จะมีสิ่งใดน่าทุกข์ใจไปมากกว่าการถูกคนในครอบครัวรังเกียจภายหลังจากมารดาเสียชีวิตเด็กน้อยอายุห้าขวบต้องพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดพร้อมกับน้องสาวที่พึ่งลืมตาดูโลกอีกทั้งน้องชายฝาแฝดที่พึ่งเกิดมายังถูกพรากไป หลี่อันหนิง เด็กสาวผู้เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาที่ไม่เหมือนผู้ใดนอกจากต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากคนในครอบครัว ตลอดชีวิตนางยังไม่เคยได้รับอุ่นไอจากผู้เป็นบิดาที่ยังเหลืออยู่ จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต นางก็ยังไม่รู้เลยว่าเหตุใดสวรรค์ถึงได้กำหนดชะตาชีวิตเช่นนี้ให้กับตน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เด็กสาวพบว่าตนเองกลับมายังอดีตในช่วงเวลาที่ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ พร้อมกับความสามารถที่ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้เหมือนอย่างนาง หลี่อันหนิงได้เริ่มวางแผนแก้แค้นให้กับตนและช่วยเหลือน้องทั้งสองมิให้มีชะตากรรมดั่งชาติที่แล้ว
View Moreรัชศกเจียวจิ้นปีที่หนึ่ง
องค์ชายรัชทายาทเซี่ยหนานกงขึ้นรั้งตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์ทองเป็นปีแรก เหล่าข้าราชบริพารและประชาชนต่างสรรเสริญคุณงามความดีและจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองขึ้นในเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน
พานเยว่หลานบุตรีของแม่ทัพพานผู้มากความสามารถและถูกขนานนามว่าสตรีอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง รับหน้าที่ขึ้นแสดงการร่ายรำถวายแด่องค์ฮ่องเต้และฮองเฮา
ด้วยรูปโฉมดันโดดเด่นของนางจึงต้องตาชายหนุ่มมากมายในเมืองหลวงรวมถึงฮ่องเต้เซี่ยหนานกง ซ่างกวนฮองเฮาที่ได้รู้ถึงความต้องการของสวามีและภายในวังหลังเองก็มีนางสนมเพียงไม่กี่คน ทำให้พระนางยอมเอ่ยปากทาบทามพานเยว่หลานด้วยตนเอง
ทว่าหญิงสาวกลับมีท่าอีอึดอัดเพราะภายในใจของนางนั้นมีบุรุษอื่นครอบครองอยู่แล้ว ซ่างกวนฮองเฮาเดิมทีก็เป็นสตรีใจกว้างจึงได้เอ่ยถามความสมัครใจของนาง พานเยว่หลานเห็นถึงความจริงใจของซ่างกวนฮองเฮาจึงเอ่ยความในใจของตนต่อหน้าพระนาง
ทว่าเรื่องที่ซ่างกวนฮองเฮากระทำกลับทำให้มีใครหลายคนไม่พอใจ และหนึ่งในนั้นคือเฉิงหรงกุ้ยเฟยผู้เป็นน้องสาวของโจวหานอี้ นางไม่พอใจที่พานเยว่หลานมีใบหน้าที่สามารถล่อลวงเซี่ยฮ่องเต้ได้ รวมถึงฐานะอันสูงส่งของนางที่มาจากตระกูลเก่าแก่ในเมืองหลวง
เมื่อเทียบกับตนเองแล้วนางเป็นเพียงสตรีที่มาจากตระกูลเล็กตระกูลหนึ่งนั้นที่บิดาพึ่งจะสามารถมีหน้ามีตาในเมืองหลวงได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ในใจจึงได้คิดวางแผนขัดขวางโดยการให้บิดาที่พึ่งได้รับความดีความชอบขอพระราชโองการสมรสระหว่างโจวหานอี้และพานเยว่หลาน
ในคราแรกเซี่ยฮ่องเต้รู้สึกไม่พอใจต่อการขอนี้ของใต้เท้าโจว ทว่าตนเองที่พึ่งขึ้นรับตำแหน่งฮ่องเต้มิอาจทำตามความประสงค์ของตนได้อย่างตามใจ รวมถึงครานั้นใต้เท้าโจวที่มีความชอบเรื่องแก้ไขภัยแล้ง หากต้องการขอพระราชทานมงคลสมรสให้บุตรชายเพียงเท่านี้ยังมิได้ อาจสร้างความไม่พอใจให้แก่เหล่าขุนนาง
พานเยว่หลานในวัยสิบห้า มิได้ล่วงรู้ถึงความคิดอันชั่วร้ายของผู้อื่น นางเพียงต้องการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายกับชายที่ตนพึงใจเท่านั้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! เจ้าเด็กอวดดี”
ร่างเล็กป้อมของเด็กน้อยในวัยไม่ถึงสิบขวบ มุดออกทางรูแตกของกำแพงจวนด้วยความรวดเร็วราวกับตัวตุ่น เด็กน้อยหันไปทางด้านหลังมองผู้เป็นบิดาด้วยสีหน้าท้าทาย ก่อนจะวิ่งหายลับไป
“เขาหนีออกไปอีกแล้ว!! เจ้าเด็กอวดดีนั่น!!หนีไปอีกแล้ว”
ร่างสูงโปร่งของหัวหน้าองครักษ์หนุ่มนามเย่เทียนหลางสั่นเทาไปด้วยโทสะ ตนเองที่เป็นถึงองครักษ์อันดับหนึ่งในเมืองหลวง แต่กลับมิสามารถจัดการบุตรชายตัวดีได้
ร่างอรชรก้าวเข้ามาหยุดยืนข้างกายสามี พลางมองไปยังรูแตกข้างกำแพงด้วยสีหน้าชอบใจ
“ดู!ดูเอาเถิดผลงานบุตรชายคนดีของเจ้า ข้าสั่งให้เขาคัดอักษรแต่เขากลับวิ่งหนีออกไปนอกจวนอีกแล้ว”
ร่างสูงชี้ไปยังรอยแตกให้ภรรยาผู้งดงามได้ยลสิ่งที่บุตรชายกระทำ
“เพราะท่านเข้มงวดกับเขามากเกินไป”
ร่างสูงสวนกลับไปทันควันเมื่อได้ยินภรรยาเอ่ยเข้าข้างบุตรชาย
“เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้เจาะรูที่กำแพงจวนของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าใดแล้วที่ข้าสั่งให้คนอุดรูพวกนี้”
“เท่าใดหรือ”
“สี่ครั้ง! เพียงแค่เดือนนี้เดือนเดียวก็สี่ครั้งแล้ว ฮึ่ย!ไม่รู้ว่าเจ้าคลอดเจ้าเด็กนี่ออกมาเป็นคนหรือตัวตุ่นกันแน่ เขาถึงได้ชอบขุดรูถึงเพียงนี้”
ใบหน้างดงามแสดงสีหน้าประหลาดใจ ไม่คิดว่าบุตรชายที่ตนเลี้ยงดูมาเองกับมือจะซุกซนเพียงนี้ เหตุใดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนทั้งเรือนเขาถึงได้ดูว่านอนสอนง่าย ทว่าเมื่อต้องอยู่ลำพังกับบิดาทั้งสองราวกับน้ำมันกับไฟเช่นนี้
“เขาไปไหนแล้ว”
ร่างสูงส่งเสียงหึ!ออกมาอย่างหัวเสีย ในเมื่อโทสะของผู้เป็นบิดายังมิดับมอด เขาจะไปที่ใดได้นอกจากเรือนตระกูลพาน
“คงจะไปหาเด็กสาวตระกูลพานเช่นเดิมนั่นแหละ เพราะเจ้าน้องชายตัวดีของข้าชี้โพรงให้เจ้าเด็กนั่น วันทั้งวันจึงเอาแต่ร้องขอออกไปเล่นนอกจวน”
จ้าวหยวนเอ๋อนิ่งคิดเล็กน้อย
“อ้อ..พานเยว่หลานใช่หรือไม่ เด็กสาวที่น้องสามพึงใจ”
“อืมคนนั้นแหละ ทั้งสองชอบพอกันมาตั้งแต่ยังเล็ก อย่างไรเด็กคนนั้นก็ถึงวัยปักปิ่นแล้ว ท่านพ่อคิดว่าจะเข้าไปพูดคุยเรื่องการหมั้นหมายกับแม่ทัพพานเอาไว้ แต่เจ้าลูกชายตัวดีนั่น ฮึ่ย! ยิ่งพูดถึงเขาข้าก็ยิ่งโมโห”
“ก็ดีแล้วมิใช่หรือ อีกเพียงไม่นานนางก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของคนบ้านเรา ให้พวกเขาสนิทสนมกันเอาไว้ไม่ดีหรือ”
สองสามีภรรยาพูดคุยเรื่องบุตรชายที่หนีออกไปนอกจวน ทว่าเย่เสวียนจื่อน้อยกลับกำลังนั่งทานขนมด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย โดยมิได้นึกถึงโทสะของบิดาที่พุ่งสูงเทียมฟ้าเพราะตนเอง
“พี่หญิง คาหนมของท่างอาหย่อยชี่สุก”
ร่างสูงที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ด้านข้าง ใช้พัดเคาะหน้าผากหลานชายเบาๆ อย่างหมั่นไส้
“พี่หญิงอันใด ต่อไปเจ้าต้องเรียกนางว่าอาหญิงต่างหาก”
เด็กน้อยมุ่ยหน้าด้วยท่าทางไม่พอใจ มือเล็กอวบอูมยกขึ้นจับไปที่หน้าผากของตนที่ถูกอาสามทำร้าย
“อาหญิงหรือ ข้าม่ายชอบ ข้าชอบเรียกนางว่าพี่หญิง นางทามคาหนมอาหย่อย ต่อปายจื่อเอ๋อจาแต่งงางกับพี่หญิงให้ท่างทำคาหนมให้ข้าทางตาหลอดปาย”
“เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ จะแต่งงานกับนางเจ้าต้องพูดให้ชัดก่อน อีกอย่างต้องผ่านอาสามของเจ้าคนนี้ถึงจะได้แต่งงานกับนาง”
เด็กน้อยไม่พอใจกับคำพูดของอาสาม มือเล็กหยิบเอาไม้เกาหลังของท่านปู่ที่ซ่อนในแขนเสื้อออกมา ก่อนจะชี้ไปยังชายหนุ่มตรงหน้า
“เช่งนั้งก็มาสู้กาน”
สองอาหลานต่างวัยวิ่งไล่จับกันอยู่ภายในสวนของจวนตระกูลพาน เสียงหัวเราะของคนทั้งสองเรียกรอยยิ้มจากหญิงสาวผู้งดงามและบ่าวไพร่ในเรือนที่เดินผ่านไปมา
ณ เรือนตระกูลหลี่“กลับมาแล้วหรือเจ้าพวกตัวซวย หายหัวไปทั้งคืนยังกล้ากลับมาที่นี่อีกนะ”เสียงแหลมสากของแม่เฒ่าหม่าดังขึ้นด้านหลัง ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังย่องกลับไปยังห้องเก็บฟืน“ท่านย่า”หญิงชรามีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ที่เด็กสาวหันมาพูดกับตนด้วยสีหน้าเย็นชา ทั้งที่ในยามปกติมักจะแสดงท่าทีขลาดกลัวเป็นครั้งแรกที่ได้พบหญิงชราหลังจากย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลี่อันหนิงกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธแค้นที่ปะทุขึ้นภายในใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเป็นเพราะหญิงชราผู้นี้ วันหน้านางจะต้องตอบแทนอย่างสาสมให้สมกับที่ครอบครัวของตนได้รับมาหลี่อันหนิงสบถสาบานในใจ“ท่าย่ามีอะไรจะใช้ข้าหรือ”เด็กสาวถามเสียงห้วน ไร้ท่าทีขลาดกลัวดั่งเช่นวันวาน“วันนี้พวกแกสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้ทานอาหาร ต้องทำงานที่เหลือจากเมื่อวานให้เสร็จทั้งหมด จากนั้นก็ขึ้นเขาไปเก็บผักป่ามาซะ”หลี่อันหนิงบิดปากเล็กน้อย ห้ามทานอาหารหรือ อาหารที่แม้แต่หมูยังไม่อยากทานใครมันจะกลืนลงท้องได้ เด็กน้อยทั้งสองไม่ตอบโต้ กลับทำตามที่หญิงชราสั่งอย่างว่าง่าย ซึ่งต่างจากท่าทีเฉยชาที่แสดงออกหลี่เจียนเจียนเดินผ่านสองพี่น้องที่กำล
กลางดึก ในระหว่างที่พี่น้องกำลังหลับสนิท เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องสะท้านขึ้นที่ด้านนอกถ้ำ หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นพร้อมกันเด็กสาวมิได้เล่าเรื่องที่ตนได้ยินเจ้าก้อนขนสีดำพูดคุยกันให้น้องสาวฟัง ไม่คิดว่าแม่ของมันจะกลับมาในคืนนี้ ในระหว่างที่หลี่อันหนิงกำลังคิดหาทางหนี เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของเจ้าสัตว์ร้ายด้านนอกดังขึ้นแผ่วเบาในหัวของนางได้ยินเสียงของมันรำพึงถึงลูกน้อยทั้งสอง เด็กสาวมองไปยังฝั่งตรงข้ามของบ่อน้ำร้อน ก่อนตัดสินใจเดินออกไปดูในความมืดสลัวราง หลี่ซางเป่าจับแขนเสื้อของพี่สาวเอาไว้มั่น“พี่ใหญ่ไปไหนหรือ”“ซางเป่ารอพี่อยู่ที่นี่ได้หรือไม่ ไม่นานพี่จะกลับมา”เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธแสดงท่าทีหวาดกลัว นางเห็นน้องน้อยแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ“ได้ๆ เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”หญิงสาวจับมือของน้องสาวเดินออกมาทางปากถ้ำ ที่ยังคงได้ยินเสียงร้องครางของสัตว์บาดเจ็บชัดเจน เมื่อไปถึงบริเวณปากถ้ำที่นั่นมีคบเพลิงมากมายถูกจุดโดยมนุษย์ดวงตาดำสนิทของเจ้าสัตว์ร้ายจ้องมองมายังนางและน้องสาวที่ซ่อนตัวอยู่ เจ้าก้อนขนทั้งสองที่ไม่รู้ว่าตามมาตั้งแ
หลี่อันหนิงพยักหน้าพลางลูบผมของเด็กน้อยซางเป่าอย่างภูมิใจ ตอนนี้ตนเองเป็นเพียงเด็กเท่านั้นไม่อาจทำตามใจตนดั่งเช่นผู้ใหญ่ได้ หากต้องการปกป้องน้องทั้งสองนางจำต้องมีอำนาจในมือและแล้วหลี่อันหนิงก็หวนกลับไปนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาที่แสนเย็นชาของท่านขุนนางหนุ่ม เพียงเท่านั้นในหัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด“พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าที่ใดที่เราสามารถใช้นอนได้”เด็กสาวมองหน้าน้องน้อยของตนด้วยสีหน้าสนใจ หลี่ซางเป่าเดินลิ่วนำหน้าไปเหมือนกับคุ้นเคยเส้นทางบนภูเขา หลี่อันหนิงผู้เป็นพี่สาวรีบวิ่งตามจนกระทั่งทั้งสองไปถึงผาหินที่มีต้นไม้และเถาวัลย์ขึ้นรกชัฏแห่งหนึ่ง“เป่าเอ๋อเราใช้ที่นี่นอนไม่ได้หรอกนะ มันรกเกินไปอีกอย่างอาจมีงูพิษออกมาก็ได้ รู้หรือไม่ว่ามันอันตราย”หลี่ซางเป่าเกาหัวตนเองเบาๆ นางแสดงสีหน้ามั่นใจก่อนจะหันไปดึงแขนเสื้อของพี่สาว“ได้เรานอนที่นี่ได้ นางบอกว่าคืนนี้ให้เรานอนที่นี่”นางหรือ...ใครกัน หลี่อันหนิงมองใบหน้าที่เล็กกว่าฝ่ามือของน้องสาวอย่างงุนงง สายตาสำรวจมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีที่ใดเลยที่จะสามารถใช้นอนได้ แล้วเหตุใดซางเป่าถึงพูดเช่นนั้นออกมา“ใครเป็นคนบอกน้องหรือ เป่าเอ๋อ”“ท่านแ
แม่เฒ่าจวงจีบปากจีบคือเอ่ย พลางหันไปถามความเห็นของเหล่าจีนมุงที่ตอนนี้เริ่มมากขึ้นทุกทีหลี่เจียนเจียนผู้ที่ถูกตามใจมาตั้งแต่ยังเล็ก คิดไม่ถึงว่าจะถูกหญิงชราตรงหน้าตอกกลับเช่นนี้ นางกำหมัดกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ก่อนตวาดแหวออกไปอีกครั้ง“เจ้า!! ยายเฒ่า เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด ข้าบอกให้ส่งนางเด็กสารเลวสองคนนั้นออกมา”ใบหน้าของหลี่เจียนเจียนเริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ นางไม่รู้วิธีจัดการกับคนอย่างหญิงชราผู้นี้ เพราะที่ผ่านมาเป็นนางที่เป็นผู้กระทำมาตลอด“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เรือนหลังนี้มีเพียงข้าและหลานชายอาศัยอยู่ หากจะพูดว่ามีเด็กสารเลวที่นี่ก็มีแต่เจ้าคนเดียว”แม่เฒ่าจวงลอยหน้าลอยตาเอ่ย โดยไม่สนใจในใบหน้าที่เริ่มเขียวคล้ำดำมืดของหลี่เจียนเจียน“กรี๊ด!!! ยายเฒ่าจวง กล้าว่าข้าสารเลวหรือ”หญิงสาวพุ่งเข้าใส่แม่เฒ่าจวงแต่ถูกจวงอี้ซิงเอาตัวขวางเอาไว้ เขาและนางอายุสิบเจ็ดเท่ากันทว่าเด็กหนุ่มกลับสูงใหญ่และแข็งแรงมากกว่า อาจเพราะเขาทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเล็กหลี่เจียนเจียนไม่สนใจว่าคนที่ขวางทางตนจะเป็นใคร นางใช้เล็บข่วนเด็กหนุ่มตรงหน้าเพื่อระบายโทสะของตน แต่สิ่งที่หลี่เจียนเจียนทำไม่สามารถสร้างความ
“อันหนิง!! อันหนิงลูกแม่ ลูกต้องช่วยน้องชายของเจ้านะ อย่าปล่อยให้เขาต้องเดินทางผิดเช่นในอดีต บัดนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำทางให้เขากลับมาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้”ในความมืดมิดอันเวิ้งว้าง เด็กสาวได้ยินเสียงคุ้นเคยของผู้เป็นมารดาดังแว่วอยู่ไกลๆ นางมองสถานที่ที่ไม่คุ้นตานี้ด้วยสีหน้าสงสัย แม้รอบกายจะมืดทะมึนแต่กลับมิได้ให้บรรยากาศที่น่าหวาดกลัวหลังจากเงี่ยหูฟังว่าเสียงของมารดามาจากที่ใด นางจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้น กระทั่งได้เห็นภาพเหตุการณ์ของชายหนุ่มรูปงามในชุดขาว ราวกับเทพสงครามกำลังเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นด้วยใบหน้าเฉยชาเด็กสาวตกใจกับภาพตรงหน้าจนถอยกรูดไปด้านหลัง ทว่าภายในใจกลับคิดว่าดวงตาของคนผู้นี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนักเมื่อหลี่อันหนิงมองเพ่งมองให้ชัดๆ นางเห็นไฝเม็ดเล็กที่อยู่ใต้ดวงตาขวาของเขาแล้วภาพของเด็กชายตัวน้อยที่ถือตำราในมือก็ผุดขึ้นมาในหัวของนาง บ้านหลี่มีเพียงเด็กสองคนที่เกิดมาพร้อมกัน และพวกเขามีไฝน้ำตาอยู่คนละฝั่งหลี่ซางเป่ามีไฝเม็ดเล็กใต้ดวงตาข้างซ้าย เช่นนั้นเขาก็คือหลี่อี้เจ๋อ น้องชายคนรองของนาง ทว่าภาพตรงหน้ามันคืออันใด เหตุใดเขาถึงได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำ
“อวัยวะภายในของนางและกระดูกหลายส่วนถูกทำลายจนสิ้น ต่อให้ช่วยได้ในตอนนี้นางก็คงอยู่ไม่พ้นเดือน ทำได้เพียงใช้สมุนไพรยื้อชีวิตไปเรื่อยๆ เท่านั้น อีกอย่างเราอยู่ในภารกิจที่เร่งด่วน จำเป็นต้องปล่อยนางไป เฮ่อ!! ช่างน่าเวทนานัก นางยังเด็กอยู่เลยกลับต้องมาพบกับชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนี้”ชายหนุ่มรูปงามที่แต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว เส้นผมสีดำสนิทถูกรวบสูงและสวมกวานหยก เขาประคองร่างบางขึ้นอย่างทะนุถนอม แม้ร่างกายของนางจะเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แต่ถึงกระนั้นเขากลับกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่นึกรังเกียจชายหนุ่มยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดที่ใบหน้าของหลี่อันหนิงอย่างแผ่วเบา นางไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่ที่มารดาจากไป หญิงสาวส่งยิ้มให้กับบุรุษตรงหน้าเพื่อเป็นการขอบคุณ จากนั้นเขาจึงก้มลงกระซิบที่ข้างหูของนาง“ข้าคือขุนนางที่ฮ่องเต้ส่งมา เด็กน้อยเจ้ามีคำขออื่นใดหรือไม่”หลี่อันหนิงได้ยินคำถามนั้นก็รู้แล้วว่าอีกไม่ช้าชีวิตของตนก็คงจะถูกพรากไป แต่ก็ยังดี อย่างน้อยนางสามารถเลือกที่จะตายด้วยน้ำมือของใครได้เด็กสาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระซิบเอ่ยตอบกลับไป“รบกวนช่วย!!...ฆ่า!!ข้า อย่าให้ข้าต้อ
Comments