CHAPTER 4
สัมพันธ์ยาวนาน
ตอนค่ำ
หากเป็นเวลาปกติ ช่วงหัวค่ำกระทั่งดึกเพลิงมักจะไม่อยู่ห้อง หากไม่อยู่บ้านเพื่อนก็ไม่พ้นพากันออกตะลอนตระเวนยามราตรี แต่วันนี้ต่างออกไป…
คืนนี้นอกจากเขาจะต้องอยู่ประจำที่ห้องเพราะสถานการณ์บังคับแล้ว ยังต้องอดทนฟังเสียงบ่นจากแม่บังเกิดเกล้ามานานกว่าสิบนาทีผ่านหูโทรศัพท์ มารดาโทรหาเขาครั้งสุดท้ายก็สวดยับเป็นชั่วโมง เห็นทีรอบนี้คงไม่ต่าง แต่ที่ต่างเป็นหัวข้อในการสนทนา
“รู้แล้วน่า”
(รู้ก็ดี แล้วนี่เราไปพูดอะไรหรือเปล่า? ทำไมหนูเรนถึงบอกว่าเราทำตัวดีนักดีหนา)
“พูดไร? เรนว่าไงก็ตามนั้นแหละแม่”
(เชื่อได้รึ? เรามันเกเร บังคับเพื่อนไม่ให้รายงานพฤติกรรมตัวเองสิไม่ว่า)
“ไอ้เพลิงคนนี้จะเอาอะไรไปบังคับลูกสาวยายน้อยได้?” เสียงเนือยจงใจประชด แต่ปลายสายก็สวนกลับอย่างรวดเร็ว
(ทำพูดดีไป เห็นเพื่อนตามใจหน่อยไม่ได้ เราน่ะมันตัวดี)
“แค่นี้นะยายน้อย จะไปกินข้าว”
(อย่าเพิ่ง! แม่ยังพูดไม่จบ!)
“งั้นคุยกับลูกสาวคุณแทนไหม?”
(อยู่ด้วยกันรึเปล่า?)
“อืม”
(หาข้าวหาปลาให้เพื่อนกินด้วย อย่าเอาแต่เมาหัวราน้ำไปวัน ๆ เข้าใจไหม?)
“เมาไร? ผมก็นั่งกินน้ำผักที่แม่ฝากเรนมาให้อยู่เนี่ย” เพลิงไม่ได้โกหก
เขากำลังดูดน้ำผักเพื่อสุขภาพที่แม่ฝากเพื่อนสนิทมาให้จริง ๆ สีหน้าเผยให้เห็นถึงความละเหี่ยใจกับคำบ่นซ้ำไปซ้ำมา ขณะเดียวกันก็จับสายตามองร่างผอมบางในชุดนอนแขนยาวที่มีความสั้นเหนือข้อเข่ากำลังทำการรื้อเสื้อผ้าของเขาทั้งตู้ออกมาจัดการพับให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
“เพลิง ทำไมถึงมีไม้แขวนแค่นี้ล่ะ?” เสียงของคนที่ว่าร้องถาม และคนในสายก็ดันได้ยินเข้าให้พอดี
(ใช้เพื่อนทำอะไรอีกแล้วสิ เหลือเกินจริง ๆ ถ้าน้าศรีรู้ว่าลูกเขาต้องไปลำบากลำบนแทนที่จะมีคนดูแล แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?)
