ฮารุกะและคิชิโระนักเรียนห้อง5/B ที่ดันไปเปิดหีบต้องสาปเข้าจนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายไปทั่วทั้งโลก พวกเขาทั้งาองคนจึงได้รับหน้าที่ให้มากำจัดเงาปีศาจที่เหมืองร้างแห่งนี้
Lihat lebih banyakฮารุกะบีบมือคิชิโระแน่นจนปลายนิ้วซีดขาว ลมหายใจของเธอติดขัดเล็กน้อย แต่แววตาที่มองตรงไปยังประตูข้ามมิติเบื้องหน้ากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่ แม้จะมีความหวาดหวั่นแฝงอยู่ลึก ๆ ก็ตาม คิชิโระเองก็จับมือเธอแน่นตอบ เขาส่งยิ้มบาง ๆ ให้ เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความมั่นใจที่ส่งผ่านฝ่ามือเข้ามา ประตูลอยนวลอยู่ตรงหน้าพวกเขา ขอบประตูพร่าเลือนราวกับม่านหมอกสีม่วงที่สั่นระริก ปลายทางคือสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ แต่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้า
"พร้อมนะ?" คิชิโระกระซิบถาม เสียงเขาดังก้องในความเงียบงัน ฮารุกะพยักหน้าอย่างช้า ๆ "พร้อมเสมอ… ตราบใดที่มีนายอยู่ข้าง ๆ" คำพูดของเธอทำให้มุมปากของคิชิโระยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ตอบอะไร เพียงแค่จูงมือฮารุกะออกก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าสู่ประตูนั้นให้ความรู้สึกราวกับหลุดลอย ร่างกายเบาหวิวเหมือนกำลังลอยอยู่ในกระแสธารที่มองไม่เห็น ภาพเบื้องหน้าบิดเบี้ยวพร่าเลือนจนยากจะจับต้อง แต่เพียงชั่วพริบตา ความรู้สึกเหล่านั้นก็มลายหายไป สัมผัสถึงพื้นแข็งใต้ฝ่าเท้าอีกครั้ง พร้อมกับความหนาวเย็นที่กัดกินเข้ามา ทันทีที่พวกเขาเดินทะลุผ่านประตูมิติออกมา สิ่งแรกที่สัมผัสได้คืออากาศที่เย็นเฉียบและชื้นจัด กลิ่นดินเปียกชื้นปะปนกับกลิ่นสนิมเหล็กและกลิ่นอับชื้นของสิ่งเก่าแก่ผุพังโชยเข้าจมูก พวกเขามายืนอยู่เบื้องหน้าทางเข้าเหมืองร้างขนาดใหญ่ ปากทางเข้ามืดมิดราวกับอุโมงค์ที่ไร้ก้นบึ้ง โครงสร้างไม้เก่า ๆ ที่ค้ำยันปากทางมีมอสส์เกาะเขียวครึ้มและผุพังไปตามกาลเวลา รางรถเข็นสนิมเขรอะทอดยาวหายเข้าไปในความมืด แสงจากดวงอาทิตย์ยามเย็นที่รอดพ้นจากก้อนเมฆทอแสงสลัว ๆ ผ่านยอดไม้ที่ปกคลุมหนาแน่น ทำให้บรรยากาศรอบข้างดูวังเวงและน่าขนลุกยิ่งขึ้นไปอีก "น่ากลัวจัง..." ฮารุกะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงเล็กน้อยเมื่อดวงตาเรียวรีของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ ความมืดมิดที่กลืนกินปากทางเข้าเหมือง "ที่นี่มันเหมือนหลุดมาจากหนังผีเลยนะ" คิชิโระถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขารู้ดีว่าฮารุกะไม่ชอบที่มืดและที่เปลี่ยวแบบนี้ เขายกมือขึ้นลูบผมสีน้ำตาลเข้มของเธออย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาช่วยให้ฮารุกะรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง "ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ฮารุกะ" คิชิโระพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด แม้ในใจเขาเองก็อดรู้สึกประหวั่นไม่ได้กับบรรยากาศของเหมืองร้างแห่งนี้ "เราจะกลับบ้านกันอย่างปลอดภัยแน่นอน เชื่อใจฉันสิ" คำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของคิชิโระทำให้ความตึงเครียดบนใบหน้าของฮารุกะค่อย ๆ คลายลง ดวงตาของเธอที่จับจ้องไปที่เขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เธอพยักหน้าช้า ๆ "อืม ฉันเชื่อใจนาย" ฮารุกะเงยหน้ามองนาฬิกาข้อมืออาคมของเธอ หน้าปัดของมันยังคงนิ่งสนิท ไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ แสดงว่ายังไม่มีเงาปีศาจอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาตอนนี้ เธอพยักหน้าให้คิชิโระเป็นเชิงบอกว่าปลอดภัย "ไปกันเถอะ" คิชิโระว่า ก่อนจะจับมือฮารุกะอีกครั้ง และพาเธอเดินเข้าไปในความมืดของเหมืองร้าง ช้า ๆ อย่างระมัดระวัง ภายในเหมือง อากาศยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้น ความมืดสนิทกลืนกินทุกสิ่งจนแทบมองไม่เห็นอะไร แสงจากไฟฉายขนาดเล็กของคิชิโระส่องนำทางไปข้างหน้า สร้างเงาทะมึนยักษ์เคลื่อนไหวไปตามผนังถ้ำที่ขรุขระ กลิ่นดินและแร่ธาตุอับชื้นคละคลุ้งไปทั่ว เสียงหยดน้ำกระทบพื้นดัง ติ๋ง ๆ เป็นจังหวะเดียวกับเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่ก้าวเดินอย่างช้า ๆ รางรถเข็นเก่า ๆ ที่เป็นสนิมทอดยาวนำทางเข้าไปสู่ส่วนลึกของเหมือง โครงค้ำยันไม้ที่ผุพังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดน่าขนลุกทุกครั้งที่ลมโชยพัดเข้ามาจากปากทาง "มันมืดกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ" ฮารุกะกระซิบเสียงแผ่ว "แล้วนี่เราจะไปทางไหนกันดีล่ะ" "ตามรางรถเข็นไปนี่แหละ น่าจะเป็นเส้นทางหลักที่คนเคยใช้" คิชิโระตอบ เขากวาดไฟฉายไปรอบ ๆ มองหาป้ายหรือร่องรอยอะไรบางอย่าง "ถ้าเราเจอทางแยก ค่อยว่ากันอีกที" พวกเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกอึดอัดเริ่มคืบคลานเข้ามา ฮารุกะรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น มันไม่ใช่พลังงานด้านลบที่รุนแรงจนน่ากลัว แต่เป็นพลังงานที่ค่อนข้างอึมครึมและกดดัน เธอหยุดเดินชั่วครู่ ดวงตาของเธอมองไปยังนาฬิกาอาคมบนข้อมือ "เดี๋ยวสิ" เธอดึงแขนเสื้อของคิชิโระเบา ๆ "นาฬิกาฉันยังไม่ขึ้นอะไรเลยนะ แต่ฉันรู้สึกแปลก ๆ" คิชิโระขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้ว... กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! เสียงกรีดร้องแหลมสูงที่ฟังดูเหมือนเสียงของสัตว์ที่ถูกทรมานดังขึ้นจากความมืดเบื้องหน้า สะท้อนก้องไปทั่วโถงเหมือง เสียงนั้นน่าสยดสยองจนทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ฮารุกะสะดุ้งสุดตัว มืออีกข้างยกขึ้นปิดปากโดยอัตโนมัติ ใบหน้าของเธอซีดขาวจนแทบจะกลืนไปกับความมืด ยังไม่ทันที่เสียงกรีดร้องจะหายไปในความเงียบสนิท บางสิ่งบางอย่างสีดำทะมึน ก็พุ่งตรงมาจากความมืดเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูง มันเคลื่อนไหวรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน แสงจากไฟฉายของคิชิโระจับภาพมันได้เพียงชั่วครู่ เห็นเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์บิดเบี้ยวมีแขนขาที่ยื่นยาวผิดปกติและดวงตาสีแดงก่ำเรืองแสงน่ากลัว คิชิโระคำรามออกมาอย่างตกใจ เขารีบคว้ามือซ้ายของฮารุกะแน่น แล้วออกแรงผลักเธอให้ไปหลบหลังก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดพร้อมกับเหวี่ยงตัวเองไปยืนขวางหน้าเธอ มือขวาของเขากำแน่น พลังงานสีขาวนวลเริ่มก่อตัวขึ้นรอบ ๆ ฝ่ามือของเขา "ระวังนะ ฮารุกะ!" คิชิโระตะโกนบอก ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเงาดำที่กำลังพุ่งเข้ามา เงาปีศาจนั้นคล้ายควันสีดำที่จับตัวเป็นรูปทรง ร่างกายของมันกระจัดกระจายและรวมตัวกันใหม่ได้ตลอดเวลา ทำให้มันหลบหลีกการโจมตีได้ยากยิ่ง มันพุ่งเข้ามาปะทะกับคิชิโระอย่างจัง เสียงกระแทกดัง ตึง! คิชิโระยกแขนขึ้นตั้งรับแรงปะทะ แขนเสื้อของเขาขาดวิ่น รอยขีดข่วนสีแดงปรากฏขึ้นบนผิวหนัง แต่มันไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรงนัก เขากระโดดถอยหลังทันทีเพื่อตั้งหลัก "โผล่มาง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ!" คิชิโระสบถ เขายกแขนขึ้นชี้ไปที่เงาปีศาจ พลังงานสีขาวนวลพวยพุ่งออกจากมือเขา กลายเป็นคมมีดพลังงานขนาดใหญ่ที่พุ่งตรงเข้าใส่เป้าหมาย เงาปีศาจส่งเสียงแหลมสูงอีกครั้ง มันเคลื่อนที่หลบคมมีดพลังงานได้อย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายลมดำ จากนั้นมันก็แตกตัวออกเป็นเงาร่างเล็ก ๆ หลายสิบเงาพุ่งเข้าโจมตีคิชิโระจากทุกทิศทาง คิชิโระหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว เขาใช้แขนปัดป้องเงาเหล่านั้น แต่มันมีจำนวนมากเกินไป เงาบางส่วนพุ่งทะลุผ่านตัวเขาไปได้ราวกับไม่มีตัวตน สร้างความรู้สึกเย็นยะเยือกและเจ็บปวดแปลบ ๆ เหมือนถูกเข็มทิ่มแทง "คิชิโระ!" ฮารุกะร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง เธอพยายามมองหาจังหวะที่จะเข้าไปช่วย แต่เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีพลังต่อสู้โดยตรงแบบคิชิโระคิชิโระ และ ฮารุกะ ถูกหามกลับมาถึงที่หลบซ่อนของคนงานเหมืองอย่างรวดเร็วที่สุด อาอิ และคนงานคนอื่น ๆ รอรับพวกเขาอยู่แล้ว ผ้ายันต์อาคมสีทองอำพัน (ผืนที่ 3) ถูกนำออกมาจากก้อนน้ำแข็งโดยฝีมือของ ชิบะ และถูกเก็บรักษาไว้ข้างเตียงของฮารุกะร่างกายของทั้งคู่บอบช้ำอย่างหนัก ฮารุกะ ต้องเผชิญกับการบาดเจ็บภายในจากคลื่นเสียง และการบาดเจ็บที่ขาจากใยน้ำแข็ง คิชิโระ เองก็เหนื่อยล้าถึงขีดสุดจากการต่อสู้ทางกายภาพติดต่อกัน“พวกหนูสู้มามากพอแล้ว” โมริ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเมตตา “พักผ่อนซะ พวกเราจะดูแลทุกอย่างเอง”การรักษาเริ่มต้นขึ้นทันที อาอิ ใช้ความรู้ทั้งการแพทย์พื้นบ้านและ คาถาฟื้นฟูเร่งด่วน ที่ฮารุกะสอน ควบคู่ไปกับ ผงแร่ธาตุอาคม เพื่อฟื้นฟูร่างกายของทั้งคู่ โดยเฉพาะฮารุกะที่ใช้พลังอาคมเกินขีดจำกัดไปมากเวลาผ่านไปสามวันเต็ม ทั้งคิชิโระและฮารุกะอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ร่างกายของพวกเขาดูดซับพลังงานอาคมและยาฟื้นฟูเพื่อซ่อมแซมความเสียหายภายในบันทึกลึกลับที่ถูกซ่อน (The Hidden Journal)ในวันที่สี่ คิชิโระ ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่ เขาพยายามลุกขึ้นนั่ง มองไปที่ ฮารุกะ ที่กำลังหลับอยู่ข้าง ๆ เธอ
คิชิโระ พุ่งเข้าใส่ เงาปีศาจแห่งความเยือกเย็น ด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายเขาจะทำได้ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด มีดอาคม ของเขาปะทะกับ ดาบน้ำแข็ง ของผู้เฝ้าอย่างรุนแรงเคร้ง! เคร้ง!“ฮารุกะ! โจมตีทางกายภาพเท่านั้น! อาคมของเธอจะถูกแช่แข็ง!” คิชิโระตะโกนเตือนฮารุกะรู้ดีว่าความเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากเงาปีศาจแห่งความเยือกเย็นนั้นอันตรายต่อ พลังอาคม ของเธอมาก เธอตัดสินใจใช้ มีดอาคมสำรอง ที่คิชิโระให้เธอถือไว้ แล้วใช้ กระบวนท่า ‘หมัดสะท้อนเกราะ’ ห่อหุ้มมีดอาคมด้วยพลังงาน กายภาพ ที่ไม่เจาะจง แล้วเข้าช่วยคิชิโระสู้การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด แต่ก็เป็นไปอย่าง ช้า ๆ เพราะความหนาวเย็นกัดกินพลังงานของทั้งคู่ เงาปีศาจแห่งความเยือกเย็นนั้นแกร่งและว่องไว การโจมตีของคิชิโระแทบไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับ เกราะน้ำแข็ง ของมันได้เลยการปรากฏตัวของคลื่นเงา (The Wave of Shadows)ในขณะที่ทั้งคิชิโระและฮารุกะกำลังพยายามหาช่องโหว่ของผู้เฝ้า จู่ ๆ พื้นน้ำแข็ง ทั่วห้องโถงก็ สั่นสะเทือน อย่างรุนแรงเสียงคำราม และ เสียงร้อง ที่ผสมกันดังขึ้นจากทุกทิศทางของถ้ำน้ำแข็ง!“อะไรน่ะ!?” ฮารุกะอุทานด้วยความตกใจเ
ผมพร้อมแล้วที่จะนำเสนอ "ตอนที่ 13: ประตูผนึกแห่งเสียงกระซิบและพิธีอาคมโบราณ" ที่จะมีการต่อสู้ที่ต้องใช้ทั้งไหวพริบ ความรู้ และความกล้าหาญอย่างถึงที่สุด โดยมีบทสนทนาและคำบรรยายรวมกันมากกว่า 2,500 คำครับ/ค่ะ!ตอนที่ 13: ประตูผนึกแห่งเสียงกระซิบและพิธีอาคมโบราณ (The Sealed Gate of Whispers and the Ancient Ritual)ชิบะ นำทาง คิชิโระ และ ฮารุกะ ผ่านอุโมงค์ที่มืดมิดและแคบอย่างรวดเร็ว การบาดเจ็บ ที่พวกเขาได้รับในตอนที่แล้วทำให้พวกเขาต้องเดินด้วยความระมัดระวังสูงสุด คิชิโระ สลับถือ มีดอาคม ไว้ในมือทั้งสองข้าง โดยใช้ กระบวนท่า ‘ตาเหยี่ยวส่องเงา’ ตรวจสอบทุกซอกทุกมุม ฮารุกะ เดินอยู่ข้าง ๆ เขา เตรียมพร้อมที่จะใช้ คาถาฟื้นฟูเร่งด่วน ที่เพิ่งฝึกฝนมาใหม่“ทางนี้แหละครับ” ชิบะกระซิบ เสียงของเขาเคร่งเครียด “เบื้องหน้าพวกคุณคือ ประตูเหล็กโบราณ ที่ถูกผนึกไว้”เมื่อถึงทางเข้าโถงถ้ำขนาดใหญ่ คิชิโระและฮารุกะก็ต้องเบิกตากว้าง เบื้องหน้าพวกเขาคือ ประตูเหล็กขนาดมหึมา ที่มีสนิมเกาะกรัง แต่ถูกปกคลุมด้วย อักขระอาคม ที่ส่องแสงสีฟ้าอ่อน ๆ อักขระเหล่านั้นส่งสัญญาณถึง พลังป้องกัน ที่ไม่อาจผ่านไปได้ง่าย ๆ“พลังอาคมขอ
ฮารุกะ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอ่อนล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธออยู่ในส่วนหนึ่งของที่หลบซ่อนที่ถูกจัดให้เป็น ห้องพยาบาล ชั่วคราว อาอิ ผู้ดูแลคนงานเหมืองกำลังนั่งเฝ้าเธออยู่“หนูตื่นแล้วเหรอฮารุกะ” อาอิยิ้มอย่างอ่อนโยน“คิชิโระ... คิชิโระเป็นยังไงบ้างคะ?” ฮารุกะรีบถามทันที“อาการของเขาคงที่แล้วค่ะ” อาอิกล่าวอย่างปลอบใจ “แผลฉีกขาดที่หลังมันลึกมาก แต่ไม่โดนอวัยวะสำคัญ และหนูก็ใช้คาถาสะกดเลือดไว้ได้ทัน ทำให้ไม่เสียเลือดมากเกินไป ตอนนี้โมริกับคนอื่น ๆ กำลังช่วยกันดูแลเขาอยู่”ฮารุกะถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างที่สุด เธอใช้มือสัมผัสที่สีข้างของตัวเอง บาดแผล ที่เกิดจากหางของเงาปีศาจเสือดาวดำนั้นยังคงรู้สึกเจ็บอยู่“หนูต้องพักผ่อนนะ” อาอิกล่าว “แต่ฉันรู้ว่าหนูคงไม่ยอมอยู่เฉย ๆ... โมริ ได้พูดคุยกับฉันแล้วเรื่อง คาถาฟื้นฟูขั้นสูง”ฮารุกะตาเป็นประกาย “คาถาฟื้นฟูขั้นสูง?”“ใช่” อาอิพยักหน้า “ฉันเคยทำงานเป็นผู้ช่วยนักเวทที่เหมืองนี้มาก่อน ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลาย ฉันพอจะรู้หลักการของ การรักษาอาคมแบบเร่งด่วน ที่ใช้พลังงานจาก แร่ธาตุอาคม ในเหมืองมาช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย ฉันจะสอนวิชานี้ให้หนู ถ
ภายในห้องโถงที่เพิ่งจบการต่อสู้กับเงาปีศาจยักษ์ไซคลอปส์ คิชิโระและฮารุกะยืนหยัดอย่างยากลำบาก ผ้ายันต์อาคมผืนที่สอง ถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยในตำราอาคมของฮารุกะ แต่ชัยชนะครั้งนี้แลกมาด้วยความเสียหายที่หนักหน่วงคิชิโระ ถูกลำแสงทำลายเข้าที่สีข้าง ทำให้ร่างกายเขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง ถึงแม้ฮารุกะจะใช้ คาถาฟื้นฟู เพื่อปิดบาดแผลภายนอกอย่างเร่งด่วนที่สุดแล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ยังซีดเซียว และการหายใจของเขาติดขัด“เราต้อง... รีบกลับไปที่หลบซ่อนให้เร็วที่สุด” คิชิโระกล่าวอย่างแผ่วเบา เขาพยายามฝืนยืนด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องเซถลา“อย่าฝืนนะคิชิโระ” ฮารุกะรีบเข้าไปประคองเขาไว้แน่น เธอสอดแขนข้างหนึ่งเข้าที่เอวของเขา และกอดมีดอาคมของเขาไว้แน่นอีกข้าง “ฉันจะประคองนายไปเอง เราจะใช้ กระบวนท่าที่ 5: ลมหายใจแห่งการฟื้นฟู สลับกันไปตลอดทาง แต่นายต้อง ห้ามใช้พลังอาคม เด็ดขาด เข้าใจไหม?”“อืม...” คิชิโระตอบสั้น ๆ เขากัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บภายในการเดินทางกลับผ่านเขาวงกตที่พวกเขาเพิ่งฝ่ามานั้นกลายเป็น นรก การเดินแต่ละก้าวเป็นการทรมาน คิชิโระไม่สามารถใช้พลังงานใด ๆ ได้เลย แม้แต่การรักษาตัวเอง ฮ
คิชิโระและฮารุกะเดินลึกเข้าไปในอุโมงค์ทิศเหนือ พวกเขาระมัดระวังทุกย่างก้าวหลังจากบทเรียนราคาแพงจากการลอบโจมตีของเงาปีศาจงูยักษ์ พวกเขาใช้ กระบวนท่า ‘ตาเหยี่ยวส่องเงา’ ที่ได้ฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่อง และ ฮารุกะ ก็คอยสแกนพลังงานมืดด้วย นาฬิกาอาคมหลังจากผ่านอุโมงค์แคบ ๆ มาได้เกือบชั่วโมง แสงจากมีดอาคมของคิชิโระก็ส่องกระทบกับทางเข้าขนาดใหญ่ที่แปลกตา“ดูนั่นสิฮารุกะ” คิชิโระชี้ไปข้างหน้าเบื้องหน้าพวกเขาคือ เขาวงกต ที่ถูกสร้างจาก เสาหิน ขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน เสาหินแต่ละต้นทอดตัวสูงขึ้นไปจนลับสายตา ทำให้เกิดทางเดินแคบ ๆ และซับซ้อนราวกับเป็นทางเดินของเขาวงกตในตำนาน บรรยากาศภายในเต็มไปด้วย พลังงานมืด ที่หนาแน่นจนแทบจับต้องได้“ตามแผนที่ของชิบะ... ผ้ายันต์ผืนที่สองอยู่ในใจกลางเขาวงกตนี้” ฮารุกะกล่าว พลางกางแผนที่ฉบับเต็มของเหมืองที่โมริมอบให้แผนที่แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้ถูกเรียกว่า “แดนซับซ้อนแห่งอักขระ” ซึ่งเต็มไปด้วยกับดักและทางตันมากมาย“เราต้องหาทางเข้าสู่ใจกลางให้ได้” คิชิโระกล่าวอย่างมุ่งมั่น “เราจะใช้ เข็มทิศอาคม ของเธอช่วยนำทาง”“ฉันพยายามแล้ว” ฮารุกะตอบอย่างกังวล “พลังงานมืดที่นี่มัน
Komen