ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงกระทั่งทำการผ่าตัดขูดมดลูกเสร็จจนโดนเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด โหลวฉางเยว่ยังไม่ได้สติคืนจากการท้องโดยไม่คาดคิดและยังแท้งโดยไม่คาดคิดพยาบาลเข็นเธอกลับไปที่วอร์ดผู้ป่วยเพื่อลงทะเบียนเข้ารับการรักษา “โหลวฉางเยว่ เตียง 1703 ญาติของคุณอยู่ไหมคะ?”โหลวฉางเยว่มองดูเพดานสีขาวสะอาด การมองเห็นเลือนลางและเธอไม่ได้ยินเสียงพูดของพยาบาลพยาบาลพูดซ้ำอีกครั้ง “โหลวฉางเยว่ ญาติของคุณล่ะคะ?”พยาบาลอีกคนหนึ่งที่กำลังจัดขวดยาอยู่รีบหันกลับมาบอกว่า “ส่งให้ฉันเถอะ ฉันกรอกเองค่ะ ตอนที่รถฉุกเฉินส่งตัวมา เธอเอาบัตรประชาชนกับบัตรธนาคารให้ฉันแล้วบอกว่าลงทะเบียนกับหักเงินได้เลย เธอไม่มี……”ริมฝีปากของโหลวฉางเยว่ขยับเล็กน้อยเพื่อพูดต่อคำของพยาบาล“ฉันไม่มีญาติค่ะ”กลิ่นของยาฆ่าเชื้อเข้าสู่จมูกของเธอก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ขดตัว เรื่องการสูญเสียลูกเริ่มบาดลึกลงในใจขึ้นเรื่อย ๆ เธอสูดลมหายใจเข้าก่อนจะถอนหายใจออก จากนั้นจู่ ๆ น้ำตาก็ไหลรินออกจากดวงตาของเธอเธอไม่มีลูกแล้วการผ่าตัดขูดมดลูกทำร้ายร่างกายมาก โหลวฉางเยว่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียวสามวันจนเข้าวันที่สี่ ในที่สุดเหวินเหยียนโจวก็โทรหาเธอ “เลขาโหลว ขา
หลังจากการดื่มเหล้าจบลง โหลวฉางเยว่ก็น้อมส่งแขกแต่ละคนขึ้นรถ จากนั้นเธอก็ยืนอิงตัวเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทาง รู้สึกราวกับทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ บอกไม่ถูกเลยว่าอวัยวะใดของเธอกันแน่ที่กำลังบีบรัดด้วยความเจ็บปวดลิปสติกของเธอหลุดออกหมดเผยเพียงริมฝีปากที่มีสีราวขาดเลือดคนขับรถของเหวินเหยียนโจวมองเห็นความผิดปกติของเธอ เขารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเหวินเหยียนโจวกับโหลวฉางเยว่ เขาจึงรีบเอ่ยปาก “เลขาโหลว ท่านจะขึ้นรถก่อนไหมครับ?”โหลวฉางเยว่พยักหน้า ก่อนจะค่อย ๆ นั่งที่เบาะหลัง หลังจากนั้นประตูรถก็ถูกเปิดออก เหวินเหยียนโจวกับผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ข้างรถด้วยท่าทางราวกับจะขึ้นมาบนรถด้วยกัน แต่คิดไม่ถึงว่าโหลวฉางเยว่เองก็อยู่ด้วยเหวินเหยียนโจวขมวดคิ้ว ก่อนจะเริ่มโทษว่าเธอมายึดที่เด็กสาวรีบเปิดประตูผู้โดยสารแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ประธานเหวิน ฉันนั่งที่นั่งข้างคนขับก็ได้ค่ะ”เหวินเหยียนโจวปิดประตูรถเสียงดังปังก่อนจะพูด “ส่งไป๋โหยวกลับบ้านก่อน”โหลวฉางเยว่หลับตาลงพร้อมร่างกายที่รู้สึกไร้เรี่ยวแรง หลังจากแท้งลูกเป็นวันที่สี่ก็ต้องมาดื่มเหล้า ช่างทำร้ายร่างกายจริง ๆรถขับไปจนถึงหมู่บ้านขนาดเล็กแล
พวกเขาไปที่ห้องอาบน้ำ ในขณะนั้นฝักบัวกำลังเปิดอยู่ ราวกับฝนตกโปรยปรายเมื่อถูกเหวินเหยียนโจวกดลง โหลวฉางเยว่ก็เกิดสำลักโดยไม่ทันระวัง ทำให้เธอเกิดนึกถึงตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกเมื่อสามปีก่อนวันนั้นเองก็เป็นวันฝนตกเดิมทีครอบครัวของเธอเปิดร้านขายของชำ ไม่ถือว่าร่ำรวยแต่ก็ไม่ขัดสน สมาชิกห้าคนของครอบครัวก็อยู่กันอย่างสงบสุขแต่ใครจะคาดคิดว่าพ่อของเธอจะถูกหลอก เขาถูกหลอกเป็นจำนวนเงินมากถึงยี่สิบห้าล้านบาท พวกเขาขายร้านขายของชำทิ้ง ขายบ้าน ขายทุกอย่างที่สามารถขายได้ในบ้าน แต่ยังขาดอีกสิบห้าล้านบาทในตอนที่จนตรอกนั้นเอง