พอใจหนีเขาไปถึงห้าปี แต่ว่าคงเพราะโชคชะตา จึงทำให้เธอกับเขาได้เจอกันอีกครั้ง ภูผาเฝ้าตามหาเธอมาตลอดทั้งห้าปี ตั้งแต่เธอหนีเขาไป ชีวิตของชายหนุ่มก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย น้องภูมิ เด็กชายวัยห้าปีที่เหมือนโซ่ทองคล้องใจ ให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกัน
Lihat lebih banyak"น้องภูมิ หนูอยากกินก๋วยเตี๋ยวมั้ยครับ ? เดี๋ยวแม่ไปต่อแถวเอามาให้ นั่งรอแม่อยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนนะครับ"
'พอใจ ภักดิ์สุวรรณ' หญิงสาววัยสามสิบปีบอกกับลูกชายวัยสามขวบกว่าของเธอ "ครับแม่" 'น้องภูมิ' หรือเด็กชาย 'ธนวัน ภักดิ์สุวรรณ' รับปากกับแม่หนักแน่น พร้อมกับพยักหน้าไปด้วย พอใจจึงลุกจากม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่เดินไปต่อแถวเพื่อเอาก๋วยเตี๋ยวมาให้ลูกชาย วันนี้ในหมู่บ้านมีงานมหากฐิน ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานนี้ขึ้นมาและจะมีเศรษฐีใจบุญจากกรุงเทพ ฯ นำกฐินสามัคคีมาทอดถวายด้วย งานนี้มีโรงทาน มีมหรสพมากมาย มีรถแห่และในตอนเย็นจะมีหมอลำซิ่งอีกด้วย โรงทานวันนี้มีหลายอย่าง ไอติม น้ำอัดลม ขนม ส้มตำ และก๋วยเตี๋ยว ลูกชายของเธอชอบกินก๋วยเตี๋ยวเธอจึงไปต่อแถวเข้าคิวเพื่อนำมาให้ลูกชาย "ได้แล้วครับ" เธอถือถ้วยโฟมเดินตรงมา พร้อมกับบอกกับหนูน้อย "ว้าว..ไอติม ใครเอามาให้ครับ ?" พอใจรู้สึกแปลกใจเพราะเห็นลูกชายตัวน้อยถือถ้วยไอติมแบบตักในมือ "ไม่มีใครเอาให้ ภูมิไปต่อแถวเอาครับ" "เก่งมากครับ เราต้องต่อแถว ไม่แซงคิวนะครับ" เธอถือโอกาสสอนกฏกติกามารยาทในสังคมให้ลูกชายไปด้วยซะเลย พร้อมกับคีบเส้นและผักใส่ปากให้หนูน้อยไปด้วย วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นเพราะหลังออกภรรษาก็เข้าหน้าหนาวเลย เธอมองลูกชายด้วยสายตารักใคร่ แม้จะไม่มีพ่อแต่พอใจก็บอกกับตัวเองว่าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกชาย จะไม่ให้ลูกของเธอรู้สึกว่าขาดอะไรไปในชีวิต นี่เป็นปีแรกนับตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดหนึ่งของทางภาคอีสาน ที่เธอพาลูกชายมาร่วมงานบุญด้วยเพราะทุกปีที่ผ่านมาน้องภูมิยังเล็กอยู่ เธอรู้สึกสนุกกับรถแห่ที่มาสร้างความบันเทิง อยากจะฟ้อนเหมือนกับชาวบ้านเหมือนกันแต่ก็เป็นห่วงลูกชาย นึกทึ่งถึงการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่ร่วมแรงร่วมใจกันจริง ๆ จะไม่สามารถจัดงานมหากฐินที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้ พอใจย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามปีแล้ว ตอนนั้นลูกชายของเธอมีอายุครบหนึ่งขวบพอดี เธอซื้อที่ผืนเล็ก ๆ ปลูกบ้านและหาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนนิยาย เรื่องสั้นและบทความ บวกกับมีเงินสำรองอยู่ก้อนหนึ่ง ถ้าใช้ประหยัดหน่อยก็น่าจะอยู่ได้จนถึงลูกชายของเธอเรียนจบมหาลัย วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของที่นี่ทำให้เธอกับลูกอยู่ได้อย่างสงบและสบายใจ พอใจเป็นเด็กกำพร้า เธอเติบโตมาในสถานสงเคราะห์ด็กกำพร้า พอโตขึ้นมาพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ก็ออกจากสถานสงเคราะห์แห่งนั้น ออกมาทำงานและส่งตัวเองเรียน พอเรียนจบก็ได้ทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ การงานกำลังเจริญรุ่งเรืองแต่ก็มาท้องน้องภูมิซะก่อนจึงทำให้เธอต้องออกจากงาน พอคลอดน้องก็ไม่มีใครช่วยเลี้ยงจึงต้องหยุดทำงานยาว ทำให้ต้องมองหาอาชีพใหม่ ซึ่งอาชีพนักเขียนก็ตอบโจทย์เธอได้ดี "แม่ !" "ครับผม" เสียงลูกชายปลุกเธอให้ออกจากภวังค์ "ภูมิกินไอติมอีกได้ไหมครับ ?" "ได้สิ ไปต่อแถวเอานะครับ" พอแม่พูดจบน้องภูมิก็วิ่งจู๊ดไปต่อแถวเอาไอติมซึ่งมีคนเอามาแจกในงานกฐิน เธอมองลูกชายด้วยสายตาเป็นห่วงแต่ก็ต้องปล่อยให้ลูกลองทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง "ประกาศ ! ๆ ขณะนี้เจ้าภาพกฐินจากทางกรุงเทพ ฯ มาถึงแล้ว ให้ชาวบ้านทุกคนช่วยกันต้อนรับด้วยนะครับ ขอบคุณครับ" เสียงผู้ใหญ่บ้านประกาศ สักพักก็มีรถตู้สามคันวิ่งเข้ามาและจอดภายในบริเวณวัด "แม่ได้แล้วครับ ภูมิเอามาเผื่อแม่ด้วย" น้องภูมิวิ่งมาแล้วก็ยื่นไอติมในกรวยขนมปังส่งให้แม่ พอใจรู้สึกดีใจที่ลูกชายทำอะไรมักจะนึกถึงเธอเสมอ "ขอบคุณครับ" เธอรับมาแล้วกล่าวขอบคุณ จุ๊บแก้มลูกชายไปหนึ่งที "ภูมิไปวิ่งเล่นกับเพื่อนนะครับแม่" "ได้ อย่าซนนะครับ แม่จะนั่งรออยู่ตรงนี้" ภูมิพยักหน้าก่อนจะวิ่งไปทางกลุ่มของเด็ก ๆ ที่ตอนนี้กำลังวิ่งไล่กันอยู่อย่างสนุกสนาน น้องภูมิเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและอารมณ์ดี พอใจมองตามลูกชายอยู่สักพักเธอก็ไปต่อแถวเอาก๋วยเตี๋ยวมากินบ้าง เสียงเพลงจากรถแห่ครึกครื้น ป้า ๆ ในหมู่บ้านรวมทั้งสาว ๆ ต่างก็เต้นกันสนุกสนาน เมื่อได้ก๋วยเตี๋ยวแล้วเธอก็กลับไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่เดิม เพื่อรอลูกชาย "โอ๊ะ ! ขอโทษครับ" น้องภูมิรีบกล่าวขอโทษคุณลุงตัวสูงใหญ่คนหนึ่ง เพราะหนูน้อยวิ่งไปชนเขา 'ภูผา เดชวรวงกุล' ปรายตามองเด็กชายคนนั้นด้วยความแปลกใจ ดวงตากลมโตที่สบกันนั้นไม่ได้มีแววหวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ผิวพรรณที่ขาวสะอาดหน้าตาน่ารัก เด็กนี่เป็นลูกเต้าเหล่าใครกันนะ น้องภูมิลูบกางเกงของคุณลุงที่เปื้อนไอติมที่เขาถือมาป้อย ๆ "เปื้อนหมดเลย ขอโทษนะครับคุณลุง" น้องภูมิกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าหนูน้อยแม้จะเพิ่งสามขวบกว่าแต่ก็ฉลาดเกินวัย รู้ว่าตัวเองทำผิดก็รู้จักกล่าวคำขอโทษ เพราะแม่ของเขามักจะสอนเสมอว่าเมื่อทำผิดต้องขอโทษแล้วก็ต้องปรับปรุงแก้ไข แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่หนูน้อยก็ทำตาม "ไม่เป็นไร" น้ำเสียงเย็นชากล่าวออกมา ก่อนที่จะเดินไปทางห้องน้ำ ภูมิจึงไปวิ่งเล่นกับเพื่อนต่อ ช่วงสาย ๆ ก็มีการสรุปยอดกฐินและเปิดโอกาสให้ชาวบ้านทุกคนต่อยอดกฐินด้วย พอใจกับภูมิก็ร่วมทำบุญ "แม่ครับ กลับกันเถอะ ภูมิง่วงแล้ว" พอใจจึงอุ้มลูกชายเอาไว้แนบอกเดินตรงไปยังบริเวณที่เธอจอดรถมอเตอร์ไซค์เอาไว้ เมื่อมาถึงก็ขับพาลูกชายออกไป "ภู..ไปโดนอะไรมาลูก ?" คุณหญิงสดศรีเอ่ยถามลูกชาย เพราะมองเห็นรอยเปื้อนปื้นใหญ่ที่กางเกงของลูกชายตรงบริเวณหัวเข่า "เด็กที่ไหนก็ไม่รู้เอาไอติมมาชนผม" เขาตอบมารดาไปด้วยเสียงเซ็ง ๆ รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้คำตอบจากลูกชายคุณหญิงก็พนมมือและฟังพระสวดต่อ ภูผาก็เช่นกัน ปีนี้ครอบครัวของเขานำกฐินมาถวายที่วัดแห่งนี้เพราะคนงานในบ้านบอกว่าวัดยังขาดแคลนหลายอย่าง แม่ของเขาซึ่งเป็นสายบุญอยู่แล้วก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมต้องบังคับให้เขามาด้วยก็ไม่รู้ ภูผาคิดอย่างเบื่อหน่าย จะว่าไปแล้วชีวิตของเขามันก็น่าเบื่อหน่ายมาตั้งแต่เกือบห้าปีก่อนแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาไล่ใครบางคนออกไปจากชีวิตของเขาสัปดาห์ต่อมาผลการตรวจ DNA ระหว่างน้องภูมิและภูผาก็ออก ผลปรากฏว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกันอย่างไม่ต้องสงสัย ภูผาให้น้องภูมิลาโรงเรียนที่ต่างจังหวัดยาว ๆ จนกว่าจะจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ส่วนบ้านของเธอเขาจะส่งคนไปดูแลเป็นระยะ ๆ ภูผาให้เขตแดนอัพเอกสารผล DNA ของเขากับน้องภูมิลงสื่อโซเชียลพร้อมกับรูปที่เขาอุ้มน้องภูมิเอาไว้ด้วย และคอมเมนต์ก็ล้วนเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่นานชื่อของภูผาก็ติดเทรนด์ในการค้นหาอันดับหนึ่งชื่อและธุรกิจของภูผาก็ปรากฏแก่สายตาของผู้คนโดยไม่ต้องพึ่งการโฆษณาเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้หุ้นในบริษัทของเขาราคาสูงขึ้นอีกเกือบ 15% และโครงการบ้านจัดสรรที่แต่ละหลังราคาห้าสิบล้านขึ้นไปจำนวนหนึ่งพันหลังขายหมดเกลี้ยง ทั้งที่ยังไม่เปิดตัวโครงการนี้ด้วยซ้ำ แค่ให้เปิดจองผ่านเวบไซต์เท่านั้น และ 70% ของคนที่ซื้อต่างก็ซื้อด้วยเงินสด นั่นก็เพราะภาพลักษ์ของภูผาที่เป็นแฟมิลี่แมนนั้นส่งผลให้ผู้คนเชื่อมั่นในตัวของเขาจึงทำให้ทุกคนพร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อบ้านในโครงการล่าสุดจนหมดภายในเวลาไม่ถึงเดือน และมีคนไปขุดค้นประวัติของพอใจ เมื่อพบว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาไม่ใช่ไฮโซที่ไหน แต่ก็สามารถ
วันนี้เป็นวันหยุดเขตแดนจึงไม่ต้องไปทำงาน เขาทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ หลังจากที่เขาพาผู้หญิงคนนั้นซึ่งเขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเธอกลับมาถึงห้องพักของเขาและพาเธอเข้ามาในห้องแล้ว ปรากฏว่า..เธออ้วกแตก เขาจึงจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าของเธอออกและนำชุดของเธอไปซักและอบแห้ง นำมันไปวางไว้ที่โซฟา เสร็จแล้วตัวเขาก็ออกไปนอนนอกห้อง และพอเธอตื่นขึ้นมาก็เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อกี้ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หวังว่าคงไม่ไปกินเหล้าเมามายแบบเมื่อคืนนี้อีกนะ เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วเขาก็นำตารางงานขึ้นมาทบทวนดู ช่วงสองสามวันที่คุณพอใจกับน้องภูมิมาอยู่กับเจ้านายนี่รู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยได้ตามติดเจ้านายสักเท่าไหร่นัก เพราะเวลาว่างส่วนมากของเจ้านายจะมอบให้เมียกับลูก เขาจึงว่าง ว่างจนมีเวลาไปเที่ยวผับ และได้ประสบพบเจอกับสาวสวยขี้เมาเข้าเขตแดนกวาดสายตาไปบนหน้าจอโน้ตบุ๊คเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปสะดุดกับตารางนัดของเจ้านายในเที่ยงวันวันจันทร์ ภูผาจะต้องไปพบกับ 'วิยะดา วีระโชติกุล' ลูกสาวของท่านรัฐมนตรี ไม่รู้ว่าเจ้านายจะยังต้องไปพบเธอหรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้เจ้านายเขาก็จดทะเบ
แล้วคุณหญิงสดศรีก็ลงมือทานขนมจีนน้ำยา ตอนแรกกะว่าจะทานแค่นิดเดียวแต่เพราะน้ำยาที่รสชาดเข้มข้นแต่ไม่ผ็ด กินกับผักเคียงพวกใบแมงลักและผักชีลาวแล้วก็กลมกล่อม จึงทานขนมจีนหมดไปหลายจับ"อร่อยไหมคะ ?"ป้าน้อยเอ่ยถาม หลังจากที่เข้ามาเก็บถาดขนมจีนออกไปและทำความสะอาดโต๊ะ"ก็งั้น ๆ"ป้าน้อยลอบยิ้ม เห็นทานไปตั้งเยอะ ก็ยังไว้ท่า ไม่รู้ว่าจะอะไรนักหนา คุณพอใจน่ารักจะตาย ไม่ถือตัวกิริยามารยาทก็น่ารัก ไม่แปลกที่คุณภูจะรัก ขนาดป้าน้อยเองยังเอ็นดูเลย มีแต่คุณหญิงนี่แหละที่แปลกคน หรือว่าจะต้องเป็นผู้ลากมากดีมีชาติมีตระกูลเท่านั้นถึงจะดีในสายตาคุณหญิงช่วงบ่ายแก่ ๆ น้องภูมิก็ตื่นขึ้นมาจากการนอนกลางวัน คุณหญิงรีบหาข้าวมาป้อนหลานชาย พอตกเย็นหน่อยก็พาไปอาบน้ำอาบท่า โดยที่ไม่ต้องลำบากพอใจเลย เกือบหกโมงเย็นภูผาก็กลับมาถึงบ้าน พอเห็นว่าน้องภูมิอยู่กับคุณย่าก็รีบไปหาภรรยาบนห้องทันที แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะว่าตอนนี้พอใจกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องครัวเมื่อทำกับข้าวเสร็จแล้ว พอใจก็ขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำ แต่เธอกลับพบว่าภูผานอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ พอเธอเตรียมตัวจะอาบน้ำ ภูผาก็กระโดดลงจากเตี
หลังจากที่ทานข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงสดศรีก็พาน้องภูมิเข้าห้องไป หวังจะให้หลานชายนอนด้วย และหากว่าน้องภูมิสนิทสนมกับท่านมากพอ พอถึงเวลาเขี่ยแม่พอใจทิ้ง หลานชายจะได้ไม่ต้องเสียใจ คุณหญิงสดศรีวางแผนเอาไว้ในใจ "คุณย่าครับ ภูมิคิดถึงแม่"แต่เพราะน้องภูมินั้นติดแม่มากทำยังไงก็ไม่ยอมนอนกับคุณย่า เพราะตั้งแต่เกิดมาหนูน้อยก็มีแม่เพียงคนเดียว คนอื่นอาจจะสนิทได้ง่าย แต่ยังไงตอนนอนอ้อมกอดไหนก็คงไม่อุ่นเหมือนอ้อมกอดแม่"พาภูมิไปหาแม่หน่อยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ภูมิจะมาหาคุณย่าแต่เช้าเลย นะครับ"และออดอ้อนจนคุณย่าใจอ่อน จนคุณย่าต้องจูงมือหลานชายไปเคาะประตูห้องของลูกชายในตอนสองทุ่มครึ่ง พอใจเป็นคนมาเปิดประตู"แม่คร้าบบ"น้องภูมิกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ "เชอะ !"โดนแม่สามีสะบัดบ๊อบใส่ พอใจก็หน้าเจื่อน มองตามหลังคุณหญิงด้วยสายตาเศร้า ๆ ก่อนจะปิดประตูเบา ๆ ภูผาเห็นกิริยาของแม่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าใช้น้องภูมิละลายความคิดคุณย่าไม่ได้ ก็คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดพอใจอุ้มลูกมานอนบนเตียงข้าง ๆ สามี น้องภูมิพลิกตัวไปกอดพ่อทันที"พ่อครับ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหม ?"พอน้องภูมิพูดจบ สองคนผัว
"คุณย่าทานข้าวนิดเดียว อิ่มหรือเปล่าครับ ?"น้องภูมิถามคุณย่าด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้จะเป็นเด็กที่มีอายุยังไม่เต็มสี่ขวบดี แต่น้องภูมิก็ฉลาดและช่างสังเกต ย่ากับหลานนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น"ย่าทานไม่ลง"พูดเสียงอ่อนกับหลานชาย น่ารักซะจริงเชียว"เดี๋ยวปวดท้องนะครับ คุณย่าต้องทานข้าวเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ"คุณหญิงสดศรีอารมณ์ดีขึ้นมาทันที กอดหลานชายเอาไว้แนบอก แล้วก็หอมแก้มซ้ายขวาของเจ้าหนูไปหลายฟอด"ภูมิครับ ไปกันเถอะ"หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ภูผาก็ไปตามลูกชาย เพราะวันนี้ต้องไปตรวจ DNA ที่โรงพยาบาล และเขาจะพาพอใจไปจดทะเบียนสมรสด้วยน้องภูมิวิ่งจู๊ดมาหาพ่อ ภูผาจึงย่อตัวลงและอุ้มลูกชายขึ้นมา น้ำหนักยี่สิบกิโลกรัมของน้องภูมิไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ขนาดแบกแม่ของเจ้าหนูเกือบทั้งคืนเขายังไม่เหนื่อยสักนิด คิดมาถึงตรงนี้ก็มองหน้าภรรยาแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย พอใจหน้าแดง เพราะแค่มองสายตาของภูผา เธอก็รู้ว่าเขาคิดอะไร"แม่ครับ ทานอะไรเพิ่มอีกหน่อยนะ ผมให้ป้าน้อยทำของว่างให้แม่แล้ว"พูดจบภูผาก็จูงมือพอใจเดินออกไปขึ้นรถ คุณหญิงสดศรีมองตามหลังลูกชายที่มือหนึ่งจูงเมีย อีกมืออุ้มลูก แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ เป็นท่านเอ
"ไม่ได้กลับคอนโดหรือคะ?"พอใจเอ่ยถาม เพราะจำได้ว่าไม่ใช่ทางกลับคอนโด"กลับบ้านน่ะ น้องภูมิอยู่ที่นั่น"เธอจึงนั่งเงียบ ๆ ไปตลอดทาง ภูผาคว้าเอามือของเธอมากุมเอาไว้ เธอสบตากับเขา"ไม่ต้องกังวล ฉันอยู่นี่ทั้งคน"พอได้ฟังคำพูดของเขา พอใจก็รู้สึกมั่นใจอย่างประหลาดว่าเรื่องราวทุกอย่างต้องจบลงด้วยดี ประมาณเกือบชั่วโมงรถหรูคันนั้นก็เคลื่อนตัวมาถึงบ้านของภูผา ไม่สิน่าจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า"แม่คร้าบบ พ่อคร้าบบ"เมื่อพอใจกับภูผาเดินเข้าไปในบ้าน น้องภูมิก็วิ่งมาหาทันที เด็กน้อยกางแขนออกจนกว้าง เมื่อวิ่งมาถึงระยะที่จะกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ได้แล้ว หนูน้อยก็กระโดดและพุ่งตัวสุดแรงเข้าสู่อ้อมแขนของแม่"น้องภูมิ คิดถึงจังเลย กวนคุณย่าหรือเปล่าคะ ?""ไม่ครับ"ซบลงบนบ่าของแม่ หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข "ขอพ่ออุ้มบ้างสิครับ"ภูผาพูดพร้อมกับกางแขนออก น้องภูมิจึงดันตัวเองเข้าสู่อ้อมอกของพ่อ เด็กน้อยมีความสุขมาก ไม่นึกเลยว่าการที่มีแม่กับพ่อพร้อมหน้าจะมีความสุขมากขนาดนี้"ตาภู มา ๆ มาทานข้าว"เอ่ยปากเรียกลูกชายแต่หันไปค้อนให้พอใจ ภูผาจึงจูงมือของเธอ พาเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ป้าน้อย แม่บ้านเก่าแก่ขอ
Komen