“ลำบากไร? ลูกสาวคุณเพิ่งมาได้แค่วันเดียว และผมก็ไม่ได้ใช้งานอะไรเลยด้วย ข้าวก็ไปซื้อให้กิน น้ำก็แบกขึ้นมาให้ตั้งหลายแพ็ก ไหนจะต้องวิ่งขึ้นลงบันไดแบกขนสารพัดสัมภาระตั้งแต่ชั้นหนึ่งขึ้นมาถึงชั้นสี่ หอไม่มีลิฟต์นะครับยายน้อย ไอ้เพลิงมากกว่ามั้งที่ลำบาก”
(ไหนเอาหนูเรนมาคุยหน่อยซิ)
เพลิงได้ทีรีบโยนสมาร์ตโฟนส่งต่อให้อีกบุคคลทันที “แม่จะคุย”
ไม่ใช่แค่ยายน้อยที่รักเพื่อนสนิทลูกชายประหนึ่งลูกในไส้ แต่เรนเองก็สนิทสนมคุ้นเคยเข้านอกออกในบ้านเขาเหมือนลูกคนหนึ่งเช่นกัน
“ค่ะคุณป้า”
“…”
“เพลิงเหรอคะ?” คนตัวเล็กเอียงคอหนีบสมาร์ตโฟนไว้ที่ข้างหูชำเลืองมองคนที่ปลายสายถามถึง พลางก็สะบัดเสื้อยืดพับกองอย่างเป็นระเบียบไปด้วย “ตอนนี้เพลิงก็ดีค่ะ ห้องรกนิดหน่อย หนูช่วยเก็บได้ค่ะ”
“…”
“เรื่องผู้หญิงเหรอคะ”
“…” แม้ไม่ใส่ใจจะฟัง แต่เพราะหูบังเอิญได้ยินประโยคถัดมาของหญิงสาวก็ทำเอาคนซึ่งนอนเหยียดขายาวพลิกตัวหันมองทันที
เพียงสองสายตาจับประสาน เรนก็ตีหน้าขึงขังตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพลิงไวกว่ารีบคว้าสมาร์ตโฟนมาเปิดลำโพงทันที
(แอบเล่าได้นะลูก ไม่ต้องไปกลัวตาเพลิง ป้าเป็นแบ็กให้ทั้งคน)
แค่ได้ยิน เพลิงก็ถึงกับเม้มริมฝีปากมองชื่อ ‘ยายน้อย’ บนหน้าจอสลับกับลูกสาวนอกไส้ของแกอย่างฉุน ๆ นอกจากแม่จะให้ท้ายคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง คนที่ว่ายังมีหน้ามายิ้มเยาะเขาเสียอีก
ยายเด็กดอยนี่เหลือเกินจริง ๆ
(ว่าไงลูก?)
“เรื่องผู้หญิง…” เรนทำทีลากเสียงยาว เลิกคิ้วจ้องตอบคนที่กำลังรัวนิ้วพิมพ์ข้อความบนหน้าจอสมาร์ตโฟน และก่อนคำใดจะหลุดลอดผ่านริมฝีปาก เพลิงก็รีบโยนหน้าจอให้ดู
“อืม… แป๊บนึงนะคะคุณป้า”
(หนูบอกป้ามาได้เลยไม่ต้องกลัว)
‘จะพาไปกินของอร่อยทุกเย็น’
เมื่อได้อ่านข้อความของคนที่พยายามจะติดสินบนใบหน้าขาวผ่องของหญิงสาวก็พลันเผยยิ้มชั่วร้าย
ในขณะที่เพลิงก็รีบเคลื่อนตัวเข้าจนใกล้เผื่อมีคนคิดพิเรนทร์อยากแกล้งกันขึ้นมา เขาไม่ได้กลัวแม่แค่ไม่อยากเบื่อตายกับเสียงบ่นต่างหาก ยายน้อยบ่นทีสวดได้เป็นวันประหนึ่งท่องประจำเป็นคาถาชินบัญชรเลยทีเดียว
แต่ก็เหมือนว่ามีคนอยากจะแกล้งเขาอย่างไรก็อย่างนั้น…
ร่างผอมบางตั้งท่าโจนตัวหนี ตากลมโตจ้องมองคล้ายจะท้าทาย “เพลิงมีถุงยางเพียบเลยค่ะคุณป้า!”
เพลิงคิดผิดเสียเมื่อไร! ยายเด็กดอยนี่มีคนให้ท้ายจนเคยตัว!
พรึ่บ!
“ว้าย!”
(เป็นอะไรรึเปล่าหนูเรน…)
ติ๊ด!
เพลิงกดตัดสายแม่ทิ้งในที่สุด สมาร์ตโฟนถูกโยนไปอีกทาง แต่ร่างผอมบางบนตักเขาอย่าหวังว่าจะหลุดรอดไปได้ง่าย ๆ
“เราไม่ได้ทำอะไรเลย!” เรนที่รู้ตัวว่ากำลังจะโดนเอาคืนร้องเสียงหลง พยายามดิ้นตัวหนีเมื่อต้องอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของเพื่อนสนิทที่ตัวใหญ่กว่าเกือบเท่า
“เธอไม่ได้ทำอะไร?” เพลิงตีหน้าขึงขังถามทวนคำ “แล้วไอ้ที่ปากโป้งบอกแม่เราเมื่อกี้คือ?”
“เรากะจะบอกคุณป้าว่าเพลิงมีถุงยางเพียบ แต่ไม่ได้ใช้เลยต่างหาก!” คนตัวเล็กร้อนรนแก้ตัว “ใครจะไปกล้าบอกว่าเพลิงเจ้าชู้ ชอบมีความสัมพันธ์แบบหิวเมื่อไหร่ก็แวะมาเซเว่นอีเลฟเว่นกันเล่า!”
“แน่ใจว่าไม่กล้า?” เพลิงคร้านจะฟัง เรนกลัวเขาเสียที่ไหน ทำท่าตื่นกลัวไปก็เท่านั้น เห็นตัวเล็กแบบนี้ก็เคยถีบไอ้เพลิงตกเตียงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน กระนั้นเจ้าตัวก็ยังปั้นหน้าตายทำตาโต
“เพลิงก็รู้ว่าเรากลัวเพลิงจะตาย” สองมือเล็กพยายามงัดแงะข้อแขนที่ล็อกแน่นอยู่ที่เอว ทั้งต้องพยายามย่นคอถอยห่างลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดในระยะไม่ปลอดภัยก็ด้วย
“เธอเนี่ยนะกลัวเรา?” เสียงเรียบตั้งคำถาม “ตอนนู้นใครกันที่ฟ้องแม่ว่าเราโดดเรียน?”
“เอ้า! ก็สมควรแล้วไหมล่ะ?” เรนไม่ปฏิเสธ เธอช่างฟ้องก็จริง แต่ฟ้องเฉพาะเรื่องที่สมควรต่างหาก!
“รอบที่แล้วก็เธอที่ฟ้องแม่ว่าเราสัก” เพลิงยังคงว่าต่อ รอยสักบนตัวเขาก็ได้คนแถวนี้เอาเรื่องไปบอกแม่แท้ ๆ เล่นเอาไอ้เพลิงโดนยายน้อยด่าจนหูชาไปหลายเดือน
“เราไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ก็คุณป้าเขาขอดูรูปเพลิง” เรนพูดด้วยความสัตย์จริง “ใครใช้ให้เพลิงไปสักล่ะ? ก็รู้นี่ว่าคุณป้าไม่ชอบ ต่อให้เราไม่บอกท่านก็เห็นอยู่ดี”
“เห็นช้าก็เราก็โดนด่าช้าลงไง”
“ไม่รู้แหละ ปล่อยเราสักที อึดอัดจะตายอยู่แล้ว!” ใบหน้าขาวเนียนบัดนี้เถือกแดงกับความใกล้ชิด โชคดีที่ในสายตาคนมองคงคิดแค่เพียงเธอกำลังออกแรงในการดิ้นตัวหนี
“สมควรโดนฟาดสักที” เพลิงนึกอยากจะจับตัวบาง ๆ ของเพื่อนกดเตียงให้สักที เขารู้อยู่หรอกว่าเจ้าตัวมารยาแค่ไหน ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่อย่างไร ไอ้เพลิงก็รู้นิสัยใจคออีกฝ่ายฉันนั้น แต่สุดท้ายก็ทำเพียงใช้นิ้วดีดนิ้วเข้าที่หน้าผากมนด้วยความหมั่นไส้
แป๊ะ! แป๊ะ! แป๊ะ!
