เจเรมี่วิ่งตามไป เขารู้สึกได้ว่าเมเดลีนกำลังอารมณ์ไม่ดีเมื่อมองย้อนกลับไปยังหกเดือนนั้น มันไม่ใช่ความทรงจำที่เขาต้องการจะนึกถึงสักเท่าไหร่เมเดลีนยืนอยู่ตรงชายหาดข้างโรงแรมพลางถอดหน้ากากออก ใบหน้าสวยปล่อยให้สายลมยามค่ำคืนปะทะอยู่อย่างนั้น ในขณะที่กำลังเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีจุดหมายในใจ“ลินนี่”เสียงของเจเรมี่ดังขึ้นจากด้านหลัง ฝีเท้าของเมเดลีนจึงค่อย ๆ หยุดลงเธอไม่ต้องการทะเลาะกันกับเขา แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอกำลังอารมณ์เสียไปได้เช่นกันเจเรมี่เดินไปยืนตรงหน้าเมเดลีน ลมทะเลพัดโชยผมสั้นของเธอให้ปลิวไหว ภายใต้โคมไฟถนนสีเหลือง ใบหน้าเล็ก ๆ ดูเศร้าหมองนั้นคือสิ่งเดียวที่เจเรมี่เห็นอย่างชัดเจนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นอย่างนึกอยากจะขอโทษ ขณะเดียวกันเขาก็ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแน่น“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะลินนี่” เขากอดเธอไว้แน่น เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนดังอยู่ข้างหู “เราเป็นแค่เพื่อนกัน”เมเดลีนมองไปยังทะเลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตเงียบ ๆ ก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูจะพูดว่า “เธอจำคุณได้แม้ว่าคุณจะสวมหน้ากาก เธอเรียกคุณว่าเจเรมี่อย่างสนิทสนมด้วยนะ”“ลินนี่” เจเรมี่คล
การมองเห็นของเมเดลีนค่อย ๆ พร่ามัวขณะที่จ้องมองสีหน้าเรียบนิ่งของคนตรงหน้า“คุณรู้ไหมว่าทำไมสีผมและสีตาของผมถึงได้เปลี่ยนไป” เขาถามด้วยรอยยิ้ม “มันไม่ใช่แค่เพราะยาพิษที่ลาน่าให้ผม แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น”ขณะที่พูด คิ้วเข้มของเขาก็ขมวดเข้าหากัน “มันเกิดจากการที่ผมทดลองใช้ยาหลายตัวเพื่อต่อชีวิตให้ตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นคือหมอที่ช่วยคิดค้นยาที่จะป้องกันการแพร่กระจายของยาพิษในร่างกายผม ผมใช้เวลาครึ่งปีดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตต่อด้วยความสิ้นหวัง “เธอบอกผมว่าไม่มีทางที่จะกำจัดพิษออกจากร่างกายผมได้ทั้งหมด แล้วผมก็มีเวลาอีกแค่สองปีเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่พอผมกลับไปหาคุณกับลูก ผมถึงได้มีพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างที่เปลี่ยนไป”เจเรมี่หัวเราะอย่างสิ้นหวัง“ผมอยากอยู่กับคุณและมอบความรักที่มีทั้งหมดให้ แต่ผมก็กลัวว่าจะเผลอมากไป ผมไม่ต้องการที่จะจบลงด้วยการปล่อยให้คุณเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เช่นเดียวกับลิเลียน ผมกลัวว่าเธอจะสูญเสียพ่อไปทันทีหลังจากที่เธอจำผมได้ ผมก็เลยเลือกที่จะเย็นชาและปล่อยให้เธอเกลียดผม แต่ผมก็ได้รู้ว่าผมคิดผิด”เมเดลีนรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างเสียดแทงหัวใจหลังได้ยินอย่างนั้น “เจเรมี
หลังจากอ่านเนื้อหาของข้อความ เจเรมี่ก็หันมามองเมเดลีนที่ยังหลับอยู่เขากลัวจะรบกวนการนอนของเธอ จึงเลิกผ้าห่มขึ้นเบา ๆ แล้วลงจากเตียงขณะที่กำลังสวมรองเท้าแตะเพื่อเดินออกไป เขาก็ได้ยินเมเดลีนพึมพำชื่อของเขา “เจเรมี่”เจเรมี่หยุดเดินและหันกลับมาอย่างรู้สึกผิด เมื่อเห็นว่าเธอเพียงแค่ละเมอ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ความรู้สึกผิดนั้นก็แล่นพล่านอยู่ในอกอยู่ดี‘ลินนี่‘ผมเสียใจ‘ผมจะกลับมาหาคุณเมื่อจัดการกับเรื่องนี้เสร็จแล้ว’เจเรมี่สัญญาเงียบ ๆ ก่อนจะหยิบเสื้อแจ็คเก็ตแล้วเดินเบา ๆ ออกจากห้องสวีทไประเบียงของโรงแรมว่างเปล่าและเงียบสงัดเมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลงเจเรมี่เดินเข้าไปข้างในเพื่อเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ข้างบาร์ใต้โคมไฟถนนสีเหลืองจาง ๆ เธอคนนั้นกำลังจิบไวน์ด้วยท่าทางสบาย ๆ ลอนผมสีม่วงของเธอปลิวสยายไปทั่วไหล่อันเรียบเนียน รูปร่างที่โค้งเว้าของเธอดูเย้ายวนใจยิ่งกว่าเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟยามค่ำคืนถึงอย่างนั้นเจเรมี่ก็ไม่ได้สนใจความงามตรงหน้า เขาเดินไปยืนข้างหลังเธอแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ผมไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้เจอกันอีก เชอร์ลี่ย์”ผู้หญิงที่ชื่อเชอร์ลี่ย์หยุดด
เธอโคลงของเหลวในแก้วด้วยความรู้สึกเย้ยหยันภายในใจ“ไม่มีทางที่ฉันจะแพ้คุณหรอกนะอดัม คิดว่าคุณจะสามารถช่วยเจเรมี่ได้จริง ๆ งั้นเหรอ? หึ ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้คุณยุ่งเกี่ยวกับการทดลองของฉันหรอกนะ!”เจเรมี่วิ่งจากระเบียงไปจนถึงทางเข้าโรงแรม แต่จู่ ๆ เขาก็ไม่เห็นเมเดลีนแล้วเขากังวลว่าเมเดลีนจะเข้าใจผิดจากสิ่งที่เธอได้ยิน ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว และเมเดลีนเองก็ไม่คุ้นเคยกับที่นี่เขาจึงกลัวว่าเธอจะหลงทางเขารีบกลับไปที่ห้อง เมื่อเห็นเตียงนอนที่ว่างเปล่า เจเรมี่ก็รู้สึกใจหายอีกครั้งเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อค้นหาตำแหน่งของเมเดลีน แต่ขณะที่กำลังเดินไปที่ทางเข้า เขาก็ได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากห้องน้ำเสียงฝีเท้าของเจเรมี่หยุดชะงัก ในขณะที่เห็นเมเดลีนกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำเธอสวมชุดนอนหลวม ๆ และดูเหมือนไม่ได้ออกจากห้องเลย“คุณไปไหนมา เจเรมี่? ฉันคิดว่าคุณไปเข้าห้องน้ำ” เธอพึมพำขณะที่เดินไปหาเขาอย่างง่วงงุน จากนั้นก็พิงหน้าอกของเขาอย่างน่ารักเจเรมี่ยกมือขึ้นกอดเธอทันที ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ“ผมหิวนิดหน่อยก็เลยไปหาอะไรกิน” เจเรมี่โกหกอย่างช่วยไม่ได้เมเดลีนเองไม่ได้สงสัยก่อนจ
เจเรมี่ไม่คิดว่าเมเดลีนจะเดินมา เขาจึงชำเลืองมองสถานการณ์ผ่านช่องมองตรงประตู แล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ไม่มีอะไร ผมกำลังจะเปิดน่ะ”เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเปิดประตูทันทีที่เปิดประตูเมเดลีนก็เห็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องพักของพวกเขาเมื่อคืนนี้แสงไฟอาจสลัวไปบ้าง แต่เมเดลีนก็ยังจำได้แม่นว่าเธอคนนี้คือคนที่เจอเมื่อคืนเชอร์ลี่ย์เฝ้ามองเมเดลีนก่อนจะนึกไปถึงเรื่องที่เมเดลีนได้ยินเธอกับเจเรมี่คุยกันเมื่อคืน หญิงสาวยิ้มอย่างไม่แยแส ทว่าเมเดลีนกลับเดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรเสียก่อน“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอวลีน เป็นภรรยาของเจเรมี่ เจเรมี่บอกฉันแล้วว่าคุณเคยช่วยเขาเอาไว้ในช่วงหกเดือนที่เขาหายตัวไป ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้สามีของฉันกลับมาหาฉันได้อีกครั้ง”“...” แววตาที่สับสนฉายผ่านดวงตาของเชอร์ลี่ย์เธอสงสัยว่าเมเดลีนกำลังเยาะเย้ยเธออยู่หรือไม่ ทว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายกลับดูจริงใจ“คุณชื่ออะไรคะ?”“เชอร์ลี่ย์” เธอคนนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง “คุณใจดีจังนะคะคุณนายวิทแมน ฉันเป็นแค่หมอ มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องช่วยเหลือผู้ป่วยอยู่แล้ว ฉันเองก็ดีใจเช่นกันที่เห็นว่าอาการของ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