“ขอเพียงกินแล้วไม่ท้องเสีย ข้าล้วนไม่ถือสา”
“เช่นนั้นท่านกินเจี่ยวจือตามสบายเลยนะเจ้าคะ หมดหน้าที่ข้าแล้ว ข้าขอตัว”
“อย่าเพิ่งไป อยู่กินเจี่ยวจือกับข้าก่อนสิ”
“ก่อนหน้านี้ข้ากินพร้อมท่านแม่จนแน่นท้องแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็นั่งอยู่ก่อน ประเดี๋ยวข้ากินหมดแล้วค่อยกลับ”
‘เรื่องมากเสียจริง’ หรือเขาแค่อยากมีสหายในคืนส่งท้ายปี
“อย่าจ้องข้าเช่นนั้น เพราะมันจะทำให้ข้าพานกินเจี่ยวจือไม่ลง”
&nb
‘ไหนท่านบอกเพื่อความปลอดภัยของข้า ไม่ให้เอ่ยถึงตระกูลหยวน’ แล้วนี่อันใด คิดจะพานางไปด้วย “ว่าอย่างไร จะไปกับข้าหรือไม่” คราวนี้เขาไม่ได้รั้งตัวนางเข้าไปใกล้ แต่เป็นเขาที่เปลี่ยนมาคุกเข่าในท่ากึ่งคลานแล้วยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้นาง “แต่ข้าอาจจะไม่ว่างเจ้าค่ะ” “ยามค่ำคืนเจ้าจะไม่ว่างได้อย่างไร” “ข้า...ข้าอาจจะไปเที่ยวเทศกาลหยวนเซียวกับบุรุษที่ข้าพึงใจเจ้าค่ะ” “ไปกับข้าก่อน เมื่อกราบไหว้ตระกูลหยวนเสร็จสิ้น ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมโคมไฟในเทศกาลหยวนเซียวเอง” “แต่ข้าอยากไปกับบุรุษที่พึง...” นางยังกล่าวไม่ทันจบ
นางปรายตามองอีกฝ่ายอย่างจนใจก่อนจะเดินเข้าห้องของตนเอง ผ่านไปราวสองเค่อ นางก็ยังพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะนอนไม่หลับ สุดท้ายจึงตัดสินใจลงจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าเรือน ‘สุดท้ายข้าก็ใจอ่อนจนได้’ นางทอดถอนใจกับตัวเอง “ข้าไปดูคุณชายของเจ้าก็ได้ เสียงลมหายใจของเจ้าดังรบกวนข้าจนนอนไม่หลับ” หมิงเจียวซือยกมือกอดอกก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยคล้ายรำคาญจริง ๆ “ขอบคุณขอรับคุณหนูรอง แม้ยามปกติท่านจะปากร้ายแต่แท้จริงท่านเป็นสตรีที่จิตใจดีงามมากขอรับ” “เจ้าหลอกด่าข้า ข้าเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว” นางทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าเรือน 
“หนีเร็วเช่นนี้ คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ สตรีร้ายกาจ” ล่อลวงเขาแล้วคิดจะชิ่งหนี มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก ด้านหมิงเจียวซือรีบวิ่งกลับเรือนของตนอย่างรวดเร็ว ลืมสิ้นความหวาดกลัวในความมืด คล้ายกลัวว่าสิ่งชั่วร้ายจะไล่ตามมา ‘นี่มันเรื่องอันใดกัน ข้าควรจะตกใจเรื่องใดก่อน’ ทั้งเรื่องที่หมิงเลี่ยงรุ่ยหาใช่พี่ชายร่วมสายเลือดของนางไม่ เขาไม่ใช่บุตรชายของบิดาตามที่กล่าวอ้าง เขาเป็นเพียงบุตรชายของสหาย ไหนจะเรื่องที่เขาเป็นคนตระกูลหยวนซึ่งถูกฆ่าล้างตระกูลในอดีต ชาติก่อนนางไม่เคยได้รู้เรื่องนี้ หากนางไม่คิดกลั่นแกล้งเขา นางก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไปใกล้ เมื่อถึงเรือนนางก็รีบเข้าห้องของตนในทันที มือเรียวถอดอาภรณ์ตัวนอกออกอย่างรีบร้อ
10 อยากเป็นสามีหาใช่พี่ชาย “จะรีบไปไหน” สิ้นเสียงเขารวบเอวคอดกิ่วของสตรีที่กำลังจะปีนข้ามตัวเขาเพื่อลงจากเตียงเอาไว้ ก่อนจะกดนางลงนอนส่วนตัวเองก็พลิกกลับขึ้นไปอยู่ด้านบน “พะ พี่ใหญ่” “เจ้าน่าจะได้ยินชัดเจนแ
“ขอเพียงกินแล้วไม่ท้องเสีย ข้าล้วนไม่ถือสา” “เช่นนั้นท่านกินเจี่ยวจือตามสบายเลยนะเจ้าคะ หมดหน้าที่ข้าแล้ว ข้าขอตัว” “อย่าเพิ่งไป อยู่กินเจี่ยวจือกับข้าก่อนสิ” “ก่อนหน้านี้ข้ากินพร้อมท่านแม่จนแน่นท้องแล้วเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นก็นั่งอยู่ก่อน ประเดี๋ยวข้ากินหมดแล้วค่อยกลับ” ‘เรื่องมากเสียจริง’ หรือเขาแค่อยากมีสหายในคืนส่งท้ายปี “อย่าจ้องข้าเช่นนั้น เพราะมันจะทำให้ข้าพานกินเจี่ยวจือไม่ลง”&nb
‘ไม่รู้ป่านนี้พี่ใหญ่จะนอนไปแล้วหรือยัง’ นางคิดก่อนจะรีบเดินกลับเรือนของตนเพื่อไปยกเจี่ยวจือที่เตรียมเอาไว้ให้พี่ชาย เมื่อได้หม้อเจี่ยวจือแล้ว หมิงเจียวซือก็รีบก้าวเท้าเดินไปที่เรือนของพี่ชายต่างมารดา แต่พอไปถึง เรือนของหมิงเลี่ยงรุ่ยกลับมืดไร้แสงเทียน คล้ายกับว่าไม่มีใครอยู่ “พี่ใหญ่ไม่อยู่เรือนเช่นนี้ แล้วจะให้ข้านำเจี่ยวจือมาให้ด้วยเหตุใด” นางกวาดสายตามองผ่านความมืดพบแต่เพียงความว่างเปล่า เรือนของพี่ชายต่างมารดาเงียบสงัดไม่เห็นแม้แต่เงาของบ่าวรับใช้ทั้งสอง “หรือว่าข้ามาดึกดื่นเกินไป เขาจึงรอไม่ไหว ออกจากเรือนไปเที่ยวนอกจวนแล้ว&rdqu