แม้ว่าดวงตาของเธอจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เมเรดิธยังคงสวมหน้ากากที่เป็นเสมือนตัวตนของเธอในขณะที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“ฉันขอโทษนะ คุณควินน์ ฉันคงรักคู่หมั้นมากเกินไปและสูญเสียความใจเย็นไปชั่วขณะ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสา”มาเดลีนยิ้มกลับ “ฉันเห็นว่าคุณเอาใจใส่ คุณวิทแมนมากแค่ไหน ฉันสามารถเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง ฉันเองมักจะหึงเมื่อแฟนของฉันเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่นมากเกินไปเหมือนกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น มาเดลีนก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่บางเบาทั้งในสายตาของเจเรมี่และเมเรดิธ“คุณควินน์ คุณมีแฟนแล้วงั้นหรือ?” เมเรดิธเกือบจะสามารถเรียกรอยยิ้มของเธอคืนได้มาเดลีนหัวเราะอย่างสง่างาม “ใช่แล้วล่ะ” เธอพยักหน้าเบา ๆ แสร้งทำเป็นบังเอิญสบสายตาของเจเรมี่เมื่อเห็นว่าสายตาของเจเรมี่ยังคงอยู่ที่มาเดลีน เมเรดิธจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ “คุณควินน์มีแฟนแล้ว ทำไมคุณไม่โทรหาเขาและแนะนำให้เราจะได้รู้จักด้วยล่ะ”“เขาไม่ได้อยู่ในเกลนเดลชั่วคราว แต่ฉันจะพาเขามาแนะนำกับพวกคุณทุกคนถ้าเรามีโอกาส” มาเดลีนยิ้มอย่างสดใสเมเรดิธไม่พูดต่อและเช็ดน้ำตาออกขณะที่เธอยิ้มอย่างอบอุ่นอีกครั้ง “เจเรมี่ ไปกันเถอะ เราไม่ควรทำให้
เสียงของเมเรดิธกำลังสั่นขณะที่เธอพูดว่า “เจเรมี่อย่าไปนะ คุณกำลังจะไปไหน? แล้วการแต่งงานของเราล่ะ...”“วันนี้ผมไม่มีอารมณ์กับมัน” เจเรมี่ตอบอย่างเย็นชาพลางดึงมือของเขาออกจากการเกาะกุมของเมเรดิธ“เจเรมี่!” เมเรดิธยังคงตะโกนต่อไป แต่เจเรมี่เดิยชนหนีหายจากไปแล้วทุกคนในตระกูลมอนต์โกเมอรีและแขกที่มาร่วมงานไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็นแต่ว่าบางสิ่งที่พวกเขาสามารถเห็นได้ชัดคือกริยาท่าทางของเจเรมี่ เขาดูรู้สึกหงุดหงิดกับบางสิ่งอย่างชัดเจนฝูงชนเกิดความสงสัยในกะทันหัน ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะไม่รักเมเรดิธมากเท่าข่าวลือที่อ้าง มิฉะนั้นทำไมชีวิตสมรสของพวกเขาถึงล่าช้าไม่มีการจัดงานแต่งงานซักที? แม้กระทั่งวันนี้ เจเรมี่ก็ทิ้งเมเรดิธด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าเขาไม่มีอารมณ์เมเรดิธยกชุดของเธอเพื่อจะเดินก้าวตามไปขณะที่เธอไล่ตามเขา ในภาพที่เธอเห็นคือมาเดลีนกำลังเดินนำอยู่ข้างหน้าและเจเรมี่ได้ขับรถของเขาไปข้าง ๆ และลงมาเปิดประตูให้มาเดลีนในภาพที่ดูเหมือนสุภาพบุรุษขณะที่เขาเชิญเธอขึ้นรถก่อนจะขับออกไปเมเรดิธจับชุดของเธออย่างแน่นในขณะที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และในดวงตาของเธอมีความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง
เธอยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณถึงมาตีสนิทกับผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอล่ะ? คุณไม่รู้สึกขยะเเขยงที่จะมองหน้าฉันหรือไงกัน?”เจเรมี่หันกลับมา มองที่มาเดลีนด้วยสายตาที่มีเสน่ห์ “คุณวีล่า ใบหน้าเธอคือความสวยงาม”ใช่ ใบหน้านั้นสวยงามใบหน้านั้นงดงามเช่นเดียวกับมาเดลีนที่มีไม่สิ มาเดลีนสวยกว่านิดหน่อยใบหน้าของเธอมีแสดงออกมาอย่างนิ่ง ๆ และเป็นของจริงดูไม่เสแสร้ง สมบูรณ์แบบในความเงียบสงบเจเรมี่มองใบหน้าตรงหน้าราวกับว่าเขาทำได้เพียงเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเขาด้วยวิธีนั้นทันใดนั้น โทรศัพท์ได้ดังขึ้น ทำให้ชะงักการชื่นชมในความงามนั้นของเขา เขามองไปที่หน้าจอและต้องการที่จะปฏิเสธมัน แต่ท้ายที่สุดเขากดรับสาย “มันยังไงกัน?”สายลมพัดแรงจนเกินไป มาเดลีนจึงไม่สามารถได้ยินสิ่งที่พูดของคนในสาย แต่เธอได้ยินคำตอบของเจเรมี่ที่ไม่เต็มใจนัก “โอเค ผมจะกลับเดี่ยวนี้”มาเดลีนหลงคิดว่าเจเรมี่จะให้เธอลงระหว่างทาง แต่เขาก็ไม่หยุดรถจนกระทั่งถึงถนนที่คุ้นเคย ในที่สุดรถก็หยุดตรงหน้าคฤหาสน์วิทแมนมาเดลีนรู้สึกเหมือนว่าเจเรมี่ยังคงสงสัยในตัวตนของเธอ นั่นคือเหตุผลที่เขาพาเธอกลับมาที่นี
เจเรมี่กระซิบบอกคำสองสามคำกับมาเดลีนก่อนที่จะพาเธอเข้าไปหาอาวุโสวิทเเมนอาวุโสวิทเเมนอายุมากแล้วสายตาของเขาไม่ดีเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขาเห็นคือเจเรมี่กำลังจูงมือผู้หญิงผมยาวเข้ามา แต่ในขณะที่มาเดลีนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่เชื่อในขณะที่เขาจับไม้เท้าพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟา“เธอ…เธอคือ… เเมดดี้?” ชายชราถามอย่างเหลือเชื่อในขณะที่มือขวาที่สั่นเทาของเขาเอื้อมไปหาเธอ ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นการพยายามทดสอบว่าเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ‘มนุษย์’ ที่แท้หรือไม่มาเดลีนมองไปที่สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเขาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า แต่นั้นมีความหวานแฝงอยู่ในความเศร้ายังมีใครบางคนที่ห่วงใยเธออยู่ที่นี่!เธอยิ้มขณะที่เธอเอื้อมมือไปจับมือของชายชรา “คุณปู่”“เธอคือเเมดดี้จริง ๆ ใช่ไหม?” ชายชราถามอย่างตื่นเต้นคุณนายวิทแมนเฝ้าดูห่าง ๆ ด้วยสายตาสงสัย“ใช่แล้วครับ คุณปู่ แน่นอนว่าเธอคือมาเดลีน” เจเรมี่กล่าว ช่วยมาเดลีนตอบคำถามเมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของผู้เป็นแม่ได้เปลี่ยนไป “อะไรกัน? เธอคือมาเดลีนจริง ๆ เหรอ? เจเรมี่ แกไม่ได้พูดอย่างนั้น…”คำพูดของเธอถูกขัดให้จบลงด้วย
