Home / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่35เซิ่งกงซุน

Share

ตอนที่35เซิ่งกงซุน

last update Last Updated: 2025-08-26 12:06:28

เหตุการณ์การปะทะกันนั้นล้วนตกอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่งที่ซุ่มดูอยู่

เซิ่งกงซุน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแฝงความหยิ่งทะนง หลานชายของเซิ่งซื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเซิ่งหม่าถง เขาเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของเซิ่งเจี้ยนแม่ทัพประจำมณฑลแดนใต้ สายเลือดในกายของเขาคือสายเลือดนักรบโดยแท้

แต่กลับเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญผู้หนึ่ง เขาใช้ชีวิตกลางวันอย่างสำมะเลเทเมา เที่ยวเล่น ดื่มสุรา ล้อมรอบด้วยเหล่าหญิงคณิกาในหอโคมแดง เย้าหยอกผู้คนด้วยแววตาขบขันและถ้อยคำกึ่งล้อเล่น คำพูดและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ใครเลยจะคิดว่า เบื้องหลังกลับเป็นหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าที่ตระกูลเซิ่งเพาะบ่มขึ้นอย่างลับๆ

กลุ่มที่ไร้ชื่อ ไร้ตัวตน ไม่ปรากฏแม้แต่ในทะเบียนขุนนางหรือเอกสารราชสำนัก เป็นดั่งเงามืดที่คอยกำจัดศัตรูของตระกูลอย่างเงียบงัน และโหดเหี้ยม

เซิ่งกงซุนคือผู้นำกลุ่มนั้น มือของเขาเปื้อนเลือดมากกว่าที่ใครคาดคิด แต่ไม่เคยมีหลักฐานใดโยงถึงตัว เขาฉลาดพอจะหลบสายตาราชสำนัก และอันตรายพอสำหรับศัตรู

สำหรับเซิ่งกงซุน เขาไม่ได้ฆ่าเพราะคำสั่ง แต่ฆ่าเพื่อ พิสูจน์ว่าเขาอยู่เหนือกว่าผู้อื่น

เขาเชื่อว่าคนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่มีสิทธิ์ เขียนกฎ ดูถูกผู้ที่อ่อนแอ หัวเราะเยาะความเมตตา และไม่เคยยึดมั่นในสิ่งใด

ชายหนุ่มซ่อนตัวอยู่บนกิ่งไม้สูง ดวงตาคมดั่งเหยี่ยวซ่อนความหยิ่งทะนง มองดูสตรีบอบบางในชุดงดงามดวงตาพราวระยับ 

เมื่อเขาเห็น คุณหนูรองอวี้หลัน หญิงสาวผู้ซึ่งเขาคิดว่าเป็นเพียงคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ไร้กำลัง อ่อนแอ แต่ภาพที่เขาเห็น...กลับขัดแย้งกับทุกข้อมูลที่ได้รับมา

ร่างบอบบางในชุดงดงามพลิ้วไหวตามการเคลื่อนกาย ฝีมือว่องไวและโหดเหี้ยม ทั้งยังกล้าหาญและเฉลียวฉลาดเกินคาด หัวใจของเขาพลันเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น สายตาตรึงอยู่เพียงบุคคลเดียว

เซิ่งกงซุนยกยิ้มบางๆ สัมผัสบางอย่างในอกเริ่มร้อนวาบอย่างไม่คาดคิด

น่าสนใจนัก... สตรีที่ท่านอาหญิงของเขาอยากกำจัด กลับงดงามและอันตรายได้ถึงเพียงนี้

ความรู้สึกหนึ่งกู่ร้องขึ้นภายในใจ เขาไม่อยากฆ่านาง แต่เขาอยาก ครอบครอง อยากกดนางลงให้สยบ อยากเห็นนางคุกเข่าภายใต้เงาของตนเอง

เซิ่งกงซุนยกหน้ากากสีดำสนิทขึ้นปิดครึ่งใบหน้า หน้ากากนั้นทำจากวัสดุบางเบา แวววาวราวเคลือบโลหะดำเนื้อเนียน เมื่อเขาสวมลงบนใบหน้า หน้ากากนั้นปิดบังท่อนบนไว้ทั้งหมด เหลือไว้เพียงดวงตาคู่วาววับ 

ดวงตานั้น ราวกับเปลวเพลิงยามราตรี ทั้งลุ่มลึก ยากหยั่งถึง และแฝงความคลุ้มคลั่งที่รอวันปลดปล่อย

ริมฝีปากของเขายังเผยให้เห็นชัดเจน ยกโค้งน้อยๆ ขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ไม่อาจบอกได้ว่ากำลังเยาะหยัน เย้ายวน หรือเพียงแค่สนุก

ยิ่งหน้ากากปิดซ่อนแทบทุกส่วนบนใบหน้า ดวงตาและรอยยิ้มที่เหลืออยู่ กลับยิ่งขับให้เขาดูอันตรายยิ่งกว่าเดิม

ชายหนุ่มทะยานจากกิ่งไม้ลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง พร้อมกับนักฆ่านับสิบรอบกาย เสียงกระแทกเบาๆ ดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นที่ลอยฟุ้งเล็กน้อย

อวี้หลันยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดอวลในอากาศ ม่านผมดำปลิวไหวตามแรงลมพัด ดวงตาคู่งามหรี่มองกลุ่มผู้มาใหม่ที่เหาะเหินเดินอากาศเข้ามา หลังจากที่นางเพิ่งปลิดชีพนักฆ่าคนสุดท้ายลง

เพียงแวบเดียวเท่านั้น นางก็จำแนกได้ทันที ว่าบุรุษผู้นี้แตกต่างจากนักฆ่าคนอื่น ทั้งนักฆ่าเบื้องหลังของเขาก็ไม่ธรรมดา แตกต่างจากกลุ่มนักฆ่าก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

แม้จะรู้สึกเคร่งเครียด แต่นางหาได้เผยความรู้สึกออกมา สีหน้ายังคงนิ่งสงบ ริมฝีปากเม้มเล็กน้อย ทว่าหัวใจเต้นแรงด้วยจังหวะเร่งเร้า

สายตาของอวี้หลันเหลือบมองไปยังฉิงซานที่ยืนประคองทวนด้วยร่างที่มีรอยเลือดเปรอะเปื้อน ฉิงเอ้อที่หายใจหนักขึ้นเล็กน้อย แม้จะไม่แสดงอาการ แต่ดวงตาก็เริ่มเคร่งเครียดและอ่อนล้า ฉิงลิ่วเองก็เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก กระบี่ในมือลดต่ำลงจากที่ควรจะเป็น

คนของนาง... กำลังอ่อนล้า

แม้นางจะไม่เอ่ยคำใด แต่น้ำหนักในใจกลับถ่วงลงมาช้าๆ 

นางประมาทศัตรูเกินไป

อวี้หลันครุ่นคิดอย่างเงียบงัน ดวงตาของนางหรี่ลงอีกครั้ง กวาดมองศัตรูที่ค่อยๆ เคลื่อนวงล้อมเข้ามา

"เจ้าคงเป็นหัวหน้านักฆ่าพวกนี้กระมัง" 

นางเอ่ยเสียงเรียบ แม้สถานการณ์จะเสียเปรียบ แต่น้ำเสียงกลับไม่หวั่นไหว

เซิ่งกงซุนหัวเราะในลำคอ เบา ทุ้ม และแฝงความยั่วเย้า รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากที่โผล่พ้นหน้ากาก

"ถูกต้อง สตรีที่ทั้งเด็ดขาด ฉลาด และยังงามหมดจดถึงเพียงนี้ ช่างหาได้ยากนัก"

เขายกมือขึ้นช้าๆ หมายจะแตะปลายเส้นผมที่พลิ้วอยู่ข้างแก้มของคนงาม ดวงตาเปล่งประกายด้วยความสนใจที่เกินกว่าธรรมดา แต่ปลายนิ้วที่กำลังจะสัมผัสนางนั้น... กลับหยุดลงฉับพลัน 

เพราะเพียงพริบตาเดียว ฉิงทั้งสามก็เข้ามาขวางเบื้องหน้า ดวงตาเยียบเย็น ยืนขนาบเป็นแนวกำแพงมนุษย์อย่างพร้อมเพรียง

คลื่นความเย็นพลันปกคลุมในอากาศ ราวกับไม่จำเป็นต้องกล่าวคำใด แค่เพียงสายตา ก็เพียงพอแล้วที่จะปัดมือของเซิ่งกงซุนออกห่าง

ฮ่าฮ่าฮ่า

เสียงหัวเราะต่ำทุ้มของเขาดังขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะชักมือกลับท่าทางไม่เร่งร้อน

"ใจเย็น... ข้าแค่จะทักทายเพียงเท่านั้น"

เขาหันไปสบตากับอวี้หลัน รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏอีกครั้ง งดงาม นุ่มนวล และอันตรายในคราเดียว

"คุณหนูรองอวี้ เราจะไม่คุยกันหน่อยหรือ"

อวี้หลันเหลือบตามองคนของนาง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

"ถอยไปเถิด"

ฉิงทั้งสามแม้ไม่เห็นด้วย แต่ไม่อาจขัดคำสั่ง ได้แต่ถอยออกมายืนด้านหลัง ราวกับเงาของเจ้านาย สีหน้าทั้งสามเคร่งเครียด ไม่มีใครกล้าหย่อนการระวังแม้แต่น้อย เพราะพวกเขารู้ดี ว่าบุรุษตรงหน้า คือศัตรูที่ร้ายกาจ

"เจ้ามีอะไรก็พูดมา"

อวี้หลันเอ่ยเสียงเย็น เงยหน้าขึ้นจ้องมองชายปริศนาสวมหน้ากากอย่างไร้ความเกรงกลัว นางยังคงนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย แต่ในอกกลับเยือกเย็นลงเรื่อยๆ

เซิ่งกงซุนหยุดยืนตรงหน้านาง ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างนักฆ่านอนแน่นิ่งจมกองเลือดทั่วผืนดิน และเงาทมิฬของคนของเขาที่ยังล้อมอยู่โดยรอบ

ชายหนุ่มเอียงหน้าเล็กน้อย ขณะจ้องมองใบหน้างดงามตรงหน้าอย่างพินิจ 

ความหลงใหลเริ่มกลืนกินทุกเหตุผล ยิ่งได้พิจมองนางใกล้ๆ ยิ่งได้พูดคุย เขายิ่งต้องการครอบครองนาง

"ข้าไม่ปฏิเสธ ว่าแรกเริ่ม เจ้าเป็นเพียงเป้าหมายหนึ่งของข้า แต่ยามนี้ข้ากลับเสียดายยิ่ง หากต้องฆ่าเจ้าทิ้ง"

"ข้าจึงคิดว่า ยังมีวิธีอื่นที่ดีกว่า"

รอยยิ้มบางฉาบอยู่บนริมฝีปากที่โผล่พ้นหน้ากาก รอยยิ้มที่เหมือนจะอ่อนโยน แต่แววตาภายใต้หน้ากากบ่งบอกชัดเจนถึงความต้องการ ที่ทำให้คนถูกมองขนลุกชัน

หากนางยินยอมเขาแต่โดยดี เขาจะกลับไปแจ้งท่านพ่อ และท่านอาหญิง ว่าแผนสังหารควรเปลี่ยนเป็น... แผนแต่งงาน

เพราะหากนางเป็นของเขา ก็เท่ากับว่าสินเดิมของนาง ทรัพย์สินทั้งหมดของนางที่ท่านอาหญิงต้องการก็จะเป็นของตระกูลเซิ่งอย่างไร้ข้อโต้แย้ง ไม่ต้องเสียเลือดเสียคน ไม่ต้องเสี่ยงต่อหายนะใดๆ

ส่วนเขาก็ได้หญิงงามที่พึงใจมาครอบครอง

เซิ่งกงซุนคิดเงียบๆ อย่างลำพองใจ ก่อนจะปรายตามองไปยังเหล่าผู้ติดตามของอวี้หลัน

"เจ้าดูสิ คนของเจ้าล้วนเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ถ้าสู้ต่อไป... พวกเขาก็คงตายเปล่า"

แววตานั้นไม่มีร่องรอยเยาะเย้ย แต่เต็มไปด้วยความเหนือกว่า ราวกับกำลังบอกว่า หากนางกล้าปฏิเสธ ทุกชีวิตตรงนี้จะไม่มีใครรอด

ดวงตาของเซิ่งกงซุนวาววับ ราวกับเปลวเพลิงแห่งความต้องการค่อยๆ ลุกไหม้ เขากวาดตามองสตรีตรงหน้า คล้ายกำลังชื่นชมของล้ำค่า ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"แต่หากเจ้ายอมเชื่อฟังข้า เป็นคนของข้า ข้าจะปล่อยพวกเขาไปทั้งหมด... จะไม่มีใครต้องตายแม้แต่คนเดียว"

"นี่เป็นทางเลือกที่สตรีฉลาดเช่นเจ้าควรยินดี... ว่าหรือไม่"

เซิ่งกงซุนไม่คิดปิดบังความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของที่กำลังหลอมรวมเข้ากับความหลงใหลอย่างบิดเบี้ยว เขาก้าวเข้าใกล้ขึ้นอีกนิด เพียงพอให้เงาของตัวเองเอนทับร่างของนาง

"เจ้าชั่ว เจ้าอย่าได้คิดฝัน"

บ่าวผู้จงรักภักดีเห็นเช่นนั้นก็กระชับอาวุธในมือ พวกเขายอมตายเสียยังดีกว่า

"อยากจะฆ่าก็ฆ่า แต่ข้าไม่ยอมแพ้เจ้าแน่"

อวี้หลันกล่าวพร้อมทั้งยกเท้าขึ้นยันหน้าอกของอีกฝ่ายเต็มแรง ก่อนจะตวัดดาบในมือเข้าใส่

แม่งเอ๊ย มั่นหน้านัก หมั่นไส้ตั้งแต่เหาะมาแล้ว

"เจ้า..."

เซิ่งกงซุนมองสตรีที่ถีบเข้ายอดอกเขาอย่างตื่นตะลึง ทั้งเจ็บและจุก ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวปลายดาบคมกริบก็ตวัดเฉียดลำคอ เขาเบี่ยงตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียด แต่ถึงอย่างนั้นปลายเส้นผมก็ถูกคมดาบนั้นตัดขาดจนกระจาย แต่นั่นกลับทำให้เขายิ่งรู้สึกพึงใจในตัวนางมากขึ้น

"เจ้าช่างดื้อรั้นเสียจริง"

ว่าแล้วเขาก็พุ่งเข้าหานาง กระบวนท่ารวดเร็วและเฉียบคม ทว่ากลับเหมือน เย้าหยอก มากกว่าจะหมายปลิดชีพ

อวี้หลันยกดาบขึ้นปัดแนวคมกระบี่ที่พุ่งเข้ามา พร้อมเบี่ยงตัวหลบ มุมปากกระตุกน้อยๆ ดวงตาคู่งามฉายแววเย็นเฉียบ ขณะประเมินคู่ต่อสู้ในพริบตาเดียว

คนผู้นี้มีวรยุทธ์ไม่ด้อยเลย...

ความคิดนั้นพลันทำให้อวี้หลันรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูก แม้ภายนอกจะคงสีหน้าเรียบสงบ แต่นางกลับรู้สึกเหมือน... ถูก โกง

เพราะตัวนางไร้วรยุทธ์ ไม่มีแม้กระทั่งกำลังภายใน มีเพียงสติปัญญา ไหวพริบ และการฝึกฝนกระบวนท่าจากในชาติก่อนเท่านั้น

แม้จะยืนหยัดได้อย่างน่าทึ่ง แต่เมื่อต้องเผชิญกับคนที่มีทั้งพลังภายในและความเร็วเหนือธรรมดา นางก็อดไม่ได้ที่จะคิดในใจอย่างหงุดหงิด

แบบนี้มันไม่ยุติธรรม เหมือนกำลังถูกโกงอย่างไรอย่างนั้น

"ข้าว่าเจ้าลองคิดให้ดีๆ ดีกว่านะ"

เสียงของเซิ่งกงซุนเอ่ยขึ้น ปลายเสียงนั้นราวกับคำเตือนปนคำขู่

ทว่าอวี้หลันไม่แม้แต่จะปรายตามอง นางไม่คิดตอบคำ แต่กลับพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ดาบในมือของนางตวัดอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด 

แรงกระแทกที่ปลายคมส่งเสียงแหวกอากาศเป็นเส้นเฉียดใบหูเซิ่งกงซุน เขาแค่นยิ้ม ก่อนจะยกอาวุธขึ้นรับ ร่างทั้งสองสาดประกายโลหะใต้แสงแดดแรงกล้า เสียงโลหะกระทบกันดังอย่างต่อเนื่อง

ฝุ่นดินปลิวตลบกลางลานหินเชิงเขา เสี้ยวเวลานั้นไม่มีใครยอมถอย ต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ 

อวี้หลันแม้ไม่มีวรยุทธ์ แต่กลับอาศัยความแม่นยำและท่าทางที่ฝึกฝนจากประสบการณ์เฉียดตาย กดดันชายหนุ่มผู้มีพลังภายในได้ไม่เลวเลยทีเดียว

แต่ด้านข้าง ฉิงทั้งสาม กลับเริ่มตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ กลุ่มนักฆ่าของเซิ่งกงซุนที่ยังเหลือล้วนเป็นมือฉมัง แม้ฉิงซาน ฉิงเอ้อ และฉิงลิ่วจะร่วมมืออย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เลือดไหลเปรอะชายเสื้อ ลมหายใจเริ่มถี่ และทุกครั้งที่ต้องยืนหยัด พวกเขาเริ่มฝืนมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่แล้ว...

เสียงฝีเท้าม้าก็ดังแว่วมาจากแนวป่าด้านหนึ่ง และกำลังพุ่งตรงมาทางลานหิน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่43ผู้มาเยือน

    "หลันเอ๋อร์ ขอเวลาข้าสักครู่ได้หรือไม่"เสียงทุ้มต่ำขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ทว่าแฝงแววเว้าวอนลึกซึ้ง เขาก้าวขวางเบื้องหน้าในจังหวะที่อวี้หลันหมุนกายจะจากไป หยุดยั้งฝีเท้าเรียวอย่างไม่เปิดโอกาสให้นางหลบเลี่ยงสายตาคมกริบทอดมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อาจละไปได้ ความคาดหวัง ความลังเล และความเจ็บปวดสลักทับซ้อนในแววตาคู่นั้นราวกับเพียงคำตอบหนึ่งคำจากนาง จะสามารถปลดปล่อยหรือขังเขาไว้ตลอดกาลอวี้หลัน..หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่หมั้นในวัยเยาว์ของเขา หญิงสาวที่เขาเคยคิดว่าจะได้ครอบครองและปกป้องแต่ตอนนี้นางกลับไกลจากเขาออกไปทุกทีข่าวลือที่โด่งดังไปทั่วเมืองหลวงอยู่ในตอนนี้ ทำให้เขาไม่อาจทนนิ่งเฉย จนต้องมาปรากฏตัวที่นี่ ยิ่งเมื่อได้เห็น ปิ่นปักผม ที่ปรากฏอยู่บนมวยผมของนาง ดวงตาของเขายิ่งแข็งกร้าวปิ่นนั่นหลี่เหวินหลงผู้เป็นพี่ชายหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด เป็นสิ่งที่ไม่ควรมอบให้ใครง่ายๆ นอกจากผู้ที่เขา "หมายปอง" อย่างแท้จริงหลี่จื้อหยวนกำมือแน่น ความรู้สึกในใจร้อนรนแทบระเบิดออกมา แต่กลับไม่เอ่ยอันใด นอกจากสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเปิดกล่องเครื่องประดับในมือออก ยื่นไปตรงหน้าอีก

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่42คนว่างงาน

    มาอีกแล้ว คนผู้นี้ว่างงานนักหรืออย่างไรอวี้จิ้งทอดถอนใจยาวตั้งแต่ยังไม่ทันได้จิบชาเช้า ใบหน้านิ่งขรึมเต็มไปด้วยริ้วรอยของความอดกลั้น และกลิ่นอายของความหงุดหงิดปนเวทนาในชะตากรรมของตนรุ่งเช้า ฟ้ายังไม่ทันสว่างดีนัก คนก็มาเยือนถึงหน้าจวนเสียแล้ว"หากไม่มีงานการทำ เหตุใดถึงไม่กลับแดนเหนือไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด"อวี้จิ้งได้เพียงบ่นอยู่ในใจ ฟันกรามกัดแน่นจนขมับเต้นตุบๆ ขณะลุกจากที่นั่ง เดินออกไปต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ แขกที่เหมือนจะกลายเป็นสมาชิกประจำบ้านเข้าไปทุกทีองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง ยืนตระหง่านราวขุนเขาเช่นเคย ท่าทีสงบนิ่ง เยือกเย็นประหนึ่งนักปราชญ์ผู้สูงส่ง ทั้งที่ความจริงแล้วก็แค่คนไร้ยางอาย หน้าด้านหน้าทนผู้หนึ่ง ที่ทำเอาเจ้าบ้านอย่างเขาแทบกระอักเลือดตาย เมื่อวานกว่าจะต้อนคนส่งกลับได้ก็เล่นเอาเขาแทบจะหัวหลุดจากบ่าอยู่หลายครั้ง"องค์ชายใหญ่มาตั้งแต่เช้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ"อวี้จิ้งเอ่ย พลางฉีกยิ้มบางๆ ที่คล้ายรอยยิ้มของเสือเฒ่ากำลังข่มอารมณ์ แฝงไว้ด้วยคำว่า ‘เจ้าว่างนักหรือ’ ขณะทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท"ใต้เท้าอวี้ พบหน้าข้าแล้วยินดีถึงเพียงนี้เชียว"หลี่เหวินหลงยิ้มรับสีหน้าระร

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่41สนทนาพาที

    เซิ่งซื่อใช่ว่าจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดกดดันที่แผ่คลุมอยู่ภายในห้อง หากแต่นางยังฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเอาไว้ ไม่ว่าสายตาใครจะจับจ้องมายังนางอย่างไร นางก็ยังสงบนิ่งไม่แสดงพิรุธหลายวันมานี้ นางสัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในจวนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นางรับรู้ได้ว่าสามีเริ่มมีท่าทีที่ผิดแผกไป ไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคย นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับอวี้หลัน ทว่าเขากลับยังคงนิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด นั่นยิ่งทำให้นางทั้งหวาดระแวงและไม่อาจวางใจได้ ความเงียบของเขากลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งนางรู้ดีว่าคนอย่างอวี้จิ้งไม่ใช่ผู้ที่จะปล่อยผ่านเรื่องใดไปโดยไม่คิดสืบหาความจริง ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกล่อได้ง่ายนัก และยิ่งเงียบก็ยิ่งน่าหวาดกลัวแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังพอจะเบาใจอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดหลานชายของนางก็กลับมาอย่างปลอดภัย และที่สำคัญ เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้ถูกสาวมาถึงตัวทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม นางเพียงต้องระวังตัวให้มากพอ และฉลาดพอที่จะไม่ถามถึงรายละเอียดให้มากความ สิ่งที่ไม่รู้ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่รู้ นางก็เลือกจะซ่อนไว้ลึกสุดใจ ไม่ให้แม้แต่น้ำเสียงหรือแววตาเผลอเผยพิรุธออ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่40ศึกชิงนาง

    หลังจากพิธีปักปิ่นอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าผ่านพ้นไป ตกเย็นก็ควรจะเป็นเวลาของคนในครอบครัว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้วอวี้จิ้งเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคำกล่าวที่ว่าเชิญเทพมาง่าย แต่ส่งกลับไปแสนยาก ก็ในวันนี้เองรองเสนาบดีผู้มากบารมี ปลายสายตาเหลือบมองบุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะด้วยสีหน้าอึมครึม เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใดออกมา เพราะแม้จะเงียบ แต่หนวดที่กระตุกอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาวาววับที่ราวกับจะพ่นลูกไฟออกมาได้ทุกเมื่อ ก็ฟ้องหมดทุกอย่างและถึงจะเป็นเช่นนั้นอีกฝ่ายกลับยังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ หาได้รู้ถึงความผิดของตัวเอง ประหนึ่งว่าเขาคือเจ้าของเรือน มิหนำซ้ำยังทำตัวกลมกลืนอย่างยิ่งราวกับคนในครอบครัวไม่ขัดเขิน ไม่เกรงใจ ไม่ถ่อมตนกระทำตัวเหมือนเขยของบ้านข้าเข้าไปทุกทีหึ…กล้าดียังไงแน่นอนว่าอวี้จิ้งได้แต่คิดในใจเท่านั้น ไม่มีวันกล้าเอ่ยออกมาเพราะบุรุษตรงหน้านั้น หาใช่ใครอื่นไกล แต่คือ องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงการกระทำของอีกฝ่ายในวันนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาอย่างยิ่ง แต่แม้จะรู้สึกไม่พอใจเพียงใด ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางฮูหยินผู้เฒ่า ซึ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่39วันปักปิ่น

    แสงอรุณอ่อนในฤดูใบไม้ผลิส่องพาดแนวหลังคาเรือน บรรยากาศทั่วทั้งจวนรองเสนาบดีเต็มไปด้วยความคึกคัก ภายในเรือนใหญ่ของตระกูลอวี้อบอวลด้วยกลิ่นหอมของไม้จันทน์บ่าวไพร่ในจวนสีหน้าสดชื่นแจ่มใส ขะมักเขม้นจัดเตรียมพิธีมงคล ข้าวของเครื่องใช้ล้วนถูกจัดเรียงตามตำราโบราณเรือนหลักของจวนอวี้ในวันนี้ถูกประดับประดาด้วยผ้าแพรไหมสีมงคล ลวดลายดอกเหมยปักดิ้นทองสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ กลิ่นหอมของชาดอกไม้ที่ลอยอบอวลในอากาศ สร้างบรรยากาศละมุนละไมวันนี้คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณหนูรองอวี้ในที่สุดวันปักปิ่นของอวี้หลันก็มาถึง พิธีในวันนี้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติบุตรีขุนนางฝ่ายพิธีการ เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงที่หรูหราและงดงามที่สุดในรอบหลายปีของเมืองหลวง อวี้หลันในชุดผ้าไหมเนื้อละเอียดสีชมพูอมทองปักลวดลายดอกโบตั๋นอย่างประณีต เนื้อผ้าไหมพลิ้วไหวรับแสงแดดอ่อนยามเช้า ปลายแขนเสื้อขลิบดิ้นทอง ชุดตัวยาวรัดช่วงเอวด้วยสายผ้าแพรสีแดงสด ด้านข้างห้อยพู่หยกล้ำค่า เงาผ้าพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้ต้องลมตามจังหวะก้าวเดิน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสตรีน้อยผู้เป็นบุตรีของรองเสนาบดีหญิงสาวย่างก้าวด้วยท่วงท่าที่เปี่ยมไ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่38ความจริงเริ่มกระจ่าง

    เซิ่งซื่อนั่งนิ่งอยู่ในเรือนใหญ่ของตนเอง บรรยากาศภายในเรือนที่เคยสงบร่มรื่น บัดนี้กลับอึดอัดและหนักแน่นประหนึ่งมีเงาทึบปกคลุม มือที่ถือพัดเริ่มกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แววตาเคร่งเครียดขณะฟังรายงานจากบ่าวคนสนิท เสียงนั้นเบาราวกระซิบ แต่ทุกคำกลับฟังชัดเจนยิ่งในหูของนาง"คุณหนูรองกลับมาถึงจวนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ มิได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น"คำบอกเล่านั้น ดังก้องในใจจนมือที่กำพัดเริ่มสั่นอวี้หลันกลับมาแล้ว อีกทั้งยังไม่เป็นอะไรเลย"ข่าวว่า...องค์ชายใหญ่เป็นผู้ช่วยชีวิตคุณหนูรองเอาไว้ด้วยพระองค์เองเจ้าค่ะ"เสียงในห้องเงียบงันชั่วอึดใจ"องค์ชายใหญ่"เซิ่งซื่อทวนคำเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ความหวาดหวั่นคละคลุ้งในอกองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง คนผู้นี้อีกแล้วหรือพัดในมือของนางถูกบีบจนแทบจะแหลกคามือ แววตาที่เคยสั่นไหวเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวในฉับพลัน ริมฝีปากที่เคลือบชาดเอาไว้บางๆ เม้มแน่นจนแทบเป็นเส้นตรงทั้งที่แผนการถูกวางไว้อย่างดี หลานชายที่เก่งกาจของนางไม่เคยที่จะทำงานผิดพลาด ทุกอย่างที่ควรจะจบลงอย่างเงียบงัน กลับพังครืนเพราะการปรากฏตัวของบุรุษเพียงผู้เดียวและยิ่งแย่กว่านั้น…ข่าวนี้กำลังจะถูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status