หลังจากวันนั้นก็เป็นเวลากว่าสี่เดือนแล้ว ที่บัวบูชาทำงานที่บาร์แห่งนี้ ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอรู้จักพนักงานในร้านทุกคนแล้ว โดยเฉพาะรุ่นน้องที่ชื่อใบตอง อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี
ใบตองคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอตลอดทั้งเรื่องงานหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาเจอกับพวกลูกค้าผู้ชายที่มือไวใจเร็ว ชอบแตะนิดแตะหน่อย หรือพวกที่ชอบพูดจาสองแง่สองง่าม แทะโลมต่าง ๆ นานา
แรก ๆ บัวบูชาก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่พอปรับตัวได้หญิงสาวก็เริ่มเอาตัวรอดเป็น อยู่ต่อหน้าลูกค้าก็พูดจาคะขา เอาอกเอาใจเก่ง ทำให้ตอนนี้รายได้จากทิปคืนหนึ่งก็ปาไปเกือบสี่พันบาทแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าทุกคนในร้านจะดีกับเธอทุกคน มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด โดยเฉพาะกับพวกสาว ๆ ที่ทำงานที่ร้านมาก่อน พอเธอเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ก็เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ทำให้คนพวกนั้นไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
บัวบูชาตัดความฟุ้งซ่านทิ้งไป ทุกวันนี้เธอพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแค่นั้นก็พอ ตอนนี้เธอต้องรีบกอบโกยเงินให้ได้มากที่สุด เพราะปลายเทอมหน้าก็เป็นเทอมสุดท้ายของภาคเรียนแล้ว
ซึ่งเป็นเวลาที่บัวบูชาจะต้องไปฝึกงาน หญิงสาวเลยอยากเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นค่าอยู่ ค่ากิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับแม่อีกมากมาย
คืนวันเสาร์ ภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเป็นเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา บัวบูชาในชุดพนักงานเสิร์ฟ เสื้อเชิ้ตสีขาวผ้าลื่นเข้ารูปที่เน้นช่วงเอวคอดกิ่ว กับกระโปรงสีดำสั้นเลยเข่านิดหน่อยที่เน้นช่วงสะโพกผาย ส่งผลทำให้พวกเสือพวกตะเข้ทั้งหลายที่เห็นต่างก็น้ำลายหกกันเป็นแถว
ใบหน้าเรียวเล็กขาวนวล ดวงตาคู่สวยดูหยิ่งนิด ๆ รับกับริมฝีปากบอบบางสีกุหลาบ ที่มีไฝเสน่ห์ประดับอยู่ตรงปากล่างด้านซ้าย ทำให้บัวบูชาเป็นที่สะดุดของผู้คนที่พบเห็น ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงโซน VIP ด้านบนของร้าน
ศิรา กิจธนะวรกุล ชายหนุ่มอายุย่าง ๒๘ ปี เจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสัน ส่วนสูงราว ๑๘๖ เซนติเมตร ทายาทเพียงคนเดียวของบริษัทศัจกรกิจไพศาล จำกัด
หนุ่มนักเรียนนอกจบปริญญาโท ด้านการบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในอเมริกา ที่เพิ่งบินกลับมาอยู่บ้านหมาด ๆ ตามคำสั่งเด็ดขาดของผู้เป็นพ่อที่ต้องการให้ลูกชายคนเดียวกลับมารับตำแหน่งรองประธานบริษัท หลังจากที่ศิราเรียนจบ และใช้ชีวิตเป็นพ่อหนุ่มเพลย์บอยไร้แก่นสารอยู่เมืองนอกมานานนับปี
หากผู้เป็นพ่อไม่ยื่นคำขาดว่า ถ้าเขาไม่กลับมารับตำแหน่งรองประธานจะตัดเขาออกจากกองมรดก ชายหนุ่มก็คงไม่กลับประเทศไทย เขาเบื่อบ้าน เบื่อที่จะต้องทำตามคำสั่ง
ชีวิตเขาตั้งแต่เด็กก็ถูกตีกรอบให้เรียน ให้ทำนั่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา ไม่มีเลยสักครั้งที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แน่นอนว่าวัยเด็กเขาก็ต่อต้าน แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาเอาชนะผู้เป็นพ่อได้เลยสักครั้ง
พ่อมักจะหาเหตุผลร้อยแปดอย่างมาอ้างว่าสิ่งที่เลือกให้มันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
