ตอนที่ 8
นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?
ยามนี้เจ้าของใบหน้างามที่มีผ้าคาดปกปิดใบหน้าอยู่นั้น กำลังก้มลงพยายามเลือกหยิบของที่พี่ชายของนางได้โยนทิ้ง เอาไว้ก่อนขึ้นมาถือให้ได้มากที่สุด
อ่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พี่รองของนางสามารถหอบหิ้วมาได้ อย่างสบายแท้ ๆ แต่นางกลับทำไม่ได้ จากของทั้งหมดเต็มนางหอบหิ้วเต็มที่ด้วยความสามารถของตนก็ได้เพียงแค่หนึ่งในสาม ส่วนเท่านั้น
ทำเช่นไรดีเล่าหรือว่าจะต้องเลือกทิ้งของเช่นนั้นหรือ น่า เสียดายแย่เลยหากต้องทำเช่นนี้
เมื่อครู่พี่ชายให้นางล่วงหน้ากลับไปก่อนเห็นทีจะไม่อาจ ทำตามได้แล้ว ในเมื่อความเสียดายของเกินกว่าจะตัดใจ ทำให้หญิงสาวตัดสิ้นใจจะยืนคอยพี่ชายนางอยู่ที่จุดเดิมแทน
เฉินจินฮวานั้นเปิดห่อขนมแป้งปั้นขึ้นมาหยิบทานเพื่อฆ่าเวลา
ไม่นานพี่รองของนางก็เดินกลับมาพร้อมกับประคองแม่นางผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตานางกลับมาด้วย
“เจ้า คือแม่นางที่ร้านน้ำชาไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า กัน” นางเอ่ยถามพลางเดินไปประคองแม่นางแทนพี่รองของตน
สภาพของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้า ที่นางสวมใส่อาจจะมีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะว่ามันถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยามของพี่ชายนางเอาไว้ ทำให้มองไม่ เห็นแต่นางก็พอจะคาดเดาได้
“ข้าถูกคนไม่ดีดักฉุดเจ้าค่ะ โชคดีที่คุณชายเข้ามาช่วยได้ทัน” แม่นางน้อยผู้น่าสงสารเอ่ยตอบนางทั้งน้ำตา
“ช่างชั่วช้านัก พี่รองท่านจัดการพวกมันยังไงเจ้าคะ”
“ข้าจัดพวกมันสามคนมัดเอาไว้แล้ว ค่อยแจ้งมือปราบหลวงจับพวกมันเข้าคุก”
“คุณชาย แม่นาง ข้าขอขอบคุณพวกท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือข้าเจ้าค่ะ แต่หากเรื่องถึงทางการหนึ่งในสามคนนั้นมีพี่ชายทำงานอยู่ที่ศาลเกรงว่าจะหยุดพ้นความผิดไปได้ พอถึงตอนนั้นข้ากับท่านพ่อจะต้องเดือดร้อนแน่”
“เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไร จะให้ปล่อยพวกมันไปอย่างนั้นหรือ” เฉินจินฮวาเอ่ยถาม
“ข้าคงทำได้แค่นั้นเจ้าค่ะ” เจ้าของเสียงสะอื้นกล่าวออกมาอย่างสิ้นหวัง
“วันนี้เจ้าปล่อยพวกมันไป วันหน้าพวกมันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเจ้าอีก ครั้งหน้าเจ้าคงไม่โชคดีเจอข้ากับพี่อีก เจ้าจะตกนรกทั้งเป็นรู้หรือไม่”
“ข้าไม่มีทางเลือกเจ้าค่ะ ข้ากลัวพวกมันจะทำร้ายท่านพ่อของข้า ทั้งชีวิตข้ามีท่านพ่อเป็นญาติเพียงคนเดียวข้าไม่อาจทนเห็นท่านต้องเจอเรื่องไม่ดีเพราะข้าได้”
“แล้วเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าพ่อของเจ้าก็ไม่ต้องการเห็นเจ้าต้องตกนรกทั้งเป็นเช่นกัน”
แม่นางน้อยร้านชานิ่งไปหลังจากที่นางเอ่ยจบ
“เช่นนั้นข้าควรทำเช่นไรดีเจ้าคะ ข้าไม่มีทั้งเงินทั้งอำนาจคงไม่อาจต่อกรกับพวกคนเลวพวกนั้นได้”
“เจ้าไม่ต้องทำสิ่งใด พรุ่งนี้เจ้าไปที่ศาล ตีกลองฟ้องร้องพวกมันซะ จะมีคนของข้าค่อยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้เจ้ากับพ่อทุกอย่างเอง” พี่รองของนางเอ่ยขึ้น
“ทำอย่างนั้นจะไม่เป็นไรหรือเจ้าคะ” แม่นางน้อยร้านชายังกังวล
“พี่รองของข้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเจ้าด้วยตัวเอง ย่อมไร้ ปัญหา เจ้าอย่าได้กังวลสิ่งใดอีกเลย มาเถิดข้ากับพี่ชายจะส่งเจ้ากลับบ้านเอง” เอ่ยจบนางก็ประคองร่างบางของแม่นางน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เพื่อที่จะได้ประคองนางไปส่งบ้าน
ด้านพี่รองของนางก็หันไปเก็บข้าวของที่โยนทิ้งเอาไว้ก่อนหน้าขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่ปล่อยให้นางประคองแม่นางน้อย พากันค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างช้า ๆ
“พี่รอง ถนนแถวนี้ทั้งหมดทั้งลับตาคนเอาไว้ท่านต้องแจ้งทางการให้มาตรวจตราบ่อย ๆ นะเจ้าคะ” นางกล่าวขึ้น ปกติแล้วแม้จะเป็นกลางเมืองแต่หากเป็นตอนกลางคืนก็แทบจะไม่คนผ่านทางไปมาเลย ถนนเส้นนี้จึงค่อนข้างอันตราย หากไม่ใช่ว่ามีพี่รองที่วรยุทธ์สูงมาด้วย ตัวนางเองก็ไม่คิดจะใช้เส้นทางนี้อย่างแน่นอน
“ได้ พวกเรารีบไปเถอะ”
หลังจากที่เดินมาได้ไม่นาน ดูเหมือนจะมีสิ่งปกติเกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ พี่ชายที่คอยก้าวตามหลังมาตลอดกลับเหินทะยานมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกนางแทน
พริบตาเดียวเท่านั้นอยู่ ๆ ก็มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งทะยานออกมายืนดักหน้าพวกนางเอาไว้กว่าสิบคนซ้ำทุกคนยังมีอาวุธครบมือ
“พวกเจ้าเป็นใครกัน” ฟูหมิงถามขึ้น ใบหน้าของรองแม่ทัพหนุ่มยามนี้นิ่งเฉยไร้อารมณ์ ทว่าในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มกำลังเริ่มกังวลในสถานการณ์ตรงหน้า ยิ่งกว่านั้นเป็นห้วงความปลอดภัยของผู้เป็นน้องสาวเป็นที่สุด
“ส่งตัวนักฆ่าสาวชุดขาวผู้นั้นมา”
ผู้ที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าพวกชายชุดดำกล่าวเสียงเรียบ เฉินจินฮวาได้ยินที่เขากล่าวก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
นักฆ่าสาวชุดขาวเช่นนั้นหรือ ที่นี่มีนักฆ่าสาวชุดขาวที่ไหนกัน
มีเพียงนางเท่านั้นที่สวมใส่อารมณ์สีขาวล้วนเพียงผู้เดียว แม่นางน้อยจ้าวบุตรสาวร้านน้ำชาก็สวมใส่อารมณ์สีเหลืองอ่อน
“ที่นี่หาได้มีนักฆ่าที่พวกเจ้าต้องการตัวไม่” รองแม่ทัพหนุ่มยังคงเอ่ยตอบอย่างใจเย็น
“ผู้ที่อยู่ด้านหลังของเจ้าเป็นนักฆ่า ที่เพิ่งลอบสังหารผู้สูงศักดิ์ จงส่งนางมา!!!”
หัวหน้าชายชุดดำกล่าวเสียงดัง สายตาของเขาจับจ้องมายังตัวนางอย่างเปิดเผย เฉินจินฮวาจึงรู้ได้ในทันทีว่านางกำลังถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนักฆ่าไปซะแล้ว
“ข้ามิใช่นักฆ่า พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว” นางเอ่ยขึ้นยืนยันความบริสุทธิ์ของตน
“นักฆ่าหนีมาทางนี้ แล้วที่นี่ก็พบเพียงเจ้าที่ใส่ชุดสีขาวซ้ำยังปกปิดใบหน้า ย่อมต้องเป็นเจ้าไม่ผิดแน่”
“ไม่ใช่ข้า ท่านเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ” นางยังพยายามยืนยัน
“ไม่ใช่แม่นางจึง ๆ เมื่อครู่ข้าถูกทำร้ายโชคดีที่ได้ผู้มีพระคุณทั้งสองยื่นมือเข้าช่วยเหลือ” แม่นางจ้าวเองก็ช่วยพูดยืนยันด้วยอีกเสียงหนึ่ง
“พวกเจ้าสามคนเป็นพวกเดียวกันเชื่อถือไม่ได้ จงยอมมอบตัวเสีย หลังจากสอบสวนแล้วใช่หรือไม่ใช่ย่อมชัดเจน” หัวหน้าชายชุดดำอย่างไรก็จะจับนางให้ได้ เขาไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อพวกนางเลย
“ข้าเองก็เป็นขุนนางในราชสำนัก หากพวกเจ้ายืนยันจะลงมือจับกุมให้ได้เกรงว่าเรื่องจะไม่จบง่าย ๆ แล้ว” ฟูหมิง กล่าวก่อนจะหยิบหยกแขวนประจำตัวออกมาจากอกเสื้อ
หยกแขวนนี้สลักตัวอักษร เฉินอยู่ตรงกลางตราของราชวงศ์เอาไว้ ผู้ที่จะมีในครอบครองได้ย่อมต้องเป็นคนของราชสำนักและคนในกองทัพสกุลเฉินซ้ำยังต้องมียศศักดิ์ไม่ต่ำกว่ารองแม่ทัพอีกด้วย นอกจากเขาแล้วผู้ที่มีหยกแขวนเช่นเดียวกันก็มีเพียงมู่หวายหนานผู้เป็นพี่เขยและสหายสนิทของเขาเท่านั้น
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร หากขัดขวางการทำตามคำสั่งของข้าก็ต้องตายทั้งนั้น ไป!!! ต้องจับมือสังหารมาให้จงได้” ผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยสั่งทันที ชายชุดดำทั้งหมดเตรียมกระโจนปะทะเพื่อจับกุมนักฆ่าสาวชุดขาวในทันทีหากไม่ใช่ว่ามีเสียงตะโกนทรงอำนาจให้หยุดมือเสียก่อน
“หยุดมือ”
เพียงประโยคชายชุดดำทั้งหมดก็หยุดนิ่งในทันที
เฉินจินฮวามองตามไปยังทิศทางเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะพบบุรุษผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดดำทั้งชุด ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สายตาดุจเหยี่ยว ทุกย่างก้าวล้วนหนักแน่นเต็มไปด้วยอำนาจที่แผ่ออกมา นางรับรู้ได้ในทันทีเลยว่าบุรุษผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่
ยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าด้านหลังของเขายังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งนางคุ้นเคยเป็นอย่างดีติดตามมาด้วยอีกผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นไม่ก็คือพี่เขยของนางรองแม่ทัพมู่หวายหนานนั่นเอง
“เจ้าคงเป็นรองแม่ทัพเฉินฟูหมิง” เจ้าของน้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่พี่ชายของนาง “ส่วนเจ้าก็คงจะเป็น เฉินเช่อเฟย”
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม