ใต้เท้าฉีหัวเราะชอบใจรับคำว่า
“ได้ ได้ ไปสิเรากำลังจะออกเดินทาง”
“ขอบคุณใต้เท้ามาก ท่านใจดีที่สุด!”
เมื่อได้รับอนุญาตให้เดินทางไปด้วยได้ หลันฮวาก็ผุดเข้าไปนั่งในเกี้ยวก่อนใคร ๆ ตามด้วยใต้เท้าฉี
เหมยกุ้ยเดินตามมาอย่างเงียบเงียบ เมื่อมองเข้าไปในเกี้ยวก็พบว่าไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับนางแล้ว นางจึงกล่าวแก่ใต้เท้าฉีว่า
” ข้าคิดว่าหากท่านจะพาข้าไปถวายตัวต่อฮ่องเต้ในฐานะบุตรบุญธรรม แล้วให้นั่งในเกี้ยวคู่ไปพร้อมกับท่าน เกรงว่าจะไม่เหมาะ ฉะนั้นข้าขอเดินตามขบวนกับพ่อบ้านเห็นจะเหมาะกว่า”
ใต้เท้าฉีส่งสายตาสุดแสนเสียดายมาที่เหมยกุ้ยเพราะเขาตั้งใจว่าจะนั่งเกี้ยวไปกับสองดรุณีสุดสวยทั้งคู่คงจะได้ขึ้นสวรรค์ไปถึงชั้นไหน ชั้นไหน แต่เมื่อนางออกความคิดเห็นเช่นนี้ก็ถูกต้อง อีกอย่างเมื่อคืนเขาเองก็อยู่กับเหมยกุ้ยทั้งคืนแล้ว งั้นเช้านี้เปลี่ยนรสชาติเป็นดรุณีป่า ก็คงจะดีไม่น้อย เมื่อคิดได้ดังนั้นใต้เท้าฉีจึงพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างอยู่ในสายตาคมดุของบุรุษผู้หนึ่งเสมอ ระหว่างที่เดินออกจากเมืองซานฉีเหมยกุ้ยเองก็ลอบมองบุรุษสง่างามผู้ที่อยู่บนหลังม้าเช่นกัน นางสังเกตเห็นว่า เขาเองก็แอบลอบมองนางเป็นระยะ ๆ
เหมยกุ้ยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก ก่อนสะดุดเท้าตนเองล้มลง
“โอ๊ย!”
นางร้องเสียงหลงดังลั่นจนพลทหารที่แบกเกี้ยวต่างพากันหยุดเดิน ตกใจเมื่อเห็นสาวงามทรุดลงไปกับพื้น
“เจ้าเป็นอะไรรึ”
พ่อบ้านรีบวิ่งเข้ามาถามไถ่ เครื่องบรรณาการของฮ่องเต้ที่เขาต้องดูแลให้ถึงเมืองหลวง
“เมื่อกี้ ข้าสะดุดก้อนหิน สงสัยจะเท้าแพง”
สาวงามส่งสายตาวิงวอนขณะชำเลืองมองบุรุษหนุ่มที่กำลังควบม้าเข้ามาดูเหตุการณ์
ตาคมมองตวัดมองมาที่คนเจ็บ พ่อบ้านมีสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“แล้วเจ้าจะเดินไปถึงเมืองหลวงไหวไหม?”
“พวกท่านเดินล่วงหน้าไปก่อนเถิด เห็นทีข้าคงไม่มีวาสนาได้ไปที่วังหลวงแล้ว”
นางตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
บุรุษบนหลังม้าจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระด้างว่า
“ส่งมือเจ้ามา! มานั่งบนม้ากับข้า!”
เหมยกุ้ยหันไปยังต้นเสียง ดวงตากลมโตของนางปริ่มไปด้วยน้ำตา
“หากคุณชายลำบากใจ ก็ไม่ต้องทำดีก็ข้า ข้าเป็นเพียงแค่นางคณิกาที่ไร้ค่า มิบังอาจให้คุณชายยื่นมือให้ความช่วยเหลือ!”
คุณชายอันเหว่ยส่งสายตาดุดันมาที่เหมยกุ้ย แม้ภายนอกเขาจะดูเคร่งขรึมสักปานใด แต่ลึกลงไปภายในนั้น เขารู้สึกสั่นไหวกับน้ำเสียงตัดพ้อของนาง แม้แต่แววตาที่นางส่งมาก็แทบจะทำให้หัวใจชายที่เคยแข็งแกร่งดุจหินผาแทบจะมลายลงเสียเดียวนั้น!
ชั่วพริบตามือแกร่งของคุณชายอันเหว่ยก็กระชากร่างบางให้ขึ้นไปอยู่บนหลังม้ากับเขา
“เจ้า!”
คุณชายอันเหว่ยตะเบ็งเสียงขึ้น ด้วยความตกใจมากกว่าความโกรธที่เหมยกุ้ยพลิกตัวกลับกลายเป็นหน้าแนบหน้าในท่าประกบตัวกัน
อกนุ่มของเหม่ยกุ้ยปะทะอกแกร่งของคุณชายอันเหว่ย ขาเรียวของนางตวัดรัดเข้ากับเอวสอบของชายหนุ่ม ลำแขนนวลผ่องกวัดคล้องคอคุณชายเอาไว้ไม่ให้ร่วงลงไป ปากชมพูอิ่มแสร้งร้องเสียงหลงราวกับสาวน้อยไม่เคยต้องมือชาย
“อร้ายยยยยยย”
“โอ๊ะ! เอ๊ะ! อร้ายหย๋า!”
พ่อบ้านตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น จนไม่รู้จะร้องออกมาอย่างไร
“เจ้าไม่เคยขี่ม้าหรืออย่างไร? !”
คุณชายอันเหว่ยเคล้นเสียงดุ กลบเกลื่อนอาการร้อนวูบวาบเมื่อเนื้อหนุ่มสัมผัสกับเนื้อสาว ลมหายใจเขากระชั้นถี่เพราะหัวใจของเขามันเต้นระทึกราวกับกลองตี แม้เขาจะเคยผ่านผู้หญิงมาบ้าง แต่ไม่มีนางใดจะงดงามและใจกล้าเท่ากับผู้หญิงในอ้อมกอดของเขา ณ เวลานี้
“ท่านเป็นคนดึงข้าขึ้นมา!”
เหมยกุ้ยแสร้งโกรธ คุณชายเหว่ยตาลุกวาว เหมยกุ้ยยิ้มที่มุมปากใช้เท้ากระทุ้งเข้าที่ตะโพกม้าขณะที่มือแกร่งของคุณชายพยายามจับร่างอรชรให้พลิกกลับ
ว้ายยยยยยย!
ฮี่ ๆ ฮี่ ๆ กรับๆ
ฮี่ ๆ ฮี่ ๆ กรับๆ
เมื่อม้าถูกกระทุ้งเข้าที่ตะโพกเต็มแรง มันจึงวิ่งตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หายลับเข้าไปในป่า
พ่อบ้านยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างตะลึงงัน
“เกิดอะไรขึ้นรึ?”
ใต้เท้าฉีเปิดม่านขึ้นดูแล้วเอ่ยถามพ่อบ้าน
“อะเอ่อ เหมยกุ้ยเท้าแพง คุณชายจึงให้นางขึ้นนั่งม้าไปด้วย แล้วควบออกนำขบวนไปก่อน”
พ่อบ้านตอบตะกุกตะกัก พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์
“ฮ่า ๆ คนหนุ่มก็แบบนี้แหละ ไปเถอะ”
ใต้เท้าฉีผลุบกลับเข้าไปหลังม่านอย่างไม่ใส่ใจ เพราะภายในเกี้ยวกำลังเล่นเกมสู่สวรรค์ชั้นฟ้า
ฮี่ ๆ ฮี่ ๆ กรับๆ
“อื้อ อะ อ้ายยยยยย”
เหมยกุ้ยแสร้งครางประท้วง เมื่อชายหนุ่มโถมตัวลงกระแทกร่างของนางตามแรงควบของม้า
ยิ่งม้าควบโผทะยานไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ยิ่งส่งให้สะโพกชายหนุ่มกระแทกเข้ากับหว่างขาเรียวของเหมยกุ้ยที่อ้ารัดเอวสอบเข้าไว้แน่น
ฮี่ ๆ ฮี่ ๆ กรับๆ
“อะ อ่าซ์”
แฮ่ก ๆ แฮ่ก ๆ
คุณชายเหว่ยพยายามบังคับม้าให้ชะลอฝีเท้า แต่ดูเหมือนว่าร่างกายเขามันจะไม่สั่งงาน เพราะตอนนี้แก่นมังกรของเขามันเสียดสีกับหว่างขาของนาง ยิ่งม้าตะบึงไปข้างหน้าสะโพกเขาก็ยิ่งกระแทกดุ้นมังกรให้เข้าแนบชิดหว่างขาเรียวงาม ที่เริ่มชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหอยที่คายออกมา
ชายหนุ่มต้องขบกรามแน่นเมื่อน้ำหอยมันซึมผ่านกางเกงออกมาจนชุ่มไปทั้งหว่างขาจนเขาอยากจะพุ่งมังกรเข้าทะลุเป้ากางเกงของนางเสียเดียวนั้น
ฮี่ ๆ ฮี่ ๆ กรับๆ
“อือ อะ อ่าซ์ แฮ่ก”
เหมยกุ้ยปรือตามองคุณชายเหว่ย ที่พยายามบังคับม้าให้หยุด ใบหน้าหล่อเหลาโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขากัดกรามจนขึ้นเป็นสันยิ่งขับให้ใบหน้านั้นชวนหลงใหลมากยิ่งขึ้น
ขาเรียวของนางรัดเอวสอบให้มากยิ่งขึ้น ให้หอยที่ชุ่มจนฉ่ำของนางได้สัมผัสกับลำมังกรอันร้อนระอุยิ่งขึ้นไป
ใบหน้าสวยสีแดงระเรื่อเพราะความเสียวซ่านแปลบปลาบวิ่งพล่านไปทั้งสรรพางค์
“อ่าซ์”
ฮี่ ๆ ฮี่ ๆ กรับๆ
ตับ!
“อื้อ โอ้วววว”
คุณชายอันเหว่ยร้องครางเสียงหลงเมื่อเขาสกัดกั้นความรู้สึกต้องการในตัวเหมยกุ้ยเอาไว้ไม่ไหว
เขาโถมตัวเข้าทาบทับเหมยกุ้ยบนหลังม้าเต็มแรง มือแกร่งปล่อยจะเชือกแล้วโอบอุ้มร่างอรชรเอาไว้ ก่อนที่จะดีดตัวออกจากหลังม้า
ตุบ!
ร่างของคนทั้งสองหล่นลงบนพรมหญ้าอ่อนนุ่ม กายแกร่งของคุณชายเหว่ยรองรับร่างอรชรของเหมยกุ้ยเอาไว้
“อ้ากกกกก”
“ว้ายยยยยยย”
อึบ!
ตับ!
แรงตกกระแทกทำให้สะโพกของเหมยกุ้ยดันเข้าเอวสอบเต็มแรง จนดันปลุกมังกรให้ผงาดขึ้น คุณชายอันเหว่ยร้องเสียงหลงเจ็บร้าวที่หว่างขาจนแทบจะระเบิด
“อะ อะ อ่าซ์ อร้ายยยยยยยยยยยย”สิ้นเสียงครวญคราง เรือนร่างโชกเหงื่อของทั้งคู่ก็สั่นสะท้านราวกับถูกไฟฟ้าซ็อต ทั้งสองนิ่งค้างซึมซาบความซาบซ่านให้เต็มทรวง ก่อนจะจบบทสวาททะลวงหอยของแม่ทัพด้วยการจูบบดลึกวาบหวามฝากความหวานให้ตราตรึงใจและแล้ววันแต่งตั้งองค์จักรพรรดินีอย่างเป็นทางการพื้นที่ท้องพระโรงลามไปจนถึงประตูวังด้านหน้าเต็มไปด้วยบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้าร่วมถวายพระพรและเป็นสักขีพยานในการรับตำแหน่งอันสูงส่งเมื่อเสียงแตรเสียงประทัดดังสนั่นขึ้นเป็นสัญญาณการเริ่มพิธี เสียงแซ่เซ็งพูดคุยของเหล่าขุนนางทั้งหลายต่างสงบลง พร้อมกับยืนในแถวรอรับการเสด็จขึ้นบัลลังก์ไม่ช้าร่างงดงามในชุดจักรพรรดิเต็มยศก็ปรากฏบนพรมสีแดงที่ทอดยาวสู่ราชบัลลังก์ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวสีแดงปักมังกรที่ฐานด้านล่าง ชายกระโปรงยาวระพื้น ยามก้าวเดินสะบัดไหวดูราวกับมังกรโลดแล่นในสายน้ำแยงชี ผ้าคล้องไหล่สีทองอร่ามคลุมเป็นสายยาวที่แขนทั้ง 2 ข้าง เสื้อชั้นนอกแขนกว้างปักลายกุหลาบดิ้นทอง แขนเสื้อที่ยาวลงมาถึงสะโพกพลิ้วไหวตามจังหวะย่างก้าว เนื้อแพรพรรณล้วนทักทอจากช่างฝีมือดีที่สุดในแผ่นดิน !!“แม่ทัพใหญ่จางหย่งขอเข้าเฝ้า!!!”
ตับ ตับ ตับ ตับๆๆๆๆๆๆ“อะ อ่า อ๊า อร้ายยยยยยยย”ซ๊วบบบบบบบบบบบบบบบบบบพรวดดดดดดดดดดดดดดดด“อร้ากกกกกกกกกก”มังกรยักษ์พ่นพิษอุ่นซ่านเข้าเต็มโพรงหอยพร้อมกับเสียงครางระงมจนถึงสวรรค์ของทั้งคู่ ร่างอรชรกระตุกงึกๆ เกร็งเสียวสุดขีด สะโพกแกร่งของแม่ทัพหนุ่มผู้หิวกระหายตอกตรึงรูหอยบดแน่น ปล่อยให้จิตวิญญาณของตนล่องลอยไปแสนไกล ในไม่ช้าเรือนร่างกำยำก็ค่อยๆ เอนซบลงอกอวบๆ ทั้งคู่หอบหายใจกระเส่า“อ่า ข้าไม่เคยกินสุราอร่อยขนาดนี้มาก่อน”แม่ทัพรำพันกระซิบแนบเนื้อนวล บนโต๊ะกลมใหญ่กลางกระโจม เขาไม่คิดว่าการเดินทางกลับวังหลวงครั้งนี้จะได้พบเทพธิดาที่นำพาเข้าสู่สรวงสวรรค์อย่างไม่คาดฝัน“ข้าก็ไม่เคยถูกมังกรยักษ์จ้วงกระหน่ำได้ถึงใจขนาดนี้เช่นกัน โอ้แม่ทัพสมแล้วที่ท่านเป็นยอดชาตรี”เหมยกุ้ยพลิกตัวขึ้น ดุ้นมังกรยักษ์จึงหลุดออกจากร่องหอย“อ่า”ร่างอรชรค่อยๆ เลื้อยกายลงมาที่หว่างกำยำ จนสบเข้ากับลำตัวของมันเยิ้มไปด้วยน้ำทิพย์สีขาวขุ่น“มังกรท่านใหญ่น่ากินเหลือเกิน”เหมยกุ้ยถึงกับอุทานกระเส่าเมื่อเจอหัวดุ้นสีน้ำตาลไหม้อาบช่ำด้วยน้ำทิพย์ เส้นเลือดปูดโปนยังเต้นตุบๆ ลิ้นเรียวเล็กแลบเลียริมฝีปากตนอย่างห
ยิ่งลิ้นสากสอดแทง... น้ำหวานยิ่งทะลักจนฉ่ำปาก เขาดูดดื่มตักตวงความหวานฉ่ำที่ทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสายแผล็บๆ แผล็บ ๆ “อะ.... อือ... อะ อ่า จะแตกแล้ว อ่อยยยยยย”ปากใหญ่ร้อนฉ่ายังคงขบเม้มกลีบเนื้อหอยเต็มปากเต็มคำ ลิ้นร้อนฉ่าแทงเข้าแทงออกรัวๆ เร่งจังหวะตามเสียงกระเส่าของนาง ยิ่งดูด ยิ่งเลียน้ำหอยฉ่ำ ๆ ยิ่งไหลทะลัก ร่างอรชรบิดส่ายบ่งบอกว่าเจ้าของร่างกำลังเสียวซ่านมากแค่ไหนจ๊วบบบบบบ จ๊วบบบบบบจ๊วบบบบบบแผล็บๆ แผล็บ ๆ แฮ่กๆ แฮ่กๆ“โอ้วววววววว ท่านแม่ทัพ ไม่ไหวววว แล้ววววว อร้ายยยย”เหมยกุ้ยแอ่นสะโพกหยัด มือเรียวขยุ้มผมดกดำของเขาให้แนบชิดร่องสาว ร่างอรชรกระตุกเกร็งงึก ๆ ริมฝีปากสีแดงสดเผยอค้างครางออกมาผะแผ่วด้วยความเสียวซ่านที่แผ่ซ่านไปทั้งกายสาว“อร้ายยยยยยยยยยย”พรวดดดดดดดดดดดด น้ำหอยแตกพรวดทะลักง่ามขา รูหอยขมิบตอดอากาศอย่างหิวโหย ซ่านกระสันอยากให้มังกรจ้วงแทงแทบขาดใจ เหมยกุ้ยครางกระเส่าขมิบตอดความว่างเปล่าไม่ยอมหยุด นางลอยขึ้นสวรรค์ชั้นหนึ่งไปแล้ว“อะ อ่า อือ อ่อยยยยยย”“อู้ววว.. อ่า... เหมยกุ้ย... เงี่ยนมากแล้วสินะ นำทะลักเลยนะ โอ้ววววว”แม่ทัพหยัดกายขึ้นแลบล
“เชิญชิมสุราชั้นเลิศจากข้า... เหมยกุ้ย มอบเป็นของขวัญแด่ท่านแม่ทัพ”มือใหญ่ยึดข้อมือเล็กกางออก แล้วร่างใหญ่ก็ถาโถมเข้าใส่ร่างเล็กที่นอนแผ่หลาบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว“เหมยกุ้ยยยยยยย ฮ่า ๆ เหมยกุ้ย”จ๊วบ!ซู้ดดดด จ๊วบ“อะ อ่า หือ อ่า”ลิ้นสากร้อนระอุแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่น มันตวัดลิ้นเล็กให้ตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อนเลือดในกายนางร้อนระอุ เผยอเรียวปากขึ้น ตอบรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามา และหยัดร่างเข้าเบียดกายแข็งแกร่งทันทีซู้ดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ“อืม อ่า จ๊วบ”ร่างอรชรใต้ร่างใหญ่กำยำบิดส่าย อย่างซ่านกระสันเมื่อแม่ทัพหนุ่มบรรจงจูบด้วยลิ้นร้ายอย่างหื่นกระหาย ลิ้นร้อนควาญรีดน้ำหวานในโพรงนางจนหมดสิ้น แล้วลามเลียมาถึงติงหูเกิดความสยิวแผ่ซ่านจนขนอ่อนของนางลุกซู่ทั้งกายจนครางกระเส่าออกมา“อร้ายยยย อ่า หือ”แผล็บ! จ๊วบ!ปากร้อนระอุของแม่ทัพใหญ่ลามเลียเลื้อยลากมาถึงซอกคอขาวผ่อง ลิ้นร้อนตวัดเลียกลืนกินสุราในเนื้อนวลมาเรื่อยๆ มือใหญ่ร้อนฉ่าดึงทึ้งอาภรณ์นางออกจนเกิดรอยแยกของเสื้อคลุม หน้าอกอวบอิ่มเผยชูชันอวดเต้าสล้างกลมกลึงเฉิดฉายอยู่ตรงหน้าแม่ทัพหนุ่มจับจ้องอกอวบๆ ของนางอย่างหลงใหล
แม่ทัพใหญ่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป เขาคาดว่าจะได้กลิ่นคาวเลือดและการสู้รบซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ คือ สาวงาม งามที่สุดที่เขาเคยพบยิ่งยามที่ร่างอรชรเยื้องย้ายขยับกายเข้าใกล้ กลิ่นหอมฟุ้งลอยอบอวลไปทั่วทั้งกระโจม ใจของแม่ทัพใหญ่เต้นตึกตักระส่ำ เต้นแรงยิ่งกว่าการเห็นกองทัพศัตรูนับแสนอยู่ตรงหน้าสติของแม่ทัพใหญ่หลุดลอยลืมสิ้นว่าตนมาที่กระโจมน้อยนี้เพื่อสิ่งใด หัวใจของเขามันวาบหวามเคลิบเคลิ้ม แม้มือเรียวของนางเอื้อมเข้าสัมผัสมือใหญ่ เขาก็ยอมให้นางนำพาแต่โดยดี“ท่านแม่ทัพเชิญทางนี้เถิด”เหมยกุ้ยจูงร่างสูงใหญ่ให้นั่งลงที่โต๊ะกลมกลางกระโจม ที่มีสำหรับอาหารและเหล้าชั้นดีไว้เพียบพร้อม หากแม่ทัพใหญ่มีสติมากพอเขาจะประเมินสถานการณ์ตรงหน้าว่าคือ กลลวง แต่เหตุไฉนร่างกายของเขากลับวูบไหวยอมนั่งลงตามคำสั่งนางแต่โดยดี“ขออภัยท่านแม่ทัพที่ข้าน้อยบังอาจมารบกวนท่าน”เหมยกุ้ยชวนคุยระหว่างรินสุราเลิศรสลงในจอก“อะ เอ่อ ไม่เป็นไร เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นแม่ทัพ?”แม่ทัพใหญ่จางหย่งตอบอย่างเงอะงะ หลายเดือนที่ผ่านมาเขากรำศึกทั้งวันทั้งคืนเจอแต่บรรดาทหารหนุ่มๆ นี่เป็นคืนแรกที่เขา
“หากผู้ใดแพร่งพรายเรื่องในพระตำหนักนี้ออกไป มันผู้นั้นจะมีสภาพเป็นเหมือนนายทหารผู้นี้!”ปากสีแดงสดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น“หากผู้ใดสวามิภักดิ์ต่อข้า มันผู้นั้นจะยังคงนอนหลับกินอิ่มอยู่ในตำหนักแห่งนี้เหมือนเช่นเคย!”องค์จักพรรดินี จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!บรรดาข้าทาสบริวารต่างคุกเข่าหมอบลงถวายความจงรักภักดี ไม่มีใครไม่รักชีวิต!เมื่อผู้เป็นนายเก่าสิ้นวาสนา นกน้อยที่ไร้ผู้ปกครองย่อมบินหาคอนเกาะที่มั่นคงกว่ามันคือสัจธรรมของชีวิต“ฮ่าๆ ทุกคนจงฟัง!”เสียงประกาศก้อง ร่างอรชรในชุดสีทองกรุยกรายยืดกายขึ้นองครักษ์ทั้งสองยืนเคียงข้าง“ขอให้พวกเจ้าทุกคนจงปฏิบัติหน้าที่ของตนเองเหมือนเช่นเคยปฏิบัติมา อีกไม่เกิน 1 ชั่วยาม พระชายาก็จะฟื้น แต่จะกลายเป็นคนไร้สติ ให้พวกเจ้าทุกคนบอกกล่าวต่อๆ กันออกไปว่า -พระชายาโศกเศร้าเพราะสูญเสียพระสวามีจนเสียสติ-”น้อมรับพระบัญชา!“ระหว่างที่เจ้าเฝ้าพระตำหนักพระชายามีผู้ใดเล็ดลอดคาบข่าวไปบอกแม่ทัพใหญ่หรือไม่?”เหมยกุ้ยเอ่ยถามหลี่เจี๋ยขณะเสด็จกลับตำหนักของตน“ไม่มีแม้แต่เงาเส้นหนึ่ง”องครักษ์หนุ่มตอบ“ดีมาก ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ดูแลพระตำหนักของพระชายาเพราะข้ายังไม่ไว