แต่สิ่งที่พ่อไม่เคยรู้ คือเขาไม่เคยต้องการ แม้แต่แม่ก็ไม่มีปากมีเสียง พ่อเป็นคนกุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ ทั้งเรื่องในที่ทำงาน และเรื่องที่บ้าน เพราะถือว่าตัวเองเป็นผู้นำ เป็นประมุขของบ้าน ทุกคนในบ้านมีหน้าที่แค่ทำตามเท่านั้น
ดวงตาคมกริบนั่งจ้องเจ้าของร่างบางที่เดินเสิร์ฟเครื่องดื่มไปมาอยู่ด้านล่าง พร้อมทั้งจิบไวน์แดงชั้นเลิศไปพลาง ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นอย่างลืมตัว เวลาที่เห็นคนตัวเล็กยิ้มแย้มพูดคุยกับลูกค้า รอยยิ้มบริสุทธิ์ของคนตัวเล็กช่างสวยงามซะจริง ๆ
เวลากว่าสองชั่วโมงที่ศิรามานั่งรอเพื่อนในบาร์แห่งนี้ หญิงสาวหลายคนต่างชม้ายชายตามองมาทางร่างสูงไม่ขาด ด้วยใบหน้าคมคายหล่อเหลา เส้นผมสีดำขลับที่เซตเป็นทรงเข้ากับใบหน้า รับกับผิวสีเข้มอย่างหนุ่มไทยแท้ บวกกับหน้าอกผึ่งผายที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ เพราะศิราเป็นคนรักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย
ไหนจะการแต่งกายที่ใส่แบรนด์เนมทั้งตัวนั่นอีก ไม่แปลกใจนักที่สาวน้อยสาวใหญ่จะพากันส่งสายตายั่วยวนมาให้
“ไง! ไอ้เสือ ถึงไทยปุ๊บ ออกล่าปั๊บเลยนะมึง” คฑาวุธ หรือ คินน์ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวสูงเพราะมีเชื้อสายคนจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้จัดการหนุ่มบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ เอ่ยทักทายเพื่อนสนิทหลังจากที่อีกฝ่ายโทรหาเมื่อตอนเย็นว่ากลับถึงไทยแล้ว และได้นัดกันมาสังสรรค์ที่บาร์ของมาวิน
“เออ เบื่อ ๆ”
“แล้วเริ่มงานทำงานเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้ แล้วแต่อารมณ์”
“มึงนี่ก็นะ จะต่อต้านพ่อมึงไปอีกนานแค่ไหน แค่มึงทำตัวเที่ยวเล่นผลาญเงินไปวัน ๆ เกือบปี พ่อมึงก็เครียดจะตายล่ะ”
“กูไม่สน กูทำตามใจเขามาตั้งแต่กูเกิดล่ะ กูแค่อยากทำตามใจตัวเองบ้าง” ศิรายักไหล่
“เห้อ! ดื้อเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งพ่อทั้งลูก แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้คุยกันดี ๆ วะ เจอกันครึ่งทางไม่ดีกว่าเหรอ”
“กูไม่อยากจะคุย คุยไปก็เท่านั้น ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม” ถ้าจะถามว่าศิราดื้อเหมือนใคร ก็คงตอบได้อย่างไม่ต้องคิดว่าเหมือนพ่อ
“เหนื่อยใจว่ะ เปลี่ยนเรื่องๆ เอ่อ แล้วไอ้วินล่ะ ทำไมยังไม่มาอีก”
“มันบอกว่ามีงานเยอะ ขอเคลียร์ก่อน เดี๋ยวตามมา”
“อืม”
“น้องคนนั้นชื่ออะไร มึงรู้จักไหม?” คินน์มองตามสายตาของเพื่อน ก็พบเข้ากับเจ้าของร่างบางที่กำลังทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ
“รู้จักดิ ชื่อน้องบัวบูชา ชื่อเล่นน้องบัว แต่คนนี้ไม่ได้นะเว้ย ไอ้วินหวง”
“ทำไม เด็กมันเหรอ?” ศิราขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่ใช่ เด็กคนนี้ลูกพี่ลูกน้องของมันฝากมาอีกที มันบอกว่าน้องเป็นเด็กนิสัยดี บ้านยากจน อยู่กับแม่สองคน”
“หึ ถ้าไม่ใช่เด็กไอ้วินก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
“น้องเดินมาทางนี้แล้วมึง” คินน์ สะกิด
สิ้นประโยคคำพูดจากเพื่อนสนิท ศิราก็หันหน้าไปมองทันที สายตาคมสบเข้ากับสายตาเรียวคู่สวยแว็บหนึ่ง ก่อนที่บัวบูชาจะเป็นฝ่ายละสายตาไป
ทางด้านของศิรา ชายหนุ่มจ้องมองตามร่างบางไปจนลับตา ไม่รู้ว่าเขาใช้สายตามองคนตัวเล็กแบบไหน เพื่อนตัวดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับต้องเอ่ยปากแซว
“เช็ดน้ำลายบ้างครับ คุณศิรา จ้องน้องเขาจนผิวจะถลอกอยู่แล้ว ไอ้สัด”
“จ้องใคร?” เป็นเสียงของมาวินที่เดินเข้ามาสมทบเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน
“อ้าว! ไอ้วิน เสร็จงานแล้วเหรอ” คินน์ เอ่ยทัก
“อืม เสร็จแล้ว สรุปว่าไอ้ศิรามันจ้องใคร?”
