"จูบผม"เสียงทุ้มพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติดวงตาของคาลเลนเต็มไปด้วยความขบขันเขาไม่สามารถปกปิดมันได้ แต่เขากลับต้องรู้สึกผิดหวังเขารู้สึกว่าชีวิตของเขามันน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเติมชีวิตชีวาให้กับมันตลอดสามเดือนที่เขาจะอยู่ที่นี่ในเมืองเอส เจน ดันน์ จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือเติมเต็มสีสันในชีวิตที่น่าเบื่อของเขาคาลเลนอยากเห็นผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง อยากเห็นเธอต่อสู้กับความขัดแย้งภายในตัวของเธออีกครั้ง อย่างไรก็ตามครั้งนี้เขากลับต้องผิดหวังหญิงสาวเพียงกระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเงียบ ๆ และถามเขาด้วยใบหน้าที่จริงจัง "นั่นเป็นเรื่องตลกใช่ไหมคะท่าน?""ไม่" เขายิ้มเล็กน้อยสีหน้าของเขาสงบ อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมารอยยิ้มของเขาก็หุบนิ่งบนใบหน้าอันหล่อเหลา และดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยเขามองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของเธอตอนนี้ที่อยู่ห่างจากเขา …จากนั้นเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกอบอุ่นแต่แห้งบนริมฝีปากของเขาเอง เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรู้สึกนั้นได้ เพราะริมฝีปากของเขาไม่เคยสัมผัสกับปากของหญิงสาวที่แห้งแตกขนาดนี้ "ค
“เจน อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้สิ!” คนอย่างอโลร่า เธอจะไม่ยอมถูกหลอกง่าย ๆ อย่างนี้แน่นอน ใบหน้าสวยของเธอเย็นชา “เธอกำลังบอกว่า เธอไม่ได้ใช้เวลาว่างที่หยุดไป เพราะเหนื่อยใช่ไหม?”ทันทีที่เธอพูดอย่างนั้น อโลร่าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและมองไปที่เจน “โอเค ถ้าเธอไม่ยอมบอก ฉันจะโทรหาคุณชาย สจ๊วต”ถึงมันจะไม่ใช่คำขู่ที่ดีนัก แต่อโลร่าคิดอะไรไม่ออกในตอนนี้“อโลร่าคะ คุณชายสจ๊วตจะไม่มีทางสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันหรอกค่ะ”อโลร่ากระพริบตา คราวนี้เจนพูดความจริงแน่นอนอโลร่านึกถึง ฌอน สจ๊วต เขาเป็นคนที่ปฏิบัติต่อเจนอย่างทารุณที่สุดถ้าตอนนี้เธอโทรหาเขาจริง ๆ และบอกเขาว่าเจนบาดเจ็บที่หัว เขาก็คงไม่สะทกสะท้านหรือมาสนใจใยดีอะไร“โอเคเจน เธอจะไม่ยอมบอกจริง ๆ หรอ ฉันจะไม่โทรหาคุณชายสจ๊วตแล้วก็ได้ แต่ฉันจะโทรหาผู้จัดการแผนกต้อนรับลูกค้าของคุณ และขอให้เธอมาที่นี่”เจนหน้าซีด “อย่าเรียก คุณโคลนะคะ” อโลร่าค่อนข้างผงะและแปลกใจ เจนกลัวโคลจริง ๆ หรือ? ใบหน้าของเจนขาวซีดขณะที่เธอมองอโลร่าอย่างอ้อนวอน“อย่าเรียกคุณโคล มาที่นี่นะคะ ได้โปรดค่ะอโลร่า”โคลไม่ค่อยชอบเจนตั้งแต่แรกแล้วเป็นทุนเดิม ถ้าเธอรู้ว่าเจนสร้
หลังจากเจนทำงานเสร็จเธอก็เดินกลับบ้านคนเดียวในตอนกลางคืนตามปกติซูซี่จะไม่มีทางไปทำงาน และกลับพร้อม ๆ กับเธอแน่นอนเมื่อเจนกลับมาถึงหอพัก เธอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่เห็นไฟในห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ ซูซี่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นนั้นและเล่นโทรศัพท์ของเธออยู่เมื่อเจนเข้ามาในห้องซูซี่ก็วางโทรศัพท์ของเธอลงทันที และยืนขึ้น“กลับมาแล้วเหรอ?”เจนรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วซูซี่จะหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอนของเธอและคงนอนหลับไปแล้ว แต่วันนี้เธอนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เธอกำลังรอเจนอยู่หรือเปล่านะ?"อืม" เจนปกติเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรอยู่เป็นทุนเดิมกล่าวตอบซูซี่สั้น ๆ ในช่วงสามปีที่เธออยู่ในคุกชีวิตของเธอก็ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงมากนักความเงียบจึงกลายมาเป็นโหมดปกติของเธอ“ฉันได้ยินมาว่ามีลูกค้าถามหาเธอในห้องวีไอพีที่ชั้นหก เขาคือใคร?"ซูซี่กำลังพยายามพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเธออยู่ใช่ไหมนะ? เจนเงยหน้าขึ้นมองซูซี่ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองอย่างไม่เห็นคุณค่า…ใช่ราวกับว่า“ลูกค้าใหม่” เจนพูดช้า ๆ ในใจของเธอรู้ดีราวกับว่าเธอสามารถเข้าไปในความคิดของซูซี่ได้ สิ่งที่ซูซี่อยากถามจริง ๆ แล้วค
ไม่มีใครคาดคิดว่าไฮด์ จะถามเรื่องนี้ขึ้นมาแม้แต่อากาศก็ดูเหมือนจะเยือกเย็นขึ้นในเพียงแค่ชั่วพริบตา อย่างน้อยที่สุดเส้นขนทั้งหมดบนร่างกายของซูซี่ก็ลุกซู่ เพราะความกังวลใจของเธอเอง"หืม? สิ่งที่เธอพูดมันจริงหรอเจน"ใช่ หรือ ไม่ เพียงแค่คำเดียวเจนเพียงแค่ต้องอ้าปากพูดออกไปเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าซูซี่จ้องมองเธออย่างกังวล และตื่นตระหนกเธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองไปที่ ไฮด์ ปากของเธอเปิดขึ้น ริมฝีปากของเธอโค้งเป็นรอยยิ้ม "ใช่ค่ะ"เสื้อผ้าที่หลังของซูซี่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งขี่รถไฟเหาะ…เธอคงไม่อยากสัมผัสความรู้สึกนั้นอีกแล้ว ไม่อีกตลอดชีวิตเธอมองเจนด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกกดดันที่มองไม่เห็น และความรู้สึกละอายซูซี่อาจไม่เคยสังเกตว่า ยิ่งเธอดูถูกเจนมากเท่าไหร่หัวใจของเธอก็ยิ่งเจ็บปวด และทุกครั้งเจนก็ทำเกินความคาดหมายของเธอตลอดเธอได้รับการช่วยเหลือจากเจนผู้หญิงที่เธอดูถูกอยู่ตลอดมันเหมือนกับการมีอัจฉริยะที่มีไอคิว 180 ที่ถูกคนโง่ ๆ ช่วยไว้ เธอกลับรู้สึกโกรธมากขึ้น แทนที่จะรู้สึกขอบคุณ"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณชายโซรอส ดิฉันขอตัวนะคะ" เ
บอดี้การ์ดร่างใหญ่และกำยำ สุดเคร่งขรึมยืนอยู่ตรงหน้าของซูซี่“ท่านคะ ที่นี่คือ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์! ท่านกำลังพยายามที่จะทำอะไรอยู่คะ? ไม่ว่าท่านกำลังต้องการที่จะทำอะไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถทำทุกอย่างได้ตามที่ปราถนาที่ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์”เธอไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก เพราะท้ายที่สุดที่นี่คือ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ และข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคุณเดนแฮมมี่ที่ท่าลังเลเช่นกัน เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ แม้กระทั่งในพื้นที่ทางตอนใต้ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาภายในห้อง และกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของคุณเดนแฮม ท่าทางที่ดูหวาดกลัวเล็กน้อยในตอนต้น ถัดมากกลับกลายเป็นการสบประมาทขึ้นมาในทันที “คุณทอมสัน ฉันได้ยินมาว่า คุณเป็นคนที่ถูกขับไล่ที่ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ อีสต์ เอ็มพอเรอร์”ซูซี่จำสิ่งที่อโลร่าเคยพูดในวันนั้นขึ้นมได้ในทันที และใบหน้าของเธอก็ซีดลง ครั้งนี้เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก “นะ- นายออกไปห่าง ๆ ฉันนะ”“อย่ากลัวไปเลย คุณทอมสัน เราจะไม่ทำอะไรคุณหรอก เราแค่อยากให้คุณแสดงบางอย่างเพื่อเรา”“แสดงอะไร?”“เดี๋ยวคุณก็จะรู้เ
คุณเดนแฮมมองผู้หญิงตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว “น่าเกลียดเกินไป”หัวใจของซูซี่เต้นรัว สี่คำนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกกังวลใจมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ครั้งนี้เธอกลับรู้สึกอยากให้เจนมีใบหน้าและทรวดทรงสวยงามกว่าคนอื่นถ้าคุณเดนแฮมคิดว่าเจนน่าเกลียด ซึ่งนั่นก็หมายความว่าซูซี่จะต้องตกอยู่ในปัญหาอย่างแน่นอนในตอนท้ายใช่ไหม?ซูซี่มองไปที่ตู้กระจกใสนั้นอย่างระมัดระวัง น้ำข้างในสูงกว่าหนึ่งเมตรแล้ว เธอรีบบอกคุณเดนแฮมว่า “อย่าตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกนะคะ เจนจะแสดงโชว์ที่ดีให้คุณได้รับชมอย่างแน่นอน”แม้ว่าเจนจะมาถึงที่นี่เพียงคนเดียว แต่เธอก็เข้าใจสถานการณ์จากการสนทนาของซูซี่กับคุณเดนแฮม การแสดงที่เรียกว่านี้กำลังจะเป็นการทดลองที่น่าทึ่งอีกครั้งสำหรับเธอคุณเดนแฮมมองไปที่เจนด้วยความสงสัย “สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?”ไหล่ของเจนกระตุกเล็กน้อย นี่เป็นครั้งที่สองของวันนี้ที่เธอได้ยินเรื่องนั้น - "สิ่งที่เธอพูดจริงหรือเปล่า?เธอยิ้มและไม่มองคุณเดนแฮม แต่กลับหันไปมองซูซี่แทน การจ้องมองของเธอทำให้ซูซี่หลบสายตา ราวกับว่าเธอกลัวที่จะถูกเปิดโปง ใบหน้าของเธอร้อนลุ่มดั่งไฟก้มลงมองพื้น เพราะ
แม้ในขณะที่เขาตะโกนใส่คุณเดนแฮม ฌอนเองก็ยังไม่หยุดเหวี่ยงไม้ถูพื้นใส่ตู้นั้น เขาไม่เคยยอมแพ้ในการทำลายตู้นั้นเลย!ฌอนโจมตีตู้ใสนั้นเหมือนคนที่กำลังถูกปีศาจเข้าสิงอยู่บนทางด่วนที่ห่างจาก อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ ห้าพันเมตร รถแข่ง Maserati กำลังทะยานด้วยความเร็ว 120 กม. / ชม. หน้าต่างกระจกรถถูกลดลงและมีเสียงลมพัดผ่านอยู่ภายนอกตัวรถ จมน้ำ เสียงคนในรถเอ่ยขึ้นคนขับรถที่เบาะหน้าพูดอย่างลังเลว่า “ท่านแน่ใจหรอครับว่าทุกอย่างจะโอเค คุณชายโซรอส? ภาชนะนั้นพังยากมาก และคุณขอให้ผมปลี่ยนกุญแจ อาจจะมีคนตายได้เลยนะครับ”มีเสียงหัวเราะเบา ๆ หายไปท่ามกลางสายลม อย่างไรก็ตามเขาได้ยินคำพูดที่ตามมาอย่างชัดเจน“แล้ว ถ้ามีคนตายจริง ๆ ล่ะ? การป้อนคีย์ผิดโดยไม่ตั้งใจนั้นผิดกฎหมายหรือไม่? จอห์น เดนแฮม เป็นคนที่มีส่วนร่วมในเกมนี้ในทางที่ผิด เขาควรเป็นคนที่ต้องกังวลต่างหาก”คนขับไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่มือของเขาสั่นอยู่บนพวงมาลัย“เธอจะไม่ตายหรอก หากพวกเขาต้องการจะช่วยเธอจริง ๆ พวกเขาก็ต้องตีให้หนักพอ และมันจะพังเอง มันจะทำให้เธอตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง”คนขับรู้สึกหนาวสั่นในใจ ‘นายท่าน แค่พยายามทำให้เธอตกใจใช่ไหม
คางของเธอเจ็บอย่างกะทันหัน และใบหน้าอันหล่อเหลาก็พุ่งเข้าหาเธอทันที "ดูใกล้ ๆ ฉันเป็นใคร?"น้ำเสียงเย็นชาและกลิ่นที่คุ้นเคย อยู่ใกล้ใบหน้าของเธอทำให้เจนเข้าใจมากขึ้นในทันที "ทำไมคุณ…"“ทำไมฉันถึงมาที่นี่” ฌอนไม่ได้ให้โอกาสเจนได้พูดจนจบประโยคนั้นเลย ริมฝีปากของเขาโค้งลงเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา “ยังจะต้องถามไหม? เธอไม่รู้หรือ ว่างานอดิเรกอย่างหนึ่งของฉันคือการเห็นเธอทรมาน”ถัดจากเขา อูโน่ส่งเสียงครวญครางสายตาของเขากวาดไปทั่วมือขวาของเจ้านายแปะ แปะ แปะ ... มือขวาของเจ้านายของเขายังคงมีเลือดไหลหยด แล้วทำไมเขาถึงอธิบายเรื่องนั้นให้คุณหนูดันน์ฟัง?มือขนาดใหญ่ของฌอนเหวี่ยงคางของเจนออกไปจากตัวเขา ร่างสูงโปร่งของเขายืนขึ้นเขาเหลือบตาลงมองที่เจน "ลุก มากับฉันถ้าเธอยังไม่ตาย”อูโน่ไม่ค่อยชอบคุณหนูดันน์มากนัก แต่ผู้หญิงบนโซฟาตอนนี้ช่างแตกต่างจากผู้หญิงที่หยิ่งผยองคนนั้นเมื่อสามปีก่อน นอกจากนี้เธอเพิ่งกลับมาจากความตาย เธอดูยุ่งเหยิงมึนงง อูโน่จึงเดินเข้าไปหาเธอและยื่นมือมาช่วยเธอ“เธอมีขาใช่ไหม?” อูโน่ถูกจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาจากเจ้านายของเขา อูโน่ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะดึงมือที่เขายื่นออกไป