อาวุโสวิทเเมนพยักหน้า ขณะมองมาเดลีนอย่างมีความหมายราวกับว่าเขาได้มองเห็นอะไรบางอย่างเมื่อเข้าไปในรถ เจเรมี่เอ่ยพูดก่อนว่า “วีล่า ขอบคุณสำหรับการทำตามคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลของผม”“เนื่องจากนี่เป็นคำขอที่ไม่สมเหตุสมผล ผมหวังว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง” มาเดลีน กล่าวอย่างใจเย็น “คุณวิทแมน คุณกินเวลาของฉันไปมากแล้ว คุณช่วยไปส่งฉันกลับทันทีได้ไหม? และคุณควรกลับไปปลอบใจคู่หมั้นของคุณด้วย”เจเรมี่มองไปที่มาเดลีนและเห็นว่าการแสดงออกของเธอดูเย็นชาและมีความอดทน เขากล่าวว่า “ผมขอโทษจริง ๆ ที่พรากเวลาของคุณกับแฟน ผมจะเลี้ยงพวกคุณสองคนในมื้อถัดไป”“นั่นไม่จำเป็น ฉันกลัวว่าแฟนของฉันจะหึงเอาน่ะ” มาเดลีนปฏิเสธเจเรมี่ไม่ได้พูดอะไรอีกเขามุ่งหน้ากลับทันทีหลังจากส่งมาเดลีนไปยังที่ที่เธอต้องการจะไปมาเดลีนยืนอยู่ข้างถนนที่พลุกพล่าน และมองต่ำลงไปที่ฝ่ามือของตัวเองความรู้สึกยังเหมือนมีความอบอุ่นนั้นอยู่ในมือของเธอคุณปู่จริง ๆ แล้วเขาจำเธอได้เธอยิ้ม เธอรู้สึกราวกับว่าบาดแผลในใจของเธอเพิ่งได้รับการเยียวยาคืนนั้น มาเดลีนเจอข่าวงานเลี้ยงวันเกิดของเมเรดิธขณะที่เธอเล่นอินเทอร์เน็ตตรวจดูข่
แม้ว่าลิลลี่จะอายุไม่ถึงสามขวบ แต่เธอกลับว่องไวมากเมื่อเห็นว่าเมเรดิธกำลังจะตีเธอด้วยเจตนาที่ไม่ดี เธอจึงหลบหลีกทันทีเมเรดิธฟาดมือออกไป เธอสัมผัสได้เพียงอากาศเท่านั้น และนั่นทำให้เธอรู้สึกรำคาญมากขึ้นเธอยื่นนิ้วออกไปเพื่อหยิกใบหน้าของลิลลี่ลิลลี่อ้าปากเล็ก ๆ น่ารักของเธอและกัดเข้าที่หลังมือของเมเรดิธอย่างไม่ลังเลด้วยแรงทั้งหมดที่มี"อ่าห์!" เมเรดิธกรีดร้องลิลลี่คลายปากของเธอ และกระพริบตาที่สวยงาม “นี่คุณน้า คุณแม่ของหนูบอกว่าคนที่ชอบตีเด็กเป็นคนไม่ดี เพราะคุณเป็นคนไม่ดี หนูสามารถตะโกนและตีคุณได้”“อะไรนะ? เมื่อกี้แกพูดว่าอะไร?” เมเรดิธไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ที่เธอถูกสั่งสอนโดยเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อายุยังไม่ถึงสามขวบ!เธอโกรธมาก เมื่อเห็นลิลลี่หันหลังเดินกลับเข้าร้าน เมเรดิธรีบวิ่งไล่ตามเธอ โดยลืมไปว่าตอนนั้นเธอยังเหยียบลูกปัดเคลือบอยู่ใต้เท้า ลูกปัดเคลือบทำให้เธอควบคุมการทรงตัวไม่ได้ทันที เธอไม่สามารถพยุงตัวเองให้มั่นคงได้ ในที่สุดเธอได้ล้มลงอย่างน่าอายและดึงเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เธอลงไปที่พื้นเช่นกัน“บ้าชะมัด”ลิลลี่หยุดชะงัก เธอหันหน้าไปรอบ ๆ และแลบลิ้นใส่เมเรดิธ
“ขอบคุณค่ะ พี่ชาย ที่ช่วยลิลลี่อีกครั้ง” ลิลลี่กระพริบตาให้เจเรมี่ด้วยดวงตาที่ดูบริสุทธิ์ราวกับแก้วของเธอ “แม่ของหนูอยู่ที่นี่ ดังนั้นพี่ชายสามารถปล่อยหนูลงได้เลย”เจเรมี่มองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในอ้อมแขนของเขาขณะที่เผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้ปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชาของเขา “หนูชื่อลิลลี่เหรอ?”“อื้อ …” ลิลลี่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังแต่ไม่นานนักคิ้วเล็กขมวดขึ้นอย่างน่ารักก่อนจะส่ายหัว “มี แต่คุณแม่เท่านั้นที่เรียกหนูว่าลิลลี่ แต่พ่อไม่เคยเรียกหนูแบบนี้เลยสักครั้ง”พ่อเจเรมี่ไม่เคยรู้สึกว่าสองคำนี้รุนแรงขนาดนี้มาก่อนรุนแรงและไม่คุ้นเคยเขานึกถึงแจ็คสัน ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้ยินแจ็คสันเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ เลยหัวใจของเขาเต้นอย่างไม่สบายใจด้วยเหตุผลบางอย่างเขาปล่อยลิลลี่ลง เธอรีบวิ่งตรงไปอยู่ด้านข้างของมาเดลีน “คุณแม่ น้าคนนี้พยายามจะตีหนู แต่เธอล้มลง โชคดี ที่พี่ชายคนนี้ช่วยหนูไว้”ลิลลี่เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางจริงจังก่อนจะอธิบายสถานการณ์ก่อนหน้านี้ให้มาเดลีนฟังมาเดลีนยิ้มอย่างอ่อนโยนและกอดลิลลี่ “คุณวิทแมน ขอบคุณมากค่ะ แต่ได้โปรดอย่ามาหาฉันอีกต่อจากนี้ ฉันเกรงว่าคู่หมั้นของคุณจะ
มาเดลีนไม่อาจหยุดตัวเองให้ไม่ชะงักการเดินของเธอได้ เธอมองไปที่เมเรดิธที่พูดคำเหล่านี้ขณะที่ความสงสัยค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในใจของเธอเหตุใดอดีตของเมเรดิธและเจเรมี่จึงคล้ายคลึงกับประสบการณ์ของเธอกับเจเรมี่ในตอนนั้น?ยิ่งไปกว่านั้น เอพริลฮิลล์ก็เป็นสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกเช่นกัน?“เจเรมี่ ฉันไม่ต้องการอะไร แต่ฉันขาดคุณไม่ได้จริง ๆ ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไป ได้ไหม?”เสียงอันนุ่มนวลของเมเรดิธดึงความคิดของมาเดลีนกลับมาเธอเห็นดวงตาของเมเรดิธที่เต็มไปด้วยน้ำตาในขณะที่เธอมองไปที่เจเรมี่ด้วยสายตาที่คาดหวังแม้ว่าเจเรมี่จะไม่ตอบกลับ แต่เขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อพันแผลของเมเรดิธ เขายังคงดูแลเมเรดิธ “เจเรมี่ ... ”“หยุดพูด ผมจะพาไปโรงพยาบาล”เมเรดิธมองไปที่เจเรมี่ด้วยความรัก “เจเรมี่ เพียงแค่มีคุณอยู่ด้วยกันกับฉัน ฉันจะไม่เจ็บปวดมากฉันรู้ว่าคุณจะปกป้องฉันตลอดไป”มาเดลีนได้ยินคำพูดเหล่านี้จากจุดที่เธอยืนอยู่ในขณะที่ดูเจเรมี่ช่วยเมเรดิธให้ลุกขึ้น เมเรดิธได้หันหน้ามาเพื่อแสดงชัยชนะและยั่วยุให้มองเธอขณะที่เธอกำลังเข้าไปในรถ ราวกับว่าเธอกำลังพูดว่า ‘วีล่า ควินน์ เธอไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะ