LOGIN‘ขอโทษที่หนีออกมาแบบนี้ค่ะ ฉันเมามากเมื่อคืนนี้และทำเรื่องผิดพลาดไปฉันขอให้เรื่องทุกอย่างจบลงที่นี่และหวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีกเลย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในการชนะเกมของเพื่อนค่ะ’ ‘ฉันไม่รู้ว่าบาร์เทนเดอร์อย่างคุณคิดค่าตัวเท่าไหร่ แต่ขอให้เงิน 3,000 บาทนี้ เป็นค่าปิดปากเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นคืนนี้นะคะ’ น้ำผึ้ง โน้ตที่ทิ้งไว้ทำให้เขารู้สึกสนใจและบังเอิญเหลือเกินที่เธอเดินเขามาในถิ่นของเขาเอง
View Moreเสียงเพลงจังหวะทันสมัยดังกระหึ่มรอบทิศทาง แสงไฟหลากสีส่องกระจายไปทั่วทุกจุดรวมถึงโต๊ะของกลุ่มหญิงสาวเกือบสิบคนที่กำลังนั่งยืนเต้นอยู่มุมหนึ่งของผับหรูกลางใจเมืองที่พี่ชายของรวีภัทรเจ้าของวันเกิดแนะนำให้พวกเธอมาที่นี่
คืนนี้เป็นคืนพิเศษที่เพื่อนในห้องเรียนออกมาสังสรรค์กันตามประสาวัยรุ่น ทุกคนแต่งตัวแบบจัดเต็มรวมถึงมาธวีหญิงสาววัยยี่สิบสองที่ปกติมักจะแต่งตัวเรียบร้อยเพราะเธออาศัยอยู่กับคุณยายแต่วันนี้หญิงสาวมาเปลี่ยนชุดที่หอพักของเพื่อนก่อนจะออกมาเที่ยวด้วยกัน
ชุดเดรสผ้าซาตินสีครีมอ่อนขับผิวขาวเนียนให้ดูโดดเด่นคือชุดที่หญิงสาวเลือก เส้นผมยาวถูกม้วนด้วยเครื่องม้วนผมทำให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวต่างจากเวลาปกติที่มักจะมัดรวบเป็นหางม้า แม้จะไม่ชอบเที่ยวกลางคืนสักเท่าไหร่แต่เพราะเป็นวันเกิดของเพื่อนสนิท
“พอแล้วๆ ฉันจะไม่ไหวแล้ว” มาธวีตะโกนแข่งกับเสียงเพลงเพื่อบอกเพื่อนว่าตนเองเริ่มจะเมามากแล้ว
“เมาก็เมาสิยังผึ้ง คืนนี้พวกเราก็เมากันทุกคนนั่นแหละ ฉลองให้ฉันหน่อย นี่อาจเป็นปีสุดท้ายที่เราได้ออกมาสนุกด้วยกันหลายๆ คนแบบนี้” รวีภัทรเจ้าของวันเกิดพูดแล้วยื่นแก้วค็อกเทลมาให้เพื่อน
“ไม่เอาแล้วรวีฉันมึนหัวแล้ว”
“ก็แค่มึนเองนะผึ้ง นานๆ ทีแกถึงจะได้ออกมาเที่ยวกับพวกเราก็สนุกให้เต็มที่หน่อย” วรัมพรพูดขึ้นบ้างเพราะปกติแล้วมาธวีจะไม่ค่อยออกมาเที่ยวกับพวกตนเท่าไหร่เนื่องจากพักอยู่กับคุณยายการมาเที่ยวกลางคืนจึงเป็นไปน้อยมาก
“เอานั้นก็ได้” มาธวียกแก้วดื่มเพราะเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนพูด
“เฮ้!...เอางี้ เรามาเล่นเกมกัน สนุกๆ ส่งท้ายหน่อยไหม” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเสนอขึ้น
“เกมอะไร” มาธวีถามเพราะเพื่อนคนนี้มักจะคิดอะไรแผลงๆ
“ง่ายมากเลย ผึ้งแค่ให้แต่ละคนเลือกผู้ชายในผับนี้มาชวนเต้น คนละหนึ่งเพลง ถ้าใครกล้าไปชวนแล้วเขายอมเต้นด้วย จะไม่ต้องดื่มแก้วต่อไปแต่ถ้าใครไม่ทำได้จะต้องถูกทำโทษด้วยการดื่มอีกสองแก้วแล้วก็ต้องเป็นเบ๊ของเพื่อนไปหนึ่งเดือน มีใครอยากเล่นบ้าง”
เพื่อนแต่ละคนตกลงจะเล่น จากนั้นก็เรียงลำดับการเล่นตามเลขที่ในชั้นเรียน เพื่อนคนแรกที่เริ่มเล่นไปชวนผู้ชายโต๊ะข้างๆมาเต้นด้วยสำเร็จ จากนั้นเพื่อนคนที่สองและสามก็ทำตามได้อย่างไม่ยากเท่าไหร่ จนมาถึงคราวของมาธวี
“ฉันเปลี่ยนใจทันไหม” เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนมาธวีเลยกล้าๆ กลัวๆ
“ไม่ทันแล้วยัยผึ้งกล้าๆ หน่อยน่า”
“อ่อนว่ะผึ้ง เรียบร้อยเกินไปก็แบบนี้แหละ”
“กล้าหน่อยสิผึ้ง แค่เต้นไม่ถึงห้านาทีเองนะ”
“สู้เขาผึ้งอย่าไปยอม”
เสียงเชียร์ของและเสียงพูดยุแหย่ของเพื่อนๆ ดังขึ้นขึ้นทำให้คนที่ไม่ยอมคนอย่างมาธวีฮึดสู้และคิดว่าการชวนใครสักคนออกไปเต้นมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
หัวใจหญิงสาวเต้นระรัวเพราะแรงกดดันรอบตัว แต่สุดท้ายก็ทนเสียงรบเร้าของเพื่อนไม่ไหว
“ก็ได้ๆ แค่นี้มันจะไปยากอะไร”
“สู้ๆ นะผึ้ง” เสียงเพื่อนทั้งโต๊ะพากับเชียร์
มาธวีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด มือเรียวถือแก้วค็อกเทลไว้แน่น ก่อนจะหันมองไปรอบผับแสงไฟสลัวๆ คนแน่นขนัด แต่สายตาเธอกลับหยุดอยู่ตรงผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสอง
เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำดูคล้ายกับบาร์เทนเดอร์ที่เธอเห็นเมื่อครู่ มาธวีจึงคิดว่ามันคงง่ายที่จะชวนเขามาเต้นด้วยแลกกับข้อเสนอบางอย่างที่จะแอบตกลงกับเขาแค่สองคน หญิงสาวยิ้มเมื่อนึกถึงแผนของตนเอง
“เลือกได้หรือยังผึ้ง ให้ฉันช่วยเลือกไหม” วรัมพรกระซิบ
“ได้แล้ว คอยดูฝีมือฉันก็แล้วกัน”
“คนไหน เลือกมาเลยยัยน้ำผึ้ง”
เสียงเพื่อนเร่งพร้อมดันหลังเบา ๆ เธอไม่มีทางเลือก นอกจากเดินออกไปตรงนั้นในจังหวะที่เสียงเพลงเปลี่ยนเป็นจังหวะช้าและอบอุ่น
องศาชายหนุ่มวัยสามสิบเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่และเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของผับเพิ่งจะลุกจากโต๊ะเพื่อนเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ คืนนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่ด้วยซ้ำ แต่เพราะถูกไทธัชและเพชรภูมิลากออกมาให้เขาได้ผ่อนคลายบ้างหลังจากประชุมมาทั้งวัน
เขาเดินผ่านกลุ่มคนอย่างไม่ใส่ใจนัก จนกระทั่งเสียงหวานหนึ่งเรียกมาจากทางด้านหลัง
“ขอโทษค่ะ....คุณเสื้อขาว”
องศาหยุดกะทันหันหันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามา ใบหน้าเธอสวยหวาน ดวงตากลมโตดูท่าทางกำลังเมาได้และคงมาเที่ยวบ่อยจนชินกับการทักทายคนอื่นไปทั่ว เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูเม้มเข้าหากันอย่างลังเล
“เรียกผมเหรอครับ” เขาถามกลับพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ค่ะ คือ....คุณช่วยเต้นกับฉันจนเพลงจบได้ไหมคะ” หญิงสาวเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหู
“เต้นกับคุณเหรอ....เพื่ออะไร”
“ถ้าคุณยอมเต้นกับฉันหนึ่งเพลงฉันจะมีรางวัลให้ค่ะ”
“รางวัลอะไร” เขาถามเสียงเรียบ
“ไปเต้นกับฉันนะ เดี๋ยวก่อนจะกลับฉันจะให้รางวัล”
“ไม่ล่ะ”
“คุณค่ะ ฉันขอร้องคุณอยากได้อะไรฉันยอมทุกอย่างเลยนะ”
“แน่นะ” องศานึกสนุกเมื่อเห็นว่าผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังมองมาทางเขาและเดาว่านั่นคงจะเป็นเพื่อนของเธอ
“แน่สิคะ นะคะ” หญิงสาวอ้อนเสียงหวานแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้เธอกล้ามากขึ้น
รถยนต์คันหรูแล่นเข้าสู่ทางเข้ารีสอร์ทริมทะเลที่คุ้นตา ลมทะเลพัดโชยเรียกความสดชื่นแต่ในใจหญิงสาวยังคงหนักอึ้งมาธวีนั่งนิ่งอยู่บนรถมือของเธอกำชายกระโปรงแน่น ใจหนึ่งเต้นแรง อีกใจหนึ่งยังสับสนไม่มั่นใจว่าทำไมเธอถึงยอมมาที่นี่กับเขาอีกครั้ง“คุณพาผึ้งมาที่นี่ทำไมคะ”“เพราะที่นี่คือที่ที่ผมเริ่มรักคุณ... และผมอยากให้ที่นี่ เป็นที่ที่เราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”คำพูดนั้นทำให้มาธวีถึงกับนิ่งงัน เธอหลบสายตาเขาไปทางหน้าต่าง รถหยุดลงตรงหน้ารีสอร์ทเดิมที่พวกเขาเคยพักด้วยกัน ทุกอย่างดูเหมือนเดิม แต่หัวใจของเธอกลับไม่เหมือนเก่าอีกต่อไป องศาเปิดประตูรถแล้วหันมาหา “ลงก่อนสิครับไปเดินเล่นกันไหม”หญิงสาวลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเขาไปตามทางเดินริมทะเล ลมอุ่นพัดกลิ่นเกลือทะเลโชยมาแตะปลายจมูก เสียงคลื่นซัดเบา ๆ เป็นจังหวะเดียวกับการเต้นของหัวใจเธอ“ผมรู้ว่าผึ้งยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของเรา” องศาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงจัง“ค่ะผึ้งไม่แน่ใจอะไรเลย ผึ้งไม่รู้ว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงไหนในชีวิตของคุณ คุณองศาเป็นถึงประธานบริษัท ส่วนผึ้งเป็นแค่นักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบ ผึ้งกลัวว่าวันหนึ่งเมื่อคุณเจ
มาธวีกลับมาใช้ชีวิตในแบบเดิมของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวตื่นเช้า ทำอาหารเช้าให้คุณยาย อ่านหนังสือเตรียมสอบและช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้าน แต่สิ่งที่เธอไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้คือหัวใจของเธอ ยังคงคิดถึงผู้ชายที่ชื่อองศาอยู่เสมอตั้งแต่ฝึกงานเสร็จเขาก็ไม่คิดต่อเธอมาเลยสักครั้ง จนกระทั่งเธอเรียนจบ ตอนนี้หญิงสาวกำลังเก็บของเพื่อไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนและหวังว่าความสนุกสนานกับบรรยากาศริมทะเลจะทำให้เธอลืมเขาได้ในไม่ช้าเช้าวันรุ่งขึ้นหญิงสาวออกไปพบเพื่อน ๆ ที่นัดกันไว้เพื่อเตรียมทริปไปทะเลหลังเรียนจบ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนานแต่สำหรับมาธวีเธอเหมือนคนอกหัก“ผึ้ง ทำไมดูเหม่อจัง เป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่าหรอก เราก็แค่คิดอะไรนิดหน่อย”“คิดถึงใครหรือเปล่า” วรัมพรถามยิ้ม ๆ“บ้าเหรอ ไม่มีสักหน่อย” มาธวีตอบพร้อมรอยยิ้มกลบเกลื่อน เธอไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังว่าเธอกับองศาไม่ได้คุยกันนานแล้ว“ถ้าไม่ก็ขึ้นรถเถอะฉันอยากเล่นน้ำทะเลจะแย่แล้ว” รวีภัทรรีบขึ้นไปบนรถตู้ที่พวกเธอเช่ามาซึ่งการไปเที่ยวทะเลครั้งนี้พวกเธอเช่ารถตู้ไปกันถึงสองคันตลอดระยะเวลาที่อยู่กับเพื่อนมาธวีพยายามลืมเรื่องขององศา
หลังเลิกงานวันนี้มาธวีกำลังเตรียมตัวกลับบ้านเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของชไมพรก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบรับสายทันทีเพราะกลัวจะมีเรื่องด่วนเนื่องจากเจ้าของโต๊ะกลับบ้านไปแล้วช่วงนี้ชไมพรมาทำงานพร้อมกับสามีเธอจึงเลิกงานเหมือนคนปกติ ส่วนมาธวีนั้นต้องรอให้เจ้านายกลับก่อนเธอถึงจะกลับได้ เธอยกหูและกรอกเสียงไปตามสาย“สวัสดีค่ะ”“ผมเองนะ เข้ามาหาผมหน่อยสิ”“ค่ะ” มาธวีมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีพนักงานอยู่บริเวณนี้แล้วหญิงสาวก็เปิดประตูห้องประธานบริษัทเข้าไปองศายิ้มเมื่อเธอเดินเข้ารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยิ้มก่อนจะเดินอ้อมมาล็อกประตูแล้วรวบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง“ผมคิดถึงผึ้งจัง”“คุณองศาปล่อยคะหนูก่อนเดี๋ยวมีคนมาเห็น” มาธวีพยายามจะดิ้นออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขาแต่เหมือนว่าเขาจะกอดเธอแน่นขึ้น จมูกโด่งคลอเคลียอยู่บริเวณหลังใบหู“จะมีใครเห็นกันล่ะผึ้ง” เขาปล่อยอ้อมแขนออกแล้วพลิกให้เธอหันกลับมาช้าๆ“คุณเรียกหนูมามีอะไรหรือเปล่าคะ”“เรียกแฟนมาหาต้องมีอะไรด้วยเหรอ” องศาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นก่อนจะดึงมือเธอมานั่งที่โซฟามุมห้อง“แต่ถ้าเราอยู่ในห้องนี้ด้วยกันนาน ๆ คนอื่นจะสงสัยเอาได้นะ”“ผมแค่อยากถามบางเ
เช้าวันจันทร์องศามาถึงบ้านของมาธวีตรงเวลา ยังไม่ทันได้ลงจากรถมากดออกหญิงสาวก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจที่เย็นชาของท่านประธานมันเต้นแรงละมีชีวิตชีวาขึ้น“สวัสดีค่ะคุณองศา” มาธวียกมือไหว้เหมือนทุกครั้งที่เจอเขา“ผึ้ง ผมขอล่ะต่อไปไม่ต้องยกมือไหว้แล้วนะ มันรู้สึกแปลกที่แฟนยกมือไหว้”“ค่ะ” เธอตอบรับพร้อมรอยยิ้ม“กินข้าวหรือยัง”“กินแล้วค่ะ คุณองศาคงยังไม่ได้กินใช่ไหม”“ครับ”“คุณไม่ชอบกินข้าวตอนเช้าใช่ไหม”“อือ แต่พอไปถึงบริษัทผมก็มีกาแฟกับของว่างครับ”“ค่ะ”มาธวีอยากบอกเขาว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพแต่หญิงสาวก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเขามากจนเกินไป“อันที่จริงผมก็อยากกินข้าวตอนเข้าก่อนไปทำงานนะ แต่ไม่รู้จะกินกับใคร ถ้าผมขอมากินกับผึ้งก่อนไปทำงานล่ะได้ไหมล่ะ”“หนูก็อยากให้คุณองศามากินด้วยนะคะแต่คุณยายต้องสงสัยแน่ ๆ ค่ะ“แต่คุณยายออกไปขายขนมตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ ผมมาทานข้าวแล้วรับผึ้งไปทำงานท่านก็คงไม่รู้”“ก็ใช่ค่ะ แต่ไม่ได้ไปทุกวันสักหน่อย”“ผมเข้าใจว่าผึ้งยังกังวลว่าคุณจะรู้ว่าเราแอบคบกัน แต่ผมจะรอผึ้งฝึกงานเสร็จนะ แล้วผมจะเป็นคนบอกคุณยาย





