หลังจากที่เธอออกจากสถานีตำรวจไป รอยยิ้มในรอบหลายเดือนได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ มาเดลีน ในที่สุดเธอก็สามารถหาหลักฐานมาลงโทษเมเรดิธในความผิดที่หล่อนทำหากพวกเขาพบเลือดของบริทนีย์ที่ต่างหู เมเรดิธเองจะไม่สามารถหาคำแก้ตัวใด ๆ ให้ตัวเองได้มาเดลีนกำลังนับวันรอข้อมูลที่คืบหน้าจากตำรวจ แต่เธอก็ยังไม่ได้รับอะไรเลยหลังจากผ่านไปสองวันเธอไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เธอจึงไปที่สถานีตำรวจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอกำลังวิ่งเข้าไปหาเมเรดิธและเจเรมี่ที่ทางเข้าสถานีมาเดลีนมองไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นใครจากระยะไกล เธอถือร่มขณะยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เธอสามารถได้ยินเพียงเสียงของเมเรดิธจากในระยะหนึ่งไมล์เท่านั้น“เจเรมี่ ทำไมมาเดลีนไม่ปล่อยฉันไปสักที? เธอจะมีความสุขก็ต่อเมื่อฉันตายเท่านั้นหรือไงกัน?”หลังจากที่เมเรดิธพูดสิ่งนี้ เธอก็เห็นมาเดลีนยืนอยู่เสียงของเธอฟังดูประหลาดใจ “แมดดี้?”มาเดลีนพยายามลืมตาขึ้น จากนั้นเธอเห็นใบหน้าของเมเรดิธที่เข้ามาใกล้เธออย่างพร่ามัว“แมดดี้ ฉันจะทำยังไงให้เธอปล่อยฉันไป? ทำไมถึงกล่าวหาว่าฉันฆ่าบริทย์? บริทย์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน! ทำไมฉันต้องฆ่าเธอ? เป็นเรื่องปกติที่จะมีเลื
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นในขณะที่มาเดลีนยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นที่เปียกแฉะ มือของเธอคลำไปรอบ ๆ ตัวเธออย่างบ้าคลั่งรถยนต์ที่ขับผ่านเธอไปสาดน้ำใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า กระนั้น เธอก็ยังไม่พบร่มของเธอที่ตกได้เจเรมี่กำลังจะสตาร์ทรถ แต่เขาเหลือบมองกระจกมองหลังโดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเมเรดิธสังเกตเห็นสิ่งนี้และทำให้ความสนใจของเจเรมี่เปลี่ยนไปทันที “เจเรมี่ ไปกันเถอะ เราต้องพาแจ็คไปตรวจหน้า”เจเรมี่หันหน้าของเขากลับมา “ไม่ต้องกังวล ไม่มีแผลเป็นบนใบหน้าของแจ็คแน่นอน”“ฉันไม่คิดว่าแมดดี้จะเกลียดชังฉันถึงขนาดนี้ ฉันคิดไม่ถึงว่าพ่อของฉันจะขอให้คนอื่นกรีดใบหน้าของเเมดดี้เพื่อล้างแค้นให้ฉันและแจ็ค” เมเรดิธพูดอย่างไร้เดียงสา“เจเรมี่ คุณคงไม่ตำหนิพ่อของฉัน ใช่ไหม?”“เด็กโง่ ทำไมผมถึงตำหนิพวกเขากัน?” เจเรมี่ยิ้มเขามองกระจกมองหลังอีกครั้ง เขาเห็นมาเดลีนยืนขึ้นหลังจากหาร่มของเธอเจอ จากนั้น เขาเฝ้าดูเธอเดินจากไปตามเส้นทางเดินเท้า เขาเยาะเย้ยด้วยความโกรธ“ผู้หญิงคนนั้นสมควรที่จะถูกทำให้ใบหน้าเสียโฉม ใครขอให้เธอทำสิ่งที่โหดร้ายและน่ารังเกียจพวกนั้นกันล่ะ?”เมเรดิธรู้สึกยินดีเมื่อเห็นความโกรธและความไม่พอ
ใบหน้าของเจเรมี่เย็นชาขึ้น “มาเดลีน ผมขอให้เธอเซ็นเอกสาร”“ฉันจะไม่เซ็นมัน” มาเดลีนพูดออกม าในที่สุดน้ำเสียงของเธอฟังดูสงบอย่างผิดปกติเจเรมี่เห็นมาเดลีนนั่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชาและนิ่งในขณะที่เธอจ้องมองไปทางอื่น เธอไม่ได้มองเข้าไปในตาของเขาเลยสักครั้ง เจเรมี่รู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ “มาเดลีน อย่าพยายามท้าทายความอดทนของผม เธอรู้ดีถึงผลที่จะตามมา”เมื่อเธอต้องเผชิญกับการคุกคามและคำเตือนแบบขู่ของเขา มาเดลีนไม่ได้มีความกลัวใด ๆ เกิดขึ้นบนใบหน้า ตรงกันข้าม เธอกลับยิ้มออกมา“เจเรมี่ ฉันจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะไม่เซ็นเอกสารการหย่าใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณอยากแต่งงานกับเมเรดิธใจจะขาด แน่นอน คุณควรรอให้ฉันฟ้องคุณในข้อหาแต่งงานซ้ำซ้อน”“มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด!” เจเรมี่โกรธมาก “ผมจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน เธอเซ็นหรือไม่เซ็น?”“ไม่!” มาเดลีนกล่าวอย่างหนักแน่นใบหน้าของเจเรมี่กลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อเขาเห็นว่ามาเดลีนยังคงแสดงท่าทีหยิ่งผยองและไม่ยอมมองหน้าเขา เขาจึงเดินไปหาเธอและบังคับปากกาไว้ในมือของเธอ จากนั้น เขาจับมือขวาของเธอแน่น“เจเรมี่ จะทำอะไร? ปล่อยฉัน!” มาเดลีนเริ่มดิ้นรน“เธอปฎิเ
หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น มาเดลีนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่หลังมือของเธอเจเรมี่จับมือเธอแน่นและบังคับให้เธอเซ็นชื่อ ‘มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด’ ในหน้าสุดท้ายมันเป็นชื่อของเธอแต่อยู่ในลายมือของเขาหลังจากที่เจเรมี่ทำเสร็จ เขาเหวี่ยงมือของเธอออกไปข้าง ๆ และดึงกระดาษออกไป เขามองไปที่ชื่อบนกระดาษและรู้สึกอึดอัดใจ ไม่เพียงเเค่นั้นเขาไม่รู้สึกโล่งใจเลยสักนิด แต่เขายังรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับบางอย่างที่ผิดปกติอีกด้วยเขาลดสายตาลงและมองไปที่มาเดลีนที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าของเธอซีดและมีน้ำตาในดวงตาของเธอ นอกจากนั้น ยังมีเลือดที่ริมฝีปากราวกับว่าเธอกัดมันแรงเกินไป เธอดูสะบักสะบอมและน่าสงสารมากเจเรมี่ขมวดคิ้ว “มาเดลีน มีอะไรจะขอไหม?”“500,000 ดอลลาร์” เธอกล่าวโดยไม่ลังเลหลังจากเจเรมี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็เย้ยหยันอย่างดูถูก “ดูเหมือนว่าจะเตรียมตัวมาแล้วอย่างดี ผมจะขอให้ใครโอนเงินเข้าบัญชีของคุณทันที”หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเมือเขากดรับโทรศัพท์ มาเดลีนได้ยินเสียงหวาน ๆ ของเมเรดิธจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เธอได้ยินเจเรมี่ตอบเบา ๆ ว่า “โอเค ผมจะไปที่นั่นในอีกสักครู่”
เจเรมี่กำพวงมาลัยแน่นยิ่งขึ้น เขาเริ่มสงสัยว่าดวงตาของเขาเสียหรือว่ายังไง แต่อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามาเดลีนเป็นคนที่สูญเสียการมองเห็นที่แท้จริงเธอตาบอดเธอตาบอดจริง ๆเธอไม่ได้ล้อเล่นก่อนหน้านี้ในตอนที่เธอมีปัญหาในการเซ็นเอกสารการหย่า มันเป็นเรื่องจริงแต่ก่อนหน้านี้เธอก็สบายดีอยู่ ทำไมตอนนี้ถึงตาบอดได้?เจเรมี่เฝ้ามองมาเดลีนในขณะที่เธอคลานอยู่ที่พื้นคล้ายเธอกำลังหาบางสิ่งที่หายไปพร้อมกับร้องไห้ออกมา เขารู้สึกว่าตัวเองหายใจได้ยากลำบากและมันรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกด้วยซ้ำหิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ และฝนเริ่มตกลงมาผู้คนรอบตัวเธอเริ่มจากไป ทิ้งไว้เพียงถนนที่ว่างเปล่า กระนั้น มาเดลีนยังคงค้นหาอะไรบางอย่างอย่างไม่ยอมแพ้เธอร้องไห้ และดูกังวลมาก เหมือนเด็กที่ทำของเล่นชิ้นโปรดหายไปเจเรมี่ลงจากรถในขณะที่รู้สึกถึงความท้อแท้ เขาค่อย ๆ เดินไปหามาเดลีน ฝีเท้าของเขาหนักอึ้งอย่างผิดปกติถึงอย่างนั้น เธอไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวหรือการมีตัวตนอยู่ของเขา ร่างที่ผอมแห้งของเธอยังคงอยู่บนพื้น ในขณะที่มือของเธอยังคงควานหาบางสิ่งอย่างบ้าคลั่งแม้จะถูกปกคลุมไปด้วยดินเจเรมี่มองเธอด้วยสีหน้าง
เมื่อเสียงของเธอดังขึ้น เจเรมี่รีบหดมือของเขากลับเข้าตัวทันทีทันใดนั้น มือของเมเรดิธที่กำลังจะสวมแหวนได้ว่างเปล่าในขณะที่ใบหน้าของเธอเริ่มชา และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือความรู้สึกเสียหน้า ทุกคนมองไปยังที่มาของเสียงอันเด็ดเดี่ยวนั่น รูปร่างเพียวที่แสนเปราะบางปรากฎขึ้นในสายตาพวกเขานั้นคือมาเดลีนเธอสวมชุดเรียบง่ายและสง่างาม เธอแต่งหน้าเบา ๆ บนใบหน้า แม้จะมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอ แต่เธอยังคงดูสวยงามราวกับเพิ่งเดินออกมาจากภาพวาดทุกคนสามารถบอกได้ว่านี่คือมาเดลีน และเธอยังเป็นอดีตภรรยาของเจเรมี่อย่างไรก็ตาม ใครสามารถดูออกว่าเธอตาบอด เพราะเธอบังคับตัวเองให้เดินไปสู่จุดหมาย ร่างกายของเธอต้อนรับอ้อมกอดแห่งความตาย แต่เธอก็ยังเลือกเดินไปข้างหน้าแม้จะมันยากลำบากเจเรมี่เฝ้ามองในขณะที่มาเดลีนเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ เขาพยายามอย่างมากที่จะมองเข้าไปในดวงตาของมาเดลีน แต่พระเจ้า เธอไม่มีจุดเพ็งเล็งในดวงตา เขาไม่พบความรักอันเร่าร้อนและความปรารถนาที่เธอเคยมีต่อเขาในสายตาของเธอนอกจากนี้ เธอยังสะดุดเมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าเป็นเพราะเธอมองไม่เห็น เธอมองไม่เห็นแสงสว่างใด ๆ ดังนั้นเธอจึงต้องเ
เมเรดิธโยนช่อดอกไม้ที่มือทิ้งอย่างไม่ใยดี และรีบวิ่งไปขว้างหน้ามาเดลีนอย่างเร่งรีบ เธอเริ่มสะอื้นตามบทปกติที่คอยแต่สวมหน้ากากที่น่าสงสารบนใบหน้าของเธอเสมอมา“แมดดี้ วันนี้เป็นพิธีหมั้นของฉันและเจเรมี่ ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉัน แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำอะไรแบบไร้ความคิดเพียงเพื่อทำร้ายคนที่ฉันรักหลอกนะ”“มาเดลีน วันนี้เป็นงานหมั้นของลูกสาวสุดที่รักและลูกเขยของผม ถ้าไม่อยากมีปัญหา เธอควรไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” ฌอนเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาต้องการไล่เธอให้ออกจากงานนี้ไป“มาเดลีน สำหรับผู้หญิงโหดร้ายและไร้หัวใจอย่างเธอยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้…บทลงโทษพวกนั้นมันน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับเธอ ไปให้พ้น! ถ้าไม่ ฉันจะทำให้เธอต้องเสียใจ!” เอโลอิสขู่มาเดลีนจุกในใจเป็นอย่างมาก กระนั้น เธอยังคงมีสีหน้าสงบ เธอยิ้มอย่างใจกว้าง และพูดว่า “คุณรู้ดวงชะตาของฉันหรือไงกัน นายหญิงแห่งมอนต์โกเมอรี? ฉันมีชีวิตที่ขื่นขมและลำบากมาจนถึงอายุเท่านี้”เมื่อเจเรมี่ได้ยินเช่นนั้นเขารู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของมาเดลีนนั้นช่างน่ามองเป็นพิเศษ มันน่าสะพรึงกลัวจนกัดกินจิตใจเขาเช่นกันใบหน้าของเอโลอิสและฌอนเปลี่ยนเป็นสีเข้ม “มาเดล
“มาเดลีน!”เจเรมี่วิ่งเข้าหามาเดลีนอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง เขาไม่รู้ว่าความกลัวและความหวาดกลัวที่กัดกินในใจของเขามากแค่ไหนในขณะที่ตะโกนเรียกชื่อมาเดลีนออกมาร่างที่สั่นเทาของมาเดลีนถูกเจเรมี่โอบอุ้มไว้ขาของเธออ่อนแอไม่มีแม้แรงพยุงตัวเองขึ้นในขณะที่เธอพิงกำแพงเพื่อบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นยืน อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทำได้ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แม้แต่สติของเธอก็ล่องลอยและเดินเตร่คล้ายมันจะทรุดลงไปทุกทีเมื่อมองไปที่เลือดที่น่าสยดสยองบนริมฝีปากของมาเดลีน หัวใจของเจเรมี่ได้รูกสึกเจ็บปวดแล้วเหมือนมีอะไรจุก ๆ ไปอยู่ที่ลำคอของเขาในขณะที่เขารู้สึกได้ถึงความกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน“เจเรมี่!” เมเรดิธวิ่งเข้ามาหาเขาขณะที่สายตาจับจ้องไปที่มาเดลีนที่กำลังจะตาย แน่นอนว่าเธอรู้สึกไร้กังวล แต่เธอไม่พอใจอย่างมากกับการที่เจเรมี่ปฏิบัติต่อมาเดลีนในตอนนี้“เจเรมี่ แขกรออยู่ นายจะทิ้งเมอร์และไล่ตามผู้หญิงคนนั้นหรือไง?” เอโลอิสเดินตามมาเช่นกัน เธอมองไปที่มาเดลีนที่กำลังอาเจียนเป็นเลือดด้วยสีหน้าที่เเสดงความรังเกียจออกมา “นี่มันเป็นเลือดปลอมชัด ๆ เจเรมี่ มองไม่ออกหรือไง? หล่อนโกหกคุณด