ต้องบอกก่อนว่าผู้อาวุโสทุกคนที่หวังจิ่งหลงได้เรียกเข้ามาพูดคุยในครั้งนี้นั้นต่างมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญในตระกูลหวังเป็นอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสเหล่านี้ต่างเป็นบุคลที่เปรียบดั่งเสาหลักอันเเข็งแกร่งที่ค้ำจุนตระกูลหวังให้ยืนหยัดมั่นคงมายาวนานหลายร้อยปีเลยทีเดียว
บางคนนั้นก็เป็นถึงหนึ่งในอดีตว่าที่ประมุขของตระกูลเมื่อครั้งนานมาเเล้ว บ้างก็เป็นตาเฒ่าประหลาดที่มีพลังวิญญาณระดับครึ่งเซียน บ้างก็เป็นเชื้อสายตระกูลหวังที่มีความโดดเด่นด้วยพรสวรรค์ที่มาพร้อมกับความเข้มข้นของสายเลือดมากกว่าคนทั่วไปในตระกูล ถึงแม้ว่าสายเลือดจะไม่เข้มข้นเท่ากับหนิงอ้ายก็จริง เเต่ในวันข้างหน้าหากสามารถยกระดับสายเลือดได้นั้นย่อมหมายถึงว่ากลุ่มคนเหล่านี้ ก็สามารถที่จะปลุกพลังสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้อย่างแน่นอน
ด้วยฐานะที่พวกเขาทั้งหลายต่างถือครองอยู่ในตระกูลหวังนับว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญและเป็นที่นับหน้าถือตาเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้อาวุโสเหล่านี้ย่อมเคยอ่านบันทึกและรับรู้ถึงความเป็นมาของ ตระกูลหวังเป็นอย่างดี ว่าเเท้ที่จริงเเล้วว่าตระกูลหวังนั้นมีต้นกำเนิดความเป็นมาเช่นไร แม้ในเนื้อหาจะไม่ปรากฎสาเหตุของความเสื่อมถอยของความเข้มข้นทางสายเลือดรวมไปถึงสาเหตุการตั้งถิ่นฐานตระกูลหวังขึ้นมาใหม่ในแคว้นเต่าดำ เเต่พอคาดเดาได้ว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่เกินควบคุมได้อันส่งผลร้ายแรงไม่น้อยกับตระกูลหวังโดยตรงในครั้งกาลก่อน จนผู้นำตระกูลหวังในตอนนั้นตัดสินใจโยกย้ายถิ่นฐานเดิมมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้จนถึงปัจจุบันมายาวนานหลายร้อยปีเลยทีเดียว
ต้องบอกว่าเหล่าบรรพชนของตระกูลหวังนั้นต่างมีชื่อเสียงเป็นที่เล่าลือไปทั่วมหาทวีปในโลกของผู้ฝึกตนยิ่งนัก ผู้คนในยุทธภพต่างทราบเพียงเเค่ว่าผู้ฝึกตนในตำนานที่มีสายเลือดตระกูลหวังเหล่านี้ต่างเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของผู้ฝึกตนที่กล้าแกร่งกว่ารุ่นเดียวกัน
อีกทั้งยังมีพลังวิญญาณระดับมหาพรหมยุทธ์วิญญาณที่ยากนักหากจะมีผู้ใดก้าวถึงได้โดยง่าย ซึ่งไม่ปรากฎผู้ฝึกตนระดับมหาพรหมยุทธ์วิญญาณมาหลายพันปีเเล้ว จนทุกคนคิดว่าพลังวิญญาณระดับนี้คงเป็นเพียงเรื่องเล่าในโลกยุทธภพเท่านั้น เคล็ดวิชาประจำตระกูลหวังนั้นก็สร้างชื่อเสียงไม่น้อยเช่นกันถึงความโดดเด่นพิศดารที่เป็นอันดับต้น ๆ ของเคล็ดวิชาในโลกของผู้ฝึกตน
เเต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผู้คนทั่วไปรับรู้เพียงเท่านั้นด้วยเพราะเหล่าบรรพชนที่มีพลังวิญญาณระดับมหาพรหมยุทธ์วิญญาณของตระกูลหวังทั้งหลายในตอนนี้ต่างเร้นกายออกจากตระกูลไม่ปรากฏตัวมายาวนานหลายพันปีแล้วราวกับว่าจู่ ๆ ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
ทิ้งไว้เพียงบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นบางส่วนและได้ฝากความหวังมายังกลุ่มคนรุ่นหลังของตระกูลหวังจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อที่ในวันหนึ่งตระกูลหวังจะกลับมายืนหยัดอย่างภาคภูมิในมหาพิภพนี้อีกครั้งเเต่ถึงอย่างนั้นข่าวลือที่ว่าในตระกูลหวังมีม่านพิภพที่มีปราการเเน่นหนาอันเป็นที่พำนักของบรรพชนระดับมหาพรหมยุทธ์วิญญาณของตระกูลหวังนั่งประจำการอยู่หลายคนเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดกล้ามีเรื่องกับตระกูลหวังในหลายร้อยปีด้วยเพราะเหตุนี้นั่นเอง
สำหรับความเเข็งแกร่งของบรรพชนตระกูลหวังที่สามารถปลุกสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้นั้นย่อมประจักษ์แก่รุ่นหลังในตระกูลเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเขาต่างใช้เวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้คอยบ่มเพาะรุ่นเยาว์ในตระกูลที่มีความสามารถเป็นประจักษ์ ด้วยหวังว่าอีกฝ่ายนั้นจะสามารถปลุกพลังสายเลือดได้สำเร็จเพราะหากสามารถปลุกพลังสายเลือดได้นั้น ความลับของตระกูลหวังที่ถูกบันทึกไว้ด้วยบรรพชนรุ่นก่อนที่ทิ้งเอาไว้เป็นปริศนาคงจะคลี่คลายเปิดเผยเสียที
ดังนั้นการที่หนิงอ้ายสามารถปลุกสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้ ย่อมทำให้เกิดความหวังอันเเรงกล้าในหมู่ ผู้อาวุโสหลักของตระกูลทุกคนในที่แห่งนี้ ด้วยเพราะพวกเขาทุกคนต่างมีความหวังตรงกันว่าในวันข้างหน้านั้นตระกูลหวังจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในฐานะของตระกูลของสัตว์สวรรค์หนึ่งในสี่ผู้ปกครองแคว้นใน มหาพิภพ ที่สำคัญการที่หนิงอ้ายสามารถปลุกพลังสายเลือดได้สำเร็จนั้นย่อมหมายถึงว่าในวันข้างหน้าแนวทางวิถีฝึกตนของหนิงอ้ายนั้นไม่มีทางที่จะต่ำทรามสามัญและย่อมเขานั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งมหาพิภพแห่งนี้ไม่ต่างจากท่านบรรพชนตระกูลหวังหลายท่านที่เคยเป็นมา
"ผู้อาวุโสทุกท่าน...ความจริงแล้วนอกจากที่ข้าจะปลุกสายเลือดของบรรพชนผู้ก่อตั้งตระกูลได้เเล้วนั้นพลังธาตุที่สองของข้าคือพลังปราณสุริยะธาตุขอรับ" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากเห็นว่าทุกคนในตอนนี้ต่างหันหน้าพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็น
"เจ้าว่าอันใดนะ!!!!" เหล่าผู้อาวุโสทุกคนในที่นี่ต่างเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ
" พลังปราณสุริยะธาตุงั้นรึ ข้าคงไม่ได้ยินผิดไปใช่หรือไม่" ผู้อาวุโสชราคนเดิมเอ่ยขึ้น
"หากเจ้าได้ยินผิด ทุกคนในที่นี่ย่อมได้ยินผิดไปไม่ต่างกัน" ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกันตอบกลับไป
ทันใดนั้นด้านหลังของหนิงอ้ายพลันปรากฎวงแหวนเวทย์สีเขียวเข้มประกายสีแดงส้มสามชั้น อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ฝึกตนพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิวิญญาณขั้นสูง หากพินิจจากรัศมีความเข้มข้นของวงเเหวนนั้นย่อมหมายถึงว่าเขานั้นใกล้ที่จะบรรลุพลังวิญญาณระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นเเล้ว
หนิงอ้ายปลุกสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้สำเร็จ จึงส่งผลให้โดยรอบของวงแหวนเวทย์นั้นมีประกายสีแดงออกมาอีกทั้งยังเเผ่กลิ่นอายของความสูงศักดิ์ บริสุทธิ์ ที่ชวนให้ทุกคนอยากที่จะก้มกราบร่างบางเสียด้วยซ้ำ
พริบตานั้นเองเหนืออุ้งมือซ้ายของหนิงอ้ายปรากฎเป็นดวงไฟสีน้ำเงินเข้มเป็นรูปลักษณ์พยัคฆ์เมฆาเหมันต์ มีหมอกขาวฟุ้งแผ่ออกมาเป็นระยะส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบเย็นลงอย่างเฉียบพลัน ขณะเดียวกันเหนืออุ้งมือขวาปรากฎเป็นดวงไฟสีแดงส้มเป็นรูปลักษณ์พญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์โดยมีประกายความร้อนระอุแผ่พัดหมุนวนไปโดยรอบฝ่ามือและส่งผลให้อากาศโดยรอบเพิ่มขึ้นกระทันหัน จนหวังจิ่งหลงต้องกางม่านพลังป้องกันเลยทีเดียว
"กลิ่นอายของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ช่างเข้มข้น ยิ่งนัก..." ผู้อาวุโสชราร่างเล็กคนเดิมเอ่ยพึมพำขึ้น เเต่ด้วยในที่นี้ต่างมีผู้ฝึกตนระดับสูง แม้จะเอ่ยออกมาเสียงเบาเพียงใดทุกคนต่างได้ยินกันอย่างชัดเจน
"พลังปราณสุริยะธาตุในตำนานงั้นรึ? เจ้าทำเอาทุกคนตกใจอย่างมากเจ้ารู้หรือไม่??"
"รุ่นเยาว์ตระกูลหวังที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่เคยปรากฎผู้ที่มีสายเลือดเข้มข้นเช่นนี้
แม้จะไม่อาจเทียบเท่ากับตัวเจ้าได้เเต่ถึงอย่างนั้นแล้วพลังปราณสุริยะธาตุอันเป็นต้นกำเนิดของธาตุไฟเช่นนี้หาได้เคยเกิดขึ้นในรอบหลายร้อยปีเช่นนี้ไม่" ผู้อาวุโสท่าทางใจดีคนหนึ่งกล่าวเสริมขึ้นและคิดในใจว่าหนิงอ้ายผู้นี้ช่างเป็นดาวนำโชคของตระกูลหวังเสียจริง...
"พญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสุริยะธาตุอันเป็นต้นกำเนิดของธาตุไฟทั้งปวง รุ่นเยาว์ตระกูลหวังในรอบหลายร้อยปีมานี้ต่างมีพลังธาตุน้ำเป็นหลัก จนข้าเกือบลืมไปเเล้วว่าพลังธาตุต้นกำเนิดของตระกูลหวังเเท้ที่จริงเเล้วเป็นธาตุใด" ผู้อาวุโสอีกคนเอ่ยเสริมด้วยความสนใจ
รุ่นเยาว์ของตระกูลหวังในรอบหลายร้อยปีมานี้ มีผู้ที่มากไปด้วยพรสวรรค์ก็จริงเเต่ถึงอย่างนั้นต่างมีพลังหลักเป็นธาตุอื่นแทบทั้งสิ้น แม้เเต่หวังจิ่งหลงเองที่ในตอนนี้มีตำแหน่งของประมุขตระกูลหวัง ครั้งก่อนนับว่าอีกฝ่ายมีความโดดเด่นกว่าผู้ฝึกตนในตระกูลรุ่นเดียวกันหลายเท่าเเต่ถึงอย่างนั้นหาได้มีพลังสุริยะธาตุเฉกเช่นเดียวกันกับ บรรพชนผู้ก่อตั้งตระกูลไม่...