คนที่วางแผนหลอกทำให้เหตุการณ์มาถึงสุดขอบเหว จะใช้เธอขัดดอกและพ่อกับแม่ของเธอก็ตกลงเธอหนีออกมาในคืนวันฝนตก เสียงมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามมาด้านหลังดังมาก ราวกับอสูรที่กำลังหยอกล้อเหยื่อที่อ่อนแอ เธอวิ่งจนรองเท้าหายวิ่งจนผมเผ้ากระเซิง เบื้องหน้ามีแต่ความมืดมิด มองไม่เห็นแสงแม้แต่น้อยเธอล้มลงบนพื้น มอเตอร์ไซค์หลายคันขับมาล้อมเธอเอาไว้ และในตอนที่เธอคิดว่าชีวิตของเธอจะจบลงแบบนั้น รถยนต์คันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้าเธอเธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นประตูรถเปิดออก รองเท้าหนังที่ขัดจนเงาเ
โหลวฉางเยว่ถามกลับ “ประธานเหวินต้องการให้ฉันอธิบายอะไรคะ?”“ทำไมต้องไล่เธอออก” โหลวฉางเยว่กล่าวตามความจริง “สัญญากับวอร์เนอร์เธอเป็นคนทำค่ะ แล้วมีจุดทศนิยมผิด โชคดีที่ลูกค้ากับเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นจึงไม่ดำเนินการเอาผิดต่อไป ตามข้อบังคับของบริษัทหากพนักงานใหม่ทำผิดพลาดร้ายแรงอันเป็นเหตุทำลายผลประโยชน์ของบริษัท สามารถถูกไล่ออกและสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีรับผิดได้ค่ะ”เมื่อไป๋โหยวได้ฟังสีหน้าก็ซีดเผือด เธอทั้งกลัวและเครียดมาก “ฉัน ฉันไม่รอบคอบเองค่ะ ขอโทษนะคะ……” เหวินเหยียนโจวมองดูเธอ สายตาแสดงออกถึงความเป็นกังวล จากนั้นเขาก็พูดกับโหลวฉางเยว่ “เอกสาร”โหลวฉางเยว่วางเอกสารลงเหวินเหยียนโจวเปิดไปหน้าสุดท้ายและมองดูเล็กน้อยก่อนจะทิ้งเอกสารลงบนโต๊ะ “วันที่นี้เป็นวันที่เธอโดดงาน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอโดดงานไล่เหตุผล สัญญาฉบับนี้ คงไม่ต้องให้ไป๋โหยวที่เพิ่งเข้างานมาทำหรอก”โหลวฉางเยว่รู้สึกถึงความเหลวไหล “ความหมายของประธานเหวิน โทษฉันเหรอคะ?”“คุณเป็นหัวหน้าเลขานุการ และผู้นำที่รับผิดชอบสำนักงานเลขานุการ หากลูกน้องของคุณทำผิด จะให้โทษใครถ้าไม่ใช่คุณ?” ท่าทางของเหวินเหยียนโจวช
โหลฉางเยว่กลับไปที่บ้านเช่าเพื่อเก็บสัมภาระ“เยว่เยว่กลับมาแล้วเหรอ? ฉันยังคิดอยู่เลยนะว่าถ้าวันนี้เธอไม่กลับมาอีก ฉันจะต้องตามหาเธอกลับมา ต่อให้ฉันต้องไปหาทีละโรงพยาบาลก็เถอะ”“อือ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”เฉียวซีซี รูมเมทของโหลวฉางเยว่ และก็เป็นรูมเมทสมัยมหาลัยของเธอด้วย ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาร่วมหกเจ็ดปีแล้ว และความสัมพันธ์ของพวกเธอก็ดีมากไปนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน มีแค่เธอเท่านั้นที่เป็นห่วงโหลวฉางเยว่จากใจจริง แต่ว่าโหลวฉางเยว่ไม่ได้บอกความจริงเธอ บอกแค่ตัวเองป่วยเท่านั้น และก็ไม่ให้เธอมาเยี่ยมตามหาด้วยเฉียวซีซีเปลี่ยนรองเท้าสลิปเปอร์ก่อนจะเดินมาหน้าประตูห้องของเธอ แล้วเธอก็เห็นโหลวฉางเยว่ที่นั่งพับผ้าอยู่บนพื้น“เธอจะไปดูงานต่างเมืองอีกแล้วเหรอ? เพิ่งหายป่วยก็จะไปอีกแล้ว ร่างกายเธอไหวเหรอ? อิตาเหวินเหยียนโจวผู้ชายหัวสุนัขนั่นชั่ว ทำไมถึงเลวขนาดนี้นะช้าขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ เอาแต่ทรมานเธออยู่นั่น!”เฉียวซีซีรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเหวินเหยียนโจว และเธอก็ไม่ค่อยถูกชะตาเหวินเหยียนโจวมาตลอดโหลวฉางเยว่ไม่รู้ว่าเธอไปครั้งนี้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน เธอจึงบอกความจริงไปว่า “ฉันถูกส่งไปดูงาน