Share

บทที่ 0008

เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องทำงานของที่ปรึกษาทันที

"เย่เจียเหอ เมื่อวานตอนเย็นที่หน้ามหาลัยเธอได้ช่วยคุณยายคนหนึ่งเอาไว้ ใช่ไหม?"

อาจารย์ที่ปรึกษาถามเธออย่างจริงจัง

เย่เจียเหอตกตะลึง

แม้ว่าเธอจะช่วยคนโดยไม่หวังคำชื่นชม แต่อาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่น่าจะมีท่าทีแบบนี้ใช่ไหม?

เธอพยักหน้า "ฉันเป็นคนช่วยเองค่ะ"

อาจารย์ที่ปรึกษาพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า "ตอนนี้ คุณยายท่านนั้นได้เสียชีวิตแล้วนะ ญาติคนไข้ยังสงสัยว่าเธอที่ช่วยเหลือใช้ยาที่ไม่เหมาะสม ถึงได้พลาดโอกาสในการช่วยชีวิตไปด้วย อีกอย่าง เธอก็เป็นแค่นักศึกษา แม้แต่ใบอนุญาตของแพทย์ก็ยังไม่มีเลย"

เย่เจียเหอตกใจและพูดว่า "คุณยายท่านั้นไปถึงโรงพยาบาลแล้วยังช่วยเอาไว้ไม่ได้หรือคะ? แต่ว่าอาจารย์คะ ตอนที่ฉันช่วยนั้นเธอฟื้นขึ้นมาแล้วนะคะ หากไม่ช่วย เธอก็คงจะเสียไปแล้วนะคะ"

"ตอนนี้เธอมาบอกเรื่องนี้กับฉันจะมีประโยชน์อะไร?" อาจารย์ที่ปรึกษาพูดอย่างไม่พอใจว่า "ผมย้ำนักย้ำหนากับพวกเธอว่า ตอนนี้พวกเธอยังอยู่ในช่วงของการศึกษาเท่านั้น อย่าใจกล้าเกินไป ตอนนี้เป็นไงล่ะ ไม่เพียงแค่ญาติคนตายจะฟ้องเธอเท่านั้น แต่ยังฟ้องมหาลัยเราอีกด้วยนะ! เธอรู้หรือเปล่า เธอได้สร้างเรื่องเอาไว้ใหญ่แค่ไหน?"

เย่เจียเหอพูดอย่างดื้อรั้นว่า "ฉันไม่ผิดนะคะ! แต่ฉันกลับดีใจเสียอีกว่าตัวเองเป็นนักศึกษาที่ดีคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นแล้ว ฉันก็คงทำได้แค่มองเห็นคุณยายตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย"

"ตอนนี้มหาลัยขอให้เธอหยุดการเรียนทั้งหมด และกลับไปทบทวนตัวเองให้ดี" อาจารย์ที่ปรึกษากล่าวว่า "หากเรื่องนี้เกี่ยวพันมาถึงมหาลัย อนาคตของเธอเองอาจจะถูกตัดไปอีกด้วยก็ได้นะ"

เย่เจียเหอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่น่าเชื่อ "ทำไมถึงต้องระงับการเรียนของฉันด้วย? ฉันกำลังช่วยคน ไม่ได้ทำร้ายคนสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาระงับการเรียนของฉันแบบนี้?"

"นี่เป็นการตัดสินใจของมหาลัย ฉันมีหน้าที่แจ้งให้เธอทราบเท่านั้น" อาจารย์ที่ปรึกษาเตือนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า "เธอบอกว่าเธอกำลังช่วยคนอยู่ แต่ปัญหาก็คือ คนที่เธอได้ช่วยนั้นได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในคืนนั้นเลยนะ!"

