ยามเช้าของวันที่ดูจะสดใสเป็นพิเศษเนื่องจากว่าวันนี้เพลงขวัญได้ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานที่ห้างสรรพสินค้าที่เธอนั้นได้ไปสมัครเมื่อวานเอาไว้ น่าแปลกใจที่เธอได้ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์เลยในวันนี้
ฟูกหนานุ่มดูดรั้งวิญญาณของหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้ลุกออกจากที่นอน เพลงขวัญที่ตื่นเต้นและดีใจมาก ๆ ที่จะได้ไปสัมภาษณ์งานใหม่ แถมงานที่เธอได้ไปสมัครเอาไว้เงินเดือนยังสูงอีกด้วย
จากพนักงานห้างสรรพสินค้าปกติจะเลื่อนมาเป็นถึงผู้จัดการเลยเหรอ ร่างเพรียวเด้งลุกขึ้นนั่งบนฟูกของตนเองพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความสุขเมื่อเธอนั้นกำลังวาดฝันเกี่ยวกับเงินมากมายที่จะได้รับหลังจากได้งานนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เพลงขวัญที่กำลังวาดฝันอยู่หันมอง เธอยกยิ้มเล็กน้อยเพราะรู้ว่าใครเป็นคนเคาะประตูของเธอ อยู่กันแค่สามคนคงไม่ใช่ไอ้เจ้าตัวแสบน้อยแน่ ๆ คงเป็นพี่ชายสุดที่รักที่มาเรียก เพราะปกรณ์เองก็รู้ว่าเธอนั้นได้ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์งาน
ร่างเพรียวลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะเดินไปเปิดประตูเพราะจะอรุณสวัสดิ์พี่ชายสักหน่อย แต่พอเปิดประตูออกมาแล้วกลับพบเพียงความว่างเปล่า ไหนพี่ชายเธอล่ะ ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์กวาดมองไปรอบนอกเพราะคิดว่าพี่ชายเธอไม่เดินเร็วขนาดนั้นหรอก
“แอ้!” มือน้อย ๆ ที่ตีน่องของเธอพร้อมกับเสียงร้องแอ้ ๆ ทำให้เพลงขวัญก้มลงไปมองที่พื้นก็ต้องเอามือมาบังใบหน้ากลั้นขำเพราะเธอคิดว่าพี่ชายเป็นคนเคาะประตู ที่แท้ก็ไอ้เจ้าตัวแสบนี่เองที่มาปลุกเธอไปอาบน้ำ
“ดูถูกความสามารถเจ้าตัวเล็กน้อยไปซะแล้วเรา” ได้แต่บ่นกับตัวเองเพราะคิดเอาไว้อย่างดิบดีว่าไม่มีใครมาเคาะห้องเธอได้นอกเสียจากเธอกับพี่ชายเท่านั้น ใครจะคิดว่าเจ้าของดวงตาสีมะละกอสุกจะเก่งกล้าสามารถขนาดนี้
“ยืนทำอะไรน่ะเพลงขวัญ ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวต้องไปสัมภาษณ์งานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ” ชายร่างสูงผอมเดินออกมาจากห้องครัวหวังจะมาปลุกน้องสาวที่ไม่เห็นออกจากห้องไปอาบน้ำสักที พอเดินมาเห็นน้องสาวยืนเท้าเอวเอามือปิดหน้าก็ต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ค่ะ เดี๋ยวไปอาบแล้ว” สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องหยุดขำและเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำก่อนจะมาทานอาหารกับครอบครัวพร้อมเดินทางมาห้างสรรพสินค้าที่เธอมาสมัครงานเมื่อวาน
หญิงสาวรูปร่างเพรียวในชุดเดรสสีครีมอ่อนแขนยาวพร้อมกับกระโปรงที่ยาวเลยหัวเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าสวยหวานแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางน้อยชิ้นเพราะไม่ต้องการที่จะแต่งให้ดูเยอะเกินงาม
ขาเรียวยาวเดินก้าวเข้ามาในห้างที่ยังไม่มีพ่อค้าแม่ค้าร้านไหนเปิดหรือเข้ามาจัดร้านเพราะมันเช้ามาก ๆ บันไดเลื่อนก็ยังไม่ถูกเปิดใช้งานเธอจึงต้องเลี่ยงเดินหาลิฟต์เพราะเมื่อวานหลังจากได้รับโทรศัพท์ทางคนที่ติดต่อกลับมาได้แจ้งเอาไว้ว่าให้ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบริหาร
ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์กวาดสายตามองหาลิฟต์ที่ถูกพูดถึงก่อนที่เธอจะพลันไปเห็นประตูลิฟต์ที่อยู่ไม่ห่างไกลจากตัวเธอออกไปมากก่อนจะเร่งก้าวเข้าไปเพื่อขึ้นลิฟต์
“โอะ!” เพลงขวัญร้องเพลงหลงเมื่อเธอเห็นคนที่เดินตามเข้ามาในลิฟต์คือชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนที่เธอไหว้วานให้เขาไปเอาไก่ทอดมาให้เมื่อวานนี้ รอยยิ้มกว้างถูกส่งให้คนข้าง ๆ ทันทีเพราะหญิงสาวจำได้ไม่มีวันลืม
“เจอกันอีกแล้ว” น้ำเสียงสดใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันมามองชายหนุ่มข้าง ๆ แต่เธอก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะวันนี้คนข้าง ๆ ของเธอเต็มชุดมาเต็มยศ สูทเสิดเอามาหมด
ตกลงมาสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการหรือผู้บริหารห้างฯ เนี่ย... เต็มเวอร์เลย
ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ลอบมองชายหนุ่มด้วยความพินิจพิจารณาเพราะเธอเองก็สงสัยว่าแต่งตัวมาถูกระเบียบ
หรือเปล่า สายตาก้มมองเสื้อผ้าของตนก่อนจะมองสลับกับคนใส่สูท“มาแต่เช้าเลยนะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเธอที่ได้แต่พยักหน้าเพราะเธอโดนนัดให้มาเวลานี้ก็ต้องมาเวลานี้สิ สายตาของเธอไม่สามารถละออกจากการแต่งตัวของอีกฝ่ายได้เลยเพราะมันดู.......
ไม่เหมือนมาสมัครงานที่เดียวกันกับเธอเลย
เพลงขวัญที่คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรแต่พอคิดไปคิดมาเธอก็เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อวานนี้ให้คำมั่นสัญญากับอีกคนไว้ว่าถ้าได้งานจะเลี้ยงข้าวตอบแทน เพราะอีกฝ่ายได้ไปต่อแถวเอาไก่ทอดมาให้เธอ
หญิงสาวหันหน้าหาคนข้าง ๆ พร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสุขแต่ก็มีความขี้เล่นของตัวเองใส่เข้าไปด้วย เพราะคิดว่ายังไงถ้าได้งานก็คงได้ร่วมงานกับคนคนนี้แน่นอนผูกมิตรไว้เป็นสิ่งสำคัญ
“เออ จริงสิคุณที่ฉันบอกจะเลี้ยงข้าวถ้าได้งาน พูดจริงนะ” เพลงขวัญที่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนที่เธอจะมองใบหน้าหล่อเข้มที่ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพูดอยู่ เจ้าของดวงตาสีดำขลับที่เธอเองก็อดที่จะหยุดจ้องมองเข้าไปใจดวงตานั้นไม่ได้ มันมีบางอย่างดึงดูดให้ต้องมอง
“แต่ถ้าเที่ยงห้านาทีแล้วไม่เจอฉันละก็.....ตัวใครตัวมัน อะเค้” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ
“ทำไม” หญิงสาวฉีกยิ้มหวานส่งให้เตชินทร์ก่อนจะเอ่ยออกมากด้วยใบหน้าทะเล้นที่ีพอมองโดยรวมแล้วสร้างความสวยให้กับหญิงสาวมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
“ถ้าไม่เจอก็แสดงว่าไม่ได้งานไงเล่า....ถามได้” ใบหน้าทะเล้นพร้อมคำพูดตลก ๆ ของหญิงสาวทำเอาคนที่ยิ้มยากอย่างเตชินทร์ถึงกับแอบหลุดขำพร้อมกับจ้องมองเพลงขวัญที่เธอเหมือนไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจหากไม่ได้งานเลย
เป็นผู้หญิงที่แปลกเสียจริง ๆ ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย หัวที่ส่ายไปมาของชายหนุ่มสร้างความสงสัยให้กับเพื่อนร่วมทางอย่างเพลงขวัญก่อนหญิงสาวจะจ้องมองพร้อมหรี่ตา
“แต่งตัวมาเต็มขนาดนี้ อย่ามาแย่งหน้าที่การงานกันนะ” เพลงขวัญเอ่ยพูดแนวขำ ๆ ไม่คดอะไรมากเพราะเธอก็แค่อยากจะชวนคนพูดน้อยคนนี้คุยสักหน่อยเพราะเธอเองก็มีความกังวลเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้เหมือนกัน อยากจะหาเพื่อนคุยก่อนระบายความตึงเครียดในหัว
“ไม่ยอมนะจะบอกไว้ก่อนเลย” คนที่ยืนกอดอกเอ่ยพูดพร้อมกับจ้องมองเตชินทร์ที่เป็นถึงเจ้าของห้างที่หญิงสาวตรงหน้ามาสมัคร ดวงตาสีดำขลับมองเพลงขวัญด้วยความเอ็นดูและชอบใจเพราะนาน ๆ ทีจะมีคนที่ทำให้ร่างสมส่วนยิ้มออกมาได้
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออกก่อนที่เตชินทร์จะขอตัวเดินออกไปก่อน ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ก็งงว่าน่าจะมาสมัครงานด้วยกันทำไมชายหนุ่มถึงเดินออกจากลิฟต์ในชั้นนี้ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ใช่ชั้นของการสัมภาษณ์งาน
ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนจะเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินออกจากลิฟต์ไป ประตูค่อย ๆ ปิดลงทิ้งไว้เพียงหญิงสาวที่ยืนเหงาอยู่ในลิฟต์คนเดียวเพราะไม่มีเพื่อนคุยแล้ว
ลับหลังของเพลงขวัญชายหนุ่มที่ได้เดินออกจากลิฟต์เมื่อสักครู่กำลังวิ่งหน้าตั้งขึ้นบันไดหนีไฟเพื่อให้ไปถึงห้องสัมภาษณ์งานก่อนหญิงสาวเพราะเขาต้องการเป็นคนสัมภาษณ์เพลงขวัญเอง
ขาแกร่งยาวเหยียบทีละสองขั้นบันไดเพราะอีกสามชั้นถึงจะเป็นชั้นบริหาร ชายสมส่วนใส่สูทวิ่งขึ้นบันไดหน้าตั้ง
ถ้ามองเพียงเผิน ๆ คิดว่าเป็นเซลล์ขายของที่ต้องการทำยอดแต่มองดี ๆ แล้วนี่มันผู้บริหารห้างฯ นี่หว่า.....
หมดสภาพเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
ใบหน้าเคร่งเครียดของร่างสมส่วนที่กำลังนอนไม่หลับทามกลางความมืดของห้อง เตชินทร์เขากำลังเป็นกังวลว่าถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเป็นอะไรขึ้นมาเพลงขวัญและลูกจะลำบากไหม เพราะวันนี้มันมีอุบัติเหตุเล็กน้อยจากการที่มีรถมาชนรถที่เขานั่งขณะเดินทางกลับบ้าน ทำให้เตชินทร์เริ่มต้องคิดแล้วว่าเขานั้นควรที่จะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วเรื่องทรัพย์สินมรดกทั้งหลาย ถ้าเป็นอะไรไปก็จะได้ไม่ลำบากต่อเพลงขวัญและลูกสองคน.... มือหนาคว้าโทรศัพท์ข้างหัวเตียงมาไลน์หาทนายเพื่อให้เตรียมเอกสารเข้ามาคุยกับเขาที่บ้านในวันพรุ่งนี้ เมื่อคิดออกแล้วก็อยากจะจัดการให้เร็วที่สุดเกรงว่าเมื่อไปทำงานอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ หลังจากไลน์หาและจัดการทุกอย่างเสร็จ ร่างสมส่วนตะแคงไปอีกฝั่ง ใบหน้าของหญิงสาวที่เขารักมาก ๆ กับลูกชายตัวน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ส่วนแผ่นหลังที่แนบอกเขาอยู่ก็คือลูกที่เขารักมาก ๆ คนหนึ่ง ต่อให้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถขาดได้จริง ๆ ครอบครัวของเราจะขาดใครไปไม่ได้ “ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอและลูกลำบา
แผ่นหลังบางของร่างเพรียวกำลังยืนผัดอาหารอยู่ในห้องครัว แขนแกร่งของคนเป็นสามีเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังจนเพลงขวัญต้องหันกลับไปมองด้วยความมึนงงว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอะไร ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ลุกมาแต่เช้าแบบนี้ “นอนเต็มอิ่มแล้วเหรอคะ” เพลงขวัญอมยิ้มพร้อมกับหันไปเอ่ยถามคนเป็นสามีด้านหลัง ใบหน้าคมดุที่ซุกอยู่บริเวณลำคอขาวของเธอ เพลงขวัญก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ “ถ้าคุณตื่นแล้วก็ไปปลุกปกป้องให้หน่อยนะคะ พาลูกอาบน้ำแต่งตัวได้ยิ่งดี” เตชินทร์เงยหน้าก่อนเอาคางเกยไหล่ของภรรยาพร้อมก้มจมูกเข้าสูดดมความหอมจากภรรยาตัวเอง “รับทราบครับ” ว่าจบร่างสมส่วนก็เดินขึ้นไปบนห้อง เพลงขวัญได้แต่ผัดข้าวต่อและส่ายหน้าเมื่อปวดหัวกับคนเป็นสามี ทางด้านของเตชินทร์ก็อยู่ในโอวาทของเพลงขวัญทุกอย่าง ไม่ว่าภรรยาจะสั่งงานอะไรสามีคนนี้ไม่เคยเอ่ยปากปฏิเสธ อะไรทำให้เขากลายเป็นคนกลัวเมียขนาดนี้เนี่ย มือหนาเปิดประตูห้องนอน สายตาคมมองลูกชายทั้งสองด้วยความเอ็นดูกับใบหน้าที่พอหลับแล้วน่ารักขึ้นมาเป็นร้อยเท่า แต่ตอนนี้ตื่นนี่ก็อีกเรื่องโดยเฉพาะไอ้เจ้
สามเดือนผ่านไป... นับตั้งแต่วันที่คลอดลูกชายคนเล็กออกมาเพลงขวัญก็ได้ค้นพบว่าเตชินทร์นั้น เป็นคนเห่อลูกมาก ๆ เลย ดวงตาสีน้ำตาลมองดูเหล่าข้าวของเครื่องใช้เด็กอ่อนที่เต็มไปหมดจนไม่มีทางจะเดิน “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของคุณแม่มือใหม่ที่จะมาเอาของเล่นไปให้ลูกชายคนโตก็ต้องเท้าเอว เพราะเส้นทางกว่าจะไปถึงกล่องของเล่นก็ต้องผ่านเหล่าของใช้ที่คุณพ่อมือใหม่หอบมาจากห้างฯ ของตัวเอง เธอคิดว่าแค่นี้ยังไม่สะใจคุณชายเขาเลยนะนั่น เพราะถ้าจะให้ชอบใจเขาจริง ๆ คงแบกมาทั้งชั้นขายของเด็กอ่อนอะดูท่าทางแล้ว “แม่ครับ หยิบได้ไหม” เด็กชายปกป้องยืนมองผู้เป็นแม่ด้วยแววตาเป็นกังวลเพราะตนอยากได้ของเล่นในห้องนี้ พ่อไม่อยู่ก็เลยต้องขอให้แม่เอาให้ “เดี๋ยวแป๊บหนึ่งนะปกป้องแม่ขอเวลาคิดก่อนว่าจะเดินไปยังไง” เพลงขวัญใช้ท่าการเดินแบบบัลเล่ห์ ไม่ใช่เคยเรียกหรอกนะแต่ใช้เท้าเขย่งเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงกล่องของเล่นลูกชาย “อึบ อะแม่เอามาให้แล้วครับ จุ๊บ” ทุกครั้งเวลาพูดคุยอะไรกับปกป้องเธอจะจบท้ายด้วยการจุ๊บหน้าผากลูกเสมอเพื่อให้เขารับรู้ว่าเธ
ภายในคฤหาสน์เครือห้างสรรพสินค้าใหญ่ระดับประเทศ ตอนนี้ชุลมุนวุ่นวายไปหมดเพราะลูกสะใภ้คนเดียวของบ้านกำลังจะคลอดหลานคนแรกของบ้าน ใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ มือบางกำชายเสื้อของคนเป็นสามีแน่น เธอเจ็บท้องมาก ๆ เลยตอนนี้ ท้องฟ้าที่เริ่มจะเปลี่ยนสีจากแสงสว่างที่ได้รับมาจากดวงอาทิตย์กลับหลายเป็นฟ้าน้ำเงินเข้มเมื่อหมดแสงอาทิตย์ ดีที่เพลงขวัญรู้สึกปวดท้องคลอดช่วงเย็นของวันไม่ได้ปวดกลางดึก “คุณโอเคไหมที่รัก” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมาด้วยความกังวลแบบสุด ๆ เพราะเตชินทร์เป็นห่วงทั้งเพลงขวัญและลูกน้อยในท้อง สีหน้าไม่ดีของคนรักทำให้เขารู้สึกเหมือนเจ็บเจียนตาย การหายใจเข้าออกแรงและถี่ของเธอทำเอาเตชินทร์อยู่ไม่เป็นสุข ได้แต่ภาวนาขอให้การคลอดครั้งนี้ผ่านไปด้วยดีเถอะ “อดทนหน่อยนะคะ รักคุณนะ” ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่พยาบาลจะเข็นเพลงขวัญเข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมกับกลุ่มคุณหมออีกสามสี่คน เตชินทร์หันกลับมาอุ้มปกป้องจากแม่ของเขา ใบหน้าคมดุเปื้อนคราบน้ำตาเล็กน้อยเพราะมันอดไม่ได้ที่จะร้อง เขากำลังหวาดกลัวเมื่อไม่
สามเดือนผ่านไป ภายในห้องน้ำที่ตอนนี้มีร่างสมส่วนของเตชินทร์กำลังโก่งคออ้วกแบบเอาเป็นเอาตาย ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้มีอาการแบบนี้ และมันก็เป็นต่อเนื่องกันมาหลายวันแล้ว “คุณโอเคไหมคะ” มือบางที่ลูบแผ่นหลังสามีอย่างเป็นห่วง เพลงขวัญก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอาการที่เตชินทร์เป็นมันคืออะไร ชายหนุ่มมักจะตื่นมาอ้วกแบบนี้ทุกเช้าเลย แถมเวลาจะทานอะไรก็จะรู้สึกอาเจียนอยู่ตลอดเวลา ทานได้แค่ของเปรี้ยวและพวกผลไม้ดอง ข้าวปลาอาหารแทบจะแตะไม่ได้จนอดที่จะเป็นห่วงคนรักไม่ได้จริง ๆ “คะ คุณ อึก แหวะ ไปนอนต่อเถอะ” พูดไปก็จะอ้วกไป มือหนาพยายามดันให้ภรรยาที่แบกท้องโตมาลูบหลังให้กลับเข้าไปนอนต่อเพราะตอนนี้ยังเช้ามืดอยู่เลย คนท้องควรที่จะนอนพักผ่อนให้เพียงพอและเขาก็อยากจะให้เพลงขวัญเป็นแบบนั้น อาการแค่นี้เล็กน้อยมากสำหรับเขา ดวงตาสีน้ำตาอัลมอนด์มองคนที่พยายามผลักเธอให้เข้านอน ทำตัวเหมือนจะไม่เป็นอะไรทั้ง ๆ ที่ตอนนี้จะนอนกอดชักโครกอยู่แล้ว เธอควรจะพาสามีไปหาหมอนะ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ
ใบหน้าหงิกงอของเพลงขวัญเพราะเธอนั้นกำลังอ่อนเพลียและเวียนหัวจากอาการแพ้ท้อง หญิงสาวที่ยังดันทุรังทำงานเพราะแค่เธอเห็นคนในห้างฯ วุ่นวายกันไปหมด โดยไม่รู้เลยว่าที่คนอื่นเขาวุ่นจนหัวหมุนกันนั้นเป็นเพราะเธอคนเดียวเลย“ว่าไงครับที่รัก” เสียงที่ดังเข้ามาในหูของเธอทำให้ใบหน้าสวยหวานแต่คิ้วขมวดเข้ากันเงยขึ้นมองชายหนุ่มที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานห้างฯ“บอกให้กลับบ้านไปพักก็ไม่เชื่อ… ทำไมดื้อแบบนี้ครับ” เตชินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนจะมานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกับเอาใบหน้ามาสัมผัสบริเวณหน้าท้องของเพลงขวัญ“อย่าแกล้งแม่นักสิครับ เห็นไหมแม่เหนื่อยมากแล้วนะ” เพลงขวัญทำสีหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะหันซ้ายขวามองดูว่ามีใครมาเห็นไหม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเตชินทร์ชอบทำแบบนี้ให้คนอื่นเห็นกันนะ“คุณลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อายคนอื่นเขา” ใบหน้าคมดุเงยขึ้นมองหญิงสาวที่พยายามจะจับไหล่กว้างของเขาให้ลุกขึ้นยืนดี ๆ“คุณจะอายทำไมครับ เราสองคนมีลูกด้วยกันแล้วนะ” เพลงขวัญเองก็รู้เรื่องนั้น แต่ที่ต้องอายเพราะคนในบริษัทยังไม่รู้น่ะสิว่าเธอตั้งท้องทุกคนรู้แค่ว่าเธอกับเตชินทร์คบหากัน แต่เรื่องนี้เธอเองก็ยังไม่กล้าบอกใค