ชีวิตของคริสเตียนและแพรไหมดูเหมือนจะกลับมาสู่ความสงบสุขอีกครั้งหลังจากศึกหนักกับยูริ ทุกวันเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น คริสเตียนพยายามชดเชยเวลาที่เสียไปโดยการดูแลเอาใจใส่แพรไหมอย่างเต็มที่ เขาปรับเปลี่ยนธุรกิจให้โปร่งใสยิ่งขึ้น และเสริมกำลังป้องกันคฤหาสน์ให้แน่นหนาขึ้นหลายเท่าตัว เขาเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้สร้างอนาคตร่วมกันอย่างแท้จริง แต่ในโลกของคริสเตียน อันตรายไม่เคยหลับใหล...
หลายสัปดาห์ผ่านไปอย่างราบรื่น คริสเตียนและแพรไหมวางแผนที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่ต่างประเทศด้วยกันเพื่อเป็นการฮันนีมูนครั้งแรกหลังจากที่ทั้งคู่ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามากมาย แพรไหมตื่นเต้นกับแผนการนี้มาก เธอไม่รู้เลยว่า เงาแห่งภัยคุกคาม กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้กว่าที่คิด
ในขณะที่คริสเตียนกำลังยุ่งอยู่กับการประชุมสำคัญนอกคฤหาสน์ แพรไหมตัดสินใจออกไปเดินเล่นในสวนส่วนตัวของคฤหาสน์ เธอชื่นชอบความสงบและร่มรื่นของที่นี่มาก มันเป็นสถานที่ที่ช่วยให้เธอผ่อนคลายจากความเครียดและความกังวลต่างๆ ที่ผ่านมา
ขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับดอกไม้นานาพรรณ สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นบางสิ่งผิดปกติที่พุ่มไม้ใกล้กำแพงสูง แพรไหมรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล หัวใจของเธอเริ่มเต้นระรัว เธอพยายามมองให้ชัดขึ้น และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เลือดในกายเธอเย็นเฉียบ… มีคนแอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้!
แพรไหมตัวแข็งทื่อ ความกลัวเข้าจู่โจมเธออย่างฉับพลัน เธอมั่นใจว่านั่นไม่ใช่หนึ่งในลูกน้องของคริสเตียน เพราะท่าทางของคนผู้นั้นดูไม่เป็นมิตรและกำลังจ้องมองมาทางเธออย่างน่าขนลุก เธอพยายามตั้งสติและค่อยๆ ถอยห่างจากจุดนั้นอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้หันหลังกลับ เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง และก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งตัว มือแข็งแรงคู่หนึ่งก็ตะครุบเข้าที่ปากของเธอ และอีกมือหนึ่งก็ล็อกตัวเธอไว้แน่น
“เงียบซะ! ถ้าไม่อยากตาย!” เสียงกระซิบห้าวๆ ดังขึ้นข้างหูของเธอ
แพรไหมพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่เรี่ยวแรงของเธอก็เทียบไม่ได้กับคนร้ายที่ตัวใหญ่กว่ามาก ร่างของเธอถูกลากออกไปจากสวนอย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย การจู่โจมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเงียบงันจนไม่มีใครสังเกตเห็น
เมื่อคริสเตียนกลับมาถึงคฤหาสน์ในช่วงเย็น บรรยากาศภายในบ้านกลับเงียบผิดปกติ ลูกน้องคนสนิทอย่าง เดฟ และคนอื่นๆ ต่างก็ดูเคร่งเครียดและกระวนกระวาย
“เกิดอะไรขึ้น?” คริสเตียนถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาสัมผัสได้ถึงลางร้าย
เดฟ รีบเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด “นายท่านครับ…คุณแพรไหมหายไปครับ เราหาเธอไม่เจอเลยตั้งแต่ช่วงบ่าย”
คำพูดของเดฟเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจคริสเตียน “อะไรนะ?! หายไปได้ยังไง! เธออยู่ที่ไหน! ใครดูแลความปลอดภัยอยู่!” คริสเตียนตะคอกเสียงดังด้วยความตื่นตระหนกและโกรธจัด
เดฟ รายงานสถานการณ์ทั้งหมด พวกเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ประตูและกำแพงคฤหาสน์ยังคงแน่นหนา ไม่มีร่องรอยการบุกรุก ไม่มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นแม้แต่น้อย ราวกับว่าแพรไหมหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
คริสเตียนสั่งให้ลูกน้องทุกคนออกค้นหาแพรไหมทันที ระดมกำลังทุกวิถีทางเพื่อตามหาเธอ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงตรงหน้า ความกลัวกัดกินหัวใจของเขาอย่างรุนแรง เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับแพรไหมอีกครั้ง
ในขณะที่คริสเตียนกำลังออกคำสั่งอย่างร้อนรน โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้คริสเตียนต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ… มันคือเบอร์ของยูริ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในห้องลับใต้ดินที่แน่นหนาของคริสเตียนเอง!
