CHAPTER 5
เพื่อนสนิท
วันต่อมา
เพลิงรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ประเภทนี้…
การใช้ชีวิตอยู่บ้านข้างกันตั้งแต่เด็ก เรียนก็เรียนด้วยกัน ข้าวเช้าก็ร่วมโต๊ะเดียวกัน ไปโรงเรียนก็ไปพร้อมกัน เสียงทุบประตูซ้ำไปซ้ำมานานกว่านาทีในขณะนี้บ่งชัดว่าคนด้านนอกคงไม่คิดรามือง่าย ๆ และเป็นเขาเองที่ยอมแพ้กระชากประตูเปิดเพื่อตัดรำคาญ
แกร๊ก!
“สนุกไหม?” เสียงแหบต่ำตั้งคำถาม ตาคมหลุบมองฝ่ายที่ตั้งใจมาปลุกเขาให้ตื่นโดยเฉพาะ เรนมักใช้วิธีการน่ารำคาญจนเขานึกอยากจับเจ้าตัวตีตูดให้เข็ดอยู่บ่อย ๆ
“เพลิงตื่นรึยัง?”
“…” เพลิงไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบกลับ สภาพเขาเหมือนคนตื่นเต็มตานักหรืออย่างไร
และเห็นได้ชัดว่าเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เมื่อร่างผอมบางในชุดนิสิตก้มตัวลอดผ่านวงแขนกำยำเข้าสู่พื้นที่ด้านใน ขณะที่เพลิงได้แต่ระบายลมหายใจ กระแทกประตูปิดด้วยภาวะจำยอม
“ไปอาบน้ำเร็วเข้า จะสายอยู่แล้วนะ” เสียงบ่นที่ได้ยินไม่ต่างไปจากหลายปีก่อน กระทั่งใบหน้าขาวเนียนที่แต้มแต่งเครื่องสำอางพอประมาณก็ไร้เค้าความสลด
คนส่วนใหญ่คงอาศัยนาฬิกาธรรมดาเพื่อปลุกให้ตื่น แต่ไอ้เพลิงคนนี้มีนาฬิกาปลุกส่วนตัวที่ต่างออกไป หากเขาไม่ยอมถ่างตาตื่นแต่โดยดี คนบางคนก็มีอีกสารพัดวิธีที่จะบรรลุเป้าประสงค์ส่วนตัว
“เพลิง?”
“รู้แล้ว”
“รู้แล้วก็ลุกสิ”
“อืม”
“จะนอนต่อทำไม? ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำเร็วเข้า”
“…”
“เพลิง!”
“…” เพลิงรู้สึกจะเป็นประสาท
เสียงแหลมบาดแก้วหูที่ดังอยู่ในขณะนี้ ยังไม่น่ารำคาญเท่าการที่อีกฝ่ายพยายามดึงแขนเขาให้ลุกจากการทิ้งกายเหยียดยาวเพื่อต่อเวลาในการนอน
“เพลิง!” เรนยังคงร้องเสียงดัง
คนตัวโตรำคาญแค่ไหน เธอก็เบื่อพอกันกับการต้องทำตัวเป็นไก่ขันในทุกเช้า ผ่านไปแค่ปีเดียวที่ไม่ได้ทำหน้าที่ ความอดทนของคนขี้เซาก็ราวกับจะมีมากขึ้น ตะโกนจนเสียงแหบแห้ง เขย่าดึงจนข้อต่อไหล่แทบหลุดก็ยังไร้วี่แววว่าจะได้รับการตอบสนอง แต่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องยอมแพ้
ความเงียบที่เกิดขึ้นในฉับพลัน ส่งผลให้ประสาทการรับรู้ของคนซึ่งทอดกายนอนคว่ำหน้าพลันพร้อมตื่นระวังตัว เพลิงรู้ดีว่าคนบางคนไม่ใช่คนที่จะละความพยายามง่าย ๆ
เพียงเปลือกตาหนักอึ้งเปิดปรือขึ้นสำรวจสถานการณ์ เขาก็ทันได้เห็นร่างผอมบางกำลังทำการปีนขึ้นอีกฟากหนึ่งของเตียงพอดิบพอดี
“เรน! อย่า…” เอ่ยยังไม่ทันจบประโยค คนตั้งท่ากระโดดทับก็ทำการกระโจนตัว สัญชาตญาณของเพลิงไวพอกัน รีบพลิกกายรอรับแรงกระแทก คว้าร่างนุ่มนิ่มไว้ได้ทันพอดิบพอดี
พลั่ก!
ความอึดอัดบังเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว…
ตั้งแต่เด็กจนโต เรนใช้วิธีนี้ในการปลุกเพื่อนสนิทเสมอ เพลิงมักจะซ้อมตายตอนเช้าอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่านี้อีกแล้ว ทว่าต่อให้ชายหนุ่มไม่รู้ตัว หรือกระทั่งว่ารู้ตัว ก็จะยอมนอนนิ่งให้ทับแต่โดยดี ไม่มีครั้งไหนที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป…
นอกจากบัดนี้ใบหน้าคมคายจะตื่นเต็มตา ร่างกายด้านหน้าของคนทั้งคู่ยังแนบสนิทประชิดกัน ตากลมโตจ้องสอดประสานกับคนใต้ร่าง พลันผิวแก้มก็เริ่มฝาดแดงเมื่อรับรู้ได้ถึงความคัดแข็งของอะไรบางอย่าง ที่ทั้งใหญ่โตและโค้งยาวซึ่งเบียดชิดกับความอ่อนนุ่มกลางกายสาว
เรนไม่ใช่คนลามก แค่อดจินตนาการไม่ได้ ว่าหากของแข็งชนิดนี้งัดเสยเข้าร่างกายเธอเพียงหนึ่งทีคงได้จุกระบมไปหลายวัน ไม่ได้ลามกเลยจริง ๆ
ขณะที่จินตนาการของคนเป็นสาวเป็นนางนำหน้าไปไกลหลายกิโล เพลิงยังคงนิ่งสนิท เสียงแหบต่ำพึมพำบ่น ทั้งยังกดหัวคิ้วมองด้วยสายตาดุ ๆ
“เตียงแข็งขนาดนี้ กระโดดสุ่มสี่สุ่มห้าเดี๋ยวก็เจ็บตัว” เขาพูดข้อเท็จจริง เตียงของหอพักใช่ว่าเป็นเตียงติดสปริงอย่างดีเหมือนที่บ้านเสียเมื่อไร “เล่นอะไรเป็นเด็ก”
สิบกว่าปีก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้เรนยังคงเป็นเช่นนั้น เขาไม่มีปัญหากับการยอมให้เจ้าตัวประทุษร้ายร่างกาย ตัวเล็กแค่นี้ไม่กระเทือนต่อมความรู้สึกไอ้เพลิงแน่ แต่เพราะเป็นห่วงจึงแสร้งทำเสียงเข้ม
“โตขนาดนี้ยังเล่นพิเรนทร์”
“ก็… ก็เพลิงไม่ตื่นสักที” เรนอึกอักเถียงได้ไม่เต็มเสียง ใจแอบเกรงว่าเพลิงอาจไม่สนิทใจจะชิดใกล้กันเหมือนเมื่อก่อน “เพลิงโกรธเหรอ?”
นัยน์ตาใสแจ๋ว ประกอบกับแววตาใสซื่อราวกับกลัวว่าจะโดนดุ ทำเอาคนมองต้องเบนสายตาไปอีกทาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ไม่ได้โกรธเธอ แต่ห้ามเล่นแบบนี้มันอันตราย”
คงไม่ใช่แค่แม่เขาที่ให้ท้ายหญิงสาวจนเคยตัว ถึงตัวเพลิงก็ใจอ่อนกับสายตาประเภทนี้แทบทุกครั้ง แค่เห็นคนตัวเล็กทำหน้าจ๋อยเหมือนหมาโดนทิ้ง เขาก็ต้องวิ่งหาข้าวหาน้ำให้กิน ประเคนทุกอย่างให้อยู่เรื่อยไป
“เราตื่นแล้ว”
วงแขนแข็งแรงปล่อยเอวบางให้เป็นอิสระ แต่ดูเหมือนคนซึ่งใบหน้าเถือกแดงจะไม่มีสมาธิมากพอจะลุกขึ้นจากตัวเขา เพลิงเดาได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุใด เสียงเรียบจึงเอ่ยเพื่อเรียกสติ รวมถึงจงใจหยอกล้อเพื่อให้ตาใส ๆ เลิกจ้องเขาแบบนี้สักที
“จะลวนลามเราอีกนานไหม?”
“ฮะ?”
“ถามว่า จะลวนลามเราอีกนานไหม?”
“หา!”
