“ใต้เท้า ใต้เท้าขอรับ คุณชายเหว่ยมายืนรอรับถึงหน้าที่พักแล้วขอรับ ข้าเกรงว่าท่านอาจต้องเตรียมคำอธิบายที่พาสาวงามจากหอคณิกาด้วย”
ใต้เท้าฉีได้ยินเสียงกระซิบบอกของพ่อบ้านทุกถ้อยคำ
ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเดินโออ่าแผ่ศักดาที่หอมู่ตานเมื่อวาน มาวันนี้ถึงกับเป็นอันเหี่ยวเฉาลงทันที
ใต้เท้าฉีมีสีหน้าหวั่นวิตกลงอย่างเห็นได้ชัด
เหมยกุ้ยได้ยินทุกคำพูดที่พ่อบ้านเอ่ยเช่นกัน บวกกับหน้าซีดเซียวของใต้เท้าฉีจึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า
“ใต้เท้ามีเรื่องกังวลใจอันใดหรือ”
“ข้าเกรงว่าลูกชายของข้าจะไม่เห็นด้วยที่ข้าพาเจ้าไปถวายตัวต่อองค์ฮ่องเต้ อันเหว่ยเป็นคนเถรตรงมาก และไม่นิยมชมชอบนางคณิกาเท่าไหร่นัก”
“ท่านกลัวว่า บุตรชายของท่านจะรังเกียจข้าหรือ?”
เหมยกุ้ยแสร้งทำสีหน้าเศร้าสร้อย
ใต้เท้าฉีจึงถือโอกาสโอบกอดสาวงามเพื่อปลอบประโลม
“โอ้ ๆ เจ้าไม่ต้องเสียใจไป ข้าว่าไม่มีผู้ชายคนใดในโลกนี้ที่จะรังเกียจสาวงามเช่นเจ้าได้ลงคอ ข้าจะหาทางอธิบายเหตุผลกับลูกชายของข้าเอง”
สิ้นคำใต้เท้าฉีจึงก้าวลงมาจากเกี้ยว
ใต้เท้าฉีรีบเดินเข้าไปหาบุตรชายก่อนที่เขาจะเป็นผู้เดินมาหา หากถึงเกี้ยวจะยิ่งวุ้นกันไปใหญ่
“ท่านหายไปไหนมาทั้งคืน และเพลานี้ก็ล่วงเลยเวลาที่เราจะออกเดินทางนานแล้ว”
ผู้เป็นบุตรชายเอ่ยถามเสียงเข้ม ใต้เท้าฉีจึงแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮ่า ฮ่า อีกแค่ไม่นานก็จะถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ ฮ่า ฮ่า”
อันเหว่ยส่ายหน้าอย่างเอื่อมระอาในตัวบิดา ก่อนที่จะเอ่ยว่า
“ก็ตามใจท่านแล้วกัน ข้าจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยแล้ว เราออกเดินทางกันเลยดีกว่าท่านพ่อ”
“เอ่อ คือ คือ ว่า”
ใต้เท้าฉีมีท่าทีอึกอักเพราะยังซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้ในเกี้ยว
“ท่านพ่อมีอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อมองเห็นหน้าที่เคร่งขรึมของลูกชาย ใต้เท้าฉียิ่งไม่กล้าเอ่ยปากบอกในสิ่งที่ตนได้กระทำไปแล้ว และสูญเสียเงินทองไปอย่างมหาศาลเพียงเพราะผู้หญิงในเกี้ยวคนนั้น!
“ท่านพ่อ หากท่านพ่อไม่มีอะไรแล้ว เรารีบเดินทางกันเถอะ ข้าไม่อยากค้างแรมในป่า”
ระหว่างที่ใต้เท้าฉีไม่รู้ว่าจะบอกกับบุตรชายอย่างไร มือเรียวสวยของเหมยกุ้ยก็แหวกม่านเกี้ยวออก พร้อมกับก้าวขาเรียวงามออกมาจากเกี้ยว
ทันทีที่ร่างอรชรยืดกายขึ้นเต็มตัวแสงแดดยามเช้าส่องกระทบผิวขาวนวลทอประกายระยิบระยับงามจับตาไปทั่วเรือนร่าง บรรดาบุรุษหนุ่มที่เดินขวักไขว่ไปมาต่างหยุดมองนางอย่างตกตะลึง แม้แต่บุตรชายของใต้เท้าฉีที่ไม่เคยชายตามองหญิงใดยังจับจ้องนางผู้นั้นอย่างตื่นตะลึง ราวกับว่านางผู้นั้นเดินลงมาจากสรวงสวรรค์
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังตกอยู่ในภวังค์หลงเข้าไปในเสน่ห์ความงามของเหมยกุ้ย นางก็เดินมาหยุดตรงหน้าเขา
ร่างอรชรย่อตัวลงพร้อมกับโค้งศีรษะด้วยกิริยาแช่มช้อยงดงาม ปากชมพูบางเอ่ยด้วยเสียงกังวานใสว่า
“ข้าน้อย เหมยกุ้ยขอคารวะคุณชาย”
แววตาหวานหยาดเยิ้มของเหมยกุ้ยแลสบกับแววตาคมดุ ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง หัวใจของเขามันเต้นโครมคราม ยิ่งร่างอรชรเดินเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมโชยอ่อน ๆ ยิ่งทำให้พลังประหลาดในบุรุษของเขาร้อนวูบวาบจนสมองชาวูบไม่รู้จะกล่าววาจาใด ๆ
“เรื่องที่พ่อจะบอก ก็คือ เรื่องนี้ แหละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ใต้เท้าฉีหัวเราะแกนแกน เมื่อตัวต้นเรื่องเดินลงมาจากเกี้ยวด้วยตนเอง
เสียงของผู้เป็นพ่อดึงสติบุรุษหนุ่มให้กลับเข้าร่าง เขาหันขวับไปที่บิดา แววตาดุดันเอาเรื่อง ทำเอาผู้เป็นบิดาหุบปากแทบไม่ทัน
หากเขาจะว่ากล่าวบิดาก็คงไร้ประโยชน์ และหากจะขัดขวางบิดาไม่ให้นำสาวงามร่วมขบวนไปด้วย เขาก็คงจะขัดไม่ได้เช่นกัน!
สายตาคมดุของคุณชายอันเหว่ยตวัดมาที่เหมยกุ้ย นางยิ้มให้เขาอย่างมีไมตรี รอยยิ้มนั้นช่างงดงามราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน
ต่อให้นางจะสวยราวกับนางฟ้าสักปานใด แต่นางก็ยังคงเป็นนางคณิกา!
ผู้หญิงริมทางที่ง่ายต่อการเด็ดดมในสายตาเขา!
เหมยกุ้ยมองสบตาคมดุดันที่แฝงแววดูหมิ่น นางไม่หลบสายตาคู่นั้น กลับส่งสายตาเว้าวอน
ชายผู้นั้นช่างสง่างามสมเป็นชายชาตรี รูปร่างสูงใหญ่ แผงอกกว้าง คิ้วเข้มตาคมราวกับภาพวาด ผิวพรรณขาวผ่องของบุรุษผู้นี้คงจะได้มาจากบิดาเป็นแน่แท้ แต่แววตาและดวงหน้าที่คมเข้มสง่างามนั้นต่างจากผู้เป็นบิดาลิบลับ นางจึงเดาว่าคงจะได้มาจากผู้เป็นมารดาเป็นแน่แท้
แม้ว่าเวลานี้เขาจะดูแคลนนางนักหนา แต่ต่อจากนี้นางนี่แหละจะเป็นผู้เขย่าภูผาลูกนี้ให้สั่นไหวให้ได้!!!