หลังเดินออกมาจากห้องทำงานของอาจารย์ที่ปรึกษา ในที่สุดเย่เจียเหอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

เธอทั้งน้อยใจ และรู้สึกสั่นสะท้านเอาเสียมากๆ

เธอไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งที่ตัวเองทำหน้าที่ของหมออย่างเต็มที่ แต่ผลที่ได้รับกลับเป็นว่าเธอถูกมหาลัยไล่ออกอย่างหดหู่ใจ

พอมาถึงประตู น้ำสกปรกกะละมังหนึ่งก็ได้สาดมาที่เธออย่างจัง เย่เจียเหอตื่นตระหนกและก็เปียกโชกไปทั้งตัว

ทันทีหลังจากนั้น หญิงวัยกลางคนสองคนก็เดินเข้าหาเธออย่างเดือดดาล

เย่เจียเหอถูกผู้หญิงสองคนนั้นกระชากผมเอาไว้

พวกเธอร้องไห้และตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง "เธอมันไม่มีจรรยาบรรณแพทย์เอาเสียเลย คืนแม่ของฉันมาเดี๋ยวนี้นะ!"

เย่เจียเหอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เธอจึงตะลึงงันอยู่แบบนั้น

ผมของเธอถูกกระชากจนรู้สึกเจ็บ ราวกับหนังศีรษะจะหลุดออกมาเสียให้ได้

"พวกคุณปล่อยฉันนะ!"

เย่เจียเหอดิ้นรนและพูดว่า "มันไม่ใช่เป็นอย่างที่พวกคุณคิดนะ!"

แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยัยป้าจอมโวยวาย คำอธิบายทั้งหมดก็ดูเหมือนจะบางเบาและไร้พลังไปหมด

เย่เจียเหอถูกพวกเธอรังแกอย่างป่าเถื่อน และไม่สามารถตอบโต้ได้

และในขณะนี้ ก็มีแรงมหาศาลได้มาผลักผู้หญิงวัยกลางคนสองคนนั้นออกไป

"พวกคุณอย่ามาแตะต้องลูกสาวของฉันนะ!"

ทันใดนั้นเย่เฉาหมิงก็รีบวิ่งเข้ามาปกป้องเย่เจียเหอไว้ข้างหลัง ชี้ไปที่มนุษย์ป้าทั้งสองคนพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "มีอะไรก็พูดกันดีๆก็ได้นี่ หรือไม่พวกคุณก็ไปฟ้อง พวกเราไม่กลัวหรอกนะ!"

และคนขับรถของเย่เฉาหมิงก็รีบมาในเวลานี้ด้วยเช่นกัน

ผู้หญิงสองคนนั้นมองหน้ากันไปมา

ตรงหน้าคือผู้ชายสองคนที่กำลังคุ้มกันเย่เจียเหออยู่ พวกเธอก็ไม่กล้าจะทำอะไรผลีผลามด้วยเช่นกัน ได้แต่พูดขึ้นมาว่า "แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ทำให้แม่ของฉันต้องตาย เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆอย่างแน่นอน"

หลังจากที่พวกเธอจากไป แม้แต่การร้องไห้เย่เจียเหอก็ลืมไปหมดสิ้น

ใบหน้าของเธอซีดเผือด และกลัวจนตัวสั่น

"เจียเหอ? เจียเหอ หนูเป็นอะไรหรือเปล่า?"

เย่เฉาหมิงรีบพาลูกสาวขึ้นรถ และถามอย่างเป็นห่วงว่า "พ่อจะพาลูกไปโรงพยาบาลตอนนี้"

หลังจากนั้นเย่เจียเหอถึงพูดเบาๆออกมาว่า "หนูไม่อยากไปโรงพยาบาล หนูไม่อยากไปที่นั่น"

ตอนนี้ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล เธอไม่อยากจะเข้าไปแตะต้องเสียทั้งนั้น!

เย่เฉาหมิงดูเหมือนจะตระหนักถึงความคิดของเธอ ถอนหายใจและพูดว่า "โอเค งั้นเรากลับบ้านกันนะ!"

……

บ้านตระกูลเย่

หลัวเจวียนและเย่เป่าจูรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อมองเป็นเย่เจียเหอที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง และหน้าผากก็ได้รับบาดเจ็บแบบนั้น

ก่อนหน้านี้เมื่อเย่เฉาหมิงได้รับโทรศัพท์จากมหาวิทยาลัยไห่เฉิงให้เขามาที่โรงเรียนเพื่อพาลูกสาวกลับไป พวกเธอก็ได้ยินความเป็นไปมาบ้างแล้วเช่นกัน

เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เจียเหอจะกลับมาบ้านพร้อมอาการบาดเจ็บอย่างนี้

เมื่อเห็นเย่เฉาหมิงพาเย่เจียเหอรีบกลับไปที่ห้อง หลัวเจวียนและเย่เป่าจูก็แอบรู้สึกดีใจอยู่เหมือนกัน

เย่เป่าจูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ "สมน้ำหน้าเย่เจียเหอจริงๆ! ใครให้เธออวดเก่งอยู่ทุกวันล่ะ เป็นไงล่ะตอนนี้ เกือบจะเสียโฉมซะแล้ว!"

ส่วนหลัวเจวียนก็กระตุกมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ "คนในครอบครัวนี้ช่างลงมือแทนเราได้สะใจจริงๆ!"

ขณะที่สองแม่ลูกกําลังคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ คนรับใช้ก็วิ่งเข้ามาและรายงานว่า "คุณนาย คุณหนูคะ มีแขกคนหนึ่งอยู่ด้านนอกค่ะ บอกว่าจะมาหาคุณหนูใหญ่ค่ะ"

"เย่เจียเหอ?"

ดวงตาของหลัวเจวียนสว่างขึ้นมาทันที และก็กระซิบกับลูกสาวว่า "คงไม่ใช่คนในครอบครัวนั้นที่ไม่ลดราวาศอก แล้วมาถึงบ้านหรอกนะ?"

เย่เป่าจูจึงรีบพูดสมทบว่า "ยังไม่รีบเชิญคนเข้ามาอีก!"

ในไม่ช้า ลู่จิ่งโม่ก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

หลัวเจวียนและเย่เป่าจูตะลึงค้างอยู่กับที่ และมองหน้ากันไปมา

จะกลับกลายเป็นลู่จิ่งโม่ไปได้อย่างไร?

ใบหน้าแบบนี้ พวกเธอแค่เคยเห็นในทีวีหรือหนังสือพิมพ์เท่านั้น

เย่เจียเหอแต่งงานกับตระกูลลู่เป็นเวลาสองปี นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นตัวจริงของเขา

หัวใจของเย่เป่าจูเต้นไม่เป็นจังหวะ สายตาจับจ้องไปที่ตัวของลู่จิ่งโม่อย่างไม่ลดระ

ความอิจฉาได้เกิดขึ้นอย่างบ้าคลั่งในใจ เธอแค้นใจเอาเสียมากๆ ตัวเองมีตรงไหนที่สู้เย่เจียเหอไม่ได้?

ทําไมเย่เจียเหอถึงได้แต่งงานกับเทพบุตรในฝันแบบนี้ด้วย?

"พี่เขยคะ พี่มาหาพี่สาวของฉันหรือคะ?" เย่เป่าจูเสยผมของตัวเองขึ้นเล็กน้อย และพูดด้วยอัธยาศัยที่ดีว่า "พี่สาวเกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะ เพิ่งจะกลับถึงบ้าน ได้ยินมาว่า เธอทำคุณยายคนหนึ่งเสียชีวิต ตอนนี้ใครเขา..."

ลู่จิ่งโม่ขัดจังหวะเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า "ผมรู้แล้วล่ะ เธอล่ะอยู่ไหน?"

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เย็นชาเช่นนี้ ความเข้าใจทั้งหมดของเย่เป่าจูดูเหมือนจะไม่สามารถเปิดเผยได้แล้ว

ดูเหมือนว่าลู่จิ่งโม่ไม่ได้มองเธอโดยตรงเสียด้วยซ้ำ

หลัวเจวียนแสร้งทำเป็นแม่ที่ใจดี พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "คุณพ่อของเจียเหอเพิ่งจะไปรับเธอกลับมาน่ะ อยู่ในห้องนอน ถ้างั้นฉันจะพาคุณขึ้นไปไหม?"

ท้ายที่สุดแล้ว เย่เจียเหอจะแต่งตัวเรียบกริบในวันธรรมดา หากตอนนี้ลู่จิ่งโม่ได้เห็นเธออยู่ในสภาพที่เลอะเทอะ และผมเผ้ากระเซอะกระเซิงแล้วละก็

มันคงเป็นเงาด้านไม่ดีในใจของเขาอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลัวเจวียนก็รีบเดินนำหน้าไป และพาลู่จิ่งโม่ไปที่ห้องนอนของเย่เจียเหอ

หลังจากที่เย่เจียเหอเปิดประตูออกมา เธอก็ต้องตกใจเมื่อพบกับลู่จิ่งโม่ที่อยู่ตรงประตู

คุณยายของวังโหรวเพิ่งจะจากไป ตอนนี้เขาน่าจะอยู่เป็นเพื่อนกับวังโหรวไม่ใช่เหรอ?

หรือว่า เขาก็ได้ยินเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอด้วยเช่นกัน และก็ตั้งใจที่จะมาเยี่ยมเธอ?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เย่เจียเหอก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไร้สาเหตุ และดวงตาของแดงระเรื่อขึ้นมาแล้ว

ความรู้สึกแบบนั้น มันเหมือนกับเด็กน้อยที่หกล้ม เดิมทีสามารถเข้มแข็งและไม่ร้องไห้ออกมา แต่เมื่อผู้ใหญ่ได้ถามว่า "เจ็บหรือเปล่า" จู่ๆ น้ำตาก็ได้ทะลักออกมาเสียแล้ว

หลัวเจวียนมองอย่างเหยียดหยามอยู่ข้างๆ ช่างน่าอายเสียจริงๆ! ปกติก็อวดดีและลอยหน้าลอยตาต่อหน้าพวกเธอไม่ใช่เหรอ ทำไมพออยู่ต่อหน้าลู่จิ่งโม่แบบนี้ เธอก็กลับแสร้งทำเป็นน่าสงสารไปได้

เมื่อลู่จิ่งโม่เห็นท่าทางที่อับอายของเย่เจียเหอ เขาก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน

และหลัวเจวียนก็แสร้งทำเป็นห่วง พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "อุ๊ย เจียเหอ ทำไมถึงบาดเจ็บอย่างนี้ล่ะ? ครอบครัวนั้นก็โหดร้ายจริงๆเลยนะ ต่อให้เธอจะทำผิดอะไรไป แต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับเธอได้นะ! เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ใครตายเสียหน่อย"

ต่อหน้าแสร้งทำเป็นเรียกร้องความยุติธรรมแทนเย่เจียเหอ แต่คำพูดของหลัวเจวียนแบบนี้นั้น ทุกคำมันเป็นการทับถมเย่เจียเหอเสียมากกว่า

ลู่จิ่งโม่ดูเหมือนจะรับฟังคำพูดของพวกเธอไปแล้ว และก็มองไปยังเย่เจียเหออย่างซับซ้อน

เมื่อหลัวเจวียนเห็นว่าเป้าหมายของตัวเองบรรลุผลแล้ว จึงพูดขึ้นมาว่า "พวกคุณพูดคุยกันไปก่อนนะ ฉันจะไปชงชามาให้"

หลังจากเธอจากไป ลู่จิ่งโม่ก็ตามเย่เจียเหอเข้าไปในห้อง

"ฉัน... ฉันจะไปอาบน้ำก่อนนะ"

เย่เจียเหอดูลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย

เธอไม่อยากให้ลู่จิ่งโม่เห็นสภาพที่น่าเวทนาของตัวเองที่เนื้อตัวเปียกโชก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เหมือนกับลูกหมาตกน้ำแบบนี้

แต่ขณะที่เธอกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำ เธอก็กลับถูกลู่จิ่งโม่ดึงข้อมือเอาไว้

"แผลบนหน้าของคุณ ไปทำอะไรมา?"

เขาขมวดคิ้วและมองมาที่เย่เจียเหอ โดยที่แม้แต่ตัวของเขาเองก็ไม่สามารถสังเกตได้ถึงความสงสารที่ได้ฉายแววออกมาในดวงตาของตัวเอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status