เพราะการย้ำประโยคที่แสนจะหลงตัวเองของคนตัวโต ทำให้คนด้านบนตะลีตะลานตะเกียกตะกายถอยห่าง ตากลมเบิกโตแสร้งแว้ดเสียงใส่เพื่อกลบเกลื่อนอาการส่วนตัว “เราไปลวนลามเพลิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
แค่ได้ฟังเจ้าของเสียงที่ขัดเขินจนปากคอสั่นละล่ำละลักถาม เพลิงก็นึกอยากจะแกล้งเล่น เรื่องแหย่ให้คนตัวเล็กโมโหมันงานถนัดเขาอยู่แล้ว
“เมื่อกี้เธอนอนขี่อยู่บน…” ทว่าพูดไม่ทันจบประโยค คนบางคนก็ดันรับไม่ได้ หลับหูหลับตายกมือขึ้นห้าม
“เพลิง!” เสียงของเรนบาดแก้วหูยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าแดงก่ำจนเพลิงเกรงว่าแก้มน้อย ๆ จะระเบิดเพราะความเขินอาย
แม้อยากแกล้งต่ออีกหน่อย แต่สุดท้ายก็แค่หัวเราะในลำคอ สายตามองตามร่างผอมบางที่ปรี่เดินไปคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาปาอัดใส่หน้าเขา
“เลิกพูดจาลามกแล้วไปอาบน้ำสักที” เรนว่างั้น ท่าทางหมาหงอยเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
แต่เพียงแค่ร่างสูงหยัดกายขึ้นยืน สายตาเจ้าตัวก็หลุบต่ำลงมองของแข็งใต้ร่มผ้าของเขา ปากอิ่มพึมพำด่าโดยไร้เสียงว่า ‘คนลามก’
คนโดนด่าได้แต่เลิกคิ้วจ้องตอบ ไอ้เพลิงก็นึกอยากจะถามอยู่เหมือนกัน ของรักของหวงเขาโดนจดจ้องไม่วางตาขนาดนั้น ตัวเองไม่ลามกเลยสินะแม่คุณ…
ตอนเที่ยง
มหา’ลัย A
ตลอดเช้าที่ผ่านมาบรรยากาศภายในมหา’ลัยยังคงคับคั่งด้วยนิสิตนักศึกษาทุกชั้นปีจากหลากคณะหลายสาขา กลุ่มคนที่ดูจะตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมในรั้วมหา’ลัยเป็นพิเศษ คงไม่พ้นเฟรชชีปีหนึ่งที่กำลังจะได้มีโอกาสเริ่มต้นใช้ชีวิตในอีกสังคมที่ต่างไปจากเดิม
ใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ช่วงเที่ยงวันละลานตาไปด้วยนิสิตวิศวะที่ลงมาจากอาคารเรียน บ้างก็นั่งเตร็ดเตร่แยกโต๊ะใครโต๊ะมัน บ้างก็แวะคุยทักทายตะโกนหยอกล้อเสียงดัง เพราะเป็นคณะที่มีคนหมู่มากเป็นผู้ชายบรรยากาศจึงเป็นไปอย่างคึกคักสนุกสนานเป็นกันเอง
ทว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่ช่วยให้เพลิงอารมณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด
ร่างสูงโปร่งในชอปคณะสีกรมทะลึ่งตัวลุกพรวดจากม้านั่ง สมาร์ตโฟนถูกยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนในที่สุด หลังจากอดทนนั่งรอคนบางคนอยู่นาน ทั้งยังโทรตามจนหมดอารมณ์จะโทร คนที่เขาอุตส่าห์รอก็ยังไม่โผล่มาสักที
สุดท้ายก็จบลงตรงที่กว่าไอ้เพลิงจะได้กินมื้อเที่ยงก็ปาไปเกือบบ่าย
ปึง!
จานข้าวมันไก่ที่ถูกกระแทกลงบนโต๊ะเรียกสายตาของทุกคนให้หันมอง ก่อนร่างสูงของเพลิงจะกระแทกตัวลงนั่งจ้วงข้าวเข้าปากอย่างไม่สบอารมณ์ เครื่องหน้าคมคายแสดงสีหน้าหงุดหงิดชนิดเพื่อนจับสังเกตได้
“ไปแดกรังตีน เอ้ย! รังแตนที่ไหนมาอีกรอบนี้?” เติร์กรับหน้าที่ยื่นไมค์สัมภาษณ์
ขณะที่ทุกคู่สายตาก็ยังจับมองใบหน้าหล่อแสนหล่อที่สาวกรี๊ดกันนักหนาด้วยความระอาใจ แม้จะเป็นหนุ่มฮอตในหมู่สาว ๆ แต่ในสายตาเพื่อนไอ้เพลิงชอบตีหน้าหงิกเหมือนนิ้วตีนไม่มีผิด
“พวกมึงเห็นยายเด็กดอยไหม?”
“หายหัวไปตามเพื่อนมาว่างั้น?” เทมป์เลิกคิ้วถามเป็นคนแรก
“น้องเรนของกูอะเหรอ?” เติร์กเป็นอีกคนที่ทำท่าระริกระรี้เมื่อนึกถึงหน้าคนซึ่งถูกอ้างถึง ก่อนคะนิ้งจะดีดนิ้วเสียงดังเพื่อเตือนสติ
“น้องอะไรของมึง? เขาอายุเท่าเราจ้ะ ตื่น!”
วันนี้ใบหน้าสวยเฉี่ยวแต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตบรรจง เรือนผมสีน้ำตาลจับลอนคลายผ่านการจัดทรงมาอย่างดี ทั้งยังรองเท้าส้นสูงที่ใส่ก็ช่างขัดกับเสื้อชอปสีกรมซึ่งสวมทับเสื้อนิสิตรัดรึงสรีระ แต่หากใครจะน้ำลายหกกระทั่งว่านิยมชมชอบเจ้าตัวก็คงเป็นหนุ่มคนอื่น ไม่ใช่กับกลุ่มเพื่อนสนิทที่รู้นิสัยส่วนตัวกันดี
“พวกมึงเห็นบ้างไหม?” เพลิงถามย้ำในคำถามเดิมอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้เองที่ทำให้คนบางคนดึงแว่นตาขึ้นคาดเหนือศีรษะ เท้าคางมองด้วยท่าทางกวนตีน “เพื่อนหรือเมียต้องตามหาขนาดนั้น?”
“…” หากจะถามว่าเพลิงรำคาญอะไรที่สุด ก็คงไม่พ้นไอ้ห่าเทมป์นี่แหละ นอกจากหน้าตามันจะฉลาดแล้ว ยังชอบทำตัวสาระแนจับผิดอยู่เรื่อย แต่โชคดีที่มีบางคนสอดปากเข้าช่วยเขา
“เพื่อนมึงก็นั่งอยู่นั่นไง” ไฉน่าจะเป็นคนเดียวที่มีปัญญาตอบตรงคำถาม “อยู่ตรงนั้น”
“ไหน ๆ” ไม่ใช่เสียงเพลิง แต่เป็นเติร์กที่ถึงกับลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองหา ส่งผลให้ทุกคนมองตามเป็นตาเดียว
ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไรนัก เด็กปีหนึ่งกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งกินขนมพูดคุยกัน หน้าขาววอกของคนที่เพลิงมองหาเด่นโดดออกมาจากฝูงชน เจ้าตัวกำลังยิ้มกว้าง หัวเราะอยู่กับเพื่อนใหม่อย่างมีความสุข
ภาพที่ว่าทำเอาเพลิงระบายลมหายใจทั้งหัวคิ้วเลื่อนขมวดเข้าหากัน
ยายเด็กดอยปล่อยให้เขารอเกือบชั่วโมงโดยไม่คิดรับสายโทรศัพท์ แต่ยังมีหน้านั่งคิกคักอารมณ์ดีอยู่กับคนอื่น เพลิงเริ่มรู้สึกก็ตอนนี้ว่ามื้อเที่ยงวันนี้รสชาติเหี้ยจริง ๆ
เขาไม่ได้พาล แต่เจ๊ติ๋มต้มไก่ได้จืดชืดไร้รสชาติที่สุดในรอบปี!
“ใส่ชุดนักศึกษาแล้วน่ารักว่ะ” เสียงเรื่อยเฉื่อยของใครสักคนดังขึ้น เพลิงแปลกใจที่ไม่ใช่เสียงจากไอ้เติร์ก แต่เป็นเสียงของเทมป์ที่ยังคงคาดแว่นไว้บนหัว
เพลิงรู้ว่าเจ้าของเสียงกำลังกวนประสาทเขา สายตาสั้นแบบมันมองเห็นในระยะสามเมตรก็ถือว่าเป็นบุญหัวแล้ว น่าร้งน่ารักเหี้ยอะไรก่อน
“เออน่ารักจริง ขาวโบ๊ะ!” เติร์กไม่พูดเปล่า แต่ตบฝ่ามือเข้าเขย่าที่บ่าของเพลิงเป็นการใหญ่ “น่ารักฉิบหาย!”
“…” เพลิงไม่ตอบ เขาเห็นหน้าขาววอกแบบนั้นมาตั้งแต่เกิด ไม่เห็นว่าจะเปลี่ยนไปจากเดิมสักแค่ไหน
“กูรู้ละ!” จู่ ๆ เติร์กก็รีบทิ้งตัวลงนั่ง ยกแขนขึ้นกอดคอเพลิงที่ยังจับสายตามองอยู่ที่ตำแหน่งเดิม “ไอ้เพลิง มึงจำได้ไหมที่กูบอกว่า…”
“ไม่ได้” เพลิงตัดบท แต่เติร์กที่ชินชากับอัธยาศัยติดลบของเพื่อนก็ยังดึงดันพูดต่อ
“คอนเทนต์ใหม่ของช่องกูที่มึงบอกว่าจะช่วย…”
“กู?” ตาคมตวัดหันมอง เพลิงจำไม่ได้ว่าไปรับปากอะไรกับใครไว้ ยิ่งกับไอ้ห่าเติร์กยิ่งเป็นไปไม่ได้
“ใช่ กูรู้ว่ามึงต้องช่วยกูอยู่แล้วเพื่อนรัก” เติร์กกะพริบตาหวาน ตั้งท่าจะยื่นปากเข้าจูบ ก่อนจะโดนผลักหัวออกห่างในวินาทีเดียวกัน
“พอไอ้สัด จะอ้วก” ท่าทางที่ว่าทำเอาเพลิงแทบจะปาจานข้าวทิ้งเพราะกินไม่ลง ทีอย่างนี้เขาเป็นเพื่อนรักของมันขึ้นมาทีเดียว
เติร์กเป็นยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเยอะพอสมควร แต่เนื้อหาคอนเทนต์หลักของช่องแทบจับใจความสำคัญไม่ได้ เพียงแต่อะไรที่กำลังเป็นกระแสมาแรง หรือกำลังฮิตติดเทรนด์มันก็เฮโลเอากับเขาด้วยก็เท่านั้น
ตอนแรกก็ไม่มีปัญหา แต่เริ่มจะมีก็ตอนที่เติร์กเทียวตื๊อให้เพื่อน ๆ ไปร่วมถ่ายทำด้วยกัน เพียงเพราะผู้ติดตามชื่นชอบเบ้าหน้าของเพื่อนที่โผล่วับแวมให้ได้เห็นในหลายคลิปนี่แหละ
“มันไม่ถ่ายมึงก็ไปตื๊อมันเนอะ?” คะนิ้งส่ายหัวอย่างระอาเมื่อได้เห็นภาพเดิมราวกับเหตุการณ์เดจาวู แต่เสียงออดอ้อนของเติร์กที่กำลังอ้อนตีนเพลิงก็ยังคงดังต่อไป
“ช่วยกูหน่อยนะเพื่อนรัก”
“ไม่”
“ก็ถ้ามึงไม่ช่วย งั้นลองไปถามเรนให้กูหน่อย น่ารักขนาดนั้นต้องเรียกผู้ติดตามให้ช่องกูได้เยอะแน่ ๆ”
“…” เพลิงไม่ตอบ มีแค่สายตาที่ยังมองจับในทิศทางเดิม
เรนยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น และตอนนี้ก็ราวกับเจ้าตัวจะเห็นเขาแล้วด้วย
ขณะที่เสียงเพื่อนยังคงรบเร้า เพลิงก็ปัดปฏิเสธด้วยความรำคาญ จนคนช่างตื๊อละความพยายามยอมสงบปากสงบคำในที่สุด
ตอนนี้เองที่มือหนาคว้าสมาร์ตโฟนขึ้นดู พบว่าห้องแชตของใครบางคนตอบกลับมาแล้ว
เรน : ไว้คุยกันนะเพลิง เราอยู่กับเพื่อนใหม่ก่อนนะ
คิ้วของเพลิงเลื่อนขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเงยหน้ามองหาเจ้าของห้องแชตอีกครั้ง และเพราะเมื่อครู่ไอ้เติร์กทำทีให้ความสนใจกับกลุ่มคนตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าตอนนี้รุ่นน้องมีการตอบสนองบางอย่างต่อสายตาของเขา
เพลิงเคี้ยวข้าวไป ตาก็จ้องไป ส่งผลให้รุ่นน้องผู้หญิงพากันตีไม้ตีมือกันเป็นพัลวันตามประสาสาว ๆ แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่คิดหันให้ความสนใจ ตอนนี้เรนกำลังพูดคุยกับเพื่อนชายอีกสองคนด้วยท่าทางสนิทสนมเป็นพิเศษ
“เดี๋ยวกูมา” เพลิงหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางดังกล่าวโดยไม่สนใจเสียงเพื่อนที่ตะโกนไล่หลัง
“ไปไหนวะ?”
“เอ้า! แดกแค่นี้?”
“ไปไหนของมัน…”
ร่างสูงเดินลัดเลาะระหว่างทางเดินของแคนทีนด้วยฝีเท้าฉับไว ก่อนจะหยุดยืนที่ข้างโต๊ะของรุ่นน้องแก๊งเดิมที่บัดนี้พากันปั้นหน้าไม่ถูก เมื่อจู่ ๆ ก็มีคนหล่อแวะจอดราวกับกำลังให้ความสนใจใครสักคน
แต่คนเดียวที่เพลิงให้ความสนใจก็ยังมองไม่เห็นว่ามีคนมายืนหัวโด่เรียกร้องความสนใจ เอ้ย! เรียกร้องความเป็นธรรมอยู่ตรงนี้
ไอ้เพลิงคงไม่ต้องอดทนนั่งรอหิวจนไส้กิ่ว หากวันก่อนคนบางคนไม่ได้เอ่ยปากไว้ว่าอยากให้เขานั่งกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อน แม้จะไม่ได้ตกลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง แต่เขาก็ดันเสนอหน้ารอไปแล้วไง
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะโต๊ะที่ดังขึ้น ดึงความสนใจของใครคนที่ว่าให้หันมองในที่สุด
ทันทีที่ได้สบตา เรนก็พลันเม้มริมฝีปาก ส่งสายตาตั้งคำถามทั้งสีหน้างงงัน
ในขณะที่เจ้าของใบหน้าเรียบตึงก็เอ่ยเข้าธุระเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเช่นกัน “ไอ้เติร์กเรียกหา”
“…” สีหน้าของหญิงสาวยิ่งฉายให้ได้เห็นถึงความแปลกใจ
“…” ถึงกลุ่มเพื่อนก็มองกันด้วยสายตาประเภทเดียวกัน
เพลิงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอ่ยเสียงเร่งอีกครั้งด้วยสายตากึ่งบังคับอย่างคนเอาแต่ใจ “ไอ้เติร์กมันมีเรื่องจะคุย”
“เรา?” เรนชี้นิ้วเข้าที่กลางอก ก่อนจะถามย้ำทวนคำ “คุยกับเรา?”
“กับเธอ” เพลิงพยักหน้า แม้รู้ว่าตัวเองหน้าด้านพอสมควรก็ตามที
ไอ้เติร์กไม่ได้เรียกก็จริง แต่ใช้มันเป็นข้ออ้างนั่นแหละดี…
SPECIAL 3สัญญาใจ 3 สิบสองปีก่อน “ฮึก!” “กลับบ้านได้แล้ว ถ้าเธอยอมกลับ เราจะปั่นจักรยานให้ซ้อนทุกวัน” “เพลิงขี้โม้ ฮึก!” “เราใจดี” เด็กหญิงตัวน้อยสะอึกสะอื้นอยู่บนชิงช้าซึ่งไร้การกวัดแกว่ง โดยมีเด็กชายวัยเดียวกันยืนใช้ปลายเท้าเขี่ยดินเล่นอยู่ที่ด้านหน้า บริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยเครื่องเล่นมาตรฐานที่สนามเด็กเล่นทั่วไปพึงมี ตอนนี้เป็นเวลาเกือบพลบค่ำ เด็ก ๆ พากันกลับเข้าบ้านหมดแล้ว เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงสนทนากันเพียงลำพัง เด็กชายรู้ดีว่าหากเขาไม่พาเพื่อนกลับบ้านก่อนค่ำมืดจะต้องโดนผู้เป็นแม่ดุ แต่เพราะอีกฝ่ายยังคงมีคราบน้ำตาปรากฏบนใบหน้าจึงอดทนรออย่างใจเย็น “จะค่ำแล้ว เดี๋ยวน้าศรีเป็นห่วง เธอจะโดนดุ และเราก็จะโดนแม่ตี” เสียงใจดีพยายามเอ่ยถึงบทลงโทษที่ทั้งคู่อาจได้รับหากมัวเถลไถลไม่ตรงต่อเวลาที่มีการตกลงกับพ่อแม่เอาไว้ แม้สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีไม่ต้องกลัวคนนอกเข้าออก อีกทั้งบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ไม่ไกลจากสนามส่วนกลาง รวมถึงต่างโตพอจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าตา
SPECIAL 2สัญญาใจ 2สิบนาทีต่อมาร่างผอมบางของเรนยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตากวาดมองไปยังความคึกคักรอบด้าน เครื่องหน้าหมดจดมียิ้มมุมปากผุดเผยในสีหน้า เพียงคิดว่าเพลิงจะต้องกระดากอายกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นเธอก็รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูกหลังจากการแสดงห้องล่าสุดของระดับชั้นจบลง เพียงแค่ร่างสูงคุ้นตาเดินขึ้นเวทีพร้อมกีตาร์ตัวหนึ่งเพื่อทำโชว์คิวถัดไป เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาว ๆ ต่างก็เริ่มวี้ดว้ายกระหึ่มลั่นไปทั่วทั้งลานอเนกประสงค์ด้านหน้าเวทีเรนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเสียงที่ได้ยิน รวมถึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดจำนวนคนถึงแห่กันมายืนมองแน่นขนัดไปหมด เพื่อนสนิทของเธอเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนเรื่องนี้หญิงสาวไม่เถียง แต่ตอนนี้คงมีแค่เธอคนเดียวที่กำลังหัวเราะกับท่าทีผิดปกติไปจากเคยของคนที่ว่าสายตาของเพลิงกวาดมองไปโดยรอบในจังหวะที่หย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีการเตรียมไว้กลางเวที ก่อนสายตาที่ว่าจะจบลงยังตำแหน่งที่เรนกำลังยืนกอดอกมอง“สวัสดีครับ”“กรี๊ด!!!”“พี่เพลิง!!!”“ว้าย!!!”เพียงเสียงคุ้นหูทักทายผ่านไมโครโฟนซึ่งเสียบอยู่บนขาตั้งในระดับพอดีกับริมฝีปาก เสียงวี้ดว้ายของสาว ๆ ก็ตอบรับด้วยเสียงกระหึ
SPECIAL 1สัญญาใจ 1 หลายปีก่อน “เพลิงจะเขินอะไร?” “ไม่เขินได้ไง? คนทั้งโรงเรียน” “รุ่นน้องกรี๊ดเพลิงกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องอาย” “อาย” เพลิงพยักหน้ารับไม่กระดากแม้แต่นิด “เธอลองขึ้นไปร้องเพลงแล้วมีคนเป็นพันนั่งมองอยู่ข้างล่างเวทีดูไหม?” “ทำไมป๊อดงี้? ตัวก็ตั้งโต” “มันใช้คำว่า ‘ป๊อด’ ได้ที่ไหน?” ร่างสูงในชุดนักเรียนยกแขนขึ้นปาดเหงื่อซึ่งชื้นผ่านใบหน้า ท่ามกลางผู้คนซึ่งเดินขวักไขว่ ท่ามกลางเสียงดนตรีสดวงปัจจุบันกำลังบรรเลงอยู่บนเวทีกลางของโรงเรียน สองหนุ่มสาวยืนปรับทุกข์ห่างออกมาทางด้านหนึ่ง “ถ้าเราขึ้นร้องเพลงแทนเพลิงได้ก็คงทำไปแล้ว” คนตัวเล็กทำทีตบเข้าที่อก “ถ้าเป็นเราไม่อายหรอก” “เธอก็พูดได้” เพลิงหรี่ตามองอย่างไม่ศรัทธา แค่จะคุยกับเพื่อนคนอื่น เจ้าตัวยังต้องคอยให้เขาเป็นสะพานเชื่อมอยู่เรื่อย เมื่อโดนสายตาสบประมาทของชายหนุ่มหลุบมอง หญิงสาวในชุดนักเรียนก็ทำทีเปลี่ยนเรื่อง “เพลิงเป็นตัวแทนห้องนะ ทำหน้าที่หน่อยสิ ใจกล้า ๆ หน่อย” “ใครจะเก่งเ
CHAPTER 61ฝันละเมอ 4หนึ่งชั่วโมงต่อมาร้านขนมหวานร้านเดิมยังคงมีคนต่อคิวซื้อจนหางแถวยาวออกไปด้านนอกตัวร้าน เพลงที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศเป็นเพลงภาษาถิ่นเหมือนเช่นทุกครั้ง กระทั่งลูกค้าก็ยังคงเป็นหน้าเดิม ๆ สภาพแวดล้อมแสนคุ้นเคยราวกับจะพาใจย้อนไปในวันวาน เหมือนเมื่อวานนี้เองที่สองเพื่อนสนิทในชุดนักเรียนมัธยมปลายพากันแว้นมอเตอร์ไซค์มาตบน้ำตาลเข้ากระแสเลือดในทุกค่ำของทุกวันหลังจากได้กินของหวานปิดท้าย สองหนุ่มสาวลูกค้าขาประจำของร้านยังคงนั่งรอออร์เดอร์ซึ่งสั่งกลับบ้านเป็นปกติธรรมดาอีกสองชุดใหญ่ระหว่างที่เพลิงสนทนาอยู่กับเพื่อนสมัยมัธยมที่บังเอิญเจอ เรนกำลังกวาดสายตามองกระดาษโน้ตหลากสีซึ่งกระจายแปะเต็มพื้นที่ผนังด้านหนึ่งของตัวร้าน โน้ตแต่ละแผ่นล้วนมีข้อความบางอย่างเขียนไว้ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเคยมาเหยียบเยือนสถานที่ ทั้งจากลูกค้าที่เป็นขาประจำ รวมถึงลูกค้าขาจรก็ด้วยเช่นกันข้อความโดยส่วนมากเป็นการระบุว่าได้มาเยือนกับใคร มีทั้งที่เป็นคู่รัก มีทั้งที่เป็นกลุ่มเพื่อน มากันเป็นครอบครัว กระทั่งคนที่คล้ายจะประชดชีวิตโสดเขียนว่ามากินกับ หมา ก็มี“ทำไร?”“หืม?” เรนขานเสียงรับในล
CHAPTER 60ฝันละเมอ 3 ตอนค่ำ ตั้งแต่จำความได้ โต๊ะอาหารที่บ้านของเพลิงไม่ได้มีเฉพาะคนในครอบครัวแต่มีสมาชิกอีกสองคนมาร่วมรับประทานมื้อค่ำด้วยกันเสมอ เว้นแค่ช่วงเช้าเท่านั้นที่เพลิงจะเป็นฝ่ายไปฝากท้องที่บ้านหลังข้างกัน เสียงเจื้อยแจ้วคุ้นเคย รวมถึงการกุลีกุจอเป็นลูกมือหยิบจับทุกสิ่งอย่างของเรนเป็นสิ่งที่เพลิงได้เห็นมาจนชินตา นอกจากจะกระตือรือร้นเป็นปกติ คนที่ทำให้มื้ออาหารดำเนินไปด้วยรอยยิ้มก็คือเจ้าตัว เพลิงเคี้ยวข้าวกร้วม ๆ สลับสายตามองคนนั้นทีคนนี้ทีเพื่อสังเกตท่าทีว่าเป็นเวลาเหมาะสมหรือไม่ที่เขาจะเอ่ยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนออกมาบรรยากาศเป็นไปด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนาน เรนกำลังช่วยผสมโรงมีอารมณ์ร่วมอยู่กับยายน้อยและน้าศรี ที่ต่างก็อินกับการก่นด่านางร้ายในละครซึ่งเปิดผ่านทางโทรทัศน์ ที่ได้เห็นไม่ใช่ภาพน่าประหลาดใจสำหรับเพลิง ในที่นี้มีเพียงเขาและพ่อเท่านั้นที่มองหน้ากันเองแล้วส่ายหัวไปมา “พ่อ” ในที่สุดเพลิงตัดสินใจหันมองหน้าบิดา เอ่ยในสีหน้านิ่งสนิท “ผมมีไรจะบอก” คนเดียวที่ว่างพอจะสนทนากับลูกชายถึงกับวางช
CHAPTER 59ฝันละเมอ 2ริมฝีปากอุ่นประทับผ่านลำคอเรียวระหง…เพลิงซุกไซ้ใบหน้าสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของคนตัวเล็กที่นอนนิ่งรับสัมผัสแต่โดยดี นัยน์ตาคมเลื่อนมองผิวกายขาวเนียนผุดผ่องเป็นยองใยทุกจุดที่ปลายลิ้นลากผ่าน ค้างนานบริเวณยอดถันสีชมพูหวาน หมดเวลากับการดูดเลียหัวนมสวยสะพรั่งของหญิงสาวนานหลายนาที ขณะที่ปากดูดเม็ดเต่งชูชัน มือหนาก็ขยำนวดเต้าข้างที่ว่างเว้นด้วยความมันมือแต่ละสัมผัสดำเนินไปอย่างเงียบเชียบเพราะสถานที่ไม่เป็นใจ ทว่าทุกวินาทีที่ดำเนินผ่านล้วนเต็มไปด้วยความหวามหวิวในอารมณ์ สายตาของชายหนุ่มหลุบเลื่อนมองตามสัดส่วนโค้งเว้าด้วยประกายตาเร่าร้อนแม้เรนจะกินเข้าไปมากเกินกว่าขนาดตัว แต่บั้นเอวผอมบางกลับไร้ชั้นไขมัน ทั้งยังเว้าสวยมิใช่เพียงแต่เร้าอารมณ์ภายใน ทว่ายังดึงดูดสันจมูกคมให้ไล้ผ่านตามแนวคดโค้ง ริมฝีปากอุ่นกดจูบสลับกับการดูดดึงเนื้อกายผ่องขาวไม่ละสัมผัสแม้แต่วินาที เพลิงชันกายขึ้นนั่ง สองมือคว้าสะโพกคนตัวเล็กขึ้นในระดับเดียวกัน สายตามากด้วยอารมณ์ทอดจับเรือนร่างสุดเซ็กซ์ ตั้งแต่เต้าใหญ่โตที่ประดับด้วยป้านบัวสดสวยขนาดเต็มปากเต็มคำ ทั้งแอ่งสะดือเล็กบนหน้าท้องแบนราบ ร