Share

บทนำ ฝันร้าย 7

Author: LIttlelion
last update Last Updated: 2025-06-07 21:46:13

จากนั้นไม่นานมากความสงบในโต๊ะก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม พร้อมกับอาหารมากมายถูกเรียงรายนำมาวางไว้เต็มโต๊ะ กลิ่นอาหารหลายอย่างผสมรวมกันชวนเวียนหัวขึ้นมา

กลิ่นของมันพะอืดพะอมอยู่ในคอ ไม่ถึงกับมวนท้องอาเจียนออกมา กลิ่นนี้ข้ายังพอรับไหวอยู่

ข้าผ่อนลมออกทางจมูก กำหนดจิตไม่ให้ว่อกแว่กเหลือบมองไปทางหน้าต่างเป็นอันขาด จะทำเสมือนว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ร่วมห้อง

พลันก็มีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นจากการหยุดเงียบสนทนาไปเมื่อครู่นั้น

“อาหารเหล่านี้คล้ายกับอาหารบำรุงครรภ์ก็มิปาน” เยี่ยเปากล่าว

บุรุษร่างกายใหญ่โตสวมอาภรณ์สีเขียวเข้ม มีผิวสองสี คิ้วเข้มดุจกระบี่ ดวงตาดุดัน ริมฝีปากหนา ปลายจมูกโด่งงุ้มเข้าเล็กน้อย วางสุราในมือลงบนโต๊ะ ปริปากกล่าวออกมาเสียงทุ้มติดไปทางแหบ

“หืม...? จะว่าไปก็คล้ายอยู่” จิ้นฝานกล่าวเสริม หลุบตามองอาหารหลากหลายที่วางอยู่บนโต๊ะ

เขาเป็นบุตรคนโตสุด มีพี่น้องมากมาย ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงรู้จักอาหารเหล่านี้ได้ ยามมารดาตั้งครรภ์เขาเองก็อยู่ร่วมสำรับกับนางด้วยตลอด

“เสี่ยวจิ้นไปทำสตรีที่ไหนตั้งท้องมารึ เจ้าถึงรู้ได้” ไป๋มี่อิงเอ่ย ยกมุมปากขึ้นยิ้ม

“มี่เอ๋อร์…กล่าววาจาพล่อยๆ คนอย่างข้ารึจะทำสตรีที่ไหนตั้งท้องได้” จิ้นฝานยกแขนขึ้นกอดอกกล่าวเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาดุตวัดมองสตรีด้านข้างไป๋มี่อิงเล็กน้อย กดหัวคิ้วลงต่ำ

ข้ากำมือแน่นฟังคำกล่าวอย่างไม่รู้สึกรู้สาของเขาอย่างเจ็บแค้น เขาลืมเรื่องคืนนั้นอย่างง่ายดายเพียงข้ามคืน กลับทิ้งรอยมลทินให้ข้าชั่วชีวิต

“เสี่ยวจิ้นหนอ…บางคราเจ้าอาจจะหลงลืมไป ถ้าหากเจ้าไปทำสตรีท้องขึ้นมาจะทำอย่างไร” ไป๋มี่อิงมิวายกล่าวไล่ต้อนเขาออกไปต่อ

จิ้นฝานกัดปากแน่น หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าครุ่นคิดในคำกล่าวแปลกพิลึกพิลั่นของไป๋มี่อิง ดวงตาดุดันสบตาสหายครู่หนึ่ง ถึงจะเอ่ยออกไป

“ถ้าสตรีที่ข้าล่วงเกินนอกจากนางโลมแล้วนั้น ก็คงจะเป็นสตรีที่อยู่ในความฝันกระมังที่จะตั้งท้องกับข้าได้”

เป็นสตรีที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนสหายของเขาในความฝัน คืนนั้นเขามีสัมพันธ์ชู้สาวกับนาง พลันพอรู้ตัวตื่นขึ้นมาที่ศาลาในสวน กลับเหลือเพียงความว่างเปล่า กับเขาที่เปลือยเปล่าอยู่เท่านั้น

“เสี่่ยวจิ้น เจ้าต่างหากที่กล่าววาจาพล่อยๆ ไหนลองกล่าวมาว่าสตรีผู้นั้นคือสตรีในฝันของเจ้าจริงๆ หรือแค่จะกล่าวเย้าข้าเล่นแค่นั้น” ไป๋มี่อิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“หืม” จิ้นฝานครางเสียงขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะกล่าวออกไปอีก “เจ้าอยากรู้ไปทำไมว่าสตรีในฝันข้ามีอยู่จริงหรือไม่...” เขากล่าวพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความสงสัย

“ข้าอยากรู้ผิดด้วยหรือ ตกลงเจ้าฝันจริงแน่นะ” ไป๋มี่อิงบีบคั้นอีก

พอสิ้นคำกล่าวของเจี่ยเจียข้าก็รอฟังเขาอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน มันมิอาจห้ามตนเองไม่ให้ได้ยินเสียงสนทนาทั้งหมดนี้บนโต๊ะอาหารได้

“…” จิ้นฝานนิ่งงันขมวดคิ้วเข้าแน่นกว่าเดิม และกระแอมคอขึ้น “แอม!” และเบือนหน้าไปทางหน้าต่างทอดมองหลังคาบ้านเรือนด้านนอก พลางกล่าวขึ้นเนิบช้า

“ก่อนหน้านั้นข้าเคยฝันว่าได้เสียกับสตรีงามผู้หนึ่ง”

น้ำเสียงราบเรียบเฉกเช่นเดียวกับสีหน้ายามนี้ของเขา นิสัยตรงไปตรงมาต่อหน้าสหาย เขาจึงไม่ได้สงวนท่าที หรือรักษาหน้าตาเท่าที่ควร

เคร้ง! คำกล่าวของเขาส่งผลให้ข้ามืออ่อนขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทิ้งตะเกียบหล่นตกลงบนโต๊ะ คืนนั้นมิใช่ว่าเขาหลงลืมไปหมดเสียเลยทีเดียว

อย่าได้กล่าวออกมา...ข้าอับอายเกินกว่าจะรับไหว เจี่ยเจียหยุดซักถามเขาต่อเลยเจ้าค่ะ หากท่านรู้ ท่านจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น และโทษตนเองเป็นต้นเหตุ

ริมฝีปากข้าสั่นไม่กล้ากล่าวห้ามนางออกไป หลุบตามองต่ำ หวังว่าคุณชายจิ้นจะไม่กล่าวถึงสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นบนโต๊ะในยามนี้

และไม่ใช่เพียงไป๋ซิงหนี่ว์ที่ตกใจในคำกล่าวของจิ้นฝาน เยี่ยเปาและไป๋จิวเซียนก็ตระหนกในคำกล่าวตรงไปตรงมาของเขาด้วยเช่นกัน เรื่องเช่นนี้จิ้นฝานเอามากล่าวต่อหน้าผู้อื่นไม่อายปากแม้แต่น้อย

ไป๋ซิงหนี่ว์ก้มหน้าลงตาแดงระเรื่อ ภาวนาในใจไม่ให้เขากล่าวอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ พลันเสียงบุรุษผู้หนึ่งก็เอ่ยขึ้นมาช่วยชีวิตนางเอาไว้ได้ทันการณ์

“มี่เอ๋อร์ เสี่ยวจิ้น! ประเดี๋ยวจะโดนข้าเคาะหัว ลืมไปแล้วหรือว่าในห้องไม่ได้มีแค่พวกเราสามคน” ซิ่นสือที่รู้สึกไม่ชอบใจกับคำกล่าวของสหายจึงกล่าวห้ามปรามออกไปเสียงดุ

“เสี่ยวสือ คนกันเองทั้งนั้น นี่ก็น้องสาวข้า นั่นก็ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรอง ล้วนแต่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” ไป๋มี่อิงกล่าวแก้ต่างให้ตนเองกับจิ้นฝาน มุมปากทั้งสองโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง และเบือนหน้าไปสนทนาจิ้นฝานต่อ ไม่ได้สนใจเสียงดุของซิ่นสือแม้แต่น้อย

“หากสตรีในฝันของเจ้าตั้งท้องขึ้นมา เจ้าจะทำอย่างไร”

ข้าที่นั่งบีบมือตัวเองบนตักหันหน้าขวับไปมองเจี่ยเจียทันที พี่สาวต้องการจะทำอันใดกันแน่! ถึงกระนั้นอีกใจหนึ่งก็ตั้งใจรอฟังคำตอบจากคุณชายจิ้นด้วยเช่นกัน ไม่กล้าเหลือบตาขึ้นไปมองสีหน้าท่าทางของเขาตอนที่กล่าวออกมาก็ตามที

“ฮึ่ม!” จิ้นฝานเค้นเสียงในคอขึ้น จากที่หันหน้ามองออกไปด้านนอกเบือนกลับมามองดวงหน้างามของสหายอย่างตกใจ เขาพินิจมองนางด้วยความสงสัยเคลือบแคลงอยู่ครู่หนึ่ง หรี่ตาดุลงเล็กน้อยราวกับว่ากำลังใช้ความคิด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๒ ความจริงที่มาพร้อมความจำใจ / 3

    ส่วนตัวข้าก็สบายตัว ทานอาหารได้คล่องคอมากขึ้น ถึงแม้จะยังมีอาการแพ้ท้องอยู่ก็ตามที หรืออาจจะเป็นเพราะคำแนะนำก่อนหน้านี้ที่ช่วยทำให้สบายใจมากขึ้นก็อาจเป็นไปได้ คำแนะนำของเขาคล้ายกับยาในรูปแบบหนึ่งเจิ้งเหรินอี้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นสีหน้าชื่นมื่นสดใสขึ้นของคุณหนูรองไป๋ ก็ก้มหน้าลงยกจอกชาขึ้นดื่ม แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย และทอดสายตามองดูนางรำด้านหน้าต่อส่วนจิ้นฝานลุกจากที่นอน จัดอาภรณ์เข้าที่แล้วก็เดินออกจากกระโจมเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เขาเดินไปนั่งโต๊ะด้านหน้าสุด ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างโต๊ะของเสนาบดีฝ่ายขวา และยังได้เอ่ยทักทายเสนาบดีจางออกไปสองสามประโยค“ซือจื๋อมานั่งโต๊ะเดียวกันเถิด” เสนาบดีจางเอ่ยเรียกอย่างเป็นมิตร“ขอรับ” จิ้นฝานรับคำ ลุกขึ้นไปร่วมโต๊ะและนั่งหลังตรง หลุบตามองบ่าวที่กำลังเทสุราลงจอกให้เขาเหตุใดต้องเป็นสุรา เพราะอากาศหนาวสุราจึงช่วยดับความหนาวภายในร่างกายลงได้หลายส่วน พวกเขาจึงนิยมนั่งจิบกันเรื่อยๆ ขณะล้อมวงสนทนาสายลมยามดึกพัดผ่าน ทำให้เปลวไฟในคบเพลิงวูบไหว สายลมนี้พัดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของสุราในมือจิ้นฝานลอยเข้าจมูกมันเป็นกลิ่นหอมที่เหม็นชวนให้ลมในท้องก่อตัวเป็นพายุ ร

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๒ ความจริงที่มาพร้อมความจำใจ / 2

    “ซิงหนี่ว์ เมื่อครู่คุณชายจิ้นมองทางนี้ด้วย” หลิงจูเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ เขย่าแขนเสื้อสหายเบาๆ“เหอะๆ” ข้าเพียงหัวเราะแห้งในคอ เขยิบกายหันหลังให้กับคุณชายจิ้นแทน วันนี้อากาศสดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ นับว่าเป็นวันดี เช่นนั้นแล้วจำเป็นต้องมองแต่สิ่งที่สบายใจและเป็นมงคล หากเห็นของอัปมงคล วันนี้อาจจะวิบัติเอาได้ทางด้านจิ้นฝานรับสุราต้มร้อนๆ ขึ้นมาเป่าไปได้สองลม เพื่อให้ความอบอุ่นคลายหนาวยามเช้า พลันก็ย่นคิ้วเข้า ขยับจอกสุราขึ้นมาจ่อจมูก ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน และวางลงไปบนโต๊ะตามเดิมเสนาบดีจางเห็นท่าทางไม่สู้ดีของเขาจึงเอ่ยทักออกไปด้วยความสงสัย“สุรามิถูกปากหรือซือจื๋อ”“กลิ่นมิค่อยถูกจมูกขอรับ” จิ้นฝานตอบไปตามตรง“กลิ่นก็ปกติดีนี่” เสนาบดีจางเอ่ย ยกจอกสุราขึ้นมาดม เงยหน้าขึ้นมองจิ้นฝานอย่างแปลกใจ และเอ่ยขึ้นมาใหม่“ซือจื๋อลองยกขึ้นมาดมดูใหม่เถิด ถ้ากลิ่นยังเหมือนเดิมอาจจะเป็นจอกสุราที่ล้างไม่สะอาดกระมัง จะได้ให้บ่าวมาเปลี่ยนให้ใหม่”“ขอรับ” จิ้นฝานที่คิ้วยุ่ง หลุบตาลงยกจอกสุราขึ้นมาดมเฮือกหนึ่ง ท้องไส้ก็พลันปั่นป่วนขึ้นมาเสียดื้อๆท่านเสนาบดีจางทำตาโต ตกใจมองสีหน้าดำแดงที่เปลี่ยนมาอมเขียวร

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๒ ความจริงที่มาพร้อมความจำใจ / 1

    ๒ความจริงที่มาพร้อมความจำใจเขาผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบาและยืดกายขึ้น ปล่อยมือของนางวางลงช้าๆ และกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น“มีอาการทุกวันไหม”“เกือบทุกวันเจ้าค่ะ” ข้าตอบอย่างเข้าใจในคำถามของเขา“มีอาการอันใดอีกนอกจากอาเจียน” เจิ้งเหรินอี้กลับมาทำสีหน้ายิ้มแย้มตามเดิมเอ่ยถามนางอีก“ไม่ค่อยอยากอาหาร ส่วนมากที่กินเข้าไปคือต้องกินอย่างหลีกเลี่ยงมิได้” ข้าตอบเสร็จก็เม้มปากเข้า มองสีหน้าเป็นมิตรของบุรุษตรงหน้า“อืม...อาการข้างเคียงช่วงนี้ท่านมีเรื่องให้คิดหนักหรือ หยินภายในจึงมิสมดุลเช่นนี้” เจิ้งเหรินอี้กล่าวช้าๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงและฟังรื่นหู“มีเจ้าค่ะ จะส่งผลร้ายหรือไม่เจ้าคะ” ข้าเอ่ยถามอย่างร้อนใจ"มากเกินจำเป็นก็ส่งผลร้าย ขนาดคนที่มีร่างกายดีก็ทรุดได้เช่นกัน” เจิ้งเหรินอี้กล่าวจบ ริมฝีปากบางก็ปิดสนิท และยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เข้าใจในความทุกข์ของนางที่เก็บเอาไว้“ข้า…” เสียงแผ่วเบาลอดออกจากปาก หลุบตามองท้องตนเอง พยายามจะไม่คิด แต่มิอาจลบล้างความคิดและความทรงจำได้เลย และเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยกับหมอเจิ้ง“ข้าควรจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ”“คุณหนูไป๋หมายถึงร่างกายหรือสภาพจิตใจ” เจิ้งเหรินอ

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑ เผชิญดาวร้าย / 12

    “โป๊ยกั๊กนี่นำไปต้มดื่มทุกวันกับน้ำชา ไม่เกินสามวันจะเป็นปกติตามเดิม เจ้าเพียงแค่ข้อเท้าเคล็ดเท่านั้น ข้านำติดกายมาด้วยเพียงเล็กน้อย ถ้าหมดก็ไปขอเอาได้จากในครัว” เจิ้งเหรินอี้กล่าว“จริงหรือเจ้าคะ!” เสี่ยวเมิ่งกล่าวขึ้นเสียงดังอย่างดีใจ นางเพียงข้อเท้าเคล็ดเท่านั้น นึกว่าจะหักเสียแล้ว บ่าวน้อยกล่าวขึ้นในใจ“ฮ่าๆ จริงสิ ข้าจะโป้ปดเจ้าให้ได้อันใด” เจิ้งเหรินอี้หัวเราะก่อนจะเอ่ยตามอย่างขบขันเสี่ยวเมิ่งฉีกยิ้มกว้างก้มหัวขอบใจอีกสามรอบ ส่วนเจิ้งเหรินอี้ก็ยืนประกบมือไว้ด้านหน้าขา และเลื่อนสายตาไปมองคุณหนูตระกูลไป๋ ก่อนจะกล่าวออกไปอีก“ตาท่านแล้ว แต่ข้าต้องขอออกไปล้างมือก่อนสักครู่” เขาหลุบตามองเท้าเสี่ยวเมิ่ง เป็นนัยแฝงไปด้วยข้าเบิกตาขึ้นเล็กน้อย กำมือใต้แขนเสื้อ หายใจติดขัด ก่อนจะพยักหน้ารับเขาอย่างเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจในยามนี้จะให้หลิงจูสหายคนสนิทนี้ออกไปด้านนอกนั้น ควรจะใช้วิธีอันใดถึงจะดูแนบเนียนมากที่สุด พอหมอเจิ้งหมุนกายเดินออกจากห้องไป ก็ผุดความคิดหาข้ออ้างได้ออก“หลิงจู ข้าหิวข้าวยิ่งนัก” ข้าแสร้งกล่าวเสียงอ่อน เดินกุมท้องไปนั่งด้านข้างของนาง“ซิงหนี่ว์ เจ้ายังมิได้กินข้าวตั้งแต่

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑ เผชิญดาวร้าย / 11

    “ใช่เจ้าค่ะ” หลิงจูเอ่ยขึ้นอีกเจิ้งเหรินอี้ยิ้มรับอย่างเป็นมิตรและเอ่ยขึ้น “แม่นางมีธุระอันใดกับข้าหรือ”“กล่าวไปสิซิงหนี่ว์” หลิงจูกระทุ้งข้อศอกเบาๆ ไปด้านข้าง“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าไป๋ซิงหนี่ว์ ส่วนนี่หลิงจู จะรบกวนให้ท่านหมอมาตรวจดูอาการของบ่าวคนสนิทให้เสียหน่อย”เจิ้งเหรินอี้ที่ยังแย้มยิ้มกว้างอยู่นั้น ก็เอียงหน้าลงด้านข้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลุบตามองสตรีงามตรงหน้า พลางใช้หัวครุ่นคิดไปด้วยว่า ‘ไป๋’ ใช่แซ่หนึ่งในสิบตระกูลมหาอำนาจลำดับที่หนึ่งหรือไม่ แต่นับว่าหายากที่เจ้านายจะใส่ใจดูแลบ่าว เขาจึงพยักหน้าตอบรับอย่างสุภาพ พร้อมกับผายมือออกไปด้านหน้า“เชิญแม่นางไป๋นำทาง”“ขอบใจมากเจ้าค่ะ ที่ไม่รังเกียจตรวจดูอาการบ่าวของข้า” ข้าขอบใจแทนเสี่ยวเมิ่ง หมอหลวงนั้นเปรียบดั่งขุนนาง พวกเขาตรวจให้เพียงบุคคลชั้นสูง ไม่มีทางที่จะลดตัวลงมาตรวจอาการบ่าวเช่นนี้ได้“แม่นางไป๋กล่าวเกินไปแล้ว” เจิ้งเหรินอี้กล่าวอย่างเป็นมิตร เดินมาขนาบข้างไป๋ซิงหนี่ว์“มิทราบว่าหมอหลวงมีนามว่าอันใดหรือเจ้าคะ เมื่อครู่พวกข้าเสียมารยาทมิได้เอ่ยถามชื่อกลับ” หลิงจูชะโงกหน้าจากอีกฝั่งไปถาม“ข้ามีนามว่าเจิ้งเหรินอ

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑ เผชิญดาวร้าย / 10

    เป็นไปตามที่จิ้นฝานคิดเอาไว้ เช้าวันที่หนึ่งเขาสะดุ้งกายตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอาเจียนของไป๋ซิงหนี่ว์ ลากยาวจนเกือบสองชั่วยาม เขานอนฟังเสียงนั้นเอาแขนหนุนหัวสองข้าง ทอดมองเพดานอย่างทอดถอนใจด้วยความที่มีนิสัยสันโดษ ไม่ชอบสุงสิงกับผู้อื่นที่ไม่สนิท จึงออกไปพบปะสนทนากับขุนนางด้านนอกเพียงเล็กน้อย และเข้ามาเก็บตัวต่อในห้อง ตลอดทั้งวันเขาจะได้เสียงอาเจียนของนางเป็นพักๆ จึงเป็นการรบกวนเขาค่อนข้างมากด้วยเช่นกัน“เคร้ง!” พลันก็มีเสียงเขวี้ยงบางสิ่งที่กระทบเข้ากับผนังห้อง ตามมาด้วยเสียงตะโกนขึ้นสูงของสตรีที่เขาชังหน้า“ว้ายยย เสี่ยวเมิ่ง! ไปเอาอาหารมาใหม่ที ข้าไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงนี้บ่งบอกถึงความไม่พอใจ และเอาแต่ใจของไป๋ซิงหนี่ว์ที่เขาสัมผัสได้บุรุษที่แหงนหน้ามองเพดาน มีหนังสือหนึ่งเล่มเปิดหน้าเอาไว้วางบนอก ริมฝีปากหนาปริออกกล่าวออกมาอย่างไร้เสียง“เรื่องมากยิ่งนัก”คำกล่าวนี้ล้วนมาจากความนึกคิดของตนเองจากการคาดการณ์ แต่เขามิอาจรู้ได้ว่าหลังกำแพงไม้นี้ เหตุการณ์จริงๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่จากนั้นเสียงทั้งหมดก็กลับมาเงียบสงบตามเดิม ไร้เสียงสนทนาโวยวายของนางต่ออีก ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องข้างๆ กัน แต่จะได

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status