“พ่อจะพานางไปถวายตัวกับฮ่องเต้ ในฐานะบุตรบุญธรรม”
ใต้เท้าฉีพยายามอธิบายอย่างใจเย็นแก่บุตรชาย
“ก็สุดแต่ท่านจะเห็นควร”
เสียงเครียดขึงดังมาจากดังขึ้นจากบุรุษหนุ่มรูปงาม แม้ปากเขาจะบอกว่า ตามใจบิดาแต่ในใจเขาไม่เห็นด้วยที่ผู้เป็นบิดาจะใช้ประโยชน์จากอิสตรีเพศ เพื่อความเป็นใหญ่ในอนาคต หรือไต่เต้าเข้าสู่ตำแหน่งสูงขึ้น โดยใช้นางผู้นี้เป็นเครื่องบรรณาการ!! สิ้นเสียงบุรุษหนุ่มก็เดินเฉียดร่างอรชรของเหมยกุ้ยไปขึ้นม้าคู่ใจราวกับว่าเขาเห็นหล่อนเป็นเพียงธาตุอากาศ
“อย่าไปใส่ใจกับลูกข้าเลย เด็กหนุ่มมักจะทำอะไรหุนหัน”
ใต้เท้าฉีกล่าวปลอบเหมยกุ้ย เมื่อแลเห็นสีหน้าซีดเซียวของนาง
เหมยกุ้ยย่อตัวลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงถ่อมตนว่า
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ข้ามิอาจถือสา ขอให้ท่านสบายใจก็พอ”
“งั้น เดินทางกันเถอะ”
ใต้เท้าฉีผายมือให้เหมยกุ้ยเดินไปขึ้นเกี้ยว
ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยว สาวน้อยรูปร่างปราดเปรียวก็วิ่งปรูดเข้ามาคล้องแขนใต้เท้าฉีอย่างสนิทสนม
“หลันฮวา! ข้านึกว่าเจ้าจะอยู่ที่เมืองนี้เสียแล้ว”
ใต้เท้าฉีฉีกยิ้มพลางพินิจดรุณีป่า นางอยู่ในชุดสีชมพูยิ่งขับให้นางดูแจ่มใสและงดงามมากยิ่งขึ้น ปากชมพูบางยื่นเข้าหอมที่แก้มอ้วน ๆ ของใต้เท้าฉีอย่างเอาใจก่อนเอ่ยว่า
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะไปเมืองหลวงกับท่าน! ข้าอยากเห็นเมืองหลวง!”
หลันฮวาถลาเข้าไปซบอกอ้วน ๆ ของใต้เท้าฉีอย่างเว้าวอน
“อะ อะ อ่าซ์ อร้ายยยยยยยยยยยย”สิ้นเสียงครวญคราง เรือนร่างโชกเหงื่อของทั้งคู่ก็สั่นสะท้านราวกับถูกไฟฟ้าซ็อต ทั้งสองนิ่งค้างซึมซาบความซาบซ่านให้เต็มทรวง ก่อนจะจบบทสวาททะลวงหอยของแม่ทัพด้วยการจูบบดลึกวาบหวามฝากความหวานให้ตราตรึงใจและแล้ววันแต่งตั้งองค์จักรพรรดินีอย่างเป็นทางการพื้นที่ท้องพระโรงลามไปจนถึงประตูวังด้านหน้าเต็มไปด้วยบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้าร่วมถวายพระพรและเป็นสักขีพยานในการรับตำแหน่งอันสูงส่งเมื่อเสียงแตรเสียงประทัดดังสนั่นขึ้นเป็นสัญญาณการเริ่มพิธี เสียงแซ่เซ็งพูดคุยของเหล่าขุนนางทั้งหลายต่างสงบลง พร้อมกับยืนในแถวรอรับการเสด็จขึ้นบัลลังก์ไม่ช้าร่างงดงามในชุดจักรพรรดิเต็มยศก็ปรากฏบนพรมสีแดงที่ทอดยาวสู่ราชบัลลังก์ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวสีแดงปักมังกรที่ฐานด้านล่าง ชายกระโปรงยาวระพื้น ยามก้าวเดินสะบัดไหวดูราวกับมังกรโลดแล่นในสายน้ำแยงชี ผ้าคล้องไหล่สีทองอร่ามคลุมเป็นสายยาวที่แขนทั้ง 2 ข้าง เสื้อชั้นนอกแขนกว้างปักลายกุหลาบดิ้นทอง แขนเสื้อที่ยาวลงมาถึงสะโพกพลิ้วไหวตามจังหวะย่างก้าว เนื้อแพรพรรณล้วนทักทอจากช่างฝีมือดีที่สุดในแผ่นดิน !!“แม่ทัพใหญ่จางหย่งขอเข้าเฝ้า!!!”
ตับ ตับ ตับ ตับๆๆๆๆๆๆ“อะ อ่า อ๊า อร้ายยยยยยยย”ซ๊วบบบบบบบบบบบบบบบบบบพรวดดดดดดดดดดดดดดดด“อร้ากกกกกกกกกก”มังกรยักษ์พ่นพิษอุ่นซ่านเข้าเต็มโพรงหอยพร้อมกับเสียงครางระงมจนถึงสวรรค์ของทั้งคู่ ร่างอรชรกระตุกงึกๆ เกร็งเสียวสุดขีด สะโพกแกร่งของแม่ทัพหนุ่มผู้หิวกระหายตอกตรึงรูหอยบดแน่น ปล่อยให้จิตวิญญาณของตนล่องลอยไปแสนไกล ในไม่ช้าเรือนร่างกำยำก็ค่อยๆ เอนซบลงอกอวบๆ ทั้งคู่หอบหายใจกระเส่า“อ่า ข้าไม่เคยกินสุราอร่อยขนาดนี้มาก่อน”แม่ทัพรำพันกระซิบแนบเนื้อนวล บนโต๊ะกลมใหญ่กลางกระโจม เขาไม่คิดว่าการเดินทางกลับวังหลวงครั้งนี้จะได้พบเทพธิดาที่นำพาเข้าสู่สรวงสวรรค์อย่างไม่คาดฝัน“ข้าก็ไม่เคยถูกมังกรยักษ์จ้วงกระหน่ำได้ถึงใจขนาดนี้เช่นกัน โอ้แม่ทัพสมแล้วที่ท่านเป็นยอดชาตรี”เหมยกุ้ยพลิกตัวขึ้น ดุ้นมังกรยักษ์จึงหลุดออกจากร่องหอย“อ่า”ร่างอรชรค่อยๆ เลื้อยกายลงมาที่หว่างกำยำ จนสบเข้ากับลำตัวของมันเยิ้มไปด้วยน้ำทิพย์สีขาวขุ่น“มังกรท่านใหญ่น่ากินเหลือเกิน”เหมยกุ้ยถึงกับอุทานกระเส่าเมื่อเจอหัวดุ้นสีน้ำตาลไหม้อาบช่ำด้วยน้ำทิพย์ เส้นเลือดปูดโปนยังเต้นตุบๆ ลิ้นเรียวเล็กแลบเลียริมฝีปากตนอย่างห
ยิ่งลิ้นสากสอดแทง... น้ำหวานยิ่งทะลักจนฉ่ำปาก เขาดูดดื่มตักตวงความหวานฉ่ำที่ทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสายแผล็บๆ แผล็บ ๆ “อะ.... อือ... อะ อ่า จะแตกแล้ว อ่อยยยยยย”ปากใหญ่ร้อนฉ่ายังคงขบเม้มกลีบเนื้อหอยเต็มปากเต็มคำ ลิ้นร้อนฉ่าแทงเข้าแทงออกรัวๆ เร่งจังหวะตามเสียงกระเส่าของนาง ยิ่งดูด ยิ่งเลียน้ำหอยฉ่ำ ๆ ยิ่งไหลทะลัก ร่างอรชรบิดส่ายบ่งบอกว่าเจ้าของร่างกำลังเสียวซ่านมากแค่ไหนจ๊วบบบบบบ จ๊วบบบบบบจ๊วบบบบบบแผล็บๆ แผล็บ ๆ แฮ่กๆ แฮ่กๆ“โอ้วววววววว ท่านแม่ทัพ ไม่ไหวววว แล้ววววว อร้ายยยย”เหมยกุ้ยแอ่นสะโพกหยัด มือเรียวขยุ้มผมดกดำของเขาให้แนบชิดร่องสาว ร่างอรชรกระตุกเกร็งงึก ๆ ริมฝีปากสีแดงสดเผยอค้างครางออกมาผะแผ่วด้วยความเสียวซ่านที่แผ่ซ่านไปทั้งกายสาว“อร้ายยยยยยยยยยย”พรวดดดดดดดดดดดด น้ำหอยแตกพรวดทะลักง่ามขา รูหอยขมิบตอดอากาศอย่างหิวโหย ซ่านกระสันอยากให้มังกรจ้วงแทงแทบขาดใจ เหมยกุ้ยครางกระเส่าขมิบตอดความว่างเปล่าไม่ยอมหยุด นางลอยขึ้นสวรรค์ชั้นหนึ่งไปแล้ว“อะ อ่า อือ อ่อยยยยยย”“อู้ววว.. อ่า... เหมยกุ้ย... เงี่ยนมากแล้วสินะ นำทะลักเลยนะ โอ้ววววว”แม่ทัพหยัดกายขึ้นแลบล
“เชิญชิมสุราชั้นเลิศจากข้า... เหมยกุ้ย มอบเป็นของขวัญแด่ท่านแม่ทัพ”มือใหญ่ยึดข้อมือเล็กกางออก แล้วร่างใหญ่ก็ถาโถมเข้าใส่ร่างเล็กที่นอนแผ่หลาบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว“เหมยกุ้ยยยยยยย ฮ่า ๆ เหมยกุ้ย”จ๊วบ!ซู้ดดดด จ๊วบ“อะ อ่า หือ อ่า”ลิ้นสากร้อนระอุแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่น มันตวัดลิ้นเล็กให้ตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อนเลือดในกายนางร้อนระอุ เผยอเรียวปากขึ้น ตอบรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามา และหยัดร่างเข้าเบียดกายแข็งแกร่งทันทีซู้ดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ“อืม อ่า จ๊วบ”ร่างอรชรใต้ร่างใหญ่กำยำบิดส่าย อย่างซ่านกระสันเมื่อแม่ทัพหนุ่มบรรจงจูบด้วยลิ้นร้ายอย่างหื่นกระหาย ลิ้นร้อนควาญรีดน้ำหวานในโพรงนางจนหมดสิ้น แล้วลามเลียมาถึงติงหูเกิดความสยิวแผ่ซ่านจนขนอ่อนของนางลุกซู่ทั้งกายจนครางกระเส่าออกมา“อร้ายยยย อ่า หือ”แผล็บ! จ๊วบ!ปากร้อนระอุของแม่ทัพใหญ่ลามเลียเลื้อยลากมาถึงซอกคอขาวผ่อง ลิ้นร้อนตวัดเลียกลืนกินสุราในเนื้อนวลมาเรื่อยๆ มือใหญ่ร้อนฉ่าดึงทึ้งอาภรณ์นางออกจนเกิดรอยแยกของเสื้อคลุม หน้าอกอวบอิ่มเผยชูชันอวดเต้าสล้างกลมกลึงเฉิดฉายอยู่ตรงหน้าแม่ทัพหนุ่มจับจ้องอกอวบๆ ของนางอย่างหลงใหล
แม่ทัพใหญ่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป เขาคาดว่าจะได้กลิ่นคาวเลือดและการสู้รบซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ คือ สาวงาม งามที่สุดที่เขาเคยพบยิ่งยามที่ร่างอรชรเยื้องย้ายขยับกายเข้าใกล้ กลิ่นหอมฟุ้งลอยอบอวลไปทั่วทั้งกระโจม ใจของแม่ทัพใหญ่เต้นตึกตักระส่ำ เต้นแรงยิ่งกว่าการเห็นกองทัพศัตรูนับแสนอยู่ตรงหน้าสติของแม่ทัพใหญ่หลุดลอยลืมสิ้นว่าตนมาที่กระโจมน้อยนี้เพื่อสิ่งใด หัวใจของเขามันวาบหวามเคลิบเคลิ้ม แม้มือเรียวของนางเอื้อมเข้าสัมผัสมือใหญ่ เขาก็ยอมให้นางนำพาแต่โดยดี“ท่านแม่ทัพเชิญทางนี้เถิด”เหมยกุ้ยจูงร่างสูงใหญ่ให้นั่งลงที่โต๊ะกลมกลางกระโจม ที่มีสำหรับอาหารและเหล้าชั้นดีไว้เพียบพร้อม หากแม่ทัพใหญ่มีสติมากพอเขาจะประเมินสถานการณ์ตรงหน้าว่าคือ กลลวง แต่เหตุไฉนร่างกายของเขากลับวูบไหวยอมนั่งลงตามคำสั่งนางแต่โดยดี“ขออภัยท่านแม่ทัพที่ข้าน้อยบังอาจมารบกวนท่าน”เหมยกุ้ยชวนคุยระหว่างรินสุราเลิศรสลงในจอก“อะ เอ่อ ไม่เป็นไร เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นแม่ทัพ?”แม่ทัพใหญ่จางหย่งตอบอย่างเงอะงะ หลายเดือนที่ผ่านมาเขากรำศึกทั้งวันทั้งคืนเจอแต่บรรดาทหารหนุ่มๆ นี่เป็นคืนแรกที่เขา
“หากผู้ใดแพร่งพรายเรื่องในพระตำหนักนี้ออกไป มันผู้นั้นจะมีสภาพเป็นเหมือนนายทหารผู้นี้!”ปากสีแดงสดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น“หากผู้ใดสวามิภักดิ์ต่อข้า มันผู้นั้นจะยังคงนอนหลับกินอิ่มอยู่ในตำหนักแห่งนี้เหมือนเช่นเคย!”องค์จักพรรดินี จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!บรรดาข้าทาสบริวารต่างคุกเข่าหมอบลงถวายความจงรักภักดี ไม่มีใครไม่รักชีวิต!เมื่อผู้เป็นนายเก่าสิ้นวาสนา นกน้อยที่ไร้ผู้ปกครองย่อมบินหาคอนเกาะที่มั่นคงกว่ามันคือสัจธรรมของชีวิต“ฮ่าๆ ทุกคนจงฟัง!”เสียงประกาศก้อง ร่างอรชรในชุดสีทองกรุยกรายยืดกายขึ้นองครักษ์ทั้งสองยืนเคียงข้าง“ขอให้พวกเจ้าทุกคนจงปฏิบัติหน้าที่ของตนเองเหมือนเช่นเคยปฏิบัติมา อีกไม่เกิน 1 ชั่วยาม พระชายาก็จะฟื้น แต่จะกลายเป็นคนไร้สติ ให้พวกเจ้าทุกคนบอกกล่าวต่อๆ กันออกไปว่า -พระชายาโศกเศร้าเพราะสูญเสียพระสวามีจนเสียสติ-”น้อมรับพระบัญชา!“ระหว่างที่เจ้าเฝ้าพระตำหนักพระชายามีผู้ใดเล็ดลอดคาบข่าวไปบอกแม่ทัพใหญ่หรือไม่?”เหมยกุ้ยเอ่ยถามหลี่เจี๋ยขณะเสด็จกลับตำหนักของตน“ไม่มีแม้แต่เงาเส้นหนึ่ง”องครักษ์หนุ่มตอบ“ดีมาก ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ดูแลพระตำหนักของพระชายาเพราะข้ายังไม่ไว