หนนี้เขาเลือกที่จะหันหลังนั่งยองๆ ให้อีกคนขึ้นขี่หลัง และหากหนนี้เธอยังดื้อไม่เลิกอีกเขาจะไม่ใจดีกับเธออีกต่อไป พอกันที!
อินทุอรแน่นิ่งไปนาน ก่อนจะยอมตวัดมือไปโอบรอบคอแกร่งเมื่ออีกคนทำท่าจะลุกหนีกันไปอีกรอบ เขารอจนแน่ใจว่าเธอจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีก ถึงได้ค่อยๆ ลุกขึ้น ความใกล้ชิดที่มากกว่าครั้งไหนๆ ส่งผลให้ใจดวงน้อยเต้นรัวแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“นี่ เดินเบาๆ หน่อยสิ!”
“เรื่องมากจริง!” ถึงปากจะเอ่ยบ่น แต่ฝีเท้าที่ก้าวเดินไปเบื้องหน้าก็ยอมชะลอลงอย่างช้าๆ นั่นเลยทำให้อินทุอรถึงกับลอบยิ้ม เมื่อในที่สุดยกนี้เธอก็สามารถเอาชนะเขาอีกจนได้!
ใช้เวลาร่วมสิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนคนทั้งคู่จะมาถึงจุดหมาย กล้าตะวันค่อยๆ วางร่างเล็กที่แบกมาไกลหลายกิโลลงพื้น ก่อนจะเฝ้ามองจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายเดินหายเข้าไปในบ้านแล้ว ถึงได้หมุนตัวเดินกลับไปยังบ้านพักของตนเองกับมารดา โดยไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของตนเองนั้น ถูกจ้องมองจากสายตาสองคู่ตลอดเวลา
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะน้องเรย์” กระทั่งหนึ่งในนั้นเห็นร่างของน้องสาวนอกสายเลือดเดินเข้ามาในบ้านถึงได้เอ่ยทักทายขึ้น ต่างจากคนถูกเรียก ที่ได้แต่จ้องมองคนตรงหน้ากลับไปด้วยความชิงชัง หากเทียบกันแล้ว คนตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรจากเครื่องทดสอบความอดทนอดกลั้นของเธอเลยสักนิด
“จะรีบไปไหนละ ไม่อยู่คุยเรื่อง ‘น้อง’ ของพวกเราหน่อยเหรอ” ยิ่งเห็นเธอนิ่ง อีกฝ่ายก็เหมือนจะยิ่งได้ใจ ถึงได้เอ่ยขึ้นต่อ “อีกหน่อยพอเด็กคนนั้นคลอด แกคงกลายเป็นหมาหัวเน่าสมใจ!”
“หลีกไป นังบ้า!” หนนี้ไม่พูดเปล่า แต่อินทุอรเลือกที่จะชนไหล่ของอีกคนให้พ้นทาง ก่อนจะพาตัวเองเดินหลบหนีเข้ามาในห้องนอน ไม่สนเลยสักนิดว่าไล่หลังกันนั้น จะมีเสียงกรีดร้องของอีกคนดังตามมาติดๆ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่ต้องไปให้ความสนใจ
กระทั่งทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตามติด ราวกับจะมีบางสิ่งบอกให้ได้รู้ ว่าคืนนี้สำหรับเธอแล้ว ยังไม่ผ่านพ้นไปง่ายๆ ที่จริงไม่มีคืนไหนจะง่ายสำหรับเธอเลยดีกว่า
“ค่ะแม่”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากข่มใจอยู่นาน ว่าควรต้องกดรับสายนี้ดีไหม แต่สุดท้ายก็ต้องกดรับเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น
“เรื่องที่ดินของคุณยายแกที่ฉันขอไว้ ไปถึงไหนแล้ว!” ไม่มีแม้แต่คำทักทายให้ได้ยินจากปลายสาย จะมีก็แต่เรื่องสำคัญที่ผู้เป็น ‘แม่’ ต้องการอยากจะได้ไปครอบครองจากเธอเท่านั้น ที่เหมือนว่ามันจะสำคัญมากกว่าทุกสิ่ง
แม้จะบอกตัวเองว่าควรจะ ‘ชิน’ ได้แล้ว แต่ใจเจ้ากรรมก็ยังอดที่จะรู้สึกเจ็บไม่ได้อยู่ดี เมื่อต้องมารับรู้ว่าสำหรับแม่แล้ว เธอคงเป็นได้มากสุดแค่บ่อเงินบ่อทองสำหรับท่านกับพี่เท่านั้น นอกเหนือจากนั้น เธอก็ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร!
“ถ้าเรื่องนั้น…เรย์ยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลยค่ะ” อย่าว่าแต่คุยเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องที่โต๊ะอาหารจนกระทั่งตอนนี้ บิดาก็แทบไม่ยอมปริปากคุยกับเธอเลยสักคำ เพราะมัวแต่เอาเวลาทั้งหมดไปวุ่นวายอยู่กับภรรยาใหม่ และลูกอีกคนที่กำลังจะเกิดมาของท่าน ในขณะที่ลูกชังอย่างเธอ คงเป็นได้มากสุดคือฝุ่นธุลีที่แสนน่ารำคาญใจเท่านั้น
“แล้วแกมัวรออะไรอยู่ ที่ดินแค่หยิบมือแค่นั้น เจียดแบ่งมาให้พี่เขาสักสิบ ยี่สิบไร่มันจะเป็นไรไป! เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทำไมถึงไม่รู้จักแบ่งปันห๊ะ ฉันเคยสอนให้แกเป็นคนหวงของแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!” มันคงไม่เป็นอะไร หากมูลค่าของที่ดินผืนนั้น มันไม่ได้มีมากถึงหลายสิบล้านบาท อีกทั้งยังเป็นสมบัติที่เธอได้รับจากผู้เป็นยาย เมื่อตอนที่เปิดพินัยกรรม
“แต่พี่ริวก็ได้ในส่วนของเขาไปหมดแล้วนะคะ” แม้ใครๆ จะรู้ว่ายายของเธอรักหลานไม่เท่ากัน แต่กระนั้นยามเมื่อท่านจากไป ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มี ก็ถูกแบ่งให้กับเธอกับพี่อย่างเท่าเทียมตามพินัยกรรมซึ่งพี่ชายของเธอก็ได้ในส่วนที่เขาสมควรจะได้ไปหมดแล้ว
“ได้ไปแล้วแล้วมันยังไง! ที่ดินผืนแค่นั้นจะไปทำอะไรได้ แกก็รู้ว่าพี่เขากำลังขยายธุรกิจ เป็นพี่น้องกันก็ต้องช่วยๆ กันสิ อีกอย่างแกยังเด็ก ขืนยังเก็บไว้ก็มีแต่จะถูกนังปลิงพวกนั้นมันดูดเอาไปจนหมด โยกย้ายมาให้ฉันกับพี่แกช่วยทำประโยชน์ให้ มันจะไม่ดีกว่ารึไง!” หากไม่เพราะลูกชายสุดที่รักย้ำนักย้ำหนา ว่าปรารถนาอยากจะได้ที่ดินที่เหลือของน้องมาครอง ก็อย่าฝันเลยว่านางจะยอมลดตัวโทรหา เป็นอันรู้กันดีว่าความสัมพันธ์ฉันแม่ลูกไม่สู้ดีนับตั้งแต่วันที่นางตัดสินใจหย่าขาดกับอดีตสามีแล้วให้ลูกๆ เลือกว่าจะอยู่กับใคร แน่นอนว่าลูกชายเลือกที่จะอยู่กับนาง ต่างจากลูกสาวที่ไม่ว่าจะพูดยังไง อีกฝ่ายก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่าจะอยู่กับพ่อเสียให้ได้ แล้วสุดท้ายเป็นยังไง ก็กลายเป็นหมาหัวเน่า เมื่อไอ้แก่นั่นมีเมียใหม่!
“ไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่มีวันปล่อย ไม่ว่าเธอหรือลูก ไม่มีวัน!” แต่สุดท้ายความหวังที่มีก็ต้องพังลงไม่เป็นท่า เพราะอีกคนไม่ยอมปล่อยกันตามคำขอ ไหนจะสายตาเอาเรื่องที่เขากำลังใช้มองกันอีก “ทำไมคะ!” “เพราะฉันรักเธอ!” สิ้นคำสารภาพรัก บรรยากาศโดยรอบก็พลันเงียบสงัดลงแทบจะทันที “คุณกิต…รู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา!” เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และหากเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกมา ในส่วนของเธอแค่ตกใจเท่านั้น ไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคำรักที่เพิ่งจะได้ยินจากปากเขามันจะเป็นเรื่องจริง เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง แล้ววันนี้จะอยู่ๆ ก็พูดออกมา เธอไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมารักเธอได้! “รู้สิ ฉันรู้ตัวดีทุกอย่าง ฉันรักเธอ” “แต่คู่หมั้นของคุณ…” “เรื่องของฉันกับน้องแหววจบแล้ว จากนี้ไปจะมีแค่เรื่องของเรา ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะน้า ฉันสัญญาว่าจะรัก และดูแลคะน้ากับลูกให้ดีที่สุด” คนถูกถามชั่งใจอยู่นานเพราะยังคงตั้งตัวไม่ติดกับคำสารภาพรัก ที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเขาจะพ
ภาพของคู่หมั้นหนุ่ม ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหากันในร้านอาหารนั้นทำให้คนมองเริ่มรู้สึกว่าไม่แน่บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะมีโอกาสได้ใกล้กับเขาแบบนี้ แต่ถึงจะรู้สึกเช่นนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เขาอยู่ดี “รอพี่นานไหมครับแหวว” กิตติคุณเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ สายตาที่มองคนตรงหน้า ยังคงไว้ด้วยความรักและเอ็นดูไม่เปลี่ยน เขารู้จักอีกฝ่ายมานาน ย่อมรู้สึกแย่ที่ต้องมาบอกสิ่งกับเธอ “ไม่นานเท่าที่พี่กิตรอแหววหรอกค่ะ…” หากวันนี้รักที่เขาเคยมีต่อกันจะลดลงเธอก็คงไม่กล้าที่จะกล่าวโทษ เพราะเป็นเธอเองที่ขอเวลาออกไปใช้ชีวิต เปิดช่องว่างให้มีใครอีกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา เป็นเธอที่ปล่อยให้บางสิ่งหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย “พี่กิตมีเรื่องอะไรจะบอกแหววเหรอคะ พูดมาได้เลยค่ะ แหววพร้อมแล้ว”คนถูกถามเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นในนาทีถัดมาเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าเขาควรต้องจบเรื่องวุ่นๆ ลง ไม่ควรยื้อเวลาเพื่อปิดกั้นโอกาสที่จะได้เจอคนดีๆ ของน้อง “พี่ขอโทษครับแหวว คือว่าพี่…” คำพูดมากมายที่เตรียมไว้มีอันต้องขาดหาย เมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้า
ตอนจบของชีวิตคู่คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่สำหรับเธอแล้วมันคือการเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม คนเดิมที่เหมือนจะทำตัวน่ารักมากขึ้น นับตั้งแต่คืนนั้นคืนที่เขาตัดสินใจสารภาพความรู้สึกที่มีให้เธอได้รับรู้ ในขณะที่เธอเองก็สารภาพหลายๆ สิ่งที่ได้แต่เก็บงำไว้กับตัวเองกลับไปบ้าง เริ่มจากการสารภาพว่าเธอเองก็รักเขามานานแล้วเหมือนกัน รักตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าแต่ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ เพราะเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ “แม่บอกว่าวันนี้หนูแอบออกไปเที่ยวที่คอกม้าอีกแล้ว เป็นความจริงรึเปล่าครับ” คนมีความผิดติดตัวหรือจะกลัวต่อคำถามที่ถูกส่งตรงมาให้กัน อินทุอรซะอย่าง ก็พยักหน้ายอมรับไปเลยสิคะ “จริงค่ะ” เป็นอีกครั้งแล้วที่ความดื้อของเมียทำให้เขาปวดหัว “หนูชอบถูกพี่ลงโทษเหรอคะ…” จะให้บอกยังไงดี ว่านั่นแหละมันคือสิ่งที่เธอต้องการจากเขาที่สุดสุดท้ายเมื่อไม่กล้าพอที่จะบอกออกไปตรงๆ เพราะกลัวเสียหน้า หญิงสาวถึงได้ขยับตัวเข้าหา พร้อมๆ กับเกี่ยวชุดนอนตัวบางออกไปจากตัวโชว์ซะเลย ให้มันรู้กันไปสิว่าทำถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยังเมินเฉยต่อกันได้อีก ถ้าเป็นแบบนั้นร
“หนูรู้ใช่ไหมลูก ว่าแม่รักหนูที่สุด” อินทุอรได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ชีวิตเธอมีแค่น้าจิตรีก็เพียงพอแล้ว ส่วนคนอื่นๆ เธอจะถือเสียว่ามันเป็นเวรกรรมของเธอ ที่ทำให้เธอต้องไปเจอคนพวกนั้น ในส่วนของแม่แท้ๆ นั้นหลังจากทำใจได้แล้วเธอจะลองตามหาท่านดู เชื่อว่าตัวเองจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริง และไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นมันจะทำให้เจ็บปวดสักแค่ไหน เธอจะไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ จะคิดเสียว่าอย่างน้อยๆ ท่านก็เป็นแม่ ที่ให้เธอได้เกิดมา “เรย์ก็รักคุณแม่ค่ะ…ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรย์มาตลอด เรย์รักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” ภาพของคนสองคนที่นั่งกอดกันกลมอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกนั้น ตกอยู่ในสายตาของกล้าตะวันตลอดเวลา เขาเฝ้ารอจนแน่ใจว่าสภาพจิตใจของภรรยาดีขึ้นมากแล้ว ถึงได้ตัดสินใจบอกบางสิ่งกับเธอ บางสิ่งที่ได้แต่เก็บงำมันเอาไว้กับตัวเองมาโดยตลอด “พี่มีความลับจะบอก อยากฟังไหมครับ” ชายหนุ่มอาศัยช่วงเวลากลางคืนที่ได้อยู่กันตามลำพังเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเมื่อถามจบอีกคนก็รีบขยับตัวเข้ามาหากันแทบจะทันที “อยากค่ะ” เป็นกันรู้กันดีว่าความลับของสามีเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาค
บ้านที่เคยอยู่ในช่วงวัยเด็ก ทำให้คนที่เพิ่งจะก้าวขาลงจากรถอดที่จะหวนกลับไปคิดถึงคืนวันเก่าๆ ของตัวเองไม่ได้ แม้ช่วงเวลาเหล่านั้น เธอจะไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นแม่อย่างที่ควรเป็น แต่ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่ให้ความรักและความอบอุ่นจนเธอไม่รู้สึกขาด “โผล่หัวกลับมาบ้านได้สักทีนะนังตัวดี ฉันคิดว่าแกจะลืมทางกลับบ้านแล้ว!” คำถากถางจากผู้เป็นแม่ ทำให้ความสงสัยที่ว่าบางทีท่านอาจไม่ได้ป่วยจริงหมดลง แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ท่านอยู่ดี “แม่สบายดีนะคะ” “หึ เห็นสภาพฉันแบบนี้แล้วยังกล้าที่จะถามอีกรึไง แต่ก็ช่างเถอะ! ไหนๆ แกก็กลับมาแล้ว เย็นนี้เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะให้คนของเสี่ยชาญมารับแกไปอยู่กับท่าน!” เพราะนางมีเวลาไม่มาก ไหนจะเส้นตายที่เจ้าของเงินขีดไว้ให้กันนั่นอีก การพูดตรงๆ ถึงความต้องการของตัวเอง จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่คิดจะทำ และทำอย่างไม่ลังเล ไม่สนด้วยว่าสิ้นคำบอกกล่าวนี้มันจะทำให้อีกคนเจ็บแค่ไหน “เรย์แค่กลับมาเยี่ยมแม่เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้กลับมาเพื่อจะไปอยู่กับใครทั้งนั้น เย็นนี้เรย์ก็ต้องกลับแล้ว…” เธอบอกไป
เพราะถูกสั่งให้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บ้านมาเป็นเวลานานร่วมเดือน จึงไม่แปลกที่อินทุอรจะเบื่อ และทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อ คอกม้า เป็นสถานที่เดียวที่เธอมา แต่ทว่าวันนี้นั้นกลับมีบางสิ่งที่แปลกไป “นุชรักคุณกล้าค่ะ รักมาตลอด รักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า!” ใครเลยจะไปคิดว่าจะได้มาเห็นฉากสารภาพซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แถมคนที่เพิ่งจะถูกสารภาพรัก ยังเป็นพ่อสามีตัวดีของตัวเองอีกด้วย! “ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณนุช…แต่ผมแต่งงานแล้ว” เป็นกล้าตะวันที่ตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยถึงต่อให้วันนี้เขาจะยังครองตัวเป็นโสดอยู่ เขาก็คงไม่มีทางมองคนตรงหน้าเป็นอย่างอื่นนอกเหนือไปจากเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นอยู่ดี ระยะเวลาหลายปีที่ได้รู้จักกันมา หากว่ามันจะก่อเกิดเป็นความรักก็คงเป็นไปนานแล้ว คงไม่รอให้มีอีกคนเข้ามาแทรกอย่างที่คนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิด “คุณรักเธอเหรอคะ!” “….” “นุชรู้ว่าคุณไม่ได้รักเธอ ที่ต้องแต่งงานด้วยก็เพราะสถานการณ์บังคับ นุชรับได้นะคะ จะให้นุชอยู่ในสถานะไหนก็ได้ ขอแค่ให้นุชได้อยู่ข้างๆ คุณก็พอ” เธอลงทุนหมดหน้าตักเพื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตร