางต้องอดทนมากกว่าเขาหลายร้อยหลายพันเท่ากว่าจะผ่านมันมาได้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของนางได้เลย นั้นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากนางฉู่ห่าวหรานโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากกับรอยแผลของนางเบาๆ เยว่ซินสะดุ้งแต่ไม่กล้าเอี้ยวตัวกลับมามอง นางลืมไปเสียสนิทใจว่าตนหันหลังให้เขา“แผลอยู่ด้านหลังคงใส่ยาลำบากสินะ” เขาพูดเสียงพร่าชวนให้คนฟังหวั่นไหวพลางแกะสายเอี๊ยมเส้นเล็กด้านหลังขอ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 45. บทส่งท้าย 1.

    ‘คุณชายฉินฝากบอกคุณหนูว่า เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตจะเป็นคนรับซื้อไว้เองขอรับ’ หม่าเจียนอี้รายงานตามที่ฉินเฟยหลงกำชับไว้ ‘เขาจะต้องการไปทำไมเยอะแยะ’ แรกทีเดียวนางไม่เข้าใจนัก แต่หลังจากมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงเดินทางจากไปได้ราวสองเดือน นางได้ข่าวว่าในวังหลวงเกิดก่อกฎบ แต่ครั้งนี้ไม่สูญเสียเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากหลายฝ่ายทนพฤติกรรมฮ่องเต้ทรราชไม่ไหว รวมทั้งต้องการโคนล้มอำนาจเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ถึงเวลานี้นางคาดเดาได้แล้วว่าฉินเฟยหลงแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่ช่างเถอะ อย่างไรนางอยู่ที่นี่ไกลเมืองหลวงมาก หากไม่เพราะการข่าวของโรงรับจำนำเจิ้งจิงดีเยี่ยม นางคงไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่กว่าจะรู้ข่าวก็ผ่านมานานนับเดือน เพราะความใจลอยคิดเรื่องอื่น ทำให้เยว่ซินเผลอเหยียบชายกระโปรงตนเอง นางเสียจังหวะเล็กน้อย แต่มือข้างหนึ่งยืนมาประคองนางไว้ก่อน “ไหวหรือไม่” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือนความห่วงใย ทำให้เยว่ซินรู้ว่ามือที่ประคองนางอยู่คือใคร ทว่านางมองที่พื้นเห็นรองเท้าบุรุษยืนใกล้ม

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 44. เจ้าจะไปไหน

    มู่หงเทียนคืนหยกชิ้นนั้นให้เซียงเริ่นเจิน “หยกชิ้นนี้เป็นหยกลายเมฆที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้” ฉินเฟยหลงปรายตามองเล็กน้อยก่อนเผยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่า วันข้างหน้า หากพวกเจ้าต้องการล้างมลทินหาคนผิดมาลงโทษ ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่” เซียงเริ่นเจินไม่รู้ว่าที่แท้ฉินเฟยหลงเป็นใคร รู้เพียงว่าเขามีลักษณะโดดเด่นเหนือคนทั่วไป แต่ลึกๆ เขากลับรู้สึกมีความหวัง การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แม้เขาเป็นขุนนางแต่ก็คาดหวังเห็นความสุขของชาวบ้านเหนือสิ่งอื่นใด “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องเดินทาง” มู่หงเทียนเอ่ยกับทุกคน แต่สายตาหยุดที่ฉู่ห่าวหราน “ข้าหวังใจว่าเจ้าจะกลับไปช่วยงานอีกครั้ง” ฉู่ห่าวหรานไม่ได้ปากตอบรับ เขาเพียงส่งยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือคารวะ “ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย” หลังจากสิ้นสุดการสนทนา ทั้งหมดออกมาส่งมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงขึ้นรถม้า ทว่ายังมีรถม้าโกโรโกโสคุ้นตารออยู่ไม่ไกล เยว่ซินจำได้ดีว่าเป็นรถม้าของฉู่ห่าวหราน “ทำไมรถม้าของท่านมาอยู่ตรงนี้” “ข้าเองก็ต้องกลับคฤหาสน์เชิงเขาแล้ว” “

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 43. ไขว่คว้าความสุข

    ฉู่ห่าวหรานตื่นจากภวังค์พลิกฝ่ามือหงายขึ้นแล้วประสานมือกับนางแล้วส่งยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย” ท่าทีสนิทสนมและอาการห่วงใยเต็มเปี่ยมนี้ ทำเอาพ่อและแม่บุญธรรมรวมทั้งฉินเฟยหลง นั่งยิ้มกริ่มแม้แต่หันซูที่เคยไม่ชอบนิสัยไร้มารยาทของนางยังยอมรับว่า ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่ง คู่สวรรค์สร้างเช่นนี้ไม่แต่งงานกันได้อย่างไร เยว่ซินเพิ่งรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาจึงคิดชักมือกลับแต่ฉู่ห่าวหรานบีบมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย จะว่าไป นางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเขา แต่ทำไม นางไม่สามารถดึงมือตนเองกลับมาได้ การที่เขากุมมือไว้มันรู้สึกดีเหลือเกิน “เด็กโง่” มู่ยี่หัวเราะร่า พอใจที่เห็นว่าที่ลูกเขยใส่ใจลูกสาวบุญธรรมอย่างดี “บุรุษที่ดีเช่นนี้ต้องรีบคว้าไว้สิ ” “พวกท่านไม่เข้าใจ” นางหมายถึงบาดแผลไฟไหม้บนแผ่นหลังของนาง เป็นสามีภรรยา ยามร่วมหอต้องเปลือยกายแล้วเขาเห็นแผลเป็นของนางจะไม่หมดเสน่หาไปหรือ? แม้ฉู่ห่าวหรานยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางยังเป็นกังวลอยู่ดี “แผลเป็นของฉู่ห่าวหรานรักษาได้ แผลเป็นของเจ้าก็รักษาได้เช่นก

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 42. พี่เขย

    “ขออภัยแม่นางเหอ ตอนนี้จิตใจของข้าอยู่ที่การดูแลซินเอ๋อร์ คงไม่มีใจไปทำสิ่งอื่นได้” “ซะ...ซิน...ซินเอ๋อร์” เยว่ซินทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเรียกนางสนิทสนมอย่างนี้ “คุณชายฉินเรียกเจ้าว่าซินเอ๋อร์ได้แล้วข้าเรียกไม่ได้รึ” ฉู่ห่าวหรานยังคงน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาจ้องเขม็งที่นางทำให้หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก ท่าทางของเยว่ซินทำให้ฉินเฟยหลงหัวเราะด้วยความพอใจ “เรียกซินเอ๋อร์นั้นเหมาะสมแล้ว” ฉินเฟยหลงพอใจที่เห็นฉู่ห่าวหรานแสดงท่าทีชัดเจนเช่นนี้ ก็คงมีลิงน้อยโง่งมของเขาที่ดูไม่ออกหรือไรว่าอีกฝ่ายมีใจให้นาง “เอาล่ะ ข้ามาเพื่อกล่าวลา และหวังใจว่าจะได้พบท่านราชครูฉู่ที่เมืองหลวง ท่านมิต้องรีบให้คำตอบข้า แค่เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะถามท่านอีกครั้ง” “ขอบคุณคุณชายฉิน” ฉินเฟยหลงผงกศีรษะให้เล็กน้อย แล้วจับท่อนแขนของเหอเยว่ซิน กึ่งลากกึ่งจูงออกมาทันที ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาเตือนนางแล้ว แต่นางยังกล้าทอดสะพานให้ฉู่ห่าวหรานอีก สตรีผู้นี้น่าชังยิ่งนัก “เอ๊ะ!” “ยังจะอยู่อีกเรอะ” เหอเยว่ซินกัดริมฝีปากไม่กล้าโต้เถียงอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาลากออกมา ฉู่ห่าวหรานถอนใจเบาๆ ในห้องเหลือเพียงเขา

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 41. คนมีแผลอยู่ด้วยกันไม่ดีหรือไร

    “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรไม่รู้ มาช่วยข้าเตรียมอาหารเถิด” “ได้เจ้าค่ะ ฮูหยิน” “เชี่ยวเมิ่น!” เสียงหัวเราะหวานใสของทั้งสองคนทำให้ห้องครัวเล็กๆ ดูอบอุ่นขึ้น เชี่ยวเมินติดตามจางฮุ่ยเหมยมานาน ลำบากมาด้วยกันก็มาก นางได้แต่หวังว่านายของตนจะพบความสุขเสียที. ฉินเฟยหลงเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของหญิงสาวก็เดาความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจอยู่หลายส่วน “แม่นางเหอ” เจ้าของชื่อตัวจริงถึงกับสะดุ้ง เหอเยว่ซินที่ยืนอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ มือที่ประคองถาดขนมหวานสั่นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยทักทาย “คุณชายฉินเฟยหลง” แม้เขาจะยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน เขาคลี่พัดในมือโบกเบาๆ แสร้งทำเป็นมองเข้าไปด้านใน“อ่อ...ท่านราชครูฉู่อยู่กับซินเอ๋อร์ที่นี่เองหรือ? แหม...ดูเอาใจใส่ซินเอ๋อร์ดีเหลือเกิน” ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าของเหอเยว่ซินแล้วพูดต่อ “เจ้าคงคิดสินะว่า ที่ตรงนั้นควรเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status