“เราเจ็บนะเพลิง” คนตัวเล็กยกมือขึ้นปิดหน้าผาก ปากอิ่มโค้งคว่ำส่งค้อนให้วงเบ้อเร่อ ท่าทางที่ว่าเรียกยิ้มเย้ยเยาะบนใบหน้าเพลิงได้เสมอ
“เธอสมควรโดน”
เรนปั้นหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม ก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ดีรู้ชั่วกันไป เธอกะจะทำความสะอาดห้องให้ฟรีแท้ ๆ “เราคิดผิดสินะที่จะช่วยเก็บห้องรก ๆ ของเพลิงให้โดยไม่คิดตัง”
“เธอไม่คิดตังค่าทำความสะอาด แต่เดี๋ยวก็ให้เราพาไปกินขนมทุกเย็นอยู่ดี” คนตัวโตโต้กลับ มีหวังเขาหมดตังเยอะกว่าเดิมด้วยซ้ำไป กินอย่างกับพายุขนาดนี้
ทว่าเรนก็ย้อนเสียงเถียง “เราไม่ได้ขอให้เพลิงมาจ่ายให้สักหน่อย”
“…” มีคนใบ้กินก็ตอนนี้ นี่ก็เสือกเป็นเรื่องจริง ไอ้เพลิงมันสาระแนจ่ายให้ตลอดเองนั่นแหละ
แน่นอนว่าคดีพลิก เมื่อคนบนตักมีสีหน้าเป็นต่อ “ปล่อยสักที เราจะกลับห้อง เชิญเพลิงเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้เองก็แล้วกัน”
“เธอเป็นคนรื้อเสื้อผ้าเราออกมา” เสื้อผ้าของเขามันก็อยู่ของมันดี ๆ แต่ใครกันที่เอาออกมากองเต็มเตียงแบบนี้
“เพลิงก็แค่ยัดมันกลับเข้าไปเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้มันก็แทบไม่ได้พับอะไรอยู่แล้วนี่…”
ท้ายเสียงของหญิงสาวขาดหาย เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบที่กำลังหลุบมองบริเวณขาอ่อนขาวเนียนซึ่งโผล่พ้นจากการถกร่นของชายกระโปรง
“นี่อะไร?”
“ไม่มีอะไร”
“ให้เราดู”
“เพลิง”
“อยู่นิ่ง ๆ”
“…”
เรนรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็คงห้ามไม่ได้ ทุกครั้งที่เพลิงเริ่มตีหน้าเคร่งเครียด เธอมักเป็นฝ่ายตามใจเสมอเพราะไม่อยากมีปากเสียง สุดท้ายจึงยอมนั่งนิ่งรับการสำรวจแต่โดยดี
เพียงชายกระโปรงถูกดึงเปิดขึ้นสูง รอยฟกช้ำบางชนิดที่ข้างขาอ่อนก็ปรากฏแก่สายตาของคนทั้งคู่ จ้ำม่วงแดงขนาดใหญ่ที่ได้เห็นส่งผลให้ลมหายใจของชายหนุ่มผ่าวร้อนขึ้นในฉับพลัน นิ้วสากลากสัมผัสผ่านร่องรอยเหล่านั้น ทว่าเพลิงไม่ทันได้ตั้งคำถาม เสียงแก้ตัวแผ่วเบาก็ดังขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่ล้ม”
“อย่าโกหกได้ไหม?” คิ้วเข้มเริ่มขมวดผูกเป็นปม ทว่าหญิงสาวก็พยายามจะแย้มยิ้มกว้าง
“เราไม่เป็นไร”
“มัน?”
“…”
“ไอ้เวรนั่น?”
“…”
“เรน?”
