“คะ...คุณ ตะวัน ทาม อา...อึก” เสียงคางยานว่ายังไม่ทันจบประโยคพราวจันทร์ก็เริ่มมวนท้องขึ้นมาดื้อๆ หลังจากนั้นอาหารที่เธอรับประทานเข้าไปในท้องก็พุ่งพรวดออกมาเต็มเตียง
“บ้าเอ้ย!” คนที่หลบไปไม่ทันก็พาลเปื้อนสิ่งปฏิกูลที่ออกมาจากปากของหญิงสาวด้วย และแล้วคืนนี้แผนรวบหัวรวบหางของตะวันวาดก็ล่มไม่เป็นท่า เขาต้องรีบโทรเรียกพนักงานโรงแรมมาดูแลพราวจันทร์ และเปลี่ยนชุดผ้าปูเตียงรวมไปถึงผ้าห่มยกชุด
พราวจันทร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของอีกวัน เป็นประจำที่เมื่อตื่นแล้วจะต้องบิดขี้เกียจ จู่ๆ มือของเธอก็ไปสัมผัสถึงไรขนอะไรบางอย่างจึงคิดว่าเป็นเจ้าเฉาก๊วยแมวตัวผู้สีเทาของน้าสาวมานอนด้วย
ตะวันวาดพลิกตัวหนีเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรมารบกวนการนอน พอตื่นลืมตาขึ้นได้ก็เห็นว่าเป็นมือของพราวจันทร์ที่กำลังขยุ้มไรผมของเขาเล่นทั้งฉีกยิ้มโดยที่ตายังไม่ลืม
“อืม...เฉาก๊วย อยู่นิ่งๆ สิ” สองมือดึงหัวของตะวันวาดเอาไว้แน่น เพราะคิดว่าเป็นเจ้าเฉาก๊วยที่กำลังจะเดินหนี
‘เฉาก๊วยไรวะ’ ชายหนุ่มสบถในใจ คิ้วเข้าเริ่มขมวดย่นเข้าหากันและนอนเฉยเพื่อรอดูว่าหญิงสาวที่ยังไม่ยอมลืมตาจะทำอะไรกับเขาต่อ
มือเรียวเล็กยีผมตะวันวาดเล่นจนพอใจแล้วจึงไล่ลูบจนมาถึงจมูกโด่ง พราวจันทร์เริ่มหยุดนิ่งขมวดคิ้ว เพราะปกติแล้วเจ้าแมวตัวผู้แสนรักของน้าสาวอันฑะของมันจะนุ่มนิ่มเช่นสัมผัสสำลีก้อน แต่วันนี้กลับแข็งขึ้นได้ หรือว่าเจ้าเฉาก๊วยเสียชีวิตแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงลืมตาโพลงด้วยความตกใจ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำเธอตกใจยิ่งกว่า
“ฝันเหรอ!” ดวงตากลมโตลืมตาตื่นมาเห็นหน้าของตะวันวาดเต็มสองลูกตา พลันสมองก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันเธอจึงยกมือฟาดไปที่พวงแก้มสากของตะวันวาดเต็มแรง
เพียะ “โอ้ย...ตบผมทำไม” คนตัวโตร้องโอดโอยทั้งเจ็บทั้งตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกพราวจันทร์ทำร้ายร่างกาย
“เจ็บมือจริงๆ ด้วย ไม่ได้ฝันหรอกเหรอ” พราวจันทร์เสียงอ่อน ก่อนจะผุดลุกและถดตัวหนีตะวันวาดเล็กน้อย ก่อนจะมองลอดไปใต้ผ้าห่ม
“นี่...” พอเห็นว่าตัวเองเปลือยเปล่าไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นก็เริ่มโวยวายตกใจและมองตะวันวาดด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“พราวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ! แล้วทำไมเสื้อผ้าพราว ไม่มี! เสื้อผ้าไม่มี ฮือ... ทำไมมันหายไป ทำไมไม่มี”
