ชาญชัยย่อตัวลงช้อนตัวคนรักอุ้มก้าวตรงไปยังเตียงกว้าง ดวงตาสบกันแน่วนิ่ง น้ำตาเพิ่งเหือดแห้งจากแก้มนวล มือเรียวคล้องคอของเขาไว้มั่นและเธอเป็นฝ่ายยืดศีรษะขึ้นจนริมฝีปากอิ่มอยู่ระดับเดียวกับเรียวปากหนา เรียวลิ้นร้อนตวัดไล้เบา ๆ กับริมฝีปากล่างของเขา หน้าอกอิ่มเบียดแนบแผ่นอกกว้าง ปลายลิ้นร้อนแทรกเข้าทักทายลิ้นร้อนที่ตอบรับการหยอกเย้าน่ารักของเธอทันที“เราจะทำสนธิสัญญากันใช่ไหมค่ะพี่ชาญ” เธอกระเซ้าชิดริมฝีปากนุ่ม“อื้ม ฉบับสุดท้ายที่นี่หนูนิด เพราะพรุ่งนี้เราจะกลับบ้านเสียที”“แต่นิดยังไม่ได้ลางานเลยนะคะ”“ฝากหมอนั่นทำแทนก็ได้มั้ง”“ใครค่ะ”“ก็อาจารย์วิลเลี่ยมของคุณไง”“ของพี่ชาญต่างหาก”เธออมยิ้มในขณะที่ชาญชัยส่งสายตาเอาเรื่องให้เธอพร้อมกับแผ่นหลังเนียนสัมผัสที่นอนนุ่ม แล้วร่างใหญ่ที่แนบสนิททาบทับลงมาบนตัวเธอ ดวงตาสบกันด้วยแววหวานฉ่ำปลายเล็บแหลมกรีดเบา ๆ กับแผ่นอกกว้างเรื่อยต่ำลงไปจนถึงเอวหนา หัวคิ้วยกท้าทายเมื่อสอดมือเล็กผ่านเข้าไปสัมผัสก้นสอบได้รูปบีบเบา ๆ คล้ายกำลังหมั่นเขี้ยวอยากสัมผัสให้มากกว่านี้ เธอดึงมือกลับมาวางทาบที่แผ่นอกกว้างพร้อมดันเบา ๆ ให้เขาล้มตัวลงนอนให้เธอพลิกตัวขึ้นอยู
วันและคืนล่วงเลยผ่านมาห้าปีทั้งที่ชาญชัยกับวนิดาตั้งใจกันไว้ว่าจะแต่งงานกันทันทีหลังฝ่ายหญิงสำเร็จการศึกษาระดับปริญาตรี แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นไปอย่างที่ทั้งคู่ตั้งใจ เมื่อบิดาของฝ่ายหญิงขอร้องแกบังคับให้เธอเรียนต่อจนจบปริญญาโทอีกสองปีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยระยะแรกวนิดาก็ประท้วงเพราะไม่อยากอยู่ห่าง ชาญชัย อสิรวิสจึงยื่นข้อเสนอให้ชาญชัยเดินทางตามไปดูแลเธอด้วย หญิงสาวจึงยอมเดินทางไปเรียนต่อพร้อมคนรักที่ตามไปดูแลเธอ ระยะเวลาสองปีถูกทอดยาวจนเธอเรียนจบปริญญาเอกและเพลินกับการทำงานต่อในต่างประเทศอีกกว่าปี ทำให้ชาญชัยต้องยื่นคำขาด หากหญิงสาวยังไม่ยอมเดินทางกลับและแต่งงานกับเขา ทางรักของทั้งคู่คงต้องสิ้นสุดกันและนั่นเป็นสิ่งที่วนิดาไม่มีทางยินยอม“อะไรนะคะ” เสียงหวานตวาดลั่นเมื่อถูกยื่นคำขาดด้วยใบหน้าขรึมดวงตาดุดัน“พี่จะกลับเมืองไทย” ชาญชัยยืนยัน“ทำไมคะ พี่ชาญไม่เป็นห่วงหนูนิดจริง ๆ เหรอคะ” เธอกะพริบตางงงันกับคำขาดของคนรัก“ตอนนี้พี่คงไม่จำเป็นต้องดูแลเราแล้ว เพราะด็อกเตอร์วนิดาไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมีคนดูแลแล้วนี่นะ” เสียงทุ้มกล่าวเรียบ ๆหลายปีที่ผ่านมาเขาพยายามโน้มน้าวและชักชวนให้เธอเดิน
พฤทธิ์กลืนน้ำลายลงคอเมื่อซับในชิ้นเล็กถูกถอดออกจนเหลือเพียงบราเกาะอกอะร้าอร่ามยืนส่งตาหวานแสนเซ็กซี่ให้เขาได้ตื่นไปทั้งตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากบางทำให้เขาแทบคลั่งเมื่อคิดถึง “ไฟแดง”“ที่รัก นี่คุณจงใจยั่วให้ผมทำผิดกฎจราจรจริง ๆ ใช่ไหมฮึ” เขาเข่นเขี้ยวเธอด้วยความหมั่นไส้ท่าทางนางแมวยั่วสวาทที่เธอจงใจแสดงแกล้งให้เขาคลั่ง“ใครยั่วใครที่ไหน ไม่มี๊ไม่มี แพรวแค่จะไปอาบน้ำ ว่าแต่...อาบน้ำด้วยกันไหมคะสามี”เธอหัวเราะร่วนก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้คนเป็นสามีทำหน้าง้ำหงายหลังล้มตัวลงบนเตียงด้วยท่าทางเซ็งสุดชีวิตทีเดียว“ไฟเขียวเมื่อไหร่จะเอาให้ยั่วไม่ออกเลย มิ้วกี้ ฝากไว้ก่อนเถอะนางแมวป่า” เขาบ่นพึมพำแพรวพรรณตัดสินใจยื่นใบลาออกจากงานหลังแต่งงานได้เพียงหนึ่งเดือนโดยยังไม่บอกสามี ที่เธอต้องลาออกก็เนื่องมาจากสามีขี้หวงของเธอขอร้องทั้งออดอ้อนจนเธอใจอ่อนด้วยเหตุผลเพียงแค่เขาอยากอยู่ใกล้เธอตลอดเวลาหลังเลิกงาน แต่อาชีพของเธอทำให้มีเวลาให้ครอบครัวไม่แน่นอน ทั้งที่ตอนแรกเธอตั้งใจจะไม่ยอมทำตามคำขอร้องของเขาแต่พฤทธิ์นั้นเชี่ยวชาญในการออดอ้อนภรรยาจนเธออ่อนใจและยอมทำตามด้วยความเต็มใ
ขบวนแห่ขันหมากถูกจัดเตรียมเมื่อถึงฤกษ์งามยามดี ซึ่งในขบวนเพียบพร้อมไปด้วยพาขวัญ กลุ่มหน้าเป็นพวกดนตรีพื้นเมือง เต็มไปด้วยพวกนางรำที่สนุกสนานรื่นเริงกันเต็มที่ ต่อด้วยเจ้าบ่าวและบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวที่ยิ้มแย้มกันสนุกสนานไปพร้อมขบวนนางรำ ถัดจากขบวนเพื่อนเจ้าบ่าวเป็นพาขวัญ ขันหมาก เครื่องบริวารและตามด้วยญาติพี่น้อง เถ้าแก่ พ่อล่าม จนกระทั่งขบวนเคลื่อนเข้ามาถึงประตูบ้านเจ้าสาวลูกสาวป้าปริกทำหน้าที่ญาติฝ่ายหญิงลงมาเปิดประตูบ้านแต่ยังไม่ยอมให้เข้าได้ง่าย ๆ มีการซักถามเพื่อเอาเคล็ดเอาฤกษ์ตามธรรมเนียมพร้อมกับถามว่า“มาทำไมเฮอะ”“มาขอลูกสาวบ้านนี้ เขาว่าเป็นทั้งสวย ทั้งเก่งแถมยังขยันทำมาหากิน” ญาติฝ่ายชายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“อืม...สมกันเหลือเกินเนอะ ขอให้ร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา เชิญ...เชิญ ข้างในบ้าน ฤกษ์งามยามดีเหลือเกิน” ลูกสาวป้าปริกตะโกนตอบพร้อมกับเปิดประตูให้ขบวนเจ้าบ่าวเข้าไปพิธีดำเนินต่อจนเสร็จสิ้นพิธีกว่าบ่าวสาวจะได้อยู่กันตามลำพังทั้งคู่ก็ถึงกับเหงื่อตกกันเลย แต่ใบหน้าทั้งสองยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มอิ่มสุขโดยเฉพาะเจ้าบ่าวที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เริ่มพิธีจนกระทั่งถึงตอนนี้รอยยิ้มกรุ่มกริ่มยิ่ง
ปลายลิ้นหยาบยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยมจนเสียงหวานหวีดร้องขึ้นอีกครั้งเมื่อเรียวลิ้นตวัดไล้แทรกลึกเข้าครอบครองความรุ่มร้อนชุ่มชื้น ริมฝีปากหนาขบเม้มไปทั่วกลีบเกสรจนเธอทนแทบไม่ไหว“โอ้...ไม่ พฤทธิ์ขา อย่าทรมานแพรวอีกเลยนะคะ” ใบหน้าสวยส่ายสะบัดไม่เข้าใจอารมณ์ของตนเองเลยแม้แต่นิดเดียวรู้เพียงแต่ว่าเธอต้องการบางอย่างที่มากกว่านี้“มิ้วกี้ คุณเป็นผู้หญิงที่หวานที่สุดเลยรู้ไหม”เสียงห้าวกระซิบกระซาบในขณะที่ดันตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกัน ริมฝีปากร้อนประกบจูบเรียวปากอิ่มที่เผยอตอบรับด้วยความเต็มใจ อารมณ์ของพฤทธิ์ถึงจุดเดือดทันทีเมื่อเธอเบียดอกอวบเข้าเสียดสีราวกับต้องการปลดปล่อยความทรมานจากฝีมือเขาด้วยร่างกายของเธอ“อย่ากลัวผมที่รัก ผมสัญญาว่าทุกอย่างจะดี เชื่อผมมิ้วกี้ กอดผมไว้แน่น ๆ ยาหยี”แพรวพรรณได้แต่ทำตามคำสั่งของเขาแต่เพียงแค่ส่วนขยายของร่างกายแกร่งขยับเสียดสีกับความรุ่มร้อน เธอก็จิกเล็บเข้ากับไหล่กว้างด้วยความลืมตัว ความซ่านสยิวทำให้เธอครวญคล้ายสะอื้นพร้อมกับขยับตัวเข้าหาเขาราวเสนอตัว เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากริมฝีปากกว้างที่แย้มยิ้มเยือนเรียวปากหนาตรงเข้าสัมผัสปลายถันเบี่ยง
มือเรียวถูกปล่อยให้เป็นอิสระแต่เธอก็ไม่คิดผลักไสแต่กลับร่วมมือด้วยการรั้งบ่าแข็งแรงนั่นให้แนบสนิทกับร่างกายของตนเองมากขึ้นอีกด้วยพฤทธิ์สะกดเธอไว้ด้วยความร้อนจากริมฝีปากในขณะที่มือใหญ่ค่อย ๆ สะกิดกระดุมเสื้อด้านหน้าของเธอจนหมดแถว บราตะขอหน้าเป็นใจให้เขาปลดและครอบครัวนวลเนื้อนุ่มที่เขาหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นความอลังการของนวลเนื้อน่าสัมผัสของแพรวพรรณทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ปลายลิ้นแตะแผ่วบนยอดอก แพรวพรรณก็ผวาสุดตัวพร้อมเปล่งเสียงครวญร้องหวานแหลม“โอ้ว...”ร่างบางแอ่นหยัดเปิดทางให้ชายหนุ่มดึงเครื่องแบบสีขาวพร้อมบราสีหวานโยนลงกองกับพื้นไม่ไยดี กระโปรงเครื่องแบบสีขาวถูกล่นขึ้นมากองอยู่กับเอวบางฝ่ามือหยาบลูบไล้ไปตามแผ่นหลังขาวนวล ริมฝีปากร้อนเลื่อนลงมาสร้างความเสียวซ่านให้กับร่างเล็กอยู่บริเวณหน้าท้องเรียบแบน เธอพยายามบิดกายหนี ในขณะที่ฝ่ามือเล็กคว้าข้อมือแข็งแรงที่ยุ่มย่ามอยู่กับทรวงอกอิ่ม“พอแล้วคุณพฤทธิ์ ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ”“อย่าห้ามผมเลยนะมิ้วกี้ ให้ผมเถอะนะที่รัก”เสียงแผ่วหวิวดังเบาชิดเนื้ออุ่น ลมหายใจรินรดผิวหนังชวนวาบหวามจนเธอขนลุกเกรียวยิ่งปลายลิ้นร้อนแตะ