คริสเตียนรับสายด้วยความระแวง “แกต้องการอะไร! แกทำอะไรแพรไหม!”
เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังมาจากปลายสาย “ใจเย็นสิคริสเตียน…แกคงคิดว่าฉันตายแล้วสินะ…แต่แกก็ยังประมาทเหมือนเดิม”
“ยูริ!” คริสเตียนคำรามด้วยความโกรธจัด “แกออกมาจากคุกใต้ดินได้ยังไง!”
“ก็แค่ใช้สมองนิดหน่อย…และใช้คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดแต่ก็ยังโง่อย่างแกเป็นเครื่องมือ” ยูริกล่าวอย่างเยาะเย้ย “แกคิดว่าการคุมขังฉันจะยุติทุกอย่างงั้นเหรอ…แกคิดผิดแล้ว! นี่แหละคือ เกมสุดท้าย ของเรา!”
ยูริบอกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว เขาได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้นานแล้ว และมีคนในคอยช่วยเหลือจากภายในมาโดยตลอด และคนที่จับตัวแพรไหมไปไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลูกน้องคนสนิทของเขาที่คอยปฏิบัติการนอกคุกตลอดเวลาที่เขาถูกคุมขังอยู่ และตอนนี้แพรไหมก็ตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว
“ถ้าแกอยากให้ผู้หญิงของแกรอด…มาคนเดียว…มาที่โกดังเก่าริมแม่น้ำ…ภายในหนึ่งชั่วโมง! ถ้าแกสายแม้แต่นาทีเดียว…แกจะได้เห็นสิ่งที่แกไม่ต้องการเห็น!” ยูริขู่ด้วยน้ำเสียงอำมหิตก่อนจะวางสายไป
คริสเตียนกำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผาก เขามองโทรศัพท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความกังวล เขาอยากจะบุกไปถล่มยูริให้สิ้นซาก แต่คำขู่ของยูริเรื่องแพรไหมทำให้เขาต้องระงับความบ้าคลั่งไว้ เขาต้องไปช่วยแพรไหม!
“นายท่านครับ! อย่าไปคนเดียวครับ มันอันตรายเกินไป!” เดฟ รีบเข้ามาห้ามเมื่อเห็นสีหน้าของคริสเตียน
“ไม่ได้! ผมต้องไปคนเดียว! ถ้าผมพาใครไปด้วย ยูริจะทำร้ายแพรไหม!” คริสเตียนปฏิเสธเสียงแข็ง “แกอยู่ที่นี่! เตรียมทีมให้พร้อม! ถ้าผมยังไม่กลับมาในอีกสองชั่วโมง…บุกเข้าไปช่วยแพรไหมทันที!”