“เดี๋ยวพราวคุณฟังผมอธิบายก่อน”
เพียะ “โอ้ย... ตบผมทำไมอีก” ยังไม่ทันที่ตะวันวาดจะได้อธิบายอะไรหน้าของเขาก็หันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือเรียวอีกครั้ง
“ไม่รู้ มือมันไปเอง ทำไมพราวมาอยู่ที่นี่สภาพแบบนี้” พราวจันทร์หน้าเสียจนแทบจะร้องให้เสียให้ได้ เพราะจำอะไรไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าตะวันวาดหลอกให้เธอมาที่นี่เพราะต้องการจะทำมิดีมิร้ายกับเธอหรอกนะ
“ฟังผม” ตะวันวาดรีบจับแขนพราวจันทร์เอาไว้เพราะกลัวจะถูกตบอีกรอบ
“เมื่อคืนคุณเมามากก็เลยอ้วกเลอะเทอะเลย ผมก็เลยต้องให้พนักงานถอดเสื้อผ้าคุณแล้วก็ห่อคุณไว้กับผ้าห่มไง”
พราวจันทร์ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าของเธอเสียจนตะวันวาดพอจะรู้ว่าเธอนั้นกังวลว่าเขาจะพูดจริงหรือไม่จริง
“มองแบบนี้ไม่เชื่อใช่ไหม ไม่อย่างงั้นผมจะไปเรียกพนักงานมาคุยกับคุณตอนนี้เลยก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้ว...เสื้อผ้า” พราวจันทร์รีบส่ายหัว คิดไปคิดมาคนระดับผู้บริหารอย่างตะวันวาดคงไม่มาสนใจผู้หญิงอย่างเธอ แต่ตอนนี้ที่กำลังกังวลก็คือเธอจะใส่เสื้อผ้าที่ไหนกลับไปบ้าน
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมให้นนท์หาเสื้อผ้ามาให้คุณแล้วอีกเดี๋ยวก็คงจะมาส่งครับ”
“เมื่อคืนคุณตะวันนอนที่เตียงเดียวกับพราวทั้งคืนเลยเหรอคะ” เป็นอีกเรื่องที่เธอไม่ยอมปล่อยให้คาใจ หากไม่ถามตอนนี้เธอคงได้มองหน้าตะวันวาดไม่ติดแน่
“เอ่อ...เปล่าครับ ผมนอนที่โซฟาตรงโน้น แล้วก็จะมาปลุกคุณแต่ดันถูกคุณดึงหัวผมไปก่อน”
“อ๋อ...เข้าใจแล้วค่ะ”
ตะวันวาดรีบลุกออกจากเตียงของพราวจันทร์ เขาเดินถอนหายใจโล่งอกไปรอรัชนนท์ที่โซนนั่งเล่น ดีที่พราวจันทร์เชื่ออย่างที่เขาพูด หากเธอรู้ความจริงว่าเขานอนอยู่ข้างๆ เธอทั้งคืนคงมีความไม่ไว้วางใจในตัวของเขามากขึ้นกว่าเดิมแน่
พราวจันทร์ยืนมองตัวเองในกระจกหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ตอนนี้เธอถอดคอนแท็กเลนส์และกลายมาเป็นสาวแว่นเหมือนเดิมแล้ว อีกทั้งยังอยู่ในชุดเดรสสีชมพูที่เธอสวมใส่แล้วกลายเป็นเหมือนลูกคุณหนูขึ้นมาทันตา
‘คนรวยก็เสกทุกอย่างได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีจริงๆ’ สาวเจ้าครุ่นคิดขณะกำลังเดินออกไปจากห้องน้ำ
เพราะเธอแค่เอ่ยปากบอกกับตะวันวาดเรื่องที่อยากได้เสื้อผ้า ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสื้อผ้าของเธอก็มาส่ง หลังจากที่เธอบ่นว่ารู้สึกเคืองตาหลังจากเผลอใส่คอนแท็กเลนส์นอน ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เธอก็ได้ทั้งแว่นตาใหม่รวมทั้งน้ำยาล้างตาและน้ำยาหยอดตารวมไปถึงคอนแท็กเลนส์ใหม่อีกสองคู่ด้วย นี่แหละหนาอำนาจของเงิน
พราวจันทร์ออกจากห้องนอนมาได้ก็เดินเก้ๆ กังๆ เข้ามานั่งตรงข้ามตะวันวาด เพราะเมื่อเช้าเธอตบหน้าของเขาไปตั้งสองครั้งเต็มแรง ไม่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะโกรธเธออยู่หรือเปล่า
“เรื่องที่พราวทำคุณตะวันเจ็บเมื่อเช้า พราวขอโทษจริงๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าคุณพราวน่าจะตกใจ”
ริมฝีปากบางพอจะยกยิ้มกรายๆ ขึ้นมาได้บ้าง “พราวต้องรีบกลับแล้วค่ะ ป่านนี้น้าบัวชะเง้อคอรอแน่”
“ผมโทรไปบอกน้าคุณแล้วว่าพาคุณไปดูงานที่เกาะต่อเลย”
“อะไรนะคะ แล้วเอาเบอน้าบัวมาจากไหน”
“ก็คุณเขียนไว้ในใบสมัครงานไงครับ”
“อ๋อ... ใช่ ฉันลืมไปค่ะ แล้วไปดูงานอะไรคะพราวไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“อืม คุณรุ่งทิพย์ไม่ได้บอกคุณเหรอ”
“ไม่ค่ะ” พราวจันทร์ส่ายหัวช้าๆ ใบหน้าที่ยิ้มอ่อนอยู่คราแรกเริ่มแสดงออกถึงอาหารฉงนหนัก
“แบบนี้ต้องเรียกคุณรุ่งทิพย์คุยหน่อยล่ะมั้งครับ แต่คุณเป็นคนทำบัญชีก็ต้องรู้ที่มาที่ไปของสินค้าของเรา คุณจะต้องไปดูฟาร์มหอยมุกของผมทุกที่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์”
ดวงตาคู่สวยเริ่มเบิกโพลงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ยินว่าเธอจะต้องไปดูงานเป็นอาทิตย์ ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมตอนที่รุ่งทิพย์คุยกับเธอเห็นเคยบอกเรื่องนี้มาก่อน
“เอ่อ... แต่พราวไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะคะ”
“ผมเตรียมเอาไว้ให้คุณแล้ว แค่คุณไปทำงานกับผมก็พอ” เรื่องนั้นตะวันวาดมองว่าไม่ไช่ปัญหาใหญ่ เพราะเขาได้สั่งให้คนของเขาจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อแผนทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดเขาก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน
“แค่ไม่อยากเห็นมันได้ดีไปกว่าฉัน ขำๆ น่า”“โอนเงินให้ฉันด้วย ฉันจะบินไปต่างประเทศพรุ่งนี้”“อืม...ทำเป็นทวง”“แน่นอน ฉันทำงานก็ต้องได้เงิน”“โอนเรียบร้อย” วิรินดาโชว์สลิปโอนเงินให้กับรสรินทร์“ขอบใจ อ่อ... ฉันอยากเตือนแกด้วยความหวังดี เงินที่ถลุงจากไอ้แก่นั่นได้ก็เก็บเอาไว้สร้างเนื้อสร้างตัวบ้าง เผื่อวันนึงมันเฉดหัวแกทิ้งแกจะได้ไม่อดตาย อีกอย่างฉันก็ได้ข่าวว่าเมียมันโหดมากระวังตัวเอาไว้ล่ะ”“รู้แล้วย่ะ แม่ฉันยังไม่พูดมากเหมือนแกเลย”“อันนี้ฉันหวังดีจริงๆ ถึงได้พูดนี่ไง” ถึงจะไม่ได้ชอบนิสัยของวิรินดานัก แต่ด้วยความที่รู้จักกันมานานเธอก็อยากจะเตือนวิริดาในการใช้ชีวิต เธอเองได้เงินก้อนโตจากวิรินดารวมกับเงินเก็บที่หามาทั้งชีวิตก็จะหาธุรกิจเล็กๆ ทำที่ต่างประเทศแล้ว ไม่อยากเหนื่อยใช้เสน่ห์ปอกลอกเงินใครเหมือนที่ผ่านมาพราวไหมเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศของพิมอักษรที่เขาใหญ่ตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืน มาถึงก็ยังไมได้นอนเพราะเอาแต่นั่งร้องห่มร้องให้เสียใจเพราะความรู้สึกถูกทำลายจนใจแทบสลาย“คุณไหมอิ่มแล้วเหรอคะ”พราวไหมพยักหน้าตอบป้าสาวช้าๆ หลังจากตักข้าวเข้าปากได้สองสามคำ แม้ท้องจะหิวมากจนส่งเสียงร้
“ใช่”“หึ่... แล้วพี่มินทร์ก็โกหกไหมจนได้”“พี่ไม่ได้โกหกนะไหม”“ขอถามอีกเรื่องนะคะ ตอนไปสิงคโปร์พี่ไปนอนกับเลขาพี่มินทร์ใช่ไหม” พราวไหมเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาพรั่งพรูไหลเอ่อออกมาไม่ขาดสาย“ไหมฟังพี่ดีๆ นะ ตอนนั้นพี่เมาแล้วก็ไม่รู้เรื่อง” เตมินทร์ตัวชาวาบเริ่มมีน้ำเสียงอึกอัก เรื่องที่เขาไม่อยากให้เป็นเรื่องวันนี้ก็ดันมาเกิดเรื่องจนได้“แสดงว่าจริง ฮือ ฮือๆๆๆ ไหมอุตส่าห์เชื่อใจพี่มินทร์มาตลอด ทำไมทำกับไหมแบบนี้คะ ทำไมทำแบบนี้ ฮือๆๆๆ” พราวไหมฟุบลงไปนั่งสะอึกสะอื้นจนหัวไหล่สั่นเทากับพื้น หัวใจของเธอถูกบีบคั้นจนปวดหนึบ ไม่คิดว่าคนที่ไว้ใจมาตลอดจะหักหลังกันได้ลงคอ นี่สินะเหตุผลที่ทุกคนเตือนเธอนักหนาว่าให้ดูแลตัวเอง เพราะลมปากของผู้ชายมันเชื่อไม่ได้จริงๆ“ไหม พี่ยืนยันได้นะว่าพี่ไม่ได้มีอะไรกับโรสจริงๆ” เตมินทร์ลงไปนั่งกอดพราวไหมเอาไว้แน่น ยิ่งเห็นว่าเธอมีน้ำตามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเจ็บปวดหัวใจมากขึ้นเท่านั้น“หยุดพูดซะที ไม่มีอะไรคุณโรสจะท้องได้ยังไง ฮือๆๆๆ” พราวไหมพยายามผลักเตมินทร์ออกให้พ้นตัวแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมอกง่ายๆ“ท้อง!” เขาพอจะคาดเดาได้คร่าวๆ แล้วว่าเรื่องที่
“คุณทั้งสองคนอย่าเพิ่งเข้าใจคุณมินทร์ผิดนะคะ คือเมื่อวานที่คุณมินทร์ไม่บอกความจริงกับคุณไหม เพราะเค้าแค่ให้โรสไปช่วยเลือกของขวัญเซอร์ไพรซ์ให้กับคุณไหมค่ะ”“อย่างนี้นี่เอง” เมื่อเข้าใจทุกอย่างพราวไหมจึงรีบค้อมหัวให้รสรินทร์เล็กน้อย ที่เข้าใจผิดไปกันใหญ่ว่าสามีของเธอกับเลขาสนิทสนมกับผิดปกติ ส่วนคนต้นเรื่องที่อยากจะให้เธอมาคุยกับรสรินทร์นั่งเงียบกริบพูดอะไรไม่ออกเพราะกำลังรู้สึกผิดเช่นเดียวกับพราวไหม“แต่โรสขอไม่บอกนะคะว่าเป็นอะไร”“ฉันเข้าใจค่ะ ต้องขอโทษคุณโรสด้วยนะคะ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วโรสขอตัวก่อนนะคะ วันนี้นัดกินข้าวกับเพื่อนเอาไว้ค่ะ”“ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”หลังจากเลขาสาวสวยของเตมินทร์เดินออกไปจากโต๊ะอาหารได้สองสาวอย่างพราวไหมและอลิสาก็มองหน้ากันด้วยสายตารู้สึกผิดกับรสรินทร์“เธอคงจะรู้สึกไม่ดีกับฉันแน่ๆ”“ช่างมันเถอะ อย่างน้อยเราก็ได้รู้ความจริงไงว่ามันเป็นมายังไง หลังจากนี้ก็สบายใจแล้ว”พราวไหมยังคงนั่งหน้าห่อเหี่ยวไม่หาย ไม่ใช่แค่รู้สึกผิดกับรสรินทร์ตอนนี้ยังรู้สึกผิดกับสามีของเธอด้วย เพราะหัวใจของเธอดันเริ่มมีอาการไม่ไว้ใจเขาไปแล้วทั้งที่ยังไม่รู้ความจริงแน่
“สำหรับพี่ ไหมสวยที่สุดในสายตาของพี่เสมอ แต่พี่ก็อยากให้ไหมได้มีเวลาของตัวเองได้ดูแลตัวเองบ้าง ไม่ใช่เพื่อพี่แต่เพื่อตัวไหมเอง” เขารวบกอดภรรยาตัวเล็กเอาไว้แน่น พอจะเข้าใจในสิ่งที่พราวไหมสื่อ“อ๋อ... เพราะแบบนี้ใช่ไหมถึงได้มาคุยกับพี่เรื่องจะหาพี่เลี้ยงให้ลูกๆ”พราวไหมพยักหน้าน้อยๆ ในอ้อมอกของสามี“ไหมอยากทำอะไรพี่ตามใจไหมทุกอย่างเลย แค่ไหมเสียสละอุ้มท้องดูแลลูกทุกอย่างคนเดียวพี่ก็ขอบคุณไหมมากๆ แล้ว พี่ไม่มีวันทำให้ไหมเสียใจพี่สัญญา แล้วก็จะไม่มีวันมองของข้างนอกสวยกว่าของในบ้านด้วย”“ขอบคุณนะคะที่พูดให้ไหมสบายใจ”“พี่รักไหมกับลูกมากๆ จำคำนี้เอาไว้นะครับ” ฟอด พูดจบก็กดหอมพวงแก้มนวลฟอดใหญ่“กอดด้วยค้าบ” คิมหันต์วิ่งตัวป้อมนำหน้าเหมันต์เข้ามาหาพ่อกับแม่ที่นั่งกอดกันอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น“เบาๆ ลูก” เตมินทร์ถูกคิมหันต์โถมเข้าหาจนสุดตัว แล้วจึงรวบลูกชายทั้งสองมากอดพร้อมกัน พราวไหมชอบมองภาพนี้เป็นที่สุด มันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเช่นที่เคยฝันมาตลอดหลังจากพราวไหมหาคนช่วยเลี้ยงลูกได้ร่วมครึ่งเดือน วันนี้เธอก็ยอมปล่อยให้พี่เลี้ยงดูแลลูกๆ เธอตามลำพัง ส่วนเธอก็ถูกอลิสา
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านนานจนคิมหันต์และเหมันต์ลูกชายฝาแฝดของพราวไหมกับเตมินทร์อายุได้เกือบสองขวบ ทุกวันนี้พราวไหมก็ยังคงทำหน้าที่ดูแลลูกๆ ด้วยตัวเองไม่คิดจะมีพี่เลี้ยงเพราะเธอไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองให้ความรักความเอาใจใส่ลูกไม่เต็มที่ส่วนเตมินทร์ช่วงนี้ก็ทำงานอย่างหนัก เพราะกำลังเร่งที่จะขยายกิจการในประเทศและต่างประเทศ เขาจึงไม่ค่อยได้อยู่บ้านบ่อยนัก“จะมาก็ไม่บอกกันก่อนจะได้เตรียมตัวต้อนรับ” พราวไหมบ่นอุกขณะอุ้มลูกชายลงเปล หากเธอรู้ว่าอลิสาจะมาหาที่บ้านวันนี้จะได้เตรียมตัวหาอะไรเอาไว้ต้อนรับ แต่เพื่อนเธอก็ไม่คิดจะโทรบอกกันก่อนที่จะมา“มาธุระที่นี่กะทันหันน่ะก็เลยแวะมาหาซะหน่อย...ทำไมโทรมแบบนี้ล่ะเพื่อนฉัน บอกให้หาพี่เลี้ยงช่วยเลี้ยงลูกก็ไม่ยอม” อลิสายกมือลูบหน้าลูบตาพราวไหมที่ดูซีดเผือดไร้เลือดฝาด ทั้งขอบตาที่เคยเป็นประกายสวยมีเสน่ห์ตอนนี้หมองคล้ำพาคนที่มองเห็นรู้สึกไม่สดใสไปด้วย“ก็บอกแล้วไงว่าอยากให้ลูกติดฉันคนเดียว”“ป้าจะช่วยเลี้ยงบ้างก็ไม่ยอมค่ะ” แม่บ้านวัยกลางคนวางแก้วน้ำเย็นๆ ลงตรงหน้าของอลิสาได้ก็รีบประสมโรงกับเพื่อนของเจ้านายที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี“แค่ทำงานบ้านป้าสาว
ดวงตาคมเริ่มจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยแววตาไหวระริก รู้สึกเจ็บลึกไปถึงข้างในเมื่อคนที่เขารักมาตลอดเห็นว่าเขาเป็นคนอันตรายต่อความรู้สึกของเธอ“เลิกเกลียดพี่ได้ไหม ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะพี่อยากอยู่ใกล้ไหม เข้าใจหรือยัง” เขาก้มซุกลำคอระหงส์และเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่นเครือ“หมายความว่ายังไงคะ” พราวไหมเผยออ้าปากค้าง เริ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดกับคำพูดของชายหนุ่ม“พี่ขอโทษ เพราะพี่ไม่เคยลืม ไม่มีสักวินาทีเดียวที่พี่ลืมสิ่งที่ทำกับไหม ความรู้สึกรักที่พี่มีให้ไหมพี่ก็ไม่เคยลืมมันเหมือนกัน พี่ไม่รู้ว่าไหมเกลียดพี่มากขนาดไหน แต่พี่อยากให้ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของอดีตได้หรือเปล่า เป็นเจ้าสาวให้พี่จริงๆ ได้ไหม”เตมินทร์ชันตัวจ้องหน้าคนที่กำลังฉงนใจไม่ห่าง“จะ..จริงใช่ไหม ไม่ได้หลอกไหมใช่ไหม ไหมคิดมาตลอดว่าคนที่ไหมยังรักไม่เคยลืมได้จริงๆ เห็นว่าไหมเป็นแค่ตัวสร้างประโยชน์ซะอีก"คำว่ายังรักไม่เคยลืมจากปากหญิงสาว เหมือนเตมินทร์ได้ยกภูเขาออกจากอก เขายิ้มทั้งน้ำตาลูกผู้ชายและก้มลงพรมจูบพวงแก้มนวลนุ่มนิ่มครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะเอ่ยกระซิบเสียงอ่อนย้ำให้หญิงสาวได้รับรู้เหตุผลของการกระทำของเขาอีกครั้ง“ที่พี่ทำทุก