เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
เล็บมือของเธอนั้นกำลังถูกถอดออก มือของเธอเต็มไปด้วยเลือดและร่างของเธอก็โดนกดตรึงไว้กับพื้นอย่างไรปราณี“ทนายสาวมีอนาคตสดใส ตอนนี้ก็กลายสภาพมาเป็นแค่กองขี้โคลน” เสียงเย็นชาโหดเหี้ยมดังขึ้นเหนือศีรษะของหลิงอี้หราน เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสิ้นหวังและมองใบหน้าที่สวยและทรงเสน่ห์ตรงหน้าของเธอ ใครจะคิดว่าดาราซึ่งเป็นที่นิยมทั้งทางด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ดูไร้เดียงสาราวดอกบัวขาวในสายตาคนอื่นจะเลวทรามได้ขนาดนี้“ห่าวอี้เหมิง ทำไมกัน?” เธอถามด้วยเสียงอันสั่นเทา“เธอฆ่าน้องสาวของฉัน ยังจะกล้าถามว่าทำไมอีกเหรอ?” ห่าวอี้เหมิงพูดอย่างดูถูกด้วยสายตาอันชั่วร้ายขั้นสุด ริมฝีปากของเธอยกยิ้มเย็นเสียดแทงเข้ากระดูก “ไม่ใช่ฉัน… ฉันบริสุทธิ์!” เธอพูดด้วยความยากลำบากและส่ายหน้าไม่หยุด พยายามยืดตัวขึ้น ดวงตาดำขลับของเธอจ้องเขม็งไปยังชายที่ยืนอยู่ข้างกายห่าวอี้เหมิงนั่นคือ… อดีตแฟนเก่าของเธอ ชายผู้ซึ่งเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลปกป้องเธอไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลือของเธอในอดีตแม้ว่านิ้วมือของเธอจะเคยถูกเข็มทิ่มแทงโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็จะรู้สึกทุกข์ใจไปครึ่งค่อนวัน แต่ตอนนี้เขาเพียงแค่เฝ้าดูเธอถูกทรมานโ
หลิงอี้หรานกล่าวว่า "ถ้าคุณชกเขาอีกเขาจะตายนะคะ"“เเล้วยังไง?” อี้จิ่นหลีกล่าวพลางก้มศีรษะลงมองอย่างเยือกเย็นไปที่หลิงอี้หรานผู้ซึ่งพยายามยืนขึ้นด้วยความยากลำบากหลิงอี้หรานถึงกับชะงัก ตอนนี้เธอสามารถเห็นชายคนนี้ได้อย่างชัดเจนเเจ่มเเจ้ง เขาหล่อและมีจมูกที่โด่งตรงเป็นสันขึ้นรูป ริมฝีปากของเขาบางและดูดี แม้ว่าเขาจะดูมีรูปลักษณ์ที่ดี แต่เขายังซ่อนอารมณ์สีหน้าไว้ไม่ให้ใครรับรู้ดวงตาดอกท้อภายใต้ผมหน้าม้าเต็มไปด้วยความขุ่นมัวและความเฉยเมย ราวกับว่าชีวิตของผู้คนนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับเขาเลยทั้งสิ้น เขาไม่สนใจชีวิตของคนอื่นหรือแม้เเต่ชีวิตของเขาเองหลิงอี้หรานสูดหายใจเข้าลึกเเละพูดว่า “มันไม่คุ้มค่าที่จะต้องมีปัญหาเพราะคนห่วย ๆ แบบนี้”เขาจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ ในไม่กี่วินาที อี้จิ่นหลีก็คลายนิ้วมือของเขาออก ซุนเถิงหยางรู้สึกราวกับว่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาไม่สนใจว่าจะมีเลือดอยู่บนใบหน้าของเขาหรือไม่ ซุนเถิงหยาง รีบวิ่งไปที่รถพร้อมผู้หญิงจากนั้นก็หนีไปซุนเถิงหยางกัดฟันกรอดและพูดว่า “ฉันจะพาพวกมามากกว่านี้และซัดไอ้คนนั้นให้สาสม”หญิงสาวที่เงียบอยู่ ม่านตาของเธอหดตัวลงเมื่อรู้ว
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง หลิงอี้หรานจ้องมองเขาอยู่เงียบ ๆ ในตอนนั้นความเหงาที่เธอเคยรู้สึกเมื่อใดก็ตามที่เธอเพิ่งกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์ดูเหมือนจะหายไป อาจเป็นเพราะมีคนอื่นอยู่ในห้องกระมัง?หลังจากที่เขากินเสร็จ หลิงอี้หรานก็ทำความสะอาดจาน “ฉันมักจะนอนโดยเปิดไฟฉันหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะคะ” เธอกล่าว นับตั้งแต่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเธอก็ติดนิสัยชอบเปิดไฟขณะนอนหลับ“ไม่เป็นไร”หลิงอี้หรานนอนลงบนเตียงในขณะที่เขานอนบนฟูกที่เธอปูไว้ที่พื้นเธอหลับตาลงและพยายามอย่างมากที่จะหลับ เธอไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นเมื่อใด แต่ในบางช่วงเวลาเธอเริ่มพบว่ามันน่ากลัวจริง ๆ ที่จะข่มตาให้หลับลงเพราะเมื่อเธอหลับลงคราใด เธอมักจะฝันถึงช่วงเวลาที่อยู่ในคุก เธอจะถูกทุบตีทำให้อับอายและถูกทารุณกรรม... และทุกนิ้วยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการถูกหักและเล็บที่ถูกถอด …หลายครั้งที่เธอคิดว่าเธอจะตายในคุกอย่างไรก็ตามช่างน่าแปลกที่เธอนอนหลับจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นในคืนนั้น และฝันร้ายประจำของเธอก็ไม่มาเยือนหลิงอี้หรานมองร่างที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความงุนงงมันเป็นเพราะเขางั้นเหรอ? เป็นเพราะเธอไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง
หลิงลั่วอินหน้าซีดเผือดและหลิงกว๋อจื้อก็ตบหน้าหลิงอี้หรานฉาดใหญ่ "แกกำลังพูดเรื่องอะไร? แกขับรถชนคนตายแล้วติดคุก เพราะเรื่องนี้ทั้งครอบครัวของเราต้องอับอายเพราะแก แกมันไร้อนาคตไปแล้ว แกต้องการทำลายอนาคตของน้องสาวด้วยหรือไง?” หลิงกว๋อจื้อด่าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจลูกสาว เมื่อเขานึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวของเขาอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเซียว เขามีหน้ามีตามาก แต่ตอนนี้เขาเสียความนับถือพวกนั้นไปหมดแล้วแก้มของหลิงอี้หรานเจ็บมากและเหมือนถูกไฟเผา แต่การแสดงออกของเธอยังคงสงบราวกับว่าเธอไม่สนใจเลย“เดิมทีฉันแค่อยากจะมาจุดธูปให้แม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันไม่จำเป็นต้องมาจุดที่นี่แล้ว ฉันจะไม่เหยียบเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้อีกแล้ว” หลิงอี้หรานบอกหลังจากพูดจบหลิงอี้หรานก็หันกลับและเดินออกจากที่ที่เคยเป็นบ้านของเธอ ที่นี่ไม่ใช่ ‘บ้าน’ ของเธออีกต่อไปแล้ว—เมื่อหลิงอี้หรานกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ของเธอ สถานที่นั้นช่างมืดมิดและไม่มีไฟเปิดใด ๆ เมื่อเธอเปิดไฟเธอก็ได้รับการต้อนรับด้วยความเงียบงันห้องขนาดสิบตารางเมตรนี้ เเค่เพียงมองแวบเดียวเธอก็สามารถบอกได้ทันทีว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง
“เพราะว่า…” เธอกลืนหมั่นโถวที่เหลือ รสชาติของหมั่นโถวเหล่านี้ไม่ได้ดีมากนัก เมื่อก่อนเธออาจจะไม่ชอบมัน แต่ตอนนี้รสชาติเป็นรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคือการทำให้อิ่มท้อง"เราเป็นคนประเภทเดียวกันใช่ไหม? เราทั้งคู่ถูกสังคมทอดทิ้ง ดิ้นรนอยู่อย่างชนชั้นล่าง ไม่มีใครต้องการคนอย่างเราและไม่มีใครเห็นค่า แต่อย่างน้อยเราก็ต่างทำให้อีกฝ่ายอบอุ่นใจได้ ฉันเป็นห่วงคุณและคุณก็เป็นห่วงฉันได้ด้วยใช่ไหม? " เธอยิ้มอ่อนโยนให้เขา รอยยิ้มนั้นปนเปทั้งความหวัง ความปรารถนาและความกระวนกระวาย“อย่างนั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าเราจะเป็นคนประเภทเดียวกันจริง ๆ แหละนะ...” เขาพึมพำ สายตาของเขาดุจดั่งนักล่าที่กำลังจ้องมองสัตว์ตัวเล็ก ๆ ซึ่งตกหลุมพรางของเขา บางทีชีวิตอาจน่าเบื่อเกินไปสำหรับเขาเพราะเขาสามารถคว้าทุกสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ดีดนิ้ว แต่ตอนนี้การละเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เริ่มทำให้เขาสนใจขึ้นมาแล้ว"พี่สาว" เขาพูดคำที่เธอหวังจะได้ยินออกมาเบา ๆในชั่วพริบตานั้นรอยยิ้มของเธอก็สดใสเหมือนดั่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว…หลังอาหารค่ำหลิงอี้หรานพาอี้จิ่นหลีไปตลาดกลางคืนกับเธอเพื่อที่จะซื้อเสื้อผ้าชุด
หลิงอี้หรานตอบ “ฉันไม่ต้องการให้คุณมายกย่อง”ภายใต้ฤทธิ์ของเหล้า ผู้ช่วยผู้กำกับเหอพุ่งเข้าใส่หลิงอี้หรานและตบหน้าของเธออย่างจัง “ถ้าฉันอยากให้ดื่ม เธอก็ต้องดื่ม เธอก็แค่คนไร้ค่ายังจะมีอะไรมาอวดเบ่งอีก”เขาหยิบขวดไวน์แน่นและกรอกเข้าปากของเธอ หลิงอี้หรานพยายามผลักเขาออกไป แต่ชายคนนี้แรงมากกว่าเธอ แถมหลิงลั่วอินก็ยังช่วยเขาด้วยผู้ช่วยผู้กำกับเหอพอใจที่หลิงลั่วอินเข้ามาช่วยและกล่าวว่า "ลั่วอิน คุณยังฉลาดนะ ผมจะคุยกับผู้กำกับและให้คุณได้บทมากขึ้น"หลิงลั่วอินเล่นตามน้ำ “ขอบคุณผู้ช่วยผู้กำกับเหอค่ะ พี่สาวของฉันไม่ฉลาดไปหน่อย ดังนั้นโปรดเข้าใจด้วยนะคะ”หลิงอี้หรานไม่รู้ว่าเธอถูกบังคับให้ดื่มไวน์ไปมากแค่ไหน เธอคอไม่แข็งดังนั้นเธอเริ่มรู้สึกเมามากขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามดิ้นรนควบคุมสติ “ฉัน… ฉันอยากกลับ…”“ได้สิ ฉันจะพาเธอกลับเดี๋ยวนี้ล่ะ” ผู้ช่วยผู้กำกับเหอประคองหลิงอี้หราน ผู้หญิงตรงหน้าของเขานั้นอาจจะไม่ได้สวยตราตรึงมากเเต่เมื่อเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเเฟนกับเซียวจื่อฉีเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นและไม่อยากพลาดโอกาสทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของผู้ช่วยผู้กำกับเหอก็ดังขึ้น
"เปล่า ไม่ได้ทำอะไร" เขาพูด นึกถึงว่าหลังจากที่เขาอุ้มเธอกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ ตอนที่เขาจะวางเธอลงบนเตียงทันใดนั้นเธอก็ผลักเขาลงบนเตียง ในขณะนั้นเขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขาถึงประมาทขนาดนี้ ถ้าเป็นคนที่ต้องการฆ่าเขา เขาก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เขาระวังตัวมาตลอด เขาเผลอตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?แต่ก่อนที่เขาจะทันทำอะไร เธอก็เอามือแตะใบหน้าของเขาและปัดผมม้าหนา ๆ บนหน้าผากของเขาออกไปและสัมผัสดวงตาของเขาด้วยปลายนิ้วของเธอ“ดวงตาของนายสวยมากเลย… ฉันชอบ… มันดูใสมาก…” เธอพึมพำพูดกับตัวเอง"ใสเหรอ?" เขาหัวเราะเบา ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใช้คำว่า ‘ใส’ มาอธิบายตาของเขา “หมายถึงว่ามันดูใสบริสุทธิ์เหรอ?”"มันเหมือนกับว่า... มันไม่เคยแปดเปื้อนจากบาปใด ๆ... มันใสบริสุทธิ์มาก... " เธอพูดอย่างเมามาย “ จินไม่ต้องกลัว... ฉันจะ... ปกป้องนายเอง...”หลังจากพูดอย่างนั้นเธอก็ฟุบลงบนหน้าอกของเขาและหลับไปเขาพูดว่า "พี่สาว พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย พี่แค่หลับไป"เมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกสายตาของเขามองตรงส่วนที่บวมแดงบนแก้มของเธอ “หน้าเจ็บหรือเปล่า?”เธอชะงักแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร" นี่ค