น้ำเสียงที่เพลิงใช้ยังคงเดิม ทว่าคนบนตักสามารถสัมผัสอารมณ์คุกรุ่นผ่านกล้ามเนื้ออันเครียดเกร็ง รับรู้ได้ถึงประสาทอันตึงเครียดระหว่างการสนทนา และสายตาเค้นเอาความจริงก็ทำให้หญิงสาวพยักหน้ารับในที่สุด
“เขาเพิ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อครึ่งปีที่แล้ว” ‘เขา’ ที่เรนว่า หมายถึงพ่อเลี้ยงที่เลิกรากับผู้เป็นมารดาไปเมื่อนานมากแล้ว “ไม่กี่วันก่อนเขาบุกเข้ามาขู่จะเอาเงินจากแม่เรา”
“…”
“แม่ไม่ทันตั้งตัว และเราก็โดนลูกหลงนิดหน่อย แค่โดนผลักไปกระแทกของในบ้านก็แค่นั้น”
“นี่ไม่เรียกว่านิด” เพลิงรู้สึกร้อนระอุอยู่ในใจ ผิวขาว ๆ ต้องมาช้ำเลือดขนาดนี้จะเรียกว่า นิดหน่อย ได้อย่างไร
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ตอนนี้คุณลุงกับคุณป้าจัดการให้แล้ว”
“ทำไมไม่มีใครบอกเรา?” เครื่องหน้าคมคายฉายแววเดือดเนื้อร้อนใจ
เพลิงรู้ว่าพ่อกับแม่จะต้องยื่นมือให้ความช่วยเหลือครอบครัวของเพื่อนสนิทเขาเหมือนที่ทำมาโดยตลอด แค่คิดว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเมื่อตำรวจสามารถจับกุมคนใจเหี้ยมยัดเข้าตะรางไปเมื่อหลายปีก่อน กระทั่งมาวันนี้ที่ได้เห็นอีกครั้ง เพลิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดไม่มีใครคิดจะบอกข่าวคราวให้เขาได้รับรู้
“เราขอไว้เอง” เรนรับสารภาพตามตรง นัยน์ตาสุกใสทอดจับอยู่ที่รอยแผลเป็นบางชนิดข้างสันกรามของเสี้ยวหน้าคมคาย “ถ้าเพลิงรู้ เรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่”
“…”
“ตอนนี้คุณลุงเขาจัดการให้ แถมคุณป้าก็ให้แม่เราไปนอนด้วยที่บ้าน เพลิงไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอก ทุกคนจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว”
“…”
ได้ฟังแบบนั้น เพลิงก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังหมายความว่าอย่างไร
ตั้งแต่เด็กจนโตปัญหาของครอบครัวเพื่อนสนิทอยู่ในการรู้เห็นของเขามาโดยตลอด การทำร้ายร่างกายไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้ แม้เรนจะไม่ใช่ผู้ถูกกระทำที่โดนทำร้ายโดยตรง แต่เพราะมักเป็นฝ่ายเข้าช่วยเหลือมารดา สุดท้ายจึงโดนลูกหลงอยู่เสมอ
ครั้งยังเป็นเด็กเพลิงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เมื่อโตมากพอจะมีกำลังปกป้องก็ไม่มีอะไรให้ต้องคิด แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาเองจะเข้าต่อสู้ขัดขวางจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล รวมถึงได้รอยแผลเป็นฝากไว้บนร่างกายก็ตามที
“เราหิวแล้ว” เสียงแผ่วเบาของคนบนตักราวกับจะดึงสติรวมถึงอารมณ์ของเพลิงให้เป็นปกติ สีหน้าบ่งชัดว่าไม่ต้องการสนทนาในหัวข้อนี้
สุดท้ายจึงจบลงที่เขาต้องยอมปล่อยเจ้าตัวให้เป็นอิสระ ทำได้เพียงจับสายตามองตามร่างบางที่ผละห่างออกไปเพื่อเตรียมมื้อค่ำจัดใส่จาน
“ทำไมเพลิงซื้อมาแค่นี้ล่ะ?”
“…”
“เพลิง?” หญิงสาวหันมองกลับมา พยายามแย้มยิ้มหวานไม่ต่างจากทุกที “ซื้อมาแค่นี้เหรอ?”
“มะละกอของเธออยู่ในนั้น” เพลิงพยักพเยิดไปทางตู้เย็น
“อือ มากินข้าวกัน” ว่าพลางคนตัวเล็กก็เดินเข้าหา ฉุดแขนแกร่งให้ขยับจากอิริยาบถเดิม “ลุกมาเร็ว ๆ”
“อืม”
เรนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงเพราะไม่อยากให้เขาเป็นกังวล กระทั่งพ่อแม่ก็คงคิดแบบเดียวกันถึงไม่มีใครยอมปริปากเล่า สุดท้ายเพลิงก็จำต้องกดข่มอารมณ์ไว้ที่ข้างใน
แต่แม้พยายามปรับความรู้สึกให้เป็นปกติ ทว่าตาคมก็ยังให้ความสนใจอยู่ที่เรียวขาขาวเนียนที่เผยให้เห็นถึงความบอบช้ำ
ยายเด็กดอยตัวเล็กเท่านี้ ร่างกายก็บอบบางแค่นั้น ยิ่งได้รู้เขาก็ยิ่งหงุดหงิด ทว่าก็ทำได้เพียงเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่ที่ข้างในแค่คนเดียว
SPECIAL 3สัญญาใจ 3 สิบสองปีก่อน “ฮึก!” “กลับบ้านได้แล้ว ถ้าเธอยอมกลับ เราจะปั่นจักรยานให้ซ้อนทุกวัน” “เพลิงขี้โม้ ฮึก!” “เราใจดี” เด็กหญิงตัวน้อยสะอึกสะอื้นอยู่บนชิงช้าซึ่งไร้การกวัดแกว่ง โดยมีเด็กชายวัยเดียวกันยืนใช้ปลายเท้าเขี่ยดินเล่นอยู่ที่ด้านหน้า บริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยเครื่องเล่นมาตรฐานที่สนามเด็กเล่นทั่วไปพึงมี ตอนนี้เป็นเวลาเกือบพลบค่ำ เด็ก ๆ พากันกลับเข้าบ้านหมดแล้ว เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงสนทนากันเพียงลำพัง เด็กชายรู้ดีว่าหากเขาไม่พาเพื่อนกลับบ้านก่อนค่ำมืดจะต้องโดนผู้เป็นแม่ดุ แต่เพราะอีกฝ่ายยังคงมีคราบน้ำตาปรากฏบนใบหน้าจึงอดทนรออย่างใจเย็น “จะค่ำแล้ว เดี๋ยวน้าศรีเป็นห่วง เธอจะโดนดุ และเราก็จะโดนแม่ตี” เสียงใจดีพยายามเอ่ยถึงบทลงโทษที่ทั้งคู่อาจได้รับหากมัวเถลไถลไม่ตรงต่อเวลาที่มีการตกลงกับพ่อแม่เอาไว้ แม้สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีไม่ต้องกลัวคนนอกเข้าออก อีกทั้งบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ไม่ไกลจากสนามส่วนกลาง รวมถึงต่างโตพอจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าตา
SPECIAL 2สัญญาใจ 2สิบนาทีต่อมาร่างผอมบางของเรนยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตากวาดมองไปยังความคึกคักรอบด้าน เครื่องหน้าหมดจดมียิ้มมุมปากผุดเผยในสีหน้า เพียงคิดว่าเพลิงจะต้องกระดากอายกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นเธอก็รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูกหลังจากการแสดงห้องล่าสุดของระดับชั้นจบลง เพียงแค่ร่างสูงคุ้นตาเดินขึ้นเวทีพร้อมกีตาร์ตัวหนึ่งเพื่อทำโชว์คิวถัดไป เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาว ๆ ต่างก็เริ่มวี้ดว้ายกระหึ่มลั่นไปทั่วทั้งลานอเนกประสงค์ด้านหน้าเวทีเรนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเสียงที่ได้ยิน รวมถึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดจำนวนคนถึงแห่กันมายืนมองแน่นขนัดไปหมด เพื่อนสนิทของเธอเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนเรื่องนี้หญิงสาวไม่เถียง แต่ตอนนี้คงมีแค่เธอคนเดียวที่กำลังหัวเราะกับท่าทีผิดปกติไปจากเคยของคนที่ว่าสายตาของเพลิงกวาดมองไปโดยรอบในจังหวะที่หย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีการเตรียมไว้กลางเวที ก่อนสายตาที่ว่าจะจบลงยังตำแหน่งที่เรนกำลังยืนกอดอกมอง“สวัสดีครับ”“กรี๊ด!!!”“พี่เพลิง!!!”“ว้าย!!!”เพียงเสียงคุ้นหูทักทายผ่านไมโครโฟนซึ่งเสียบอยู่บนขาตั้งในระดับพอดีกับริมฝีปาก เสียงวี้ดว้ายของสาว ๆ ก็ตอบรับด้วยเสียงกระหึ
SPECIAL 1สัญญาใจ 1 หลายปีก่อน “เพลิงจะเขินอะไร?” “ไม่เขินได้ไง? คนทั้งโรงเรียน” “รุ่นน้องกรี๊ดเพลิงกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องอาย” “อาย” เพลิงพยักหน้ารับไม่กระดากแม้แต่นิด “เธอลองขึ้นไปร้องเพลงแล้วมีคนเป็นพันนั่งมองอยู่ข้างล่างเวทีดูไหม?” “ทำไมป๊อดงี้? ตัวก็ตั้งโต” “มันใช้คำว่า ‘ป๊อด’ ได้ที่ไหน?” ร่างสูงในชุดนักเรียนยกแขนขึ้นปาดเหงื่อซึ่งชื้นผ่านใบหน้า ท่ามกลางผู้คนซึ่งเดินขวักไขว่ ท่ามกลางเสียงดนตรีสดวงปัจจุบันกำลังบรรเลงอยู่บนเวทีกลางของโรงเรียน สองหนุ่มสาวยืนปรับทุกข์ห่างออกมาทางด้านหนึ่ง “ถ้าเราขึ้นร้องเพลงแทนเพลิงได้ก็คงทำไปแล้ว” คนตัวเล็กทำทีตบเข้าที่อก “ถ้าเป็นเราไม่อายหรอก” “เธอก็พูดได้” เพลิงหรี่ตามองอย่างไม่ศรัทธา แค่จะคุยกับเพื่อนคนอื่น เจ้าตัวยังต้องคอยให้เขาเป็นสะพานเชื่อมอยู่เรื่อย เมื่อโดนสายตาสบประมาทของชายหนุ่มหลุบมอง หญิงสาวในชุดนักเรียนก็ทำทีเปลี่ยนเรื่อง “เพลิงเป็นตัวแทนห้องนะ ทำหน้าที่หน่อยสิ ใจกล้า ๆ หน่อย” “ใครจะเก่งเ
CHAPTER 61ฝันละเมอ 4หนึ่งชั่วโมงต่อมาร้านขนมหวานร้านเดิมยังคงมีคนต่อคิวซื้อจนหางแถวยาวออกไปด้านนอกตัวร้าน เพลงที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศเป็นเพลงภาษาถิ่นเหมือนเช่นทุกครั้ง กระทั่งลูกค้าก็ยังคงเป็นหน้าเดิม ๆ สภาพแวดล้อมแสนคุ้นเคยราวกับจะพาใจย้อนไปในวันวาน เหมือนเมื่อวานนี้เองที่สองเพื่อนสนิทในชุดนักเรียนมัธยมปลายพากันแว้นมอเตอร์ไซค์มาตบน้ำตาลเข้ากระแสเลือดในทุกค่ำของทุกวันหลังจากได้กินของหวานปิดท้าย สองหนุ่มสาวลูกค้าขาประจำของร้านยังคงนั่งรอออร์เดอร์ซึ่งสั่งกลับบ้านเป็นปกติธรรมดาอีกสองชุดใหญ่ระหว่างที่เพลิงสนทนาอยู่กับเพื่อนสมัยมัธยมที่บังเอิญเจอ เรนกำลังกวาดสายตามองกระดาษโน้ตหลากสีซึ่งกระจายแปะเต็มพื้นที่ผนังด้านหนึ่งของตัวร้าน โน้ตแต่ละแผ่นล้วนมีข้อความบางอย่างเขียนไว้ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเคยมาเหยียบเยือนสถานที่ ทั้งจากลูกค้าที่เป็นขาประจำ รวมถึงลูกค้าขาจรก็ด้วยเช่นกันข้อความโดยส่วนมากเป็นการระบุว่าได้มาเยือนกับใคร มีทั้งที่เป็นคู่รัก มีทั้งที่เป็นกลุ่มเพื่อน มากันเป็นครอบครัว กระทั่งคนที่คล้ายจะประชดชีวิตโสดเขียนว่ามากินกับ หมา ก็มี“ทำไร?”“หืม?” เรนขานเสียงรับในล
CHAPTER 60ฝันละเมอ 3 ตอนค่ำ ตั้งแต่จำความได้ โต๊ะอาหารที่บ้านของเพลิงไม่ได้มีเฉพาะคนในครอบครัวแต่มีสมาชิกอีกสองคนมาร่วมรับประทานมื้อค่ำด้วยกันเสมอ เว้นแค่ช่วงเช้าเท่านั้นที่เพลิงจะเป็นฝ่ายไปฝากท้องที่บ้านหลังข้างกัน เสียงเจื้อยแจ้วคุ้นเคย รวมถึงการกุลีกุจอเป็นลูกมือหยิบจับทุกสิ่งอย่างของเรนเป็นสิ่งที่เพลิงได้เห็นมาจนชินตา นอกจากจะกระตือรือร้นเป็นปกติ คนที่ทำให้มื้ออาหารดำเนินไปด้วยรอยยิ้มก็คือเจ้าตัว เพลิงเคี้ยวข้าวกร้วม ๆ สลับสายตามองคนนั้นทีคนนี้ทีเพื่อสังเกตท่าทีว่าเป็นเวลาเหมาะสมหรือไม่ที่เขาจะเอ่ยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนออกมาบรรยากาศเป็นไปด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนาน เรนกำลังช่วยผสมโรงมีอารมณ์ร่วมอยู่กับยายน้อยและน้าศรี ที่ต่างก็อินกับการก่นด่านางร้ายในละครซึ่งเปิดผ่านทางโทรทัศน์ ที่ได้เห็นไม่ใช่ภาพน่าประหลาดใจสำหรับเพลิง ในที่นี้มีเพียงเขาและพ่อเท่านั้นที่มองหน้ากันเองแล้วส่ายหัวไปมา “พ่อ” ในที่สุดเพลิงตัดสินใจหันมองหน้าบิดา เอ่ยในสีหน้านิ่งสนิท “ผมมีไรจะบอก” คนเดียวที่ว่างพอจะสนทนากับลูกชายถึงกับวางช
CHAPTER 59ฝันละเมอ 2ริมฝีปากอุ่นประทับผ่านลำคอเรียวระหง…เพลิงซุกไซ้ใบหน้าสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของคนตัวเล็กที่นอนนิ่งรับสัมผัสแต่โดยดี นัยน์ตาคมเลื่อนมองผิวกายขาวเนียนผุดผ่องเป็นยองใยทุกจุดที่ปลายลิ้นลากผ่าน ค้างนานบริเวณยอดถันสีชมพูหวาน หมดเวลากับการดูดเลียหัวนมสวยสะพรั่งของหญิงสาวนานหลายนาที ขณะที่ปากดูดเม็ดเต่งชูชัน มือหนาก็ขยำนวดเต้าข้างที่ว่างเว้นด้วยความมันมือแต่ละสัมผัสดำเนินไปอย่างเงียบเชียบเพราะสถานที่ไม่เป็นใจ ทว่าทุกวินาทีที่ดำเนินผ่านล้วนเต็มไปด้วยความหวามหวิวในอารมณ์ สายตาของชายหนุ่มหลุบเลื่อนมองตามสัดส่วนโค้งเว้าด้วยประกายตาเร่าร้อนแม้เรนจะกินเข้าไปมากเกินกว่าขนาดตัว แต่บั้นเอวผอมบางกลับไร้ชั้นไขมัน ทั้งยังเว้าสวยมิใช่เพียงแต่เร้าอารมณ์ภายใน ทว่ายังดึงดูดสันจมูกคมให้ไล้ผ่านตามแนวคดโค้ง ริมฝีปากอุ่นกดจูบสลับกับการดูดดึงเนื้อกายผ่องขาวไม่ละสัมผัสแม้แต่วินาที เพลิงชันกายขึ้นนั่ง สองมือคว้าสะโพกคนตัวเล็กขึ้นในระดับเดียวกัน สายตามากด้วยอารมณ์ทอดจับเรือนร่างสุดเซ็กซ์ ตั้งแต่เต้าใหญ่โตที่ประดับด้วยป้านบัวสดสวยขนาดเต็มปากเต็มคำ ทั้งแอ่งสะดือเล็กบนหน้าท้องแบนราบ ร