“จะใครซะอีกล่ะครับ ก็น้องเด็กเสิร์ฟคนน่ารัก ตัวขาว ๆ ที่กูเคยถามมึงไง”
“อ๋อ! คนที่มึงเคยจะเคลม อะเหรอ”
“อ้าว มึงก็เคยเหรอ แหม ทำมาเป็นขัดกู ที่แท้ก็เคยมาก่อน มิน่ารู้เรื่องเขาเยอะเชียว” ศิราหันไปพูดกับคินน์
“แฮ่ ก็นิดหน่อย” คินน์ ยิ้มอาย ๆ พร้อมเกาหัวแก้เขิน
“ไอ้วิน คืนนี้ติดต่อน้องให้กูหน่อยดิ” ศิรา หันไปพูดกับมาวิน
“เห้ย คนนี้ไม่ได้ว่ะ ไอ้ศิรา น้องมันเป็นเด็กดี อย่าไปยุ่งกับน้องมันเลย แล้วอีกอย่างน้องไม่รับงานแบบนี้ น้องแค่เสิร์ฟอย่างเดียว”
“แล้วถ้าน้องเขาตกลงไปกับกูคืนนี้ล่ะ?”
“ไม่มีทาง กูพนันเลย” มาวินเอ่ยออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ เพราะระยะเวลาสี่เดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มสังเกตบัวบูชามาโดยตลอด บัวบูชาไม่มีทางรับงานอย่างว่าแน่นอน
“ได้ยากแบบนี้ ชักน่าสนใจซะแล้วสิ มาดูซิว่าจะเป็นอย่างที่มึงพูดไหม?” สายตาคมโตจ้องมองร่างบางอย่างไม่วางตาราวกับเสือที่กำลังจ้องมองลูกแกะตัวน้อยก็ไม่ปาน คนอย่างศิรา กิจธนะวรกุล อยากได้อะไรก็ต้องได้
“ก็ลองดู ถ้าโดนเด็กมันหักหน้าขึ้นมา ก็อย่ามาโทษกูนะเว้ย”
“เอาไวน์มาอีกขวดดิ เรียกน้องบัวมาเสิร์ฟด้วย กูอยากทำความรู้จักกับน้องสักหน่อย” ศิราเอ่ยบอกมาวินเสียงเรียบ สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ร่างบางตลอดเวลา
มาวินส่ายหน้า ก่อนจะโทรไปสั่งการลูกน้อง สักพักจึงเห็นว่ามีพนักงานเสิร์ฟด้วยกันเดินไปกระซิบบอกอะไรบางอย่างแก่คนตัวเล็ก ก่อนที่จะชี้มาทางโต๊ะที่พวกเขาสามคนนั่งอยู่ คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้าน
ไม่ถึงสิบนาที บัวบูชาก็เดินมาพร้อมกับไวน์แดงจากฝรั่งเศส เกรดระดับพรีเมี่ยม ร่างบางเดินไปยังโต๊ะที่มีชายหนุ่มทั้งสามคนนั่งอยู่ ก่อนจะวางขวดไวน์ไว้ข้างโต๊ะ มือเรียวบางใช้อุปกรณ์เปิดจุกขวดไวน์อย่างชำนาญ
ก่อนจะค่อย ๆ รินไวน์ใส่แก้วที่ศิราเป็นคนยื่นให้ ศิราจ้องมองทุกการกระทำตรงหน้าไม่วางตา บัวบูชาถึงแม้จะไม่ได้เหลือบมองหน้าผู้ชายที่นั่งข้างคุณมาวิน แต่ก็รับรู้ได้ว่ามีสายตาคมจ้องมองมาอยู่ตลอด ตั้งแต่ที่เธอเดินเข้ามาแล้ว
บัวบูชาใจเต้นโครมคราม พานทำให้มือน้อย ๆ สั่นด้วยความประหม่า มือสั่นเทาวางแก้วไวน์ใบสวยไว้ข้าง ๆ คนตรงหน้า ศิรายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยล้อคนตัวเล็ก
“พี่ไม่กัดหรอกค่ะ คนสวย”
“…”
“หนูชื่ออะไรคะ?” ศิรามองใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้นก่อนจะเอ่ยถาม
“เอ่อ” บัวบูชาหันหน้าไปมองนาวิน ราวกับขอความช่วยเหลือ เพราะว่าลูกค้านั่งโต๊ะเดียวกับเจ้านาย ไม่รู้ว่าร่างสูงเป็นใคร และเป็นอะไรกับเจ้าของร้าน
“คนนี้ เพื่อนพี่เอง” มาวินกล่าว
“สวัสดีค่ะ ชื่อบัวบูชาค่ะ” หลังได้รับการพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตจากมาวิน บัวบูชาจึงตอบคำถามของคนตัวโต
“พี่ชื่อศิรานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ก่อนจะยื่นมือมารอตรงหน้า
“ค่ะ เช่นกันค่ะ” บัวบูชายื่นมาไปจับมือใหญ่เบา ๆ
“ให้พี่เรียกหนูว่าอะไรดีคะ?”
“เอ่อ... เรียกว่าบัวก็ได้ค่ะ”
“ค่ะ น้องบัว นั่งกับพี่นะครับ คืนนี้” ศิราเอ่ย พร้อมกับส่งสายตาร้อนแรงสื่อความหมายบางอย่างชัดเจน ขนาดคนที่ไม่ประสีประสาอย่างบัวบูชายังเข้าใจได้ แถมยังไม่ยอมปล่อยมือจากเธออีก
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเกิดอาการประหม่าขึ้นมาทันทีที่ได้สบตากับเจ้าของร่างสูง คนนี้สินะ ที่เธอได้ยินพวกสาว ๆ แอบกรี๊ดกร๊าดกันตอนที่เดินเข้ามาภายในร้าน
“ขอประทานโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ พอดีบัวเสิร์ฟอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้นั่งดริ้ง ยังไงเดี๋ยวบัวเรียกน้อง ๆ ให้ดีกว่านะคะ รบกวนคุณลูกค้ารอสักครู่”
บัวบูชาพยายามดึงมือออกมาอย่างสุภาพ ก่อนจะก้มโค้งให้เล็กน้อย และรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีด้วยความเร็วแสง ทิ้งให้ศิรานั่งมองตาค้างเพราะคิดคำพูดไม่ทัน
“ฮ่า ๆ กูบอกแล้ว น้องเขาไม่หลงคารมมึงหรอก” มาวินแซว
“คืนนี้ก็ออกกับน้องชุดแดงคนนั้นก่อนไหม กูเห็นมองมึงมาตั้งแต่กูเข้ามาล่ะ” คินน์พยักพเยิดไปที่โต๊ะซ้ายมือ
ศิรามองตามก่อนจะเห็นว่าเป็นผู้หญิงสาวสวย แต่งตัวด้วยชุดเดรสรัดรูปสีแดงเลือดนก เจ้าหล่อนยกแก้วขึ้นทักทาย พร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน ศิรายกแก้วขึ้นทักทายตอบกลับเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำ
ตี๊ดดเสียงสัญญาณประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแสนมีเสน่ห์ ศิราในชุดทำงานเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก กับกางเกงสแล็กส์สีกรม มันช่างดูเข้ากันเป็นอย่างมากในสายตาของบัวบูชาคนร่างสูงยื่นเสื้อสูทสีเดียวกันกับกางเกงให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังมองมาที่เขานิ่งราวกับรูปปั้น“หนู เป็นอะไรคะ?”“เปล่าค่ะ” บัวบูชาตอบพร้อมกับส่ายหัวรัว ทำให้ศิรายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“พี่ศิรา จะทานข้าวหรือว่าอาบน้ำก่อนดีคะ?”“พี่ว่ากินข้าวก่อนดีกว่า ถ้าอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวเอา”“…”ร่างบางอึกอัก ทำตัวไม่ถูกกับคำพูดเย้าหยอกของอีกฝ่าย ใบหน้าจิ้มลิ้มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวลูกตำลึงสุกจนลามไปถึงใบหู“หน้าแดงใหญ่แล้ว หนูเขินเหรอคะ?” ร่างสูงเอ่ยแซว“พี่ศิรา ไม่แกล้งหนูสิ”“โอเคค่ะ พี่ยังไม่แกล้งตอนนี้ เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่าเนอะ ตอนนี้พี่หิวมากเลย”“โห น่ากินจังเลยครับ” ศ
มือเรียวสวยหยิบนามบัตรใบเล็กสีดำขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ของคืนนี้แล้วก็ไม่อาจนับได้ “ศิรา กิจธนะวรกุล” ชื่อเจ้าของนามบัตรเด่นชัดอยู่ตรงหน้า พร้อมเบอร์โทรติดต่อ“เฮ้ออออ” เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นจากร่างบาง ทำให้ใบตองที่นั่งข้าง ๆ หันมามองด้วยความสงสัย“พี่บัว เป็นอะไรไปตองเห็นพี่ทำหน้ากลุ้มใจแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ” หญิงสาวอดไม่ได้จึงเอ่ยถามออกไป“พี่มีเรื่องให้ตัดสินใจนิดหน่อยน่ะ”“ปรึกษา ตอง ได้นะพี่” ใบตองสาวสวยเด็กนั่งดริ๊งก์ประจำร้านเอ่ย“ขอบใจจ้ะ”“ว่าแต่ช่วงนี้ไม่เห็นคุณศิราเลยเนอะ ปกติเขาจะมาหาพี่เกือบทุกคืน” หญิงสาวชวนคุย“บ้า มาหาพี่ที่ไหนกัน” บัวบูชา ก้มหน้าพูดกลบเกลื่อน“แหม พี่บัว ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้น ดูก็รู้ว่าคุณเขาชอบพี่มาก ๆ เลยนะ”“…”“เป็นตองนะ ไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก ถึงไม่ได้เป็นแฟน เป็นกิ๊กก็ยังดี”“เดี๋ยวเหอะ แก่แดดเกินไปแล้วนะเรา
