ตอนที่ 9
ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ
“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”
“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ”
นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก
“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลย
ทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม
“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา
“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องระมัดระวังท่าทีกับข้าผู้เป็นสามีของ เจ้ามากมายถึงเพียงนี้” โม่หลงอวี้ตรัสออกมาอย่างใจกว้าง พระ พักตร์ราวหยกล้ำค่ายังคงนิ่งเฉยไร้อารมณ์
“หม่อมฉันขอบพระทัยในน้ำพระทัยเพคะ” นางกล่าว ก่อนจะย่อตัวลงคารวะอย่างนอบน้อม
เมื่อนางย่อตัวคารวะเมื่อครู่ เจ้าของพระพักตร์นิ่งเฉยก็เข้ามาประคองนางให้ลุกขึ้นด้วยพระองค์เอง
เฉินจินฮวาไม่คิดว่านางจะถูกเขาเข้ามาประชิดตัวจึงได้เผลอขยับตัวออกห่างจากฝ่ามือของเขาราวกับกำลังสัมผัสถูกความร้อน
“ข้าทำเจ้าตกใจแล้ว”
“หม่อมฉันแค่ไม่ทันได้ตั้งตัวเพคะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างรักษาน้ำใจ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ในใจก็อยากจะเอ่ยออกไปตรง ๆ ว่า ไท่จื่อท่านเพิ่งเจอข้าเป็นครั้งแรกไม่ควรจับต้องตัวข้าตามใจนะเพคะ แต่ประโยคที่คิดในใจนี้อย่างไรก็ไม่ควรกล่าวออกไปให้พระองค์ได้ยินจริง ๆ
“เมื่อครู่เหมือนว่าข้าจะได้ยินว่าพวกเจ้าเกิดเรื่องขึ้นเช่นนั้นหรือ”
.”ทูลองค์ไท่จื่อ ระหว่างทางกลับจวนข้าน้อยได้เข้าช่วยแม่นางผู้นี้เอาไว้ได้จากการถูกฉุดมาพ่ะย่ะค่ะ”
พี่ชายของนางเป็นผู้ทูลเรื่องทั้งหมดให้องค์ไท่จื่อฟังด้วยตัวเอง ด้านแม่นางจ้าวบุตรสาวร้านน้ำชาต่อมานั้นองค์ไท่จื่อก็สั่งให้พี่เขยของนางเป็นผู้นำนางไปส่งที่ที่พักของนาง พร้อมกับมี รับสั่งให้พี่ชายนางนำทหารส่วนหนึ่งจากพี่เขยไปจับกุมกลุ่มคนร้ายที่พี่ชายของนางได้มัดเอาไว้ที่ตรอกถนนที่เกิดเหตุขึ้น
พระองค์ขันอาสาจะเป็นผู้ส่งนางกลับจวนด้วยตนเองทั้งนางและพี่ชายต่างต้องการปฏิเสธความหวังดีของพระองค์ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
จะใช้ข้ออ้างบุรุษสตรียามวิกาลไม่อาจอยู่ใกล้ชิดกันก็ไม่ได้ ในเมื่อราชโองการแต่งตั้งก็มีแล้ว ราชโองการนางก็รับ มาแล้ว
เฉินจินฮวาในตอนนี้อย่างไรก็คือเฉินเช่อเฟยที่ฝ่าบาททรงมีราชโองการแต่งตั้ง แม้จะยังไม่ได้ส่งตัวเข้าตำหนักบูรพาอย่างเป็นทางการ
ทว่าอย่างไร เช่อเฟยก็คือเช่อเฟย ตำแหน่งชายารองขององค์ไท่จื่อนี้ถือว่านางเป็นแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่ราชโองการแต่งตั้งถูกขานขึ้น ณ จวนสกุลเฉิน
“ดูเจ้ากับพี่ชายสนิทกันมากทีเดียว”
“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ หม่อมฉันเป็นน้องคนเล็กของบ้าน พี่สาวกับพี่ชายจึงมักจะตามใจหม่อมฉัน”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ช่างต่างกับข้านัก ตัวข้าเป็นโอรสองค์โต แม้มีพี่น้องหลายคนแต่ก็ไม่สนิทกันนัก”
“หม่อมฉันเคยได้ยินมาว่าสิบสองชันษาพระองค์ก็ทรง ก้าวเข้าสนามรบแล้ว ซ้ำยังต้องศึกษาราชกิจกับฝ่าบาท ช่วงเวลาวัยเยาว์ของพระองค์นั้นล้วนทำเพื่อแคว้นเพื่อราษฎร ช่างเป็นโชคดีของชาวเป่ยซีเราเพคะ”
“ที่แท้เฉินเช่อเฟยก็รู้จักพูดปลอบใจคนได้ไม่เลว เห็นทีภายหน้าหากข้ามีเรื่องไม่สบายใจ ก็จะมีเจ้าคอยแบ่งเบาได้ดี” ชายหนุ่มเอ่ยชม
“ด้วยความเต็มใจเพคะ”
การสนทนาเพียงไม่นานภายในรถม้าระหว่างนางและองค์ไท่จื่อนั้นดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความเรียบง่ายสบาย ๆ แต่ที่แท้จริงแล้วต่างฝ่ายต่างกำลังหยั่งเชิงกันอยู่
ตั้งแต่พบหน้าครั้งแรกองค์ไท่จื่อผู้นี้แสดงออกทางคำพูดทุกคำที่พระองค์ตรัสออกมาว่าให้ความสนใจนางเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่เป็นเช่นนั้นแต่พระพักตร์ของพระองค์กับไม่มีแม้แต่รอยยิ้มประดับ พระสุรเสียงเองก็ช่างเรียบเฉย มิใช่อย่างที่บุรุษที่กำลัง ป้อยอสตรีอยู่พึงมี
สิ่งที่พระองค์กำลังทำอยู่นั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงการ แสร้งทำเท่านั้น พระองค์มิได้มีความสนใจหรือพึงใจในตัวนาง แม้แต่น้อย เพียงแสร้งว่าพึงใจเท่านั้น
ด้านโม่หลงอวี้เองก็รอบสังเกตผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายารองคนใหม่ของตนอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก เพราะท่าทีนิ่งเฉยและควบคุมอารมณ์ได้ดีของนางทำให้พระองค์รู้สึกผิดหวัง
เดิมทีพระองค์คิดจะรอดูงิ้วอย่างสงบ เพราะเริ่มรู้สึกว่าตำหนักบูรพานี้ค่อนข้างจะมีสตรีมากจนเกินไปแล้วสมควรลดจำนวนลงซะบ้าง
หากเฉินจินฮวาผู้นี้มีนิสัยรุนแรงเอาแต่ใจเสียหน่อย ภายหน้านางก่อเรื่องจะได้กำจัดนางและสตรีอื่น ๆ ออกไปพร้อมกัน เห็นทีพระองค์คงจะรอดูงิ้วเฉย ๆ อย่างเดียวมิได้แล้ว
พระองค์จะต้องช่วยหาไม้มาเติมไฟให้ลุกโชนตำหนักหลังตำหนักบูรพาซะหน่อยแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าจวนสกุลเฉินแล้ว องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ทรงประคองนางลงจากรถม้าด้วยพระองค์เอง
“ขอบพระทัยองค์ไท่จื่อเพคะที่เสด็จมาส่งหม่อมฉัน” เฉินจินฮวา กล่าวพร้อมทั้งก้มย่อตัวลงถวายพระพรพระองค์
“ดึกมากแล้ว เจ้ารีบเข้าจวนเถอะ”
“เพคะองค์ไท่จื่อ หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
“เจ้าไปเถอะ ข้าจะรอพบเจ้าที่ตำหนักบูรพา”
โม่หลงอวี้ทอดพระเนตรจนนางเข้าไปในจวนของเฉินไท่เว่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเสด็จขึ้นรถม้าเพื่อกลับตำหนักบูรพา เมื่อรถม้าที่ประทับเคลื่อนตัวเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นไท่จื่อผู้สูงส่งก็ทรงนึกไปถึงท่าทีไร้อาวรณ์ใด ๆ เมื่อครู่ของพระชายารองคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง
เมื่อครู่ยามที่นางหันหลังจากไปนั้น ช่างก้าวเดินไปอย่างมั่นคงยิ่ง ถึงขนาดที่หันกลับมาสบสายพระเนตรสักครั้งก็ไม่มี
ดูแล้วเฉินเช่อเฟยผู้นี้จะน่าสนใจไม่น้อยจริง ๆ
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยกับคุณหนูของนางด้วยความดีใจ นางรินน้ำชาอุ่น ๆ ที่เตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้ายืนให้คุณหนูของนางอย่างรู้หน้าที่
“คุณหนูข้าให้คนไปเตรียมต้มน้ำเอาไว้ให้ท่านแล้ว อีกครู่บ่าวจะปรนนิบัติคุณหนูอาบน้ำนะเจ้าคะ”
หลังจากที่นั่งพักจิบชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉินจินฮวาจึงให้อาหลัวช่วยประคองนางลงในถังอาบน้ำที่ยามนี้เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้มากมาย
“อาหลัวข้าจะแช่น้ำสักพักหนึ่ง เจ้าไปดูที่เรือนพี่รองทีว่าเขากลับมาหรือยัง หากยังไม่กลับมาก็รออยู่ที่หน้าเรือนพี่รองสักสองเค่อเถิดแล้วค่อยกลับมารายงานข้า”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
อาหลัวรับคำคุณหนูของนาง
ก่อนที่จะเดินออกจากเรื่องไปตามคำสั่งของคุณหนูนางไม่ลืมจะเอ่ยถามผู้เป็นนายเพื่อความแน่ใจ
“คุณหนูอยากให้ข้า เรียกสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเข้ามาช่วยคุณหนูอาบน้ำหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก เอาไว้ข้าจะเรียกพวกนางเอง เจ้าไปเถอะ”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
อาหลัวเดินออกมาจากห้องด้านใน นางไม่ลืมที่จะกำชับสาวใช้ที่เฝ้ารอท่าอยู่ที่ห้องด้านนอกว่าให้คอยฟังเสียงคุณหนูเรียกให้เข้าไปรับใช้
ผู้เป็นสาวใช้คนสนิทเดินตรงเข้าไปยังเรือนพักของคุณชายรองของบ้านในหัวยามนี้เต็มไปด้วยความสงสัย
คุณหนูของนางออกไปกับคุณชายรองแท้ ๆ ย่อมต้องกลับมาด้วยกัน เหตุใดคุณหนูของนางยังให้นางมารอคุณชายรองอีก
ดึกดื่นเช่นนี้ไม่มีทางที่คุณชายรองจะปล่อยให้คุณหนูของนางกลับเรือนมาคนเดียวอย่างแน่นอน
ทว่าพอมาถึงเรือนพักของคุณชายรอง นางกลับพบเสี่ยวถังบ่าวรับใช้ชายคนสนิทของคุณชายรองยืนอยู่หน้าเรือนพัก นางสอบถามเสี่ยวถังจึงพบว่าคุณชายรองยังไม่กลับมาจริง ๆ
นางกับเสี่ยวถังจึงได้แอบคาดเดาเล็ก ๆ ว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นระหว่างที่คุณชายรองและคุณหนูของนางออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกก็เป็นได้ นางกับเสี่ยวถังอาจจะต้องแอบลอบถามเจ้านายของพวกนางทีหลัง
เจ้าของเรือนร่างเปล่าเปลือยงดงามสมส่วนยามนี้นางกำลังครุ่นคิดไปถึง บุรุษผู้ทรงไปด้วยอำนาจบารมีอย่างองค์ไท่จื่อ ที่นางบังเอิญได้พบพระองค์ในวันนี้
องค์ไท่จื่อผู้นี้หลังจากที่นางนั้นเฝ้าสังเกตเขามาตลอด ทั้งท่าทีของพระองค์ ถ้อยคำต่าง ๆ ที่พระองค์นั้นทรงตรัสกับนาง บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าไท่จื่อผู้นี้กำลังเสแสร้งแกล้งทำกับนา
ถ้อยคำเป็นมิตรที่ทรงตรัส ท่าทีที่ดูเหมือนใส่ใจล้วน แล้วแต่เป็นเพียงภาพลวง
พระองค์เองก็ทรงรอบสังเกตนางด้วยเช่นกัน เรื่องนี้นาง เองก็รับรู้ได้
สายพระเนตรนั้นช่างเย็นชา พระพักตร์นั้นยิ่งไม่ต้อง กล่าวถึงช่างเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง
องค์ไท่จื่อผู้นี้เห็นทีอาจจะกำลังทรงวางแผนอะไรเอาไว้ ในใจ ไม่เช่นนั้นตัวนางที่เป็นเพียงชายารองที่ยังไม่ได้เข้าตำหนัก อย่างไรก็ไม่มีทางที่องค์ไท่จื่อจะต้องสนพระทัย ถึงขั้นต้องมาส่งนางที่จวนด้วยตนเอง
เห็นได้ชัดว่าพระองค์มีสิ่งที่คิดเอาไว้ และนางอาจเป็น หนึ่งในหมากตัวใหม่ที่น่าใช้
เกรงว่าหากก้าวเข้าไปในตำหนักบูรพาแล้ว นางอาจจะไม่ได้สงบสุขอีก
ไม่แน่ผู้ที่นางจะต้องระวังและป้องกันที่สุดอาจเป็นองค์ไท่จื่อผู้นี้ก็เป็นไปได้
เห็นทีว่าหากต้องการมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจนพ้นไปจากฝันร้าย เกรงว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือนางจะต้องไร้ใจ
จะต้องห้ามหลงรักองค์ไท่จื่อผู้นี้เป็นเด็ดขาด
นางจะต้องไร้ใจต่อเขา หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องห้ามมีใจ สักเล็กน้อยก็ห้าม
ห้ามเด็ดขาด!!!
ค่ำคืนนี้เฉินจินฮวาจึงได้ข้อห้ามอันสำคัญที่จะทำให้นางรอดพ้นปลอดภัยในตำหนักบูรพาได้นั่นคือ
ไร้ใจ อย่างไรก็ห้ามหวั่นไหวในองค์ไท่จื่อผู้จอมปลอมผู้นี้ เช่นเดียวกันอย่างไรก็ห้ามทำให้องค์ไท่จื่อผู้นี้โปรดปรานนาง ต้องทำให้พระองค์ไม่ชอบเลยจะเป็นผลดีต่อนางยิ่งกว่าอย่างน้อยก็คงจะหลีกหนีการแย่งชิงในตำหนักไปได้
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม