หน้าหลัก / โรแมนติก / บุปผาร่ายรัก / Chapter5. พร้อมหน้าพร้อมตา

แชร์

Chapter5. พร้อมหน้าพร้อมตา

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-01 16:40:49

ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ มือใหญ่ของนักรบผู้กล้าใช้ตะเกียบคีบขาห่านส่งเข้าปากนาง ด้วยความหิวและความโกรธนางงับลงทันที กว่าจะรู้ตัวว่าหลงกลเจ้าน้องชายเข้าให้ก็ตอนที่นางลิ้มรสนุ่มละมุ่นของห่านอบน้ำผึ้งในปากของนางเอง

 เคอหลิ่งหลินจำใจนั่งลงที่เดิมแล้วใช้มือหยิบจับอาหารเป็นปกติ โธ่! นางอุตส่าห์แอบฝึกมารยาทมาอย่างดี  แต่ก็ต้องหลงกลน้องชายเผยนิสัยเดิมออกมาได้ ท่านแม่ทัพและฮูหยินหันมามองหน้ากันแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ ความใฝ่ฝันของฮูหยินอี้ ซิ่วคือบุตรีน่ารักน่าเอ็นดู แม้รับเคอหลิ่งหลินมาเป็นบุตรบุญธรรม แต่นิสัยนางซุกซนเหมือนเด็กรวมทั้งกิริยามารยาทไม่ได้อ่อนหวานนัก ขัดกับใบหน้าที่ละมุนละไมของนางมาก  

            “เอาเถิด แบบนี้ซิถึงจะดูเป็นครอบครัวเดียวกัน”

แม่ทัพจ้าวโบกมือห้ามไม่ให้สองพี่น้องปะทะคารมกันอีกไม่ถือสานิสัยของเคอหลิ่งหลิน เพราะรู้ดีว่านางใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขามาตั้งแต่เด็กก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในกองทัพเช่นนี้

            “ลำบากเจ้าดูแลจิ่นสือจริงๆ” ฮูหยินอี้ซิ่วมองหญิงสาวอย่างเอ็นดู เพราะเคอหลิ่งหลินค่อยติดตามสามีนางในสนามรบจนบัดนี้ก็มาค่อยดูแลบุตรชายคนเดียวของนางอีก ทั้งที่เป็นหญิงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่หญิงสาวทั่วไปนัก

            “ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกเจ้าค่ะ”  เคอหลิ่งหลินพูดยิ้มๆ  อิ่มเอมกับอาหารเลิศรสแล้วก็อารมณ์ดีขึ้นมาก “เป็นข้าที่ควรตอบแทนบุญคุณท่านทั้งสองที่เลี้ยงดูข้าต่างหาก”

            “การปราบกองโจรครั้งนี้นับเป็นผลงานยอดเยี่ยมมาก”  บิดาเอ่ยขึ้นเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “แต่ก็อย่าชะล่าใจ คอยฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ”

            “ขอรับท่านพ่อ” แม้จะเล่นหัวกับเคอหลิ่งหลิน แต่เมื่อพูดคุยกับบิดาเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมเสมอ นั้นเพราะเขาต้องการให้บิดายอมรับว่าเขานั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ไม่ใช่เด็กเล็กในร่างผู้ใหญ่อย่างเคอหลิ่งหลิน

            “ไม่เอาน่าท่านพี่ จิ่นสือก็ทำสุดกำลังแล้ว ท่านควรผ่อนหนักเบาให้ลูกชายบ้าง”   

มารดามักจะตกที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อลูกเสมอ คนหนึ่งแข็งคนหนึ่งอ่อน  นางต้องคอยประนีประนอมทั้งสองฝ่าย  

“ตอนนี้บ้านเมืองสงบสุขดี เราถึงได้อยู่กับพร้อมหน้า

พร้อมตาแบบนี้”

            การออกไปปราบโจรป่าครั้งนี้ไม่ได้หนักหนาอะไร เพียงแต่กินเวลาไปกว่าที่จ้าวจิ่นสือคิดไว้มาก จากเดิมที่คิดว่าจะใช้เวลาเพียงแค่สามวันแต่กินเวลาล่วงไปถึงห้าวันถึงกวาดต้อนโจรป่าออกมาได้หมด รวมทั้งหัวหน้าใหญ่นั่นด้วย

            “ข้ามีเรื่องอยากขอท่านพ่อ โปรดเมตตาพวกเขาด้วยเถิด เพราะความยากจนหิวโหยทำให้พวกเขากลายเป็นโจร หาได้มีสันดานเป็นโจรไม่ ข้าเองก็ไม่ต้องการให้มีการหลั่งเลือดรดแผ่นดิน จิ่นสือเองก็ออมมือไม่ทำร้ายพวกเขา” 

เคอหลิ่งหลินเอ่ยตามความจริงในใจ  นางเอกเองก็เคยเป็นเช่นเดียวกับคนเหล่านั้นจึงเข้าใจพวกเขาเป็นอย่างดียิ่ง

            “เรื่องนั้นเจ้าอย่าได้กังวลไป” แม่ทัพจ้าวออกปากรับคำเองจึงทำให้เคอหลิ่นหลิงสบายใจขึ้น “ข้าจะให้จิ่นสือดูแลเรื่องนี้เอง”

            “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” ใบหน้าอ่อนหวานคลายความกังวลและแย้มยิ้มราวกับได้ของขวัญเป็นค่าตอบแทนที่นางออกไปช่วยจ้าวจิ่นสือกวาดต้อนโจรป่าในครั้งนี้

            “ช่างเถอะๆ อย่าคุยเรื่องงานเลย เอาเป็นว่าตอนนี้บ้านเมืองสงบสุข เจ้าสองพี่น้องเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงเถิดนะ”

            “เข้าเมืองหลวง?”

จ้าวจิ่นสือชะงักมือไปเล็กน้อย “ไปทำอะไรหรือท่านแม่”

            “ฮ่องเต้มีพระราชสาส์นให้ครอบครัวของเราเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง”   

มารดาพูดยิ้มๆ นางไม่ได้เข้าวังไปเจอพี่น้องคนอื่นๆ นานแล้ว จึงอดยิ้มอย่างคิดถึงไม่ได้ ฮูหยินอี้ซิ่วเดิมก็คือองค์หญิงอี้ซิ่ว เป็นพระขนิษฐาขององค์ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แต่เมื่อมาสมรสกับแม่ทัพจ้าวซื่อก่วงที่แม้เดิมจะเป็นเพียงสามัญชนแต่มากความสามารถในการรบ นางยินดีติดตามสามีมาอยู่ชายแดน ทว่าช่วงที่บ้านเมืองยังไม่สงบ แม่ทัพจ้าวร้องขอให้ฮูหยินและบุตรชายรั้งอยู่เมืองหลวงหลายปี  จนแม่ทัพจ้าวกวาดล้างเหล่ากบฏชายแดนได้หมด  จึงให้ครอบครัวได้เดินทางมาพำนักพักอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

            “หมายถึงเข้าวังหรือเจ้าคะ” คิ้วเรียวก็ขมวดยุ่งขึ้นมาทันที “ข้าต้องไปด้วยหรือ”           

            สำหรับเคอหลิ่งหลินแล้ว นางเคยเข้าเมืองหลวงแต่ไม่เคยเข้าวังเลยสักครั้ง เพียงแค่คิดว่าต้องอยู่ในสถานที่อึดอัดที่ต้องคอยระวังกิริยามารยาทแล้วละก็... 

            “เป็นอะไรไป ผู้กล้าอย่างหลิ่งหลินไม่กล้าเข้าวังหลวงรึ”   จ้าวจิ่นสือดูออกถึงความกังวลของนางแต่ก็อดล้อมิได้ ก็แน่ล่ะ เขาเติบโตในรั้วในวังก่อนออกมาใช้ชีวิตข้างนอกจึงไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลอะไร แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับพิธีรีตองต่างๆ อย่างเคอ หลิ่นหลิงมันคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่น้อย

            “ให้ข้าเข้าป่ายังจะดีเสียกว่า”

            ทั้งบิดามารดาบุญธรรมถึงกับสำลักน้ำชา ฮูหยินอี้ซิ่วถึงกับหัวเราะออกมา เพราะหญิงสาวช่างทำตัวเหมือนสามีของนางสมัยที่ยังทั้งสองครองรักกันใหม่ๆ นัก

            “หลินเอ๋อร์ แม่อยากให้เจ้าไปเป็นเพื่อนแม่ได้หรือไม่” 

            เคอหลิ่งหลินแอบถอนหายใจเบาๆ แต่ละเรื่องในวังหลวงที่ลอยเข้าหูนางไม่เห็นมีเรื่องสนุกสักเรื่อง  นางจึงไม่เคยมีความคิดอยากย่างกรายเข้าไปใกล้  แต่เมื่อเห็นสายตาของแม่บุญธรรมแล้ว นางก็ได้แต่ก้มหน้าจัดการอาหารบนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร

            “ปีนี่พวกเจ้าทั้งคู่ก็อายุยี่สิบกันแล้ว พ่อกับแม่ก็เห็นว่ามันควรแก่เวลาที่พวกเจ้าจะแต่งงานกันได้เสียที”

            อุ๊ก! แค่กๆ

            เป็นเสียงสำลักของพี่น้องต่างสายโลหิต โดยเฉพาะเคอ หลิ่งหลินถึงกับเนื้อแกะติดคอ ฮูหยินอี้ซิ่วต้องยื่นมือมาทุบหลังให้นาง

            “ท่าน...ท่านแม่ ข้าว่าท่านอย่าลำบากคิดเรื่องนี้ให้ข้าเลย”  เคอหลิ่งหลินยิ้มเจือนเหมือนคนปวดท้อง

            “ใช่...ท่านแม่ข้าเองก็อยากทำงานรับใช้ราชสำนักเช่นกัน” จ้าวจิ่นสือพูดขึ้นบ้าง

            “หลิ่งหลิน” ฮูหยินอี้ซิ่วเรียกสติ “เจ้าอายุยี่สิบแล้ว สาวบ้านอื่นออกเรือนตั้งแต่สิบสี่สิบห้า แต่เจ้ายี่สิบแล้วนะ เจ้าจะให้แม่รู้สึกผิดที่เจ้าไม่ได้ออกเรือนเพราะมัวแต่ช่วยงานท่านแม่ทัพหรืออย่างไร”

            “สิ่งที่ข้าทำล้วนทำด้วยความเต็มใจยิ่งแล้วท่านแม่” นางทำหน้าหมองก่อนจะเหลือบตามองคนที่ชะตากรรมเดียวกันแล้วฉีกยิ้มออกมา “ถ้าจ้าวจิ่นสือยังไม่ได้แต่งงาน ข้าจะแต่งก่อนก็กระไรอยู่นะเจ้าค่ะ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 90 จบ.

    นางจึงให้กินยาบำรุงไป ส่วนคนอื่นก็เจ็บป่วยตามประสาโรคของผู้หญิงจึงมิกล้าเอ่ยปากพูดไป พอเห็นนางเป็นหญิงจึงแทบจะเรียกว่ารุมล้อม จากที่คิดจะเสร็จเร็วจึงใช้เวลาไปมากกว่าที่คิด “อ้อ! ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อไปส่งเจ้านะ” คณิกานางหนึ่งเอ่ยอย่างเพิ่งนึกได้ เชิญตัวนางมารักษา ต้องมีคนไปส่งนางกลับ เหตุเพราะท่านหมอหญิงผู้นี้ ฝีมือเก่งกาจนัก ทว่ากลับมักจะหลงทิศหลงทางบ่อยๆ “อืม” นางได้แต่พยักหน้ารับ กำลังง่วนกับการเก็บสัมภาระ มือบางก็ถูกยื้อไว้แล้วกำไลหยกวงหนึ่งก็ถูกวางใส่ฝ่ามือของนาง “เห็นว่าเจ้าไม่รับเงิน เจ้าก็เอาสิ่งนี้ไปแทนเถิด หากจำเป็นเจ้าจะขายหรือทำอย่างไรก็ย่อมได้” “ไม่เป็นไรเจ้าคะ เรื่องเล็กน้อยจริงๆ” มู่ฟางเหนียงปฏิเสธแต่อีกฝ่ายยืนกรานนางจึงรับไว้ เสี่ยวเอ้อเดินมารับมู่ฟางเหนียง หญิงสาวกล่าวลาแล้วเดินออกมา ทว่าเมื่อเดินผ่านห้องๆ หนึ่ง นางกลับเห็นเงาร่างที่คุ้นตา ยิ่งเมื่อเพ่งตามองผ่านช่องประตูกลับเห็นชายผู้นั้นชัดเจน เขานั่งดื่มสุราอย่างเมามาย “ท่านรองแม่ทัพ” มู่ฟางเหนียงร้องอย่างตกใจ นางรีบผลักบานประตูเข้าไปทันทีโดยไม่สนใจว่าใครจะร้องห้าม “นี่ๆ ใครให้เจ้าเข้ามา” คณิกานางหนึ่งโวยว

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 89.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 3

    “มิคิดว่าโรงเตี๊ยมเล็กๆ จะมีสุราเลิศรสอย่างนี้” พูดพลางชิมอาหาร “อาหารรสชาติก็ใช้ได้ อีกหน่อยคงโด่งดังมิแพ้โรงเตี๊ยมอื่น” “เป็นอย่างไรล่ะ ผลงานของข้า” นางอวดขึ้นมาทันที “ว่าแต่ท่านรู้ได้อย่างไร ข้าอุตส่าห์แอบเก็บเป็นความลับ ตั้งใจว่าให้โรงเตี๊ยมเข้าที่เข้าทางกว่านี้อีกหน่อยค่อยบอกท่าน” “เจ้าออกจากวังอย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้” องค์ชายไท่หยางส่ายหน้าไปมา ยังดีที่นางบอกใครต่อใครว่าแต่งงานแล้ว มิใช่ทำตัวเป็นสาวน้อย นางคงไม่รู้ตัวว่านับวันนางยิ่งดูเปล่งปลั่งงดงามขึ้นมากกว่าเดิมนัก “ท่านหมอมู่มา เจ้าได้ให้ท่านหมอตรวจร่างกายบ้างหรือไม่” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง เขารู้เรื่องที่ท่านหมอมู่กับบุตรสาวมาเมืองหลวงในช่วงที่เขาไปราชการต่างเมืองพอดี“ข้าให้น้องฟางเหนียงตรวจแล้ว” นางแย้มยิ้ม “นางเขียนใบสั่งยา เป็นยาบำรุงร่างกาย ร่างกายข้าขับพิษออกไปเกือบหมดแล้ว บำรุงตัวเองอีกนิดก็พร้อมมีทายาทให้ท่านได้”เพราะนางบาดเจ็บในครั้งนั้น แม้กำลังภายในจะกลับคืนแต่ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มทีนัก“ข้าห่วงเจ้ามากกว่า เรื่องนั้น ข้ารอได้” เขาแตะหลังมือนาง “สามีไม่โกรธภรรยานะ ข้าแค่อยากช่วยเหลือคนเหล่านี้” นางเคย

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 88.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 2

    เสี่ยวหลิวกับอาปู้-ลูกชายวัยสิบขวบและอาเหลียง-ลูกสาววัยเจ็ดขวบ รวมถึงคนเฒ่าคนแก่หลายคนที่นางเคยเจอที่ศาลเจ้าร้างเมื่อครั้งที่แอบย่องหนีออกจากวังมาตามหาหัตถ์เทวะ คราแรกนางคิดแค่ว่าอยากมาดูว่าพวกเขายังอยู่ที่นี่หรืออพยพไปแล้ว แต่เมื่อกลับมาก็พบว่าทุกคนยังอยู่ คนไหนที่พอแข็งแรงหน่อยก็ออกไปหาทำงานรับจ้างทั่วๆ ไป พอได้มีข้าวสารมาจุนเจือคนอื่น จากที่คิดว่าจะหาบ้านให้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งพอคุยกันไปกันมาก็กลายเป็นโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนี้ “คนพอใช้งานหรือเปล่า เมื่อครู่ข้าเห็นอาปู้ยกอาหารส่งลูกค้า” เคอหลิ่งหลินถามอย่างเป็นห่วง เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายวัยสิบขวบ เพื่อนวัยเดียวกันวิ่งเล่นสนุกสนาน แต่เขากลับต้องทำงานหนัก ครั้งแรกที่เจอกันเขาผายผอมมากแต่ตอนนี้เริ่มมีเนื้อมีหนัง ยามว่างนางก็ให้เขาฝึกหัดเพลงมวยขั้นพื้นฐาน คิดอยู่ว่าจะหาทางให้อาปู้ได้ร่ำเรียนหนังสือหนังหาจะได้มีความรู้และมาช่วยดูแลคนอื่นๆ ได้ “ร้านเพิ่งเปิดค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า อย่าเพิ่งรีบร้อนเลยเจ้าคะ” เสี่ยวหลิวพูดขึ้น “อีกหน่อยอาปู้ต้องไปเรียนหนังสือจะไม่มีคนช่วยงานนะซิ” เคอหลิ่งหลินถอน

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 87.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 1   

    “ก็ได้ ข้าถามใหม่ก็ได้ ท่านจะกลับเมืองหลวงเมื่อไหร่” นางถามทั้งที่ยังเคี้ยวขนมอยู่ “ข้ามาหลายวันแล้ว พรุ่งนี้ได้กำหนดกลับ ยังคิดอยู่ว่าจะได้เจอเจ้าหรือไม่” “โชคดีที่ได้พบกันก่อนท่านจะไป” นางพึมพำ “ระหว่างที่ท่านไม่อยู่ ข้าจะแวะเวียนไปดูแลแม่นมเหมยให้ท่านก็แล้วกัน” ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ยังเอร็ดอร่อยกับขนมในตะกร้า แม่นมเหมยดูแลเขาอยู่หลายปีตั้งแต่อยู่เมืองหลวง เมื่ออายุมากขึ้นจึงขอกลับมาอยู่บ้านเดิม เมื่อเขาเดินทางมาพักฟื้นรักษาร่างกายจึงได้พบกับแม่นมเหมยอีกครั้ง แม้เขาจะไม่ใช่เด็กน้อยแล้วแต่แม่นมเหมยก็ยังคอยทำขนมของกินอร่อยๆ ให้เขาเสมอ ที่ไหนๆ ก็มีบ่อน้ำพุร้อน ทว่าแต่ละที่ที่เคยไป เขามักเบื่อหน่ายกับสตรีมากหน้าหลายตาที่พยายามเข้ามาทำให้ชีวีตคนใกล้ตายอย่างเขาวุ่นวายนัก ร่างกายของเขาอ่อนแอตั้งแต่กำเนิดจะตายวันตายพรุ่งมิอาจรู้ แต่เมื่อมาที่นี่ตามคำเชื้อเชิญของเหวินเฮ่าหลัน กลับได้พบหญิงสาวนิสัยตรงไปตรงมาผู้นี้ นางตรงเสียจนพูดต่อหน้าว่าชอบเขา แต่กลับไม่ได้วุ่นวายในชีวิตเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น ไปๆ มาๆ เขากลับรู้สึกชอบมองผู้หญิงที่ย

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 86 . ได้ยินว่า

    “แต่คุณหนูเพิ่งเข้ามานะคะ” “ข้าจะพาเมฆเหินไปแช่น้ำร้อน มันอ่อนเพลียมาก” นางบอกไปตามตรง “แต่นายท่านทั้งสองรอคุณหนูอยู่นะเจ้าคะ” “ก็ไปรายงานอย่างที่ข้าบอกนั้นแหละ” หญิงสาวยืนยัน และเมื่อได้เสื้อผ้าเนื้อหยาบแบบสาวชาวบ้านแล้วก็รีบผลัดเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ชุนเอ๋อร์รีบสางผมและเกล้าขึ้นให้คุณหนูใจร้อนของตนเอง ยามอยู่ในชุดทหารนางดูเคร่งขรึมไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ แต่เมื่อถอดเกราะออกแล้ว นางก็เป็นหญิงสาวที่ร่าเริงและซุกซนราวเด็กน้อย หากคุณหนูของนางแต่งกายงดงามเหมือนคุณหนูบ้านอื่นละก็ นางก็งดงามไม่แพ้หญิงใดเลยทีเดียว ร่างเพรียวยกมือขึ้นแตะแก้มชุนเอ๋อร์หยอกล้อเหมือนทุกครั้ง “ข้าไปนะ เดี๋ยวมา” “คุณหนู” ทำได้แค่เรียก แต่คุณหนูของนางก็กระโจนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับกับหายตัวได้อย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนรับใช้อย่างนางต้องแบกภาระไปรายงานท่านแม่ทัพและฮูหยิน เคอหลิ่งหลินแอบย่องเข้าไปในห้องครัวได้หมั่นโถวมาสองลูกแล้วเดินกัดกินอย่างไม่กังวลเรื่องกิริยามารยาทแล้วเดินมาทางคอกม้า เมฆเหินเห็นนางก็ยกหัวสะบัดไปมาคล้ายจะบ่นที

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 85 จบแล้วสินะ

    หญิงสาวอดคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ นางเองก็ไม่รู้หรอกว่า โม่ชิงถงถูกหมอกหลอนประสาทไปเห็นภาพอะไรจึงได้ปลิดชีพตนเช่นนั้น แต่นางเข้าใจลวดลายดอกไม้แดงที่ปรากฏแผ่นหลังของนางนั้น เป็นการเผยค่ายกลและที่ซ่อนกระบี่ผงาดฟ้า นางขอร้องให้เหวินเฮ่าหลันหาช่างทำลายดอกไม้แดงบนแผ่นหนังให้เพื่อเก็บไว้ยามจำเป็น เพราะนางจะไม่สำแดงดอกไม้ให้ผู้ใดเห็นอีกนอกจากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางองค์ชายไท่หยางยื่นมือไปดึงร่างบางมานั่งบนตัก กอดรัดนางไว้ดื่มด่ำความอบอุ่นที่ละลายความโดดเดี่ยวในใจของเขาที่เกาะกุมอยู่เนิ่นนาน ‘ทายาทหญิงรุ่นต่อไปเมื่ออายุครบยี่สิบปีดอกไม้แดงจะปรากฏ แม้การปรากฏตัวของดอกไม้แดงจะนำความเจ็บปวดมาให้เจ้าของ ทว่าเมื่อเหยื่อพรหมจรรย์ถูกทำลายความเจ็บปวดนั้นก็มลายไปด้วย เพราะหมายความว่านางจะยอมเสียพรหมจรรย์กับชายคนที่นางรักและเชื่อใจ’เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่สอบถามท่านนักพรตหญิง ปล่อยให้นางเข้าใจไปเถิด เขาจะเก็บความลับรอยสักดอกไม้แดงไว้เอง มือเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้และเอียงคอมองเขาด้วยกิริยาน่ารักจนอีกฝ่ายต้องขมวดคิ้ว“ท่านรู้แล้วอย่าแสร้งทำไม่เป็นรู้ซิ” นางทำท่าแง่งอนออกมา“หาเรื่องไปเที่ย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status