คริสเตียนรีบคว้าอาวุธคู่ใจและชุดสีดำของเขา ก่อนจะรีบขับรถออกจากคฤหาสน์ไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความกังวลและความหวังที่ริบหรี่ไว้เบื้องหลัง
แพรไหมถูกนำตัวมายังโกดังเก่าริมแม่น้ำที่รกร้างแห่งหนึ่ง เธอถูกมัดมือและเท้าไว้กับเก้าอี้ ปากถูกปิดด้วยผ้าเทปหนา ห้องมืดสลัวและมีกลิ่นอับชื้น เธอพยายามดิ้นรนแต่ก็ไร้ประโยชน์ ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจ แต่เธอก็พยายามตั้งสติและมองหาสัญญาณของความช่วยเหลือ
ไม่นานนัก ยูริก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้น
“ตื่นเต้นไหมแพรไหม” ยูริกล่าวเย้ยหยันพลางเดินวนรอบตัวเธอ “อีกไม่นานคนรักของเธอก็จะมา…และฉันจะทำให้เขาได้เห็นว่าการเล่นกับตระกูลคาร์ดินัลมันต้องชดใช้อะไรบ้าง”
ยูริถอดผ้าเทปออกจากปากของแพรไหม “พูดอะไรก็ได้ที่อยากพูดเป็นครั้งสุดท้าย…ก่อนที่คริสเตียนของเธอจะมาเห็นเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง”
แพรไหมมองยูริด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและไม่ยอมแพ้ “นายจะไม่มีทางทำอะไรคริสเตียนได้! เขาจะมาช่วยฉัน…และนายจะต้องชดใช้ในสิ่งเลวร้ายที่ทำ!”
ยูริหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “กล้าพูดดีนี่! มาดูกันว่าแกจะกล้าพูดแบบนี้ไหม…เมื่อคริสเตียนเห็นแกถูกทำลายต่อหน้าต่อตา!”
ยูริสั่งให้ลูกน้องเริ่มเตรียมการบางอย่าง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการติดตั้งระเบิดเวลาขนาดเล็กไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วโกดัง แพรไหมมองด้วยความตกใจ เธอรู้ทันทีว่ายูริไม่เพียงแค่ต้องการแก้แค้น แต่เขาต้องการที่จะ ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งตัวเธอและคริสเตียนด้วย
เธอพยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่ยูริก็เข้ามาบีบขากรรไกรของเธอแน่น “อย่าคิดว่าจะรอดไปได้ง่ายๆ แพรไหม! แกจะต้องตายไปพร้อมกับคริสเตียนของแก!”
แม้จะหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่แพรไหมก็พยายามรวบรวมความเข้มแข็งทั้งหมดที่มี เธอไม่ยอมให้ยูริเห็นความอ่อนแอของเธอ เธอต้องเข้มแข็งเพื่อคริสเตียน เพื่อตัวเอง และเพื่ออนาคตที่เธอหวังไว้
คริสเตียนมาถึงโกดังเก่าริมแม่น้ำในเวลาที่กำหนด เขาจอดรถห่างออกไปเล็กน้อยและเดินเท้าเข้ามาอย่างเงียบเชียบ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่น่าขนลุกและเงียบงันจนผิดปกติ
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปในโกดัง สิ่งแรกที่เห็นคือแสงสลัวๆ และร่างของแพรไหมที่ถูกมัดอยู่กลางห้อง หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
“แพรไหม!” คริสเตียนคำรามด้วยความโกรธแค้น เขามองไปรอบๆ และเห็นยูริยืนอยู่พร้อมลูกน้องอีกสองคน
“มาแล้วเหรอคริสเตียน…ฉันรอแกมานานแล้ว” ยูริยิ้มเยือกเย็น “ถึงเวลาที่เราจะจบเรื่องนี้กันเสียที”
“ปล่อยแพรไหมไป! เรื่องนี้เป็นเรื่องของแกกับฉัน!” คริสเตียนกล่าวเสียงกร้าว เขากำหมัดแน่น
“ไม่ได้! แพรไหมคือส่วนหนึ่งของการแก้แค้นของฉัน” ยูริตอบ “แกจะต้องทรมาน…เหมือนที่ฉันเคยทรมาน!”
ทันใดนั้น ยูริก็กดปุ่มบางอย่าง เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น พร้อมกับตัวเลขเวลาที่เริ่มนับถอยหลังบนหน้าจอระเบิดที่ติดตั้งอยู่ทั่วโกดัง
“แกคิดจะทำอะไร!” คริสเตียนถาม
“ฉันจะระเบิดที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง! และแกกับผู้หญิงของแกก็จะต้องตายไปพร้อมกัน!” ยูริหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “นี่แหละคือบทสรุปที่แท้จริงของตระกูลคาร์ดินัล!”
คริสเตียนรู้ว่าเขาไม่มีเวลามากนัก เขาต้องช่วยแพรไหมและจัดการกับยูริให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
เขาพุ่งเข้าใส่ยูริทันที การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ลูกน้องของยูริพยายามเข้ามาขวาง แต่คริสเตียนจัดการพวกเขาได้อย่างรวดเร็วด้วยทักษะการต่อสู้ที่เหนือชั้น
แพรไหมมองดูคริสเตียนด้วยความหวาดกลัว แต่ก็มีความหวัง เธอพยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการอย่างสุดกำลัง เธอรู้ว่าเธอต้องช่วยตัวเองบ้าง เธอจ้องมองไปที่จุดที่ลูกน้องของยูริผูกเชือกไว้ เธอใช้แรงทั้งหมดที่มี พยายามขยับตัวและถูเชือกเข้ากับขอบคมของเก้าอี้ที่แตกหัก
ในขณะที่คริสเตียนต่อสู้กับยูริอย่างดุเดือด แพรไหมก็ใช้ความเข้มแข็งและความพยายามทั้งหมดของเธอ เธอรู้ว่าโอกาสมีเพียงน้อยนิด แต่เธอก็จะไม่ยอมแพ้
เธอถูเชือกที่ข้อมือซ้ำไปซ้ำมากับขอบไม้ที่หักของเก้าอี้ทีละนิดๆ จนผิวหนังเริ่มถลอกและมีเลือดซึมออกมา ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง แต่เธอกัดฟันอดทน ดวงตาจ้องมองไปที่เชือกที่กำลังจะขาดสะบั้น
เวลาเหลือน้อยลงทุกที เสียงระเบิดเวลาดังติ๊กๆ คริสเตียนกำลังเสียเปรียบยูริเล็กน้อย เพราะยูริใช้วิธีต่อสู้ที่สกปรกและอาศัยจังหวะที่คริสเตียนห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องแพรไหม
“คริสเตียน! ทางนี้!” แพรไหมตะโกนสุดเสียง ทันทีที่เชือกที่ข้อมือขาดออก เธอรีบปลดเชือกที่เท้าออกอย่างรวดเร็ว
คริสเตียนหันมามองด้วยความตกใจและโล่งใจเล็กน้อย เมื่อเห็นแพรไหมหลุดจากพันธนาการแล้ว เขาก็มีสมาธิกับการต่อสู้กับยูริมากขึ้น
ยูริเห็นแพรไหมหลุดออกมาได้ก็โกรธจัด เขาพุ่งเข้าใส่แพรไหม แต่คริสเตียนพุ่งตัวเข้ามาขวางไว้ได้ทันท่วงที
“แกไม่มีทางทำอะไรแพรไหมได้!” คริสเตียนคำรามพลางเตะยูริกระเด็นไป
ในจังหวะนั้น แพรไหมรีบวิ่งไปคว้าปืนที่ลูกน้องของยูริทำตกไว้เมื่อครู่ เธอไม่เคยจับปืนมาก่อน แต่เธอรู้ว่าตอนนี้คือสถานการณ์ฉุกเฉิน เธอต้องช่วยคริสเตียน
เธอเล็งปืนไปที่ยูริด้วยมือที่สั่นเทา ยูริเห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะ “แกคิดจะทำอะไรได้! แกยิงฉันไม่ลงหรอก!”
แต่ยูริคิดผิด แพรไหมในเวลานี้ไม่ใช่แพรไหมคนเดิมที่อ่อนแอและขี้กลัวอีกต่อไป ประสบการณ์เลวร้ายที่ผ่านมาทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น เธอจดจ้องไปที่ยูริด้วยแววตาที่เด็ดเดี่ยว
“อย่าเข้ามายูริ!” แพรไหมตะโกนด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ยูริไม่ฟัง เขายังคงพุ่งตรงมาที่เธอ และในวินาทีที่เขากำลังจะถึงตัว แพรไหมก็เหนี่ยวไกปืน!
ปัง! เสียงปืนดังสนั่น แพรไหมหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ เมื่อลืมตาขึ้น เธอก็เห็นยูรินอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ปืนในมือของเขาหลุดกระเด็นไปไกล
คริสเตียนมองแพรไหมด้วยความประหลาดใจและภูมิใจ เขาไม่คิดว่าเธอจะทำได้
“แพรไหม!” คริสเตียนรีบวิ่งเข้ามาหาเธอ กอดเธอแน่น “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม!”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” แพรไหมตอบ เสียงสั่นเล็กน้อย แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจอย่างที่สุด
เวลาบนหน้าจอระเบิดยังคงนับถอยหลัง คริสเตียนรีบไปตรวจสอบระเบิด และพบว่ามันถูกตั้งเวลาไว้อย่างซับซ้อน แต่เขาก็สามารถปลดชนวนมันได้ทันท่วงที ก่อนที่เวลาจะหมดลงเพียงไม่กี่วินาที
เมื่อระเบิดถูกปลดชนวน ความตึงเครียดทั้งหมดก็คลี่คลายลง คริสเตียนอุ้มแพรไหมออกไปจากโกดัง แพรไหมมองกลับไปที่ยูริที่นอนจมกองเลือดอยู่ เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น เธอทำไปเพื่อปกป้องคนที่เธอรัก
ไม่นานนัก เดฟ และลูกน้องของคริสเตียนก็มาถึง พวกเขาตกใจเมื่อเห็นโกดังอยู่ในสภาพที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก และยูรินอนอยู่บนพื้น
คริสเตียนสั่งให้ลูกน้องจัดการกับยูริ และตรวจสอบพื้นที่โดยรอบทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีภัยคุกคามหลงเหลืออยู่
หลังจากนั้น คริสเตียนก็พาแพรไหมกลับคฤหาสน์ทันที แพรไหมได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเชือกที่ข้อมือ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอปลอดภัย
ในคืนนั้น แพรไหมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คริสเตียนฟังถึงความกลัว ความพยายามที่จะเอาชีวิตรอด และการตัดสินใจที่จะยิงยูริเพื่อปกป้องคริสเตียน
คริสเตียนกอดเธอแน่น เขามองแพรไหมด้วยความรักและความภาคภูมิใจ แพรไหมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่อ่อนหวานและเปราะบาง แต่เธอมีความเข้มแข็งและกล้าหาญที่จะต่อสู้เพื่อชีวิตของเธอและคนที่เธอรัก
“คุณเก่งมากแพรไหม…คุณแข็งแกร่งมาก” คริสเตียนกระซิบ
แพรไหมซบหน้ากับอกของเขา “ฉันทำได้เพราะคุณค่ะคริสเตียน…เพราะฉันรู้ว่าคุณจะมาช่วยฉันเสมอ”
เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคริสเตียน แม้ศัตรูตัวฉกาจอย่างยูริจะถูกจัดการไปแล้ว แต่เขาก็จะไม่มีวันประมาทอีกต่อไป เขาจะปกป้องแพรไหมด้วยชีวิต และสร้างโลกที่ปลอดภัยให้เธออย่างแท้จริง
จากนี้ไป ชีวิตของคริสเตียนและแพรไหมจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว พวกเขาได้ผ่านความเจ็บปวดและอันตรายมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน แต่สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้ความรักของพวกเขาแข็งแกร่งและลึกซึ้งยิ่งขึ้น พวกเขาพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต สร้างครอบครัว และเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่เข้ามา โดยมี ความรักและความเข้มแข็ง เป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
ตอนที่ 80 เติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัวหลังผ่านบทพิสูจน์แห่งผู้นำ และการกอบกู้วิกฤตการณ์ครั้งสำคัญ อเล็กซานเดอร์ ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย แต่สิ่งที่เติมเต็มชีวิตของเขาและ ลลิล ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงคือ ข่าวดีที่สุด ที่พวกเขารอคอยมาตลอด เสียงเล็กๆ ในอนาคตกำลังจะกลายเป็นความจริง และนำพาความสุขมาสู่ตระกูลคาร์ดินัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนหลังจากที่ทั้งสองคนได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเรื่องการมีทายาท อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อแม่ ลลิลเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการดูแลทารกอย่างละเอียด ส่วนอเล็กซานเดอร์ก็เริ่มจัดเตรียมห้องเล็กๆ ในคอนโดเพื่อรอรับสมาชิกใหม่ความคาดหวังเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน แต่พวกเขาก็พยายามไม่กดดันตัวเอง จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ลลิลรู้สึกไม่สบายตัว อาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียทำให้เธอสงสัย เธอตัดสินใจใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และผลลัพธ์ที่ปรากฏก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความสุขและความตื่นเต้นสองขีดสีชมพู ปรากฏชัดเจน ลลิลกรีดร้องด้วยความดีใจ เธอไม่สามารถเก็บความลับนี้ไว้คนเดียวได้ เธอตัดสินใจจะบอกข่าวดีนี้กับอเล็กซานเดอร์ในทันที แต่เธอ
ตอนที่ 79 บทพิสูจน์แห่งผู้นำท่ามกลางความกังวลเรื่องทายาทและความสุขในชีวิตคู่ อเล็กซานเดอร์ ก็ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในบทบาทของผู้นำ นั่นคือการแก้ไขวิกฤตการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความท้าทายนี้ไม่เพียงเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเขา แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงคุณธรรมและความโปร่งใสที่ กลุ่มคาร์ดินัล ยุคใหม่ยึดมั่นเมื่อหลักฐานเริ่มชัดเจนว่ามีการทุจริตจริงในบริษัทสตาร์ทอัพที่คาร์ดินัลลงทุนไป อเล็กซานเดอร์ ก็ตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรอบคอบ เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่จับตัวผู้กระทำผิด แต่ต้องการถอนรากถอนโคนปัญหา เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตอเล็กซานเดอร์เรียกประชุมทีมงานคนสำคัญของคาร์ดินัลที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ รวมถึง เดฟ และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาชื่อเสียงและความโปร่งใสของบริษัท“เราจะไม่ยอมให้การทุจริตใดๆ มาแปดเปื้อนชื่อเสียงของคาร์ดินัลอีกแล้ว” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในห้องประชุม “เราต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเป็นธรรมที่สุด”เขามอบหมายให้ทีมผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เข้าม
ตอนที่ 78 บททดสอบใหม่และเสียงเล็กๆ ในอนาคตชีวิตคู่ของ อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ดำเนินไปอย่างราบรื่นและอบอุ่น แต่ในโลกของธุรกิจและความรับผิดชอบที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ย่อมมี ความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของพวกเขาเสมอ และท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น เสียงเล็กๆ ในอนาคตก็เริ่มดังขึ้นในหัวใจของทั้งคู่ในขณะที่โครงการเยียวยาชุมชนของมูลนิธิคาร์ดินัลดำเนินไปอย่างงดงาม และได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ปัญหาใหม่กลับเกิดขึ้นภายในอาณาจักรธุรกิจของคาร์ดินัลเองคริสเตียน ได้มอบหมายให้ อเล็กซานเดอร์ เข้ามาดูแลการลงทุนใน โครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสาขาใหม่ที่คาร์ดินัลกำลังให้ความสนใจอย่างมาก แต่โครงการนี้กลับประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นมีรายงานว่าบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่คาร์ดินัลเข้าไปลงทุน มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการภายใน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าช้ากว่ากำหนด และที่สำคัญที่สุดคือ มี ข่าวลือเรื่องการทุจริต ของผู้บริหารระดับสูงบางรายในบริษัทนั้น“พ่อว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเลยนะอเล็กซานเดอร์” คริสเตียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องทำงานของเขา “เราไม่อยากให้ชื่อเสียงของคา
ตอนที่ 77 บทใหม่แห่งชีวิตร่วมหลังพิธีวิวาห์ที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความหมาย อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็ได้เริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตในฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ การใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักที่โรแมนติก แต่ยังรวมถึงการปรับตัว การเรียนรู้ และการเติบโตไปพร้อมกันในทุกๆ วันชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้นที่คอนโดมิเนียมสุดหรูของอเล็กซานเดอร์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "เรือนหอ" ที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวของพวกเขา แม้จะเคยมาพักอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง แต่การย้ายข้าวของทั้งหมดเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างถาวร ก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปลลิลใช้ความสามารถด้านการออกแบบของเธอเข้ามาเนรมิตห้องชุดให้เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของทั้งคู่ได้อย่างลงตัว เธอเพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้เล็กๆ และเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเอิร์ธโทนที่อบอุ่น นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือและงานศิลปะที่เธอชื่นชอบ ทำให้คอนโดแห่งนี้มีชีวิตชีวาและเป็น "บ้าน" อย่างแท้จริง“คุณชอบไหมครับคุณ” อเล็กซานเดอร์ถามด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ลลิลจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยลลิลโอบแขนรอบเอวเขา “ฉันชอบมากค่ะที่รัก มันเป็นบ้านของเราจริงๆ”การปรับตัวเข้าหากันในรายละเอียด
ตอนที่ 76 ถักทอความรัก สู่พิธีวิวาห์หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์ ได้ขอ ลลิล แต่งงานอย่างเป็นทางการ บรรยากาศของความสุขและความตื่นเต้นก็ปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์คาร์ดินัล การเตรียมงานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความหมาย สะท้อนถึงความรักที่มั่นคงและบริสุทธิ์ของทั้งคู่ทั้งอเล็กซานเดอร์และลลิลต่างเห็นพ้องต้องกันว่างานแต่งงานของพวกเขาจะต้อง เรียบง่าย อบอุ่น และเป็นส่วนตัว โดยเน้นไปที่ความหมายและความผูกพันของสองครอบครัวมากกว่าความหรูหราอลังการ“ฉันอยากให้งานแต่งงานของเราเป็นวันที่เราได้แบ่งปันความสุขกับคนที่เรารักและห่วงใยค่ะที่รัก” ลลิลบอกกับอเล็กซานเดอร์ในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันเรื่องการจัดงานอเล็กซานเดอร์ยิ้ม “ผมก็คิดอย่างนั้นครับคุณ”พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดพิธีหมั้นและงานแต่งงานเล็กๆ ที่ คฤหาสน์คาร์ดินัล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลลิลมีความทรงจำดีๆ มากมาย และเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเธอ โดยจะมีเพียงญาติสนิทและเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญแพรไหม ผู้เป็นแม่ของอเล็กซานเดอร์ เป็นผู้ดูแลการเตรียมงานทั้งหมดอย่างละเอียดอ่อน เธอต้องการให้งานแต่งงานของลูกชายออกมาสมบู
ตอนที่ 75 จุดเริ่มต้นแห่งชีวิตคู่หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ มาด้วยกัน อเล็กซานเดอร์ ก็ตระหนักแล้วว่า ลลิล คือผู้หญิงที่ฟ้าส่งมาให้เขา เขาไม่ต้องการรออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ความรักของพวกเขาจะก้าวไปอีกขั้น สู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ชัดเจนและมั่นคงการขอแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกและช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ อเล็กซานเดอร์ใช้เวลาหลายวันในการวางแผน เขาอยากให้การขอแต่งงานครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ลลิลจะไม่มีวันลืมเขาปรึกษาเรื่องนี้กับ แพรไหม ผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจหัวใจของผู้หญิงดีที่สุด“ลูกอยากขอแต่งงานกับลลิลครับแม่” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ผมอยากให้มันเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับเธอ”แพรไหมยิ้มอย่างอ่อนโยน “แม่ดีใจด้วยนะลูก แม่รู้ว่าลลิลคือคนที่ใช่สำหรับลูกจริงๆ”แพรไหมช่วยอเล็กซานเดอร์วางแผนอย่างละเอียด เธอแนะนำให้เขาเลือกสถานที่ที่มีความหมายกับทั้งคู่ และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว อเล็กซานเดอร์คิดถึง บ้านพักที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ความรักของเขาและลลิลเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงเขาจัดเตรียมทุกอย่