“เจ้าค่ะ” หลินถงตอบรับเสียงอ่อนพลางลอบดูสีหน้ามุ่งมั่นระคนโกรธเคืองของคุณหนู เหตุใดสาวใช้เช่นนางถึงได้รู้สึกว่าระหว่างคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
ด้านหยวนลี่หมิงนั่งฟังรายงานของเพ่ยตงที่หลังจากส่งตะกร้าของบำรุงทั้งหมดแล้วก็ลอบจับตามองเรือนของหมิงเจียวซือ จึงได้เห็นว่านางนั่งกินน้ำแกงไก่และเกาลัดต้มน้ำตาลจนหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
“ดูเหมือนคุณหนูรองจะพร่องหยางจริง ๆ นะขอรับ” ถึงได้ตั้งอกตั้งใจกินของบำรุงที่คุณชายมอบให้
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปที่โรงเตี๊ยมหมิ่นหวั่น เพื่อซื้อข้าวอบแปดเซียน หัวสิงโตน้ำแดงให้นาง”
“โรงเตี๊ยมหมิ่นหวั่นที่อยู่เมืองหานใช่หรือไม่ขอรับ” เมืองหานอยู่ห่างจากเมือ
“เจ้าค่ะ” หลินถงตอบรับเสียงอ่อนพลางลอบดูสีหน้ามุ่งมั่นระคนโกรธเคืองของคุณหนู เหตุใดสาวใช้เช่นนางถึงได้รู้สึกว่าระหว่างคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ด้านหยวนลี่หมิงนั่งฟังรายงานของเพ่ยตงที่หลังจากส่งตะกร้าของบำรุงทั้งหมดแล้วก็ลอบจับตามองเรือนของหมิงเจียวซือ จึงได้เห็นว่านางนั่งกินน้ำแกงไก่และเกาลัดต้มน้ำตาลจนหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว “ดูเหมือนคุณหนูรองจะพร่องหยางจริง ๆ นะขอรับ” ถึงได้ตั้งอกตั้งใจกินของบำรุงที่คุณชายมอบให้ “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปที่โรงเตี๊ยมหมิ่นหวั่น เพื่อซื้อข้าวอบแปดเซียน หัวสิงโตน้ำแดงให้นาง” “โรงเตี๊ยมหมิ่นหวั่นที่อยู่เมืองหานใช่หรือไม่ขอรับ” เมืองหานอยู่ห่างจากเมือ
11 ล่อลวงสตรีด้วยของกิน ทันทีที่กลับถึงจวน หมิงเจียวซือรีบสั่งให้สาวใช้คนสนิทเล่าถึงเรื่องราวที่ไปสืบมา “ได้ความว่าอย่างไรบ้าง” “ตระกูลหยวนเป็นตระกูลของอดีตเจ้ากรมอาญาหยวนเกาเจ้า
‘ไหนท่านบอกเพื่อความปลอดภัยของข้า ไม่ให้เอ่ยถึงตระกูลหยวน’ แล้วนี่อันใด คิดจะพานางไปด้วย “ว่าอย่างไร จะไปกับข้าหรือไม่” คราวนี้เขาไม่ได้รั้งตัวนางเข้าไปใกล้ แต่เป็นเขาที่เปลี่ยนมาคุกเข่าในท่ากึ่งคลานแล้วยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้นาง “แต่ข้าอาจจะไม่ว่างเจ้าค่ะ” “ยามค่ำคืนเจ้าจะไม่ว่างได้อย่างไร” “ข้า...ข้าอาจจะไปเที่ยวเทศกาลหยวนเซียวกับบุรุษที่ข้าพึงใจเจ้าค่ะ” “ไปกับข้าก่อน เมื่อกราบไหว้ตระกูลหยวนเสร็จสิ้น ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมโคมไฟในเทศกาลหยวนเซียวเอง” “แต่ข้าอยากไปกับบุรุษที่พึง...” นางยังกล่าวไม่ทันจบ
นางปรายตามองอีกฝ่ายอย่างจนใจก่อนจะเดินเข้าห้องของตนเอง ผ่านไปราวสองเค่อ นางก็ยังพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะนอนไม่หลับ สุดท้ายจึงตัดสินใจลงจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าเรือน ‘สุดท้ายข้าก็ใจอ่อนจนได้’ นางทอดถอนใจกับตัวเอง “ข้าไปดูคุณชายของเจ้าก็ได้ เสียงลมหายใจของเจ้าดังรบกวนข้าจนนอนไม่หลับ” หมิงเจียวซือยกมือกอดอกก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยคล้ายรำคาญจริง ๆ “ขอบคุณขอรับคุณหนูรอง แม้ยามปกติท่านจะปากร้ายแต่แท้จริงท่านเป็นสตรีที่จิตใจดีงามมากขอรับ” “เจ้าหลอกด่าข้า ข้าเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว” นางทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าเรือน 
“หนีเร็วเช่นนี้ คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ สตรีร้ายกาจ” ล่อลวงเขาแล้วคิดจะชิ่งหนี มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก ด้านหมิงเจียวซือรีบวิ่งกลับเรือนของตนอย่างรวดเร็ว ลืมสิ้นความหวาดกลัวในความมืด คล้ายกลัวว่าสิ่งชั่วร้ายจะไล่ตามมา ‘นี่มันเรื่องอันใดกัน ข้าควรจะตกใจเรื่องใดก่อน’ ทั้งเรื่องที่หมิงเลี่ยงรุ่ยหาใช่พี่ชายร่วมสายเลือดของนางไม่ เขาไม่ใช่บุตรชายของบิดาตามที่กล่าวอ้าง เขาเป็นเพียงบุตรชายของสหาย ไหนจะเรื่องที่เขาเป็นคนตระกูลหยวนซึ่งถูกฆ่าล้างตระกูลในอดีต ชาติก่อนนางไม่เคยได้รู้เรื่องนี้ หากนางไม่คิดกลั่นแกล้งเขา นางก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไปใกล้ เมื่อถึงเรือนนางก็รีบเข้าห้องของตนในทันที มือเรียวถอดอาภรณ์ตัวนอกออกอย่างรีบร้อ
10 อยากเป็นสามีหาใช่พี่ชาย “จะรีบไปไหน” สิ้นเสียงเขารวบเอวคอดกิ่วของสตรีที่กำลังจะปีนข้ามตัวเขาเพื่อลงจากเตียงเอาไว้ ก่อนจะกดนางลงนอนส่วนตัวเองก็พลิกกลับขึ้นไปอยู่ด้านบน “พะ พี่ใหญ่” “เจ้าน่าจะได้ยินชัดเจนแ