ในรอบหลายร้อยปีมานี้หาได้ปรากฎรุ่นเยาว์ที่มีความเข้มข้นของสายเลือดมากพอจนสามารถปลุกพลังของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะ มหาสวรรค์ได้เช่นเดียวกันกับหนิงอ้าย
แน่นอนว่าความลับที่ยังคงถูกซ่อนไว้และรอคอยการพิสูจน์ค้นหาเเต่พวกเขาต่างเชื่อว่าในวันข้างหน้าหนิงอ้ายต้องสามารถคลี่คลายลงได้ที่สำคัญทุกคนในที่นี้ไม่ว่าจะเป็นหวังจิ่งหลง ผู้อาวุโสระดับสูงในตระกูลหรือพวกเขาทั้งสามคนรวมไปถึงตัวของหนิงอ้ายเอง ต่างมีความเห็นตรงกันว่าการที่หนิงอ้ายสามารถปลุกพลังสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้สำเร็จ และการครอบครองพลังปราณสุริยะธาตุนั้นควรที่จะเก็บเป็นความลับเสียก่อน
เนื่องจากว่าเหตุผลที่ตระกูลหวังย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากอยู่ในแคว้นเต่าดำเเห่งนี้ นับว่าห่างไกลจากทิศทักษิณของมหาพิภพอันเป็นมาตุภูมิแรกเริ่มที่บรรพชนตระกูลหวังได้ก่อตั้งขึ้นนั้น ไม่มากก็น้อยย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวพันกับสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ ดังนั้นจนกว่าที่พวกเขาจะสามารถคลี่คลายทุกอย่างให้ชัดเจนได้เรื่องราวทั้งหมดนี้ควรที่จะเก็บเป็นความลับนับว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด
สำหรับกลิ่นอายของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ที่แผ่ออกมาจากตัวของหนิงอ้ายนั้นผู้ที่มีญาณสัมผัสที่เเข็งแกร่งรวมไปถึงผู้ฝึกตนระดับสูงย่อมที่จะสัมผัสและสังเกตได้ ในส่วนของรัศมีสีเเดงที่ทอประกายอยู่โดยรอบของวงแหวนเวทย์ที่เเสดงถึงระดับพลังวิญญาณนั้นสามารถกลบกลิ่นอายรัศมีดังกล่าวนี้ด้วยการที่หนิงอ้ายจะต้องดูดซับกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรมีปีกบินได้สังกัดปราณธาตุไฟที่มีอายุหนึ่งแสนปีขึ้นไปเท่านั้น จึงพอที่จะกลบกลิ่นอายของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์นี้ได้
หวังจิ่งหลงจึงมอบหน้าที่ให้กับผู้อาวุโสระดับสูงสุดสามคนในการตามล่าผลึกอสูรดังกล่าวเพื่อให้หนิงอ้ายนั้นดูดซับก่อนที่จะเดินทางออกจากตระกูลเพื่อไปเข้าร่วมการทดสอบเข้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์กับลู่ซีในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ แน่นอนว่าด้วยความสามารถของผู้อาวุโสที่มีพลังวิญญาณระดับสูงจำนวนสามคน รวมไปถึงเหล่าองครักษ์ผู้ติดตามหลายเกือบร้อยคนที่มีพลังวิญญาณระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นจนไปถึงพลังวิญญาณระดับเทวะวิญญาณขั้นสูง เพียงเเค่สองถึงสามวันก็สามารถนำกระดูกวิญญาณอสูรดังกล่าวมาได้สำเร็จ
กระดูกวิญญาณที่ได้มานั้น เป็นของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาที่มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับนกยูง ทั่วทั้งตัวนั้นเป็นเกล็ดสีแดงทองอร่าม ส่วนของหางรำแพนนั้นประกอบไปด้วยดวงตาสีดำสนิทนับพันดวงที่ช่วยให้เห็นทุกการเคลื่อนไหวรอบตัวอย่างทันท่วงทีและเปี่ยมไปด้วยมนต์สะกด อีกทั้งมันยังสามารถฟื้นฟูร่างกายรวดเร็วได้อย่างพิศดารราวกับว่าเป็นอมตะฆ่าไม่ตายเสียอย่างนั้น
ดังนั้นวิธีการสังหารมีเพียงวิธีเดียวนั่นคือการโจมตีบริเวณส่วนดวงตาทั้งสองข้างพร้อมกันเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสให้ลงมือได้เพียงครั้งเดียวด้วยเพราะบริเวณส่วนดวงตานับว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดในร่างกายของสัตว์อสูรตัวนี้ แน่นอนว่าต้องหลีกเลี่ยงการโจมตีหลายครั้งที่ไร้ประโยชน์ เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นแล้วร่างกายของมันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการฟื้นฟูจนกล่าวได้ว่าการโจมตีทางกายภาพไร้ซึ่งผลกระทบใดใดย่อมทำให้พวกเรานั้นสิ้นเปลืองพลังปราณไปอย่างไร้ผลประโยชน์กลับมานั่นเอง
กระดูกวิญญาณของราชันย์วิหคอัคคีมายานั้นมีขนาดเท่ากับกำปั้นผู้ใหญ่ มีความงดงามแปลกตาแก่ผู้พบเห็น ก่อนหน้านี้ทุกคนจะเป็นกังวลใจว่าหนิงอ้ายจะสามารถดูดซับกระดูกวิญญาณของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาที่มีอายุมากกว่าหนึ่งแสนปีนี้ได้หรือไม่
เเต่ด้วยเพราะร่างกายของอีกฝ่ายหลังจากปลุกพลังสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้นั้นย่อมมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนที่มีพลังวิญญาณในขั้นเดียวกันหลายเท่า อีกทั้งหนิงอ้ายยังครอบครองพลังสุริยะธาตุอันเป็นธาตุกำเนิดเเห่งไฟทั้งปวง ดังนั้นการ ดูดซับกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรสังกัดธาตุไฟที่มีอายุมากกว่าแสนปีย่อมไม่มีทางที่จะส่งผลกระทบต่อหนิงอ้ายอย่างแน่นอน...
หนิงอ้ายถือกระดูกวิญญาณของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาที่มีขนาดใหญ่พอดีมือขึ้นมาพร้อมกับพินิจอย่างถี่ถ้วน ด้วยจิตวิญญาณสัมผัสอันละเอียดอ่อนของเขานั้นทำให้สัมผัสได้ถึงพลังธาตุไฟเเข็งแกร่งที่ถูกบีบอัดเเน่นที่หมุนวนอยู่ภายในกระดูกวิญญาณชิ้นนี้
เปลวเพลิงของราชันย์วิหคอัคคีมายาที่ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ได้นำผู้ฝึกตนระดับสูงในตระกูลหวังหลายสิบคนไปไล่ล่าสัตว์อสูรในครั้งนี้จนสำเร็จลุล่วงซึ่งท้ายที่สุดก็สามารถนำผลึกอสูรนี้มาให้ตัวเขาได้ดูดซับประสานเข้ากันกับร่างกายได้อย่างทันท่วงที
ผู้อาวุโสท่านนี้ได้กล่าวไว้ว่าไฟของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายานั้นถือว่าเป็นสุดยอดเปลวเพลิงอสูรลำดับต้น ๆ ในยุทธภพที่ขึ้นชื่อถึงความรุนแรงในการทำลายล้างและมีความร้อนเเรงกว่าเปลวเพลิงสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุไฟทั่วไปยิ่งนัก เปลวไฟนี้นั้นเพียงเเค่น้ำธรรมดาย่อมไม่สามารถดับมันลงได้โดยง่าย จำเป็นต้องอาศัยน้ำจากผู้ฝึกตนพลังธาตุน้ำระดับสูงหลายคนเลยทีเดียวจึงจะสามารถรับมือได้ในยามปะทะกันแม้จะสามารถใช้พลังธาตุน้ำจากผู้ฝึกตนระดับสูงแก้ทางเปลวเพลิงนี้ได้เเต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าการสยบสัตว์อสูรตัวนี้จะง่ายดายดั่งใจคิดไม่
ผู้อาวุโสสำคัญทุกคนหรือแม้กระทั่งตัวของหวังจิ่งหลงเองจะไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ว่ากระดูกวิญญาณของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาที่พวกเขาได้ทำการไล่ล่าคร่ากุมมาได้ ท้ายที่สุดหากหนิงอ้ายทำการดูดซับกระดูกวิญญาณดังกล่าวนี้สำเร็จแล้วจะช่วยกลบกลิ่นอายของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้ตามที่คาดการณ์เอาไว้หรือไม่
ถึงอย่างนั้นเเล้วผลลัพธ์ที่ได้จากการดูดซับกระดูกวิญญาณชิ้นนี้ก็น่าจะเพียงพอต่อการปกปิดรัศมีเเสงสีแดงส้มอ่อนที่ปรากฏโดยรอบของวงเเหวนเวทย์เเสดงระดับพลังวิญญาณของหนิงอ้ายก่อนหน้าซึ่งหากว่ามีผู้ใดสงสัยเคลือบเเคลงหรือมองเห็นความพิเศษลึกล้ำที่ซ่อนเร้นอยู่ในรัศมีของวงเเหวนเวทย์ของเด็กหนุ่มนั้น ก็สามารถกล่าวอ้างได้ว่านี่เป็นสิ่งเกิดจากการดูดซับกระดูกวิญญาณของอสูรวิหคราชันย์วิหคอัคคีมายาที่มีอายุมากกว่าหนึ่งแสนปีขึ้นไปนั่นเอง
แน่นอนว่าการดูดซับกระดูกวิญญาณและประสานเข้ากับร่างกายทั้งเจ็ดตำแหน่งสำคัญในร่างกายของผู้ฝึกตนนั้นหาได้เป็นเรื่องแปลกใหม่อันใดในโลกของผู้ฝึกตนนี้ด้วยเนื่องจากว่าในยุทธภพอันกว้างใหญ่ย่อมมีผู้ฝึกตนหลายคนเลยทีเดียวที่หลังจากได้ทำการดูดซับกระดูกวิญญาณและประสานไปกับร่างกายของตนไปเเล้วย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงกับร่างกายของเขาอยู่ไม่น้อยซึ่งนอกจากที่ผู้ประสานกระดูกวิญญาณไปกับร่างกายนั้นจะสามารถใช้พลังความสามารถของอสูรที่ได้ทำการดูดซับไปเเล้วนั้น
ผู้ฝึกตนบางคนถึงกับมีกลิ่นอายของสัตว์อสูรดังกล่าวที่เข้มข้นจนสังเกตได้ บ้างก็สามารถแปลงกายเป็นสัตว์อสูรที่ทำการดูดซับประสานไปได้ชั่วครู่บ้างก็มีประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นตามคุณสมบัติของสัตว์อสูรดังกล่าว แน่นอนว่ายิ่งอายุของผลึกอสูรที่ได้ทำการดูดซับประสานเข้ากับร่างกายมีอายุมากขึ้นเท่าใดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็จะยิ่งสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงต่อร่างกายของผู้ดูดซับกระดูกวิญญาณได้มากขึ้นเท่านั้น
การดูดซับกระดูกวิญญาณของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาครั้งนี้ที่มีอายุมากกว่าหนึ่งแสนปี หนิงอ้ายคิดว่าหลังจากดูดซับประสานเข้ากับร่างกายของตนแล้วคงจะทำให้เกิดความเปลี่ยนเเปลงต่อร่างกายไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเขาได้ทำการปลุกสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้สำเร็จ สายเลือดของเผ่าพันธ์ชนชั้นปกครองอันเป็นเจ้าเเห่งวิหคทั้งหลายนั้นย่อมมีความเเข็งแกร่งสามารถกดข่มเหล่าอสูรวิหคในระดับล่างลงมาได้ทั้งสิ้น ด้วยสายเลือดอันเข้มข้นของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ที่วนเวียนอยู่ในตัวเขานั้นการเคี่ยวกรำดูดซับกระดูกวิญญาณของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาเข้าไปกับร่างกายของเขาในครั้งนี้ย่อมไม่มีผลกระทบใดให้กังวลใจ
นิงอ้ายไม่รอช้าจึงทำการเเผ่พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิวิญญาณขั้นสูงช่วงปลายที่ถูกเคี่ยวกรำบีบอัดหลายสิบรอบจนทำให้รากฐานบ่มเพาะของเขานั้นหนักเเน่น มีปริมาณมากกว่าผู้ฝึกตนในระดับพลังวิญญาณเดียวกันหลายเท่า อีกทั้งยังชักนำพลังปราณสุริยะธาตุต้นกำเนิดออกมาหล่อหลอมกระดูกวิญญาณของอสูรราชันย์วิหคอัคคีมายาเข้าไปกับส่วนเเขนด้านขวาของเขาในทันที...
ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู
ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง
คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต
การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์
หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร
ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต
มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล
ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย