"พี่เธียร..."
เสียงใสเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบภายในรถ เธอพึ่งสังเกตว่าตั้งแต่ขึ้นรถออกมาจากบ้าน เธียรก็เงียบมาตลอดทาง ไม่พูดไม่จากับเธอเลยสักคำ
"พี่เธียร..."
เธอเรียกเขาอีกครั้ง แต่เขาก็ยังคงเงียบเฉยไร้การตอบกลับ
"พี่เธียร! นุดีเรียกไม่ได้ยินเหรอคะ"
"ได้ยินครับ คุณหนูต้องการอะไรก็สั่งมาได้เลยครับ พี่รอฟังคำสั่งอยู่"
"เป็นอะไรไปคะ นุดีเห็นพี่เธียรเงียบมาตลอดทางเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ"
"เปล่าครับ"
เขาพูดแค่นั้นก็เงียบอีก นุดีเลยไม่รู้ว่าสรุปเธียรเป็นอะไร ทั้งคู่เลยต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กัน จนบรรยากาศภายในรถดูอึดอัดไปหมด
"นุดีว่าพี่เธียรดูแปลกไปนะคะ มีอะไรก็พูดกับนุดีตรง ๆ เลยค่ะ นุดีไม่ชอบคนที่เอาแต่อมพะนำแบบนี้"
...เอี้ยดดดดด...
"กรี๊ดดด! "
ร่างบางตกใจสุดขีดจนต้องกรี๊ดออกมา เมื่ออยู่ ๆ รถหรูก็เบรกกะทันหัน จนเจ้าตัวที่นั่งอยู่เบาะหลังแทบหัวคะมำไปข้างหน้า
คนที่เบรกรถกะทันหัน เงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยผ่านกระจกมองหลัง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามข่มอารมณ์เกรี้ยวกราดที่ขุ่นมัวในใจ
"พี่เธียรบ้า...ขับรถอะไรแบบนี้คะ จะพานุดีตายตรงนี้หรือไง"
"ขอโทษครับคุณหนู"
เธียรเอ่ยขอโทษนุดี เขาพยายามข่มอารมณ์อย่างถึงที่สุด เธียรไม่คิดว่าตัวเองจะคลั่งได้ขนาดนี้ เขาพยายามที่สุดแล้ว แต่ความขุ่นเคืองใจมันมีมากมายจนไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้หมด
"วันนี้นุดีมีนัดกับซอลจะไปดูหนังกัน พี่เธียรไปดูด้วยกันนะคะ นุดีซื้อบัตรเผื่อแล้ว"
"ไม่ดีมั้งครับ พี่เป็นแค่บอดี้การ์ด จะทำอะไรเสมอเจ้านาย คงไม่เหมาะ"
"เหมาะหรือไม่เหมาะนุดีตัดสินเองค่ะ ถ้าพี่เธียรไม่อยากไป นุดีไปกับซอลสองคนก็ได้ค่ะ"
"ครับ...ดีครับ พี่จะรอแถว ๆนี้แหละ มีอะไรก็โทรเรียกแล้วกัน"
คำปฏิเสธของเธียรทำให้คุณหนูอึ้งจนพูดไม่ออก เธียรจึงขับรถไปยังจุดหมายที่เธอและเพื่อนนัดกัน
พอมาถึงเธียรก็เดินไปส่งเธอ จากนั้นเขาก็เดินกลับออกมา โดยไม่หันไปมองหน้านุดีเลยสักนิด
"นุดี...พี่เธียรไม่เข้าไปข้างในด้วยเหรอ"
"อือ...เขาบอกว่าเขาเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่อยากทำตัวเสมอนาย มันไม่เหมาะ...ฮึก!"
อาการกลั้นสะอื้นที่ดูฝืนมากของนุดี ทำให้ซอลดูออก ว่าทั้งคู่ต้องมีเรื่องทะเลาะกันมาแน่ ๆ
"นุดี...ใจเย็น ๆ นะ พี่เธียรอาจจะไม่ได้เตรียมตัวมา เลยไม่สะดวกน่ะ งั้นเรายกเลิกไหม"
นุดีพยักหน้าทั้งน้ำตา เธออุตส่าห์ตั้งใจจะทำให้วันนี้เป็นการออกเดตครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ แต่เขากับอ้างความเหมาะสมหรือแท้จริง เขามีอะไรอยู่ในใจกันแน่
"อ้าว! ชะนีน้อย"
"พี่ทิวา ฮึก ๆ"
"ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรหนูบอกพี่สิ แล้วนี่ใคร"
"ซอลลี่ค่ะ เป็นเพื่อนยัยนี่"
ซอลพอจะจำได้เรื่องทิวา นุดีได้เล่าให้เธอฟังแล้ว และซอลลี่ก็ชอบจริตของทิวามาก แต่เวลานี้คงต้องหาวิธีปลอบเพื่อนรักเสียก่อน
"ไหนบอกพี่ทิวาสิ ไอ้ชั่วที่ไหนมันทำชะนีน้อยของพี่ร้องไห้ เดี๋ยวแม่จะจับรัดจู๋ด้วยหนังยางเสียให้เข็ด"
คำพูดติดตลกของทิวาทำให้นุดีรู้สึกดีขึ้น เธอยกมือมาปาดน้ำตาพลางหลุดขำออกมาอย่างน่าเอ็นดู
"ขี้แยจังนะเรา โตจนจะขึ้นปีหนึ่งอยู่แล้ว"
"พี่ทิวามาดูหนังเหรอคะ"
"ใช่ครับ...ไปดูกับพวกพี่ไหม จะได้มีเพื่อนดูเยอะ ๆ หน่อยสนุกดี"
"อื้ม...ไปค่ะ"
"มีคนมาดูด้วยแต่แรก แล้วจะมาชวนพี่ทำไม..."
เสียงเกรี้ยวกราดเอ่ยขึ้น จนทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว
"พี่เธียร..."
"อ๋อ...ไอ้นี่เหรอที่ทำนุดีของพี่ร้องไห้"
"คุณเรียกใครว่าไอ้...ห๊า!"
เธียรตะคอกทิวา จนทิวาหน้าเจื่อน
"แล้วจะทำไม เป็นแค่บอดี้การ์ดกระจอก ๆ ไม่ใช่เหรอ ทำไมจะเรียกไม่ได้"
"คุณว่าใครกระจอก"
เธียรตรงเข้าไปจับคอเสื้อทิวา จนนุดีกับซอลต้องเข้ามาห้ามทัพ นุดีไม่เคยเห็นเธียรมีท่าทีโกรธจัดและดูน่ากลัวได้ขนาดนี้
"อย่าค่ะพี่เธียร"
"เอาเซ่...ถ้านายกล้า ก็ลองดู" ทิวาท้าทาย
"หือ..."
เธียรกระชากคอเสื้อของทิวาเต็มแรง แต่แล้วก็ต้องชะงักค้าง เมื่อมีมือของใครคนหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธียร แล้วสะบัดออกจากคอเสื้อของทิวา ก่อนจะดึงร่างของทิวาให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง
"ปล่อยแฟนกู!"
เธียรหันไปมองด้วยความงง เมื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ตรงเข้ามาห้ามทัพ พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ ว่าทิวาเป็นแฟนของเขา
"แฟนเหรอ?"
เธียรหันไปมองนุดีด้วยใบหน้าที่ไม่เข้าใจ แต่นุดียังงอนเขาอยู่ จึงเดินหนีจนเธียรต้องเดินตาม เพื่อขอคำอธิบาย
"คุณหนู! คุณหนูครับ!"
"ปล่อยนุดีค่ะ นุดีจะกลับบ้าน"
"เดี๋ยวสิครับ คุยกับพี่ก่อน"
"นุดีไม่มีเรื่องจะคุยค่ะ ปล่อย!"
"แต่พี่มีครับ"
"แล้วทีตอนนุดีอยากคุย ทำไมพี่เธียรไม่คุยคะ ฮึก! จะมาคุยอะไรตอนที่นุดีไม่อยากคุย"
เสียงพูดปรนสะอื้นของคุณหนูทำให้เธียรรู้สึกผิดจนต้องดึงร่างบางเข้าไปกอดแนบอกด้วยความเป็นห่วง
"พี่ขอโทษครับ พี่โง่เอง พี่หึงจนหน้ามืดตามัว จนไม่อยากฟังอะไร ทั้งที่พี่ควรจะเอ่ยถามคุณหนูตั้งแต่แรก พี่นี่มันโง่จริง ๆ"
เธียรคลายอ้อมกอดออก ก่อนจะยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้นุดี ตอนนี้เธอเริ่มใจอ่อนกับเขาแล้ว ถึงได้ยืนนิ่งยอมให้เขากอดและปาดน้ำตาให้แบบนี้
"วันนี้นุดีตั้งใจจะชวนพี่เธียรมาดูหนังด้วยกัน นุดีอยากให้วันนี้เป็นการออกเดตครั้งแรกของเรา แต่พี่เธียรคงไม่ต้องการ...ใช่ไหมคะ"
เธียรจ้องใบหน้าสวยอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะกดจุมพิตลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงบันไดหนีไฟ เธียรจึงไม่จำเป็นต้องระวังอะไรมาก เขาจะได้ทำอะไรตามหัวใจได้อย่างถนัดสักที
เขาก้มลงไปจูบริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวล ป้อนความหวานละมุนให้คุณหนูเพื่อเป็นการไถ่โทษ
ปลายลิ้นอุ่นซ่านชำแรกผ่านกลีบปากอิ่มเข้าไปด้านใน ก่อนจะเกี่ยวตวัดเอาลิ้นเล็กที่อยู่ภายในออกมาดูดดื่มด้วยความนุ่มนวล
เนิ่นนานที่จูบแสนหวานถูกป้อนให้กันไปมาจนอิ่มเอม ก่อนทั้งคู่จะผละห่างจากกันอย่างอ้อยอิ่ง
"พี่ขอโทษครับ ไถ่โทษตอนนี้ยังทันไหมนะ"
"พี่เธียร ฮึก!"
"ไม่ร้องนะครับคนดี พี่สัญญาจะไม่งี่เง่าแบบเมื่อกี้อีก"
"พี่เธียรหึงนุดีเหรอคะ"
"ครับ...พี่หึง...หึงมากด้วย กระวนกระวายไปหมด ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"
"พี่ทิวาไม่ได้ชอบผู้หญิงค่ะ ถึงคุณพ่อกับคุณลุงจะหวังให้นุดีกับพี่ทิวาแต่งงานกัน มันก็เป็นไปได้ยาก เพราะนุดีกับพี่ทิวาไม่มีวันรักกันได้"
"แล้วพี่กับคุณหนูล่ะ มีวันที่จะรักกันได้ไหมครับ"
"พี่เธียร...บ้า"
นุดีหันหลังให้เธียรด้วยความเขินอาย จนเธียรต้องเข้ามาสวมกอดและคลอเคลียอย่างอดใจไม่ไหวกับความน่ารักของเธอ แค่ได้กอดเธอแบบนี้ ต่อให้ต้องตายเธียรก็พร้อมที่จะตาย
เธียรลุกขึ้นจากเก้าอี้ยืนเต็มความสูง ก่อนจะดึงกางเกงชุดนอนผ้าแพรลง แล้วงัดองคชาตชาตรีที่แข็งขืนออกมาฝ่ามือหนาข้างหนึ่งเหนี่ยวไหล่บางและรั้งเข้าหาตัว ในขณะที่มืออีกข้างเอื้อมมาจับความแข็งขืนยัดเข้าไปในร่องนุ่มแสนเชิญชวน ก่อนจะขยับสะโพกสอบอัดส่งความใหญ่โตเข้าสู่ด้านในอย่างค่อยเป็นค่อยไป"อ๊ะ! ที่รักขา ฮื่อ!"ร่างน้อยที่แอ่นยกสะโพกเสนอเขาสุดฤทธิ์ถึงกับอ้าปากค้าง ทั้งดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะหรี่หลับลง เพื่อรับรู้ถึงความเสียวซ่านจับใจขาเรียวสวยเริ่มสั่นเทาจนยืนแทบไม่มั่นคง ยิ่งองคชาตลำใหญ่จอดเทียบภายในจนสุดเส้นทาง สาวน้อยก็ถึงกับร้องครวญครางออกมาสุดเสียงความคับแน่นที่เธียรบุกอัดเข้าไป เริ่มตอดรัดจนเขาต้องเร่งขยับลำกายถี่ ๆ เสียงครวญครางที่หาความหมายของคำศัพท์ไม่ได้ เปรียบเสมือนปุ่มเร่งเครื่องของชายหนุ่ม เพราะยิ่งเมื่อเธอส่งเสียงดังเท่าไหร่ เธียรก็ยิ่งตอกอัดลำกายเร่งถี่เท่านั้นร่างบางที่โดนถาโถมแบบไม่บันยะบันยังตัวสั่นจนโยกคลอนตามแรงกระแทกอย่างน่าสงสาร"อ่า...ตรงนี้มันใหญ่ขึ้น...พี่ชอบจัง"เธียรเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบแห้งและแผ่วเบา เมื่อเขาเคล้นคลึงอกนุ่มของภรรยาด้วยความพึงพอใจกับขนาดที่ขยาย
(1 ปีต่อมา)"ยินดีด้วยนะครับ ท่านรักษาการประธานกับการเติบโตจาก200%เป็น400% ภายใน 1ปี"ยิวเอ่ยแสดงความยินดีกับเธียร เมื่อเขาเข้ามาเยี่ยมเยือนเธียรกับนุดีถึงบริษัท และยิวเองก็มาในฐานะหุ้นส่วนใหญ่แทนผู้เป็นพ่อ เพราะการตกลงเซ็นสัญญาหุ้นส่วนสำคัญในครั้งก่อน ทำให้ยิวกับครูเฟิร์นได้ใจคนเป็นพ่อแม่บริษัทของท่านอนันต์ต่างเป็นที่ที่นักลงทุนทั้งหลายต้องการเป็นหุ้นส่วน และเธียรเองก็อยากตอบแทนยิว จึงนัดให้เขาเข้ามาคุยเรื่องทำสัญญา งานนี้ยิวจึงได้หน้ากับพ่อแม่เต็ม ๆและในตอนนี้ บริษัทของท่านอนันต์ที่มีเธียรขึ้นนั่งบริหารก็เติบโตขึ้นจากเดิมที่เฟื่องฟูอยู่แล้ว กลายเป็นทวีคูณไปอีกเท่าตัว จนเธียรเป็นที่ไว้วางใจสำหรับทุกคนไปแล้ว "ขอบคุณครับคุณยิว ยินดีมากเลยที่ได้ร่วมงานกัน ยินดีด้วยนะครับทั้งคู่""ก่อนนี้ผมกลัวมาก ว่าพ่อแม่ผมจะไม่ยอมรับครูเฟิร์น แต่พอมาตอนนี้ แทบจะเป็นผมที่จะโดนดีดออกจากกองมรดก ในขณะที่ครูเฟิร์นกลายเป็นที่รักของคนทั้งบ้าน แม่ผมแทบจะเอาลูกสะใภ้ไปนอนกกซะเองแล้ว"ได้ฟังยิวบ่นเธียรก็ขำชอบใจ เขาก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน เพียงแต่เขาโชคดีกว่ายิวตรงที่ คนที่ถูกแย่งออกจากอก เป็นลูกชายตัวน้อย เพรา
"ท่านครับ วันนี้ท่านจะเข้าบริษัทไหมครับ""ไม่...ฉันไม่ว่าง""แต่วันนี้มีประชุมกับบอร์ดบริหารนะครับ""ก็บอกว่าไม่ไปไง""แต่นัดสำคัญนะครับ ท่านเป็นคนบอกให้ผมจดลงในตารางงานเอง""เลขากรนี่ยังไง ฉันไม่ว่างไม่เห็นเหรอ"นุกร เลขาหนุ่มเหลือบไปมองทารกตัวน้อย ที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นนาย ก่อนจะทำหน้างง"ฉันไม่ว่าง ฉันกำลังกล่อมหลานนอน ถ้าจะตามไปทำงานก็ไปตามเธียรโน่น""ตามคุณเธียรทำไมครับ""อ้าว! จะให้มานอนอยู่นอนกินเฉย ๆ หรือไง มาเป็นเขยก็ต้องไปทำงานสิ ไม่งั้นจะเอาอะไรเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย"เสียงที่พยายามตะเบ็งเพื่อให้คนที่กำลังชงนมอยู่ตรงมุมห้องด้านในได้ยิน ทำให้นุดีที่กำลังสอนสามีชงนมถึงกับทำหน้างง"แต่ท่านต้องเข้าประชุมนะครับ""วะ...เลขากรนี่ยังไง ฉันบอกให้ไปบอกเธียรไปแทนไง ไม่เข้าใจเหรอ""แล้วคุณเธียรจะเข้าใจเหรอครับ""ก็สอนเขาสิ"บทสนทนาของผู้เป็นพ่อทำให้ลูกสาวหน้างอ เพราะคิดว่าพ่อหาเรื่องแกล้งสามีของตนอีกแล้ว แต่เธียรกลับหัวเราะให้กับความพยายามของพ่อตา จนนุดีไม่เข้าใจว่าทำไมเธียรถึงไม่โกรธที่พ่อตนพยายามกลั่นแกล้ง"พี่เธียรยังยิ้มได้อีกเหรอคะ ทั้งที่คุณพ่อหาเรื่องพี่เธียรได้ทุกวัน""คิดดี
(หลายเดือนต่อมา)"คลอดหรือยัง""ยังครับท่าน"ทันทีที่ท่านอนันต์มาถึงก็เอ่ยถามพ่อบ้านโจทันที เมื่อตนติดประชุมกับบอร์ดบริหารทั้งวัน ทั้งที่นุดีกำลังจะคลอดแล้ว ท่านอนันต์จึงสั่งให้พ่อบ้านโจนั่งเครื่องบินล่วงหน้ามาก่อน และพอประชุมเสร็จตนก็รีบตามมาด้วยความเป็นห่วงลูกสาวจับใจหลายเดือนหลังจากวันนั้น ท่านอนันต์ก็ไม่เคยมาหาลูกสาวเลย แต่ก็มีบ้างที่ส่งข้าวของมากมายมาบำรุงนุดีและลูกในท้อง แถมยังสร้างบ้านและจัดหาที่นอนแบบสะดวกสบายแก่คนท้องให้อยู่ ชนิดที่ว่าไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่วันนี้ลูกสาวของท่านกำลังจะให้กำเนิดหลานแก่ท่าน คนที่กำลังจะได้เป็นคุณตา ตื่นเต้นจนไม่มีกะจิตกะใจจะประชุมด้วยซ้ำ พอเลิกประชุมก็รีบนั่งเครื่องส่วนตัวมาอย่างเร่งรีบทันใจ"ท่านอนันต์""คุณสายคำ"แม่นายสายคำเอ่ยทักทายท่านอนันต์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะตนเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ท่านอนันต์เช่นกัน"แล้วนี่...เธียรไปไหน""ตามเข้าไปข้างในค่ะ""ห่วงเกินเหตุ" ท่านอนันต์ตำหนิลูกเขย"หรือท่านไม่ห่วง"ท่านอนันต์เงียบทันที เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นายสายคำ ท่านอนันต์ไม่อาจเถียงเพราะท่านเป็นห่วงลูกสาวมากเช่นกัน การได้รู้ว่าเธียรตามเข้าไปดูแล ทำให้
"ญาติรอด้านนอกนะคะ""คุณหนู...ฮึก ๆ""พี่เธียร...ใจเย็น ๆ นะพี่ นุดีต้องปลอดภัยครับ""พี่ใจจะขาดแล้วยิว""ผมเข้าใจครับพี่ แต่พี่ต้องเข้มแข็งนะ"เธียรทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ ก่อนจะก้มลงปล่อยความอัดอั้นออกมาทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดทรมานนี้ มันช่างสาหัสเหลือเกิน เธียรหยิบกล่องของขวัญในกระเป๋าเสื้อออกมาแกะทั้งที่น้ำตายังไหล พอของขวัญข้างในปรากฏขึ้นแก่สายตา ยิ่งทำให้เธียรร้องไห้หนักกว่าเดิมเข้าไปอีก"เธียร!""แม่...นุดี..."เธียรมองหน้าคนเป็นแม่ด้วยความเจ็บ ก่อนจะโผเข้ากอดแม่ ด้วยความรู้สึกที่แสนจะทรมาน"นุดีท้องครับแม่ ฮือ ๆ ลูกของผม...เธอท้องลูกของผมครับแม่...ฮือๆ "แม่นายสายคำถึงกับน้ำตาไหล สงสารลูกจับใจ ความรักที่คนเป็นแม่มีต่อลูก มันทำให้แม่นายเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นลูกเป็นทุกข์ไม่ว่าเรื่องใดคำพูดของเธียรที่เอ่ยกลับแม่ ทำให้คนที่ตามมาทันได้ยินเข้าอย่างชัดเจน แทบล้มทั้งยืนอีกรอบ จนเหล่าบอดี้การ์ดต้องรีบเข้ามาพยุงร่างผู้เป็นนายเอาไว้ทันทีเธียรเหลือบไปเห็นก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหาท่าน จนคนเป็นแม่คว้าไว้ไม่ทัน"เธียรอย่านะลูก"ร่างสูงเดินเข้าไปคุกเข่าลงต่อหน้าท่านอนันต์ สายตาที่แดงก่ำจากการร้อง
"ปัง! ปัง! ปัง!""กรี๊ดดดดด!"ในขณะทุกคนกำลังรู้สึกยินดีกับคู่บ่าวสาวกันทั้งงาน อยู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นรัว ๆ จนคนในงานกรีดร้องและวิ่งวนหาที่หลบกันจนสถานการณ์วุ่นวายไปหมดเธียรมองไปที่กลุ่มคนชุดดำที่เดินบุกเข้ามาเป็นกองทัพด้วยความตกใจ เธียรจึงดึงนุดีเข้ามาหลบด้านหลัง เพื่อปกป้องคนที่ตนรักอย่างสุดความตั้งใจ"พี่เธียร..."นุดีรู้สึกกลัวมากจนตัวสั่นงันงก จวบจนร่างของคนที่คุ้นตาเดินตามกลุ่มชายชุดดำเข้ามา นุดีถึงได้รู้ว่าจุดมุ่งหมายของคนกลุ่มนั้นคือเธอและเธียร"มึงกล้ามากนะไอ้เธียร ที่พาลูกกูหนีแล้วแอบมาจัดงานแต่งบัดซบนี่ วันนั้นกูอุตส่าห์เลือกทางรอดให้มึง แต่มึงมันรนหาที่ตาย ถ้าวันนี้กูไม่ได้เลือดมึงมาล้างตีนกู กูจะไม่ยอมเด็ดขาด""ไม่นะคะคุณพ่อ อย่าทำพี่เธียรนะคะ""นังลูกไม่รักดี แกกล้ามากนะที่หนีตามผู้ชายมาแบบนี้ ทำตัวเป็นผู้หญิงไร้ราคา แกหักหน้าฉันให้ต้องอับอาย เพียงเพราะหลงเสน่ห์ขี้ข้าในบ้าน มันมีอะไรดีนักหนาถึงได้ทุ่มเทเพื่อมันนัก"ท่านอนันต์โกรธจัดจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้ ในขณะที่นุดี ก็พร้อมจะปกป้องเธียรและเลือกจะจับมือเขาตลอด ไม่ว่าพ่อของตนจะทำอะไร นุดีก็ไม่มีทางที่จะปล่อยมือ