“แหมมมม มึง วาสนาคนเรานี่มันไม่เท่ากันซะจริงจริ้ง มึงว่าไหม?”“นั่นนะสิ บางคนทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด ทิปไม่ได้สักบาท” บัวบูชาหยุดชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เนื่องจากได้ยินเสียงพูดคุยของพนักงานหญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงทางเดินแว่วมาเข้าหู“ส่วนคนบางคนเดินชม้อยชม้ายส่งสายตายั่วแขกก็ได้ทิปเป็นปึก ๆ สบายไปเลย ตอนนี้เดือน ๆ ได้หลายหมื่นแล้วมั้ง”“ก็วาสนามึงมีไม่เท่าเขาอะเนาะ ก็ต้องทำใจ”“แล้วก็ชอบทำเป็นเล่นตัวนะ อ่อยคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่ละคนหน้าไม่เคยซ้ำ”บัวบูชาหยุดฟังจนบทสนทนาดังกล่าวจบไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง ทำได้แค่ก้มหน้าเดินผ่านไป เลี่ยงทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนากระแหนะกระแหนเมื่อสักครู่หญิงสาวไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร ที่มาทำงานก็เพื่อหาเงิน ใครจะคิดยังไง จะว่ายังไงเธอไม่สน ร่างบางรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนยังไง ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่พวกขี้อิจฉา ที่เห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเองไม่ได้ ก็เท่านั้น“คุณศิรา รอนานไหมคะ” หลังเลิกงานบัวบูชารีบเดินออกมาจากร้านทันทีเพราะกลัวว่าอีก
บัวบูชาหลังจากที่เดินออกมาจากโต๊ะนั้น หญิงสาวก็เข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ จากตอนแรกที่ใจเต้นแรงเพราะใบหน้าหล่อเหลานั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นอารมณ์โกรธมากกว่า นึกว่าจะแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ที่แท้ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่แกหวังอะไรอยู่เนี่ย บัวบูชา ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ขณะกำลังจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ ร่างบางก็ต้องสะดุดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนแทบจะสิงกันอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำบัวบูชาตกใจตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นชัด ๆ ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ตอนนี้จะออกไปก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ยืนฟังบทสนทนาที่ดังแว่วมาเบา ๆ“คืนนี้ คุณศิรา มีนัดที่ไหนต่อไหมคะ?” สองแขนเรียวถือวิสาสะยกขึ้นคล้องคอหนาของศิราเอาไว้“ไม่มีครับ” ศิราตอบกลับ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบรอบเอวของเจ้าหล่อน ใครมันจะยอมให้ผู้หญิงยั่วอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็เสือผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องโปรยเสน่ห์เขาถนัดนัก“งั้น คืนนี้ไปดื่มต่อที่ห้องดาวไหมคะ?”“ชวนผู้ชายไปที่ห้อง คุณดาว ไม่กลัวเหรอครับ?” ศิราเอียงคอมองผู้หญิงตรงหน้าเล็กน้อย อย่างล
หลังจากวันนั้นก็เป็นเวลากว่าสี่เดือนแล้ว ที่บัวบูชาทำงานที่บาร์แห่งนี้ ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอรู้จักพนักงานในร้านทุกคนแล้ว โดยเฉพาะรุ่นน้องที่ชื่อใบตอง อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีใบตองคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอตลอดทั้งเรื่องงานหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาเจอกับพวกลูกค้าผู้ชายที่มือไวใจเร็ว ชอบแตะนิดแตะหน่อย หรือพวกที่ชอบพูดจาสองแง่สองง่าม แทะโลมต่าง ๆ นานาแรก ๆ บัวบูชาก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่พอปรับตัวได้หญิงสาวก็เริ่มเอาตัวรอดเป็น อยู่ต่อหน้าลูกค้าก็พูดจาคะขา เอาอกเอาใจเก่ง ทำให้ตอนนี้รายได้จากทิปคืนหนึ่งก็ปาไปเกือบสี่พันบาทแล้วแต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าทุกคนในร้านจะดีกับเธอทุกคน มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด โดยเฉพาะกับพวกสาว ๆ ที่ทำงานที่ร้านมาก่อน พอเธอเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ก็เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ทำให้คนพวกนั้นไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่บัวบูชาตัดความฟุ้งซ่านทิ้งไป ทุกวันนี้เธอพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแค่นั้นก็พอ ตอนนี้เธอต้องรีบกอบโกยเงินให้ได้มากที่สุด เพราะปลายเทอมหน้าก็เป็นเทอมสุดท้ายของภาคเรียนแล้วซึ่งเป็นเวลา
ในเช้าวันจันทร์ที่อากาศสดใส บัวบูชาตื่นมาช่วยแม่เตรียมของตอนตีสามเหมือนเช่นเคย เช้านี้เธอได้ยินแม่บ่นว่าปวดขามากกว่าทุกวัน แถมอาการหายใจติดขัด หอบเหนื่อยง่ายที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้บ่อย ๆ ก็เหมือนจะมีอาการมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา“แม่ไหวไหมจ๊ะ? ถ้าไม่ไหววันนี้หนูขายเอง” บัวบูชาเอ่ยหลังสังเกตเห็นสีหน้าซีดเซียวของผู้เป็นแม่“แม่ไหวลูก มีเรียนก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่” อุบลเอ่ย“แม่...แม่อย่าฝืนนะ เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”“แม่ยังไหว บัวเตรียมของไว้ให้แม่ก็แล้วกัน แม่ขอไปนั่งพักก่อน เดี๋ยวตีห้าแม่ออกไปช่วยขาย”“จ้ะแม่ แต่ถ้าวันนี้อาการยังไม่ดีขึ้น เย็นนี้หยุดขายผัดไทยก่อนนะแม่ เลิกเรียนหนูจะรีบกลับบ้าน” บัวบูชาที่ยังรู้สึกเป็นห่วงจึงเอ่ยกำชับผู้เป็นแม่อีกครั้ง“จ้ะ”ครืน ครืน เสียงสั่นจากโทรศัพท์เครื่องเล็กซึ่งตกรุ่นมาหลายปีแล้วดังขึ้น เพื่อนที่นั่งเรียนข้าง ๆ ได้ยินเสียงสั่นก็หันมามอง บัวบูชารีบล้วงมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าผ้าใบเก่งพบว่าเป็นเบอร์ของแม่ที่โทรเข้ามา คิ้วขมวดเป็นปมอย่างนึกสงสัยว่าผู้เป็นแม่มีธุระอะไร มือบางจึงรีบกดรับสายทันที“แม่ ว่าไงจ๊ะ”“สวัสดีครับ ผมโทรจากกู้ภัยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป