Share

Chapter4. ฝุ่นดิน

last update Huling Na-update: 2024-10-01 16:40:23

            จากชีวิตที่ไร้พี่น้องมาสิบสี่ปี มาบัดนี้นางมีน้องชายตัวโตแถมอายุห่างกันเพียงห้าเดือนเท่านั้น เช้าวันต่อมานางจึงได้อยู่จวนแม่ทัพในฐานะบุตรบุญธรรม แต่กระนั้นนางมักบอกผู้อื่นด้วยนามสกุลเดิมของบิดาเสมอ นางได้มีที่ซุกหัวนอนแถมยังเป็นที่นอนอุ่นๆ อาหารการกินไม่อดยากและยังได้ร่ำเรียนหนังสือด้วย  ผิดก็ตรงที่นางไม่อาจเป็นกุลสตรีอย่างที่จ้าวฮูหยินคาดหวัง เพราะนางแก่นแก้วซุกซนนัก ให้นางฝึกกระบี่ยังก้าวหน้ากว่าเขียนภาพ  เล่นดนตรี เดินหมาก หรือร่ายรำเสียอีก

            เคอหลิ่งหลินหัวเราะให้กับความคิดคำนึงของตัวเอง นางติดตามแม่ทัพจ้าวออกรบหลายครั้ง แม้นางเป็นเด็กแต่เรื่องพื้นที่การแกะรอยนั้นแม่นยำนัก รวมทั้งจ้าวจิ่นสือที่บิดาฝึกให้เรียนรู้กลศึกต่างๆ นางเองคอยติดตามเขาเสมือนเงาไปอย่างไม่รู้ตัว

            หญิงสาวมองดูผู้คนที่ทยอยเข้าไปในจวนแม่ทัพหมดแล้วก็ลงจากหลังม้า ส่งม้าให้เด็กรับใช้นำม้าไปเก็บแล้วเดินไปที่ห้องพักของตนเอง ชุนเอ๋อร์เห็นผู้เป็นนายกลับมาแล้วก็รีบเข้าไปช่วยปลดผ้าคลุมไหล่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นดินออก

            “คุณชายจิ่นสือให้บ่าวเตรียมน้ำอุ่นให้คุณหนู บ่าวชะเง้อมองจนคอแทบเคล็ดไม่เห็นคุณหนูมาเสียที นึกว่าท่านหลงทางกลับบ้านไม่ถูกเสียแล้ว”

            “คนอย่างเคอหลิ่งหลินนะรึจะหลงทาง” 

หญิงสาวหัวเราะเสียงใส แต่ก็ขมวดคิ้วข่มความเจ็บแปลบที่แล่นผ่านผิวหนัง ชุนเอ๋อร์เป็นหญิงรับใช้ประจำตัวนางซึ่งอยู่รับใช้หญิงสาวมาหลายปี สังเกตเห็นอาการเจ็บปวดของผู้เป็นนายได้ชัด ก็คุณหนูของนางเหมือนคุณหนูบ้านอื่นที่ไหนกันเล่า   

“คุณหนู หลังท่านมีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด” ชุนเอ๋อร์อุทานอย่างตกใจ

“ข้าอยากแช่น้ำอุ่นเสียหน่อย เจ้าไปรอข้างนอกก่อนเถิด ถ้าข้าเงียบไปนานค่อยเข้ามาดู” เพราะร่างกายแบกรับความเหนื่อยล้า นางจึงมักเผลอหลับในอ่างอาบน้ำเสมอ

“เจ้าค่ะ บ่าวจะหายามาทาให้นะเจ้าคะ”

เคอหลิ่งหลินได้แต่พยักหน้าแล้วจัดการสระผมที่เต็มไปด้วยฝุ่น นางอยากล้างกลิ่นคาวเลือดออกให้หมด ไม่ชอบเลยที่ต้องให้กระบี่เปื้อนเลือด แม้ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตแต่ก็บาดเจ็บกันไม่น้อย เมื่อชำระล้างคราบเหงื่อออกไปครั้งหนึ่งแล้วนางจึงลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำ และหลับตาลงอย่างอ่อนล้า

“หลิ่งหลิน”

เสียงทุ้มต่ำดังอยู่หน้าห้อง หญิงสาวลืมตาขึ้นยังไม่ทันขานรับอะไร บานประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของจ้าวจิ่นสือที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เรียบร้อยแล้วเดินเข้ามา   ดวงตาคมหรี่มองคนที่ยังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ นางไม่ได้ขยับตัวแต่รู้ว่าสายตาของเขาต้องการมองเพียงแผ่นหลังของนาง

“รอยช้ำเล็กน้อย เดี๋ยวก็หาย”

“ฮืม...”

เคอหลิ่งหลินออกจะแปลกใจที่ได้ยินเสียงตอบรับเพียงแค่นั้น นางไม่ได้หันมาเผชิญหน้ากับเขาจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่  เพียงอึดใจร่างสูงก็หมุนตัวแล้วก้าวออกไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ชุนเอ๋อร์วิ่งเข้ามาพอดี

“คุณชาย เอ่อ...”

 ชุนเอ๋อร์ยอบกายลงอย่างน้อบนอม แต่อีกฝ่ายเพียงปรายตามองขวดยาในมือนางแล้วเดินออกมา หญิงรับใช้ไม่รู้ว่าคุณชายคิดอะไรอยู่แต่ตอนนี้นางรีบปิดประตูแล้วมาดูแลคุณหนูของนาง

“จิ่นสือออกไปแล้วใช่ไหม” ถามทั้งที่รู้แต่อยากได้ความมั่นใจมากกว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามาแบบนี้ เขาเพียงเป็นห่วงนางก็เท่านั้น

“เจ้าค่ะ”

“ช่วยข้าแต่งตัวหน่อยเถิด ข้าหิวจนหมดแรงแล้ว”

“ประเดี๋ยวบ่าวทายาให้คุณหนูก่อนนะเจ้าค่ะ” 

 ชุนเอ๋อร์มองผู้เป็นนายที่ขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ ปกติคุณหนูของนางทำอะไรเองไม่ค่อยให้นางปรนนิบัติ แต่คงเพราะคุณหนูอ่อนเพลียจริงๆ วันนี้นางถึงได้ช่วยคุณหนูแต่งตัว รวมทั้งทายาที่รอยช้ำด้านหลัง เคอหลิ่งหลินสวมชุดกระโปรงสีเขียวละมุนตา ผมยาวสลวยปักด้วยปิ่นหยกทำให้ดูงดงามยิ่งขึ้น แม้เครื่องหน้าจะไม่ได้ประทินโฉมอะไรแต่ก็งดงามอย่างพอดี 

“เจ้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกัน” เคอหลิ่งหลินทำเสียงหงุดหงิด

“ก็คุณหนูของบ่าวงดงามนี่เจ้าค่ะ” ไม่บ่อยหรอกที่จะเห็นคุณหนูของนางแต่งกายงดงามสมเป็นบุตรีของแม่ทัพจ้าวนี่นะ ผิดกับคุณชายที่มักงามสง่าทุกเวลาอยู่เสมอ

“เอาเถอะ ข้าหิวแล้ว กินอิ่มท้องแล้วข้าจะกลับมานอนให้สำราญใจ”

ร่างงามพูดเขินๆ แล้วเดินออกไป แต่เพราะไม่คุ้นกับชุดสตรีงดงามเช่นนี้ นางเกือบเผลอเหยียบชายกระโปรงตัวเอง โชคดีที่ชุนเอ๋อร์ไหวตัวทันช่วยประคองคุณหนูได้ทันเวลา โธ่! ชุดสวยแต่คนใส่ซุ่มซ่ามไม่สมชุดเอาเสียเลย เคอหลิ่งหลินได้แต่บอกตัวเองแล้วยืดตัวตรงเดินด้วยท่วงท่างามสง่าแบบที่ชุนเอ๋อร์คอยแนะนำนางบ่อยๆ ปีนี้นางอายุยี่สิบแล้ว

นางไม่มั่นใจว่าตัวเองงามเพียบพร้อมพอจะเป็นที่รักของใครสักคนได้หรือไม่

หญิงสาวที่มักมีใบหน้าเรียบนิ่งดุจน้ำแข็งยามเมื่ออยู่สนามรบ  ทว่าเวลานี้เคอหลิ่งหลินเผลอยิ้มเขินอายอย่างไม่รู้ตัว เพียงแค่คิดถึงบุรุษคนหนึ่งที่เคยให้คำสัญญากับนางไว้.

เพียงร่างงามระหงเดินเข้ามาในห้องก็เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง เคอหลิ่งหลินเดินอย่างสำรวมกิริยาไปนั่งที่โต๊ะซึ่งมีสำรับอาหารพรั่งพร้อม แม่ทัพจ้าวและฮูหยินส่งยิ้มให้อย่างโล่งใจที่เห็นลูกสาวบุญธรรมกลับมาด้วยร่างกายที่ไม่บุบสลาย ส่วนจ้าวจิ่นสือคีบเนื้อห่านย่างเข้าปากไม่รอให้นางมาถึงด้วยซ้ำ

“ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ต้องรอเจ้าค่ะ”

 เคอหลิ่งหลินพูดน้ำเสียงเบาฟังดูอ่อนหวาน แต่ทำให้จ้าวจิ่นสือหัวเราะออกมา นางตวัดสายตามองพร้อมเม้มปากแน่นสะกดความไม่พอใจที่น้องชายต่างสายเลือดพยายามยั่วยุนาง

            “จิ่นสือ” มารดาปรามด้วยน้ำเสียงแล้วส่ายหน้าไปมา “เอาเถอะ เห็นว่าเจ้าหิว แม่ให้คนเตรียมของบำรุงเจ้าไว้แล้ว”

            “ขอบคุณท่านแม่”

            ท่าทางเรียบร้อยดุจคุณหนูผู้สูงศักดิ์ทำให้จ้าวจิ่นสือถึงกับแหงนหน้าหัวเราะ เคอหลิ่งหลินไม่อาจสะกดอารมณ์ของนางได้อีก นางเผลอยกมือทุบโต๊ะ ลุกขึ้นยืนชี้หน้าผู้ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเป็นน้องชายนางไปตลอดชีวิต

            “จ้าวจิ่นสือ!”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 90 จบ.

    นางจึงให้กินยาบำรุงไป ส่วนคนอื่นก็เจ็บป่วยตามประสาโรคของผู้หญิงจึงมิกล้าเอ่ยปากพูดไป พอเห็นนางเป็นหญิงจึงแทบจะเรียกว่ารุมล้อม จากที่คิดจะเสร็จเร็วจึงใช้เวลาไปมากกว่าที่คิด “อ้อ! ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อไปส่งเจ้านะ” คณิกานางหนึ่งเอ่ยอย่างเพิ่งนึกได้ เชิญตัวนางมารักษา ต้องมีคนไปส่งนางกลับ เหตุเพราะท่านหมอหญิงผู้นี้ ฝีมือเก่งกาจนัก ทว่ากลับมักจะหลงทิศหลงทางบ่อยๆ “อืม” นางได้แต่พยักหน้ารับ กำลังง่วนกับการเก็บสัมภาระ มือบางก็ถูกยื้อไว้แล้วกำไลหยกวงหนึ่งก็ถูกวางใส่ฝ่ามือของนาง “เห็นว่าเจ้าไม่รับเงิน เจ้าก็เอาสิ่งนี้ไปแทนเถิด หากจำเป็นเจ้าจะขายหรือทำอย่างไรก็ย่อมได้” “ไม่เป็นไรเจ้าคะ เรื่องเล็กน้อยจริงๆ” มู่ฟางเหนียงปฏิเสธแต่อีกฝ่ายยืนกรานนางจึงรับไว้ เสี่ยวเอ้อเดินมารับมู่ฟางเหนียง หญิงสาวกล่าวลาแล้วเดินออกมา ทว่าเมื่อเดินผ่านห้องๆ หนึ่ง นางกลับเห็นเงาร่างที่คุ้นตา ยิ่งเมื่อเพ่งตามองผ่านช่องประตูกลับเห็นชายผู้นั้นชัดเจน เขานั่งดื่มสุราอย่างเมามาย “ท่านรองแม่ทัพ” มู่ฟางเหนียงร้องอย่างตกใจ นางรีบผลักบานประตูเข้าไปทันทีโดยไม่สนใจว่าใครจะร้องห้าม “นี่ๆ ใครให้เจ้าเข้ามา” คณิกานางหนึ่งโวยว

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 89.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 3

    “มิคิดว่าโรงเตี๊ยมเล็กๆ จะมีสุราเลิศรสอย่างนี้” พูดพลางชิมอาหาร “อาหารรสชาติก็ใช้ได้ อีกหน่อยคงโด่งดังมิแพ้โรงเตี๊ยมอื่น” “เป็นอย่างไรล่ะ ผลงานของข้า” นางอวดขึ้นมาทันที “ว่าแต่ท่านรู้ได้อย่างไร ข้าอุตส่าห์แอบเก็บเป็นความลับ ตั้งใจว่าให้โรงเตี๊ยมเข้าที่เข้าทางกว่านี้อีกหน่อยค่อยบอกท่าน” “เจ้าออกจากวังอย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้” องค์ชายไท่หยางส่ายหน้าไปมา ยังดีที่นางบอกใครต่อใครว่าแต่งงานแล้ว มิใช่ทำตัวเป็นสาวน้อย นางคงไม่รู้ตัวว่านับวันนางยิ่งดูเปล่งปลั่งงดงามขึ้นมากกว่าเดิมนัก “ท่านหมอมู่มา เจ้าได้ให้ท่านหมอตรวจร่างกายบ้างหรือไม่” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง เขารู้เรื่องที่ท่านหมอมู่กับบุตรสาวมาเมืองหลวงในช่วงที่เขาไปราชการต่างเมืองพอดี“ข้าให้น้องฟางเหนียงตรวจแล้ว” นางแย้มยิ้ม “นางเขียนใบสั่งยา เป็นยาบำรุงร่างกาย ร่างกายข้าขับพิษออกไปเกือบหมดแล้ว บำรุงตัวเองอีกนิดก็พร้อมมีทายาทให้ท่านได้”เพราะนางบาดเจ็บในครั้งนั้น แม้กำลังภายในจะกลับคืนแต่ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มทีนัก“ข้าห่วงเจ้ามากกว่า เรื่องนั้น ข้ารอได้” เขาแตะหลังมือนาง “สามีไม่โกรธภรรยานะ ข้าแค่อยากช่วยเหลือคนเหล่านี้” นางเคย

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 88.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 2

    เสี่ยวหลิวกับอาปู้-ลูกชายวัยสิบขวบและอาเหลียง-ลูกสาววัยเจ็ดขวบ รวมถึงคนเฒ่าคนแก่หลายคนที่นางเคยเจอที่ศาลเจ้าร้างเมื่อครั้งที่แอบย่องหนีออกจากวังมาตามหาหัตถ์เทวะ คราแรกนางคิดแค่ว่าอยากมาดูว่าพวกเขายังอยู่ที่นี่หรืออพยพไปแล้ว แต่เมื่อกลับมาก็พบว่าทุกคนยังอยู่ คนไหนที่พอแข็งแรงหน่อยก็ออกไปหาทำงานรับจ้างทั่วๆ ไป พอได้มีข้าวสารมาจุนเจือคนอื่น จากที่คิดว่าจะหาบ้านให้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งพอคุยกันไปกันมาก็กลายเป็นโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนี้ “คนพอใช้งานหรือเปล่า เมื่อครู่ข้าเห็นอาปู้ยกอาหารส่งลูกค้า” เคอหลิ่งหลินถามอย่างเป็นห่วง เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายวัยสิบขวบ เพื่อนวัยเดียวกันวิ่งเล่นสนุกสนาน แต่เขากลับต้องทำงานหนัก ครั้งแรกที่เจอกันเขาผายผอมมากแต่ตอนนี้เริ่มมีเนื้อมีหนัง ยามว่างนางก็ให้เขาฝึกหัดเพลงมวยขั้นพื้นฐาน คิดอยู่ว่าจะหาทางให้อาปู้ได้ร่ำเรียนหนังสือหนังหาจะได้มีความรู้และมาช่วยดูแลคนอื่นๆ ได้ “ร้านเพิ่งเปิดค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า อย่าเพิ่งรีบร้อนเลยเจ้าคะ” เสี่ยวหลิวพูดขึ้น “อีกหน่อยอาปู้ต้องไปเรียนหนังสือจะไม่มีคนช่วยงานนะซิ” เคอหลิ่งหลินถอน

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 87.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 1   

    “ก็ได้ ข้าถามใหม่ก็ได้ ท่านจะกลับเมืองหลวงเมื่อไหร่” นางถามทั้งที่ยังเคี้ยวขนมอยู่ “ข้ามาหลายวันแล้ว พรุ่งนี้ได้กำหนดกลับ ยังคิดอยู่ว่าจะได้เจอเจ้าหรือไม่” “โชคดีที่ได้พบกันก่อนท่านจะไป” นางพึมพำ “ระหว่างที่ท่านไม่อยู่ ข้าจะแวะเวียนไปดูแลแม่นมเหมยให้ท่านก็แล้วกัน” ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ยังเอร็ดอร่อยกับขนมในตะกร้า แม่นมเหมยดูแลเขาอยู่หลายปีตั้งแต่อยู่เมืองหลวง เมื่ออายุมากขึ้นจึงขอกลับมาอยู่บ้านเดิม เมื่อเขาเดินทางมาพักฟื้นรักษาร่างกายจึงได้พบกับแม่นมเหมยอีกครั้ง แม้เขาจะไม่ใช่เด็กน้อยแล้วแต่แม่นมเหมยก็ยังคอยทำขนมของกินอร่อยๆ ให้เขาเสมอ ที่ไหนๆ ก็มีบ่อน้ำพุร้อน ทว่าแต่ละที่ที่เคยไป เขามักเบื่อหน่ายกับสตรีมากหน้าหลายตาที่พยายามเข้ามาทำให้ชีวีตคนใกล้ตายอย่างเขาวุ่นวายนัก ร่างกายของเขาอ่อนแอตั้งแต่กำเนิดจะตายวันตายพรุ่งมิอาจรู้ แต่เมื่อมาที่นี่ตามคำเชื้อเชิญของเหวินเฮ่าหลัน กลับได้พบหญิงสาวนิสัยตรงไปตรงมาผู้นี้ นางตรงเสียจนพูดต่อหน้าว่าชอบเขา แต่กลับไม่ได้วุ่นวายในชีวิตเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น ไปๆ มาๆ เขากลับรู้สึกชอบมองผู้หญิงที่ย

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 86 . ได้ยินว่า

    “แต่คุณหนูเพิ่งเข้ามานะคะ” “ข้าจะพาเมฆเหินไปแช่น้ำร้อน มันอ่อนเพลียมาก” นางบอกไปตามตรง “แต่นายท่านทั้งสองรอคุณหนูอยู่นะเจ้าคะ” “ก็ไปรายงานอย่างที่ข้าบอกนั้นแหละ” หญิงสาวยืนยัน และเมื่อได้เสื้อผ้าเนื้อหยาบแบบสาวชาวบ้านแล้วก็รีบผลัดเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ชุนเอ๋อร์รีบสางผมและเกล้าขึ้นให้คุณหนูใจร้อนของตนเอง ยามอยู่ในชุดทหารนางดูเคร่งขรึมไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ แต่เมื่อถอดเกราะออกแล้ว นางก็เป็นหญิงสาวที่ร่าเริงและซุกซนราวเด็กน้อย หากคุณหนูของนางแต่งกายงดงามเหมือนคุณหนูบ้านอื่นละก็ นางก็งดงามไม่แพ้หญิงใดเลยทีเดียว ร่างเพรียวยกมือขึ้นแตะแก้มชุนเอ๋อร์หยอกล้อเหมือนทุกครั้ง “ข้าไปนะ เดี๋ยวมา” “คุณหนู” ทำได้แค่เรียก แต่คุณหนูของนางก็กระโจนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับกับหายตัวได้อย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนรับใช้อย่างนางต้องแบกภาระไปรายงานท่านแม่ทัพและฮูหยิน เคอหลิ่งหลินแอบย่องเข้าไปในห้องครัวได้หมั่นโถวมาสองลูกแล้วเดินกัดกินอย่างไม่กังวลเรื่องกิริยามารยาทแล้วเดินมาทางคอกม้า เมฆเหินเห็นนางก็ยกหัวสะบัดไปมาคล้ายจะบ่นที

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 85 จบแล้วสินะ

    หญิงสาวอดคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ นางเองก็ไม่รู้หรอกว่า โม่ชิงถงถูกหมอกหลอนประสาทไปเห็นภาพอะไรจึงได้ปลิดชีพตนเช่นนั้น แต่นางเข้าใจลวดลายดอกไม้แดงที่ปรากฏแผ่นหลังของนางนั้น เป็นการเผยค่ายกลและที่ซ่อนกระบี่ผงาดฟ้า นางขอร้องให้เหวินเฮ่าหลันหาช่างทำลายดอกไม้แดงบนแผ่นหนังให้เพื่อเก็บไว้ยามจำเป็น เพราะนางจะไม่สำแดงดอกไม้ให้ผู้ใดเห็นอีกนอกจากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางองค์ชายไท่หยางยื่นมือไปดึงร่างบางมานั่งบนตัก กอดรัดนางไว้ดื่มด่ำความอบอุ่นที่ละลายความโดดเดี่ยวในใจของเขาที่เกาะกุมอยู่เนิ่นนาน ‘ทายาทหญิงรุ่นต่อไปเมื่ออายุครบยี่สิบปีดอกไม้แดงจะปรากฏ แม้การปรากฏตัวของดอกไม้แดงจะนำความเจ็บปวดมาให้เจ้าของ ทว่าเมื่อเหยื่อพรหมจรรย์ถูกทำลายความเจ็บปวดนั้นก็มลายไปด้วย เพราะหมายความว่านางจะยอมเสียพรหมจรรย์กับชายคนที่นางรักและเชื่อใจ’เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่สอบถามท่านนักพรตหญิง ปล่อยให้นางเข้าใจไปเถิด เขาจะเก็บความลับรอยสักดอกไม้แดงไว้เอง มือเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้และเอียงคอมองเขาด้วยกิริยาน่ารักจนอีกฝ่ายต้องขมวดคิ้ว“ท่านรู้แล้วอย่าแสร้งทำไม่เป็นรู้ซิ” นางทำท่าแง่งอนออกมา“หาเรื่องไปเที่ย

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status