ตอนที่ 42 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา แสงวาบสีส้มแดงฉาบไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน คริสเตียนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่แล่นผ่านพื้นดินขึ้นมาถึงปลายเท้าของเขา กลิ่นดินปืนคละคลุ้งกับความชื้นของฝนที่เพิ่งซาลงไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังเงาตะคุ่มของศัตรูที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องเพียงริบหรี่
แพรไหมยืนอยู่เคียงข้างเขา มือของเธอจับกระชับปืนพกแน่น ใบหน้าของเธอซีดเผือด แต่ดวงตาของเธอกลับฉายแววมุ่งมั่น ไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่ในนั้น มีเพียงความเด็ดเดี่ยวและความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรม คริสเตียนบีบมือเธอเบาๆ ส่งสัญญาณเตือนให้ระมัดระวัง เขาไม่ต้องการให้เธอต้องมาเสี่ยงอันตราย แต่เขาก็รู้ว่าเธอจะไม่ยอมยืนอยู่เฉยๆ ดูเขาต่อสู้เพียงลำพัง
เสียงกรีดร้องของศัตรูที่บุกเข้ามาดังขึ้นเรื่อยๆ คริสเตียนพุ่งตัวออกไปก่อน แพรไหมตามติดอยู่ด้านหลัง การประสานงานของพวกเขาสมบูรณ์แบบ แต่ละก้าว แต่ละการเคลื่อนไหวล้วนผ่านการฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน คริสเตียนใช้ความแข็งแกร่งและความรวดเร็วในการจัดการกับศัตรูที่ดาหน้าเข้ามา แพรไหมใช้ความคล่องตัวและสายตาที่เฉียบคม ยิงสกัดศัตรูที่พยายามจะโอบล้อมพวกเขา
เสียงปืนดังสนั่นไม่ขาดสาย ร่างกายของคริสเตียนเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธของเขา เขารู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างไหลเวียนอยู่ในกาย เขาไม่ใช่แค่ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่เขากำลังต่อสู้เพื่ออนาคต เพื่อแพรไหม เพื่อโลกที่พวกเขาต้องการสร้างขึ้นมาใหม่ ทุกการโจมตีของเขาเต็มไปด้วยความแค้นที่สั่งสมมานาน ความมืดมิดในใจที่เคยหลับใหลกำลังปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ มันไม่ใช่ความมืดมิดที่กลืนกินเขา หากแต่เป็นพลังงานดิบที่เขาใช้ควบคุมเพื่อทำลายล้างศัตรู
ศัตรูจำนวนมากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือไหว แพรไหมเริ่มเหนื่อยล้า เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แขนจากการปะทะครั้งล่าสุด คริสเตียนหันมามองเธอด้วยความเป็นห่วง เขารู้ว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนแผน เขาดึงเธอให้มาหลบหลังกำแพงหินที่พังทลาย
"เราต้องไปรวมกับคนอื่น!" คริสเตียนตะโกน เสียงของเขาถูกกลบด้วยเสียงปืนและเสียงระเบิด
แพรไหมพยักหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดแตกหัก ถ้าพวกเขาไม่สามารถรวมกำลังได้ พวกเขาก็จะถูกบดขยี้ เขาและเธอวิ่งฝ่าแนวป้องกันของศัตรู หลบกระสุนที่พุ่งมาอย่างบ้าคลั่ง แพรไหมสะดุดล้ม คริสเตียนรีบคว้าแขนเธอไว้ ดึงเธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ไม่เป็นไรนะ?" เขามองเธอด้วยความเป็นห่วง
"ไปต่อเถอะ!" แพรไหมตอบกลับ เธอกัดฟันแน่น ใบหน้าเปื้อนฝุ่นและรอยขีดข่วนเล็กน้อย แต่ดวงตาของเธอยังคงลุกวาว
พวกเขาไปถึงจุดนัดพบที่เหลืออยู่ไม่กี่คน ทุกคนต่างเหนื่อยล้าและบาดเจ็บ แต่แววตาของพวกเขายังคงมีความหวังเมื่อเห็นคริสเตียนและแพรไหมปรากฏตัวขึ้น การรวมตัวกันครั้งนี้จุดประกายความกล้าหาญอีกครั้ง คริสเตียนมองทุกคนด้วยความมุ่งมั่น เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมีแสงสีเงินสาดส่องลงมา ดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏขึ้นท่ามกลางหมู่เมฆที่สลายไป
"นี่คือคืนสุดท้าย" คริสเตียนกล่าวเสียงดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน "เราจะสู้จนกว่าจะชนะ หรือไม่ก็ล้มลงไปพร้อมกัน"
คำพูดของเขาสร้างแรงกระเพื่อมในหมู่ผู้รอดชีวิต ทุกคนพยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างบ้าคลั่ง คริสเตียนและแพรไหมทำงานร่วมกันอย่างเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบ เขาใช้ความแข็งแกร่งและพลังดิบ ขณะที่เธอใช้ความแม่นยำและความคล่องตัว พวกเขาต่างคุ้มกันหลังให้กันและกัน
เสียงระเบิดครั้งสุดท้ายดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฝุ่นควันลอยคลุ้งบดบังทัศนียภาพ เมื่อฝุ่นควันจางลง เงาของศัตรูที่เคยยืนอยู่เบื้องหน้าก็ล้มลงไปหมดสิ้น
ความเงียบเข้าปกคลุม ทุกคนหยุดนิ่ง หายใจหอบถี่ๆ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังร่างไร้ชีวิตของศัตรูที่เกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณ
"เรา...เราชนะแล้ว" เสียงหนึ่งกระซิบขึ้นมาแผ่วเบา
แล้วเสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะก็ดังกระหึ่มไปทั่วหุบเขา เสียงกรีดร้องด้วยความดีใจ เสียงร้องไห้ด้วยความโล่งอก ทุกคนโผเข้ากอดกันด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น
แพรไหมหันไปมองคริสเตียน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความสุขและความโล่งใจ เธอโผเข้ากอดเขาแน่น ซบหน้ากับอกของเขา
คริสเตียนกอดเธอตอบอย่างอ่อนโยน เขารู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่ถาโถมเข้ามา แต่เหนือกว่านั้นคือความสุขและความอิ่มเอมใจที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
"เราทำได้ แพรไหม เราทำได้แล้ว" เขาพึมพำกับเส้นผมนุ่มสลวยของเธอ
พวกเขาพากันเดินกลับไปยังฐานที่มั่นที่ยังพอมีเค้าโครงอยู่บ้าง ทุกคนต่างช่วยกันดูแลผู้บาดเจ็บและทำความสะอาดพื้นที่ คริสเตียนกับแพรไหมปลีกตัวออกมาจากกลุ่มคนที่กำลังเฉลิมฉลองอย่างเงียบๆ พวกเขาต้องการเพียงกันและกันในเวลานี้
พวกเขาเดินเข้าไปในห้องพักเล็กๆ ที่เคยเป็นของคริสเตียน มันเป็นห้องที่ค่อนข้างโทรม แต่ในเวลานี้ มันกลับเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกสำหรับพวกเขา
แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง เผยให้เห็นรอยเปื้อนฝุ่นและคราบเลือดจากการต่อสู้บนเสื้อผ้าของพวกเขา คริสเตียนปลดเสื้อเกราะของเขาออก แพรไหมช่วยเขาถอดเสื้อเชิ้ตที่ขาดวิ่นออกช้าๆ เผยให้เห็นรอยแผลและฟกช้ำจากการต่อสู้ที่ดุเดือด
แพรไหมลูบไล้ไปตามรอยแผลเหล่านั้นอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความห่วงใย
"เจ็บมากไหมคริสเตียน?" เธอถามเสียงแผ่ว
คริสเตียนส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอก" เขาตอบ เสียงแหบพร่าเล็กน้อย "มันคุ้มค่า"
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความรัก ความชื่นชม และความเสียใจที่เขาต้องเจ็บปวด เธอค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าของเขา นิ้วเรียวไล้ไปตามรอยเปื้อนเขม่าดินปืน
"ฉันกลัวแทบตายเลยนะ" เธอสารภาพ "กลัวว่าจะเสียคุณไป"
คริสเตียนจับมือเธอไว้แน่น "ไม่มีทาง" เขากระซิบ "ฉันจะไม่มีวันไปไหนจากคุณ"
เขาดึงเธอเข้ามาใกล้ โอบกอดเธอไว้แน่น ราวกับจะหลอมรวมเธอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเขา แพรไหมซบหน้ากับอกของเขา หายใจรินรดผิวหนังที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อและฝุ่นผง เธอรู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเขาที่เต้นรัวและแรง
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเขาที่ดังแผ่วเบาในห้องเล็กๆ นั้น
คริสเตียนค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกเล็กน้อย แต่ยังคงประคองใบหน้าของเธอไว้ในมือ เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ดวงตาที่สะท้อนถึงความรัก ความภักดี และความเปราะบางที่เขาไม่เคยเห็นจากใคร
"ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้" คริสเตียนพึมพำ เสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ "ผมไม่เคยคิดว่าผมจะรอดชีวิตมาจนถึงวันนี้ และได้อยู่กับคุณ"
แพรไหมยิ้มบางๆ น้ำตาไหลรินลงมาอีกครั้ง "ฉันก็เหมือนกันคริสเตียน" เธอบอก "ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีชีวิตได้มากขนาดนี้"
เขาค่อยๆ ก้มลงจูบเธอ จูบที่อ่อนโยน ทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ความรัก ความโล่งใจ ความเสียใจ และความหวัง จูบนั้นคือการปลอบประโลม คือการเยียวยาบาดแผลที่มองไม่เห็นในจิตใจของพวกเขา
ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวประสานกันอย่างเชื่องช้า ความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างทำให้พวกเขาละลายเข้าหากัน แพรไหมรู้สึกถึงรสชาติเค็มปะแล่มของน้ำตาของเธอเอง และความเค็มปะแล่มของเหงื่อจากผิวของเขา
พวกเขาถอดเสื้อผ้าที่เหลือออกช้าๆ ช่วยกันและกันอย่างเงียบงัน ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเข้าใจ ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จำเป็นในตอนนี้ มีเพียงภาษาของร่างกายที่สื่อสารกัน
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเรือนร่างเปลือยเปล่าของพวกเขา เผยให้เห็นรอยแผลเป็นเก่าๆ บนตัวคริสเตียน และผิวเนียนนุ่มของแพรไหม พวกเขาล้มตัวลงนอนบนเตียงที่ค่อนข้างแข็งกระด้าง แต่ในเวลานี้ มันคือผืนผ้าใบแห่งความสุขที่ไม่มีที่สิ้นสุด
คริสเตียนกอดแพรไหมไว้แน่น พลางลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่มของเธอ เขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเธอที่รดรินอยู่ข้างลำคอ
"ขอบคุณนะแพรไหม" เขาพึมพำ "ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผม"
แพรไหมเงยหน้าขึ้นมองเขา "คุณก็เหมือนกันคริสเตียน" เธอตอบ "คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน"
ในค่ำคืนนั้น พวกเขาไม่ได้แค่เพียงเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือศัตรู แต่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือความสิ้นหวัง ความกลัว และบาดแผลในอดีต ความรักของพวกเขาคือพลังที่ทำให้พวกเขาผ่านพ้นทุกสิ่งมาได้ และมันจะยังคงเป็นพลังที่นำพาพวกเขาไปสู่อนาคต
คริสเตียนลูบไล้ไปตามเรือนผมของแพรไหมอย่างอ่อนโยน เขาจูบลงบนหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา แพรไหมขยับตัวเข้ามาใกล้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้น จนรู้สึกได้ถึงทุกส่วนของร่างกายที่แนบชิดกัน
"ผมรักคุณนะแพรไหม" คริสเตียนกระซิบเสียงแผ่ว
"ฉันก็รักคุณค่ะคริสเตียน" แพรไหมตอบกลับเสียงหวาน
ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่สวยงาม แต่มันคือสิ่งที่มีชีวิต มีลมหายใจ มันแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับความมืดมิดทุกรูปแบบที่โลกจะเหวี่ยงใส่พวกเขาได้
แสงจันทร์ยังคงสาดส่องเข้ามาในห้อง ราวกับเป็นพยานรักให้กับการเริ่มต้นบทใหม่ในชีวิตของพวกเขา บทที่เต็มไปด้วยความหวัง ความรัก และอนาคตที่สดใส
ตอนที่ 80 เติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัวหลังผ่านบทพิสูจน์แห่งผู้นำ และการกอบกู้วิกฤตการณ์ครั้งสำคัญ อเล็กซานเดอร์ ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย แต่สิ่งที่เติมเต็มชีวิตของเขาและ ลลิล ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงคือ ข่าวดีที่สุด ที่พวกเขารอคอยมาตลอด เสียงเล็กๆ ในอนาคตกำลังจะกลายเป็นความจริง และนำพาความสุขมาสู่ตระกูลคาร์ดินัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนหลังจากที่ทั้งสองคนได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเรื่องการมีทายาท อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อแม่ ลลิลเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการดูแลทารกอย่างละเอียด ส่วนอเล็กซานเดอร์ก็เริ่มจัดเตรียมห้องเล็กๆ ในคอนโดเพื่อรอรับสมาชิกใหม่ความคาดหวังเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน แต่พวกเขาก็พยายามไม่กดดันตัวเอง จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ลลิลรู้สึกไม่สบายตัว อาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียทำให้เธอสงสัย เธอตัดสินใจใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และผลลัพธ์ที่ปรากฏก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความสุขและความตื่นเต้นสองขีดสีชมพู ปรากฏชัดเจน ลลิลกรีดร้องด้วยความดีใจ เธอไม่สามารถเก็บความลับนี้ไว้คนเดียวได้ เธอตัดสินใจจะบอกข่าวดีนี้กับอเล็กซานเดอร์ในทันที แต่เธอ
ตอนที่ 79 บทพิสูจน์แห่งผู้นำท่ามกลางความกังวลเรื่องทายาทและความสุขในชีวิตคู่ อเล็กซานเดอร์ ก็ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในบทบาทของผู้นำ นั่นคือการแก้ไขวิกฤตการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความท้าทายนี้ไม่เพียงเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเขา แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงคุณธรรมและความโปร่งใสที่ กลุ่มคาร์ดินัล ยุคใหม่ยึดมั่นเมื่อหลักฐานเริ่มชัดเจนว่ามีการทุจริตจริงในบริษัทสตาร์ทอัพที่คาร์ดินัลลงทุนไป อเล็กซานเดอร์ ก็ตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรอบคอบ เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่จับตัวผู้กระทำผิด แต่ต้องการถอนรากถอนโคนปัญหา เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตอเล็กซานเดอร์เรียกประชุมทีมงานคนสำคัญของคาร์ดินัลที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ รวมถึง เดฟ และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาชื่อเสียงและความโปร่งใสของบริษัท“เราจะไม่ยอมให้การทุจริตใดๆ มาแปดเปื้อนชื่อเสียงของคาร์ดินัลอีกแล้ว” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในห้องประชุม “เราต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเป็นธรรมที่สุด”เขามอบหมายให้ทีมผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เข้าม
ตอนที่ 78 บททดสอบใหม่และเสียงเล็กๆ ในอนาคตชีวิตคู่ของ อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ดำเนินไปอย่างราบรื่นและอบอุ่น แต่ในโลกของธุรกิจและความรับผิดชอบที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ย่อมมี ความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของพวกเขาเสมอ และท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น เสียงเล็กๆ ในอนาคตก็เริ่มดังขึ้นในหัวใจของทั้งคู่ในขณะที่โครงการเยียวยาชุมชนของมูลนิธิคาร์ดินัลดำเนินไปอย่างงดงาม และได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ปัญหาใหม่กลับเกิดขึ้นภายในอาณาจักรธุรกิจของคาร์ดินัลเองคริสเตียน ได้มอบหมายให้ อเล็กซานเดอร์ เข้ามาดูแลการลงทุนใน โครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสาขาใหม่ที่คาร์ดินัลกำลังให้ความสนใจอย่างมาก แต่โครงการนี้กลับประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นมีรายงานว่าบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่คาร์ดินัลเข้าไปลงทุน มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการภายใน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าช้ากว่ากำหนด และที่สำคัญที่สุดคือ มี ข่าวลือเรื่องการทุจริต ของผู้บริหารระดับสูงบางรายในบริษัทนั้น“พ่อว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเลยนะอเล็กซานเดอร์” คริสเตียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องทำงานของเขา “เราไม่อยากให้ชื่อเสียงของคา
ตอนที่ 77 บทใหม่แห่งชีวิตร่วมหลังพิธีวิวาห์ที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความหมาย อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็ได้เริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตในฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ การใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักที่โรแมนติก แต่ยังรวมถึงการปรับตัว การเรียนรู้ และการเติบโตไปพร้อมกันในทุกๆ วันชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้นที่คอนโดมิเนียมสุดหรูของอเล็กซานเดอร์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "เรือนหอ" ที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวของพวกเขา แม้จะเคยมาพักอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง แต่การย้ายข้าวของทั้งหมดเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างถาวร ก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปลลิลใช้ความสามารถด้านการออกแบบของเธอเข้ามาเนรมิตห้องชุดให้เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของทั้งคู่ได้อย่างลงตัว เธอเพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้เล็กๆ และเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเอิร์ธโทนที่อบอุ่น นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือและงานศิลปะที่เธอชื่นชอบ ทำให้คอนโดแห่งนี้มีชีวิตชีวาและเป็น "บ้าน" อย่างแท้จริง“คุณชอบไหมครับคุณ” อเล็กซานเดอร์ถามด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ลลิลจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยลลิลโอบแขนรอบเอวเขา “ฉันชอบมากค่ะที่รัก มันเป็นบ้านของเราจริงๆ”การปรับตัวเข้าหากันในรายละเอียด
ตอนที่ 76 ถักทอความรัก สู่พิธีวิวาห์หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์ ได้ขอ ลลิล แต่งงานอย่างเป็นทางการ บรรยากาศของความสุขและความตื่นเต้นก็ปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์คาร์ดินัล การเตรียมงานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความหมาย สะท้อนถึงความรักที่มั่นคงและบริสุทธิ์ของทั้งคู่ทั้งอเล็กซานเดอร์และลลิลต่างเห็นพ้องต้องกันว่างานแต่งงานของพวกเขาจะต้อง เรียบง่าย อบอุ่น และเป็นส่วนตัว โดยเน้นไปที่ความหมายและความผูกพันของสองครอบครัวมากกว่าความหรูหราอลังการ“ฉันอยากให้งานแต่งงานของเราเป็นวันที่เราได้แบ่งปันความสุขกับคนที่เรารักและห่วงใยค่ะที่รัก” ลลิลบอกกับอเล็กซานเดอร์ในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันเรื่องการจัดงานอเล็กซานเดอร์ยิ้ม “ผมก็คิดอย่างนั้นครับคุณ”พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดพิธีหมั้นและงานแต่งงานเล็กๆ ที่ คฤหาสน์คาร์ดินัล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลลิลมีความทรงจำดีๆ มากมาย และเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเธอ โดยจะมีเพียงญาติสนิทและเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญแพรไหม ผู้เป็นแม่ของอเล็กซานเดอร์ เป็นผู้ดูแลการเตรียมงานทั้งหมดอย่างละเอียดอ่อน เธอต้องการให้งานแต่งงานของลูกชายออกมาสมบู
ตอนที่ 75 จุดเริ่มต้นแห่งชีวิตคู่หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ มาด้วยกัน อเล็กซานเดอร์ ก็ตระหนักแล้วว่า ลลิล คือผู้หญิงที่ฟ้าส่งมาให้เขา เขาไม่ต้องการรออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ความรักของพวกเขาจะก้าวไปอีกขั้น สู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ชัดเจนและมั่นคงการขอแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกและช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ อเล็กซานเดอร์ใช้เวลาหลายวันในการวางแผน เขาอยากให้การขอแต่งงานครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ลลิลจะไม่มีวันลืมเขาปรึกษาเรื่องนี้กับ แพรไหม ผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจหัวใจของผู้หญิงดีที่สุด“ลูกอยากขอแต่งงานกับลลิลครับแม่” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ผมอยากให้มันเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับเธอ”แพรไหมยิ้มอย่างอ่อนโยน “แม่ดีใจด้วยนะลูก แม่รู้ว่าลลิลคือคนที่ใช่สำหรับลูกจริงๆ”แพรไหมช่วยอเล็กซานเดอร์วางแผนอย่างละเอียด เธอแนะนำให้เขาเลือกสถานที่ที่มีความหมายกับทั้งคู่ และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว อเล็กซานเดอร์คิดถึง บ้านพักที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ความรักของเขาและลลิลเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงเขาจัดเตรียมทุกอย่