Beranda / โรแมนติก / ปกรณัมใต้แสงดาว / Chapter 10. ดูถูกข้าหรือ?

Share

Chapter 10. ดูถูกข้าหรือ?

last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-29 15:01:23

“ท่านเคยสงสัยในตัวจวิ้นอ๋องหรือไม่”  นางถามรู้สึกสบายจนเผลอเอนตัวไปพิงไหล่ของเขา “ตามจริงแล้ว เรื่องในวังหลวงข้าก็ไม่ล่วงรู้ลึกตื้นหนาบางของผู้อื่นนัก”

“แต่เจ้าเชื่อใจองค์รัชทายาท ยอมเดินทางเสี่ยงภัยมาหาข้า”

“เพราะท่านมีภัย ข้าจึงรีบมา”

“เจ้าไม่ได้รู้จักข้าด้วยซ้ำ”   

“ท่านกล่าวผิดแล้ว ท่านไม่รู้จักข้าแต่ข้ารู้จักท่าน”  นางหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย “ท่านน่าจะให้ข้าพาเปาเป่ามาด้วย”

 “คนขาเจ็บกับแมวขาพิการ”

“ท่านแม่ทัพดูถูกข้าหรือ?”  

“ข้าพูดความจริงต่างหาก”  เขาหัวเราะในลำคอ แต่เมื่อมองเลยไปยังป่าทึบดวงตาของเขามีพลันฉายแววแข็งกร้าวขึ้นมา  

“มีเรื่องใดหรือ?” นางถามเพราะรู้สึกว่าร่างกายที่นางพิงอยู่มีอาการตื่นตัว

“ไม่มีเรื่องใดให้เจ้าต้องกังวล”  เขาพูดเก็บสายตากลับมา  

นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้ม ดวงตาของเขาคมปลาบต่อให้ไม่ต้องลงมือแค่ใช้สายตาจ้องมองก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดในสายตาคู่นั้นจนไม่อาจถอนสายตาได้เลย ทว่าอาการนิ่งงันไปของจางฟางซินทำให้หลัวหลิวหยางเข้าใจผิด เขาเบือนหน้าไปสบถอย่างหงุดหงิด อย่างไรนางก็เป็นหญิง จะไม่ให้หวาดกลัวยามเขาเผลอใช้สายตากดดันผู้อื่นได้อย่างไรกัน 

ใช่ มีคนลอบมองเขาและนางอยู่ เพียงแต่เขาไม่มั่นใจว่าเป็นคนฝ่ายใด ในยามนี้เขาไม่อาจวางใจเชื่อใครได้เลย ต่อให้นางไม่มาเตือนเขา เขาเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพียงแต่การมีนางอยู่ทำให้เขารู้สึกใจสงบและผ่อนคลาย  น่าแปลกที่เขารู้สึกเช่นนั้นกับนาง ทั้งที่เพิ่งพบกัน...อืม...ถ้าไม่นับที่แลกเปลี่ยนความคิดทางจดหมายกัน  

รัชทายาทชอบปลอมกายเป็นสามัญชนแฝงกายในหมู่บัณฑิตนักปราชญ์หรือแม้แต่พ่อค้า ทำให้เขารู้จัก ‘จางฟางหรง’ ในงานเลี้ยงน้ำชาชุมนุมกวี เมื่อราวสี่ปีก่อน หลังจากที่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นศิษย์สำนักไผ่หยก เขาจึงได้เดินทางไปคารวะหยางอี้เสียงผู้เป็นอาจารย์ แต่ก่อนนั้น หากกลับเมืองหลวงคราใดเขาต้องปลีกเวลาไปเยี่ยมเยือน แต่ไม่คิดว่าท่านอาจารย์จะรับเด็กสองคนเป็นบุญบุตรธรรรม เขาไม่เคยพบหน้า ‘จางฟางซิน’ ซึ่งก็ไม่แปลกใจนัก เพราะนางเป็นหญิงไม่ควรพบปะบุรุษที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ใครเลยจะรู้ว่าคนที่เขามักแลกเปลี่ยนความคิดทางจดหมายด้วยบ่อยๆ นั้นจะเป็นหญิงสาวเจ้าของดวงตางดงามผู้นี้

สายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน เส้นผมสีดำดุจแพรไหมพลิ้วไหว จางฟางซินยกมือขึ้นหมายจับเส้นผมของตน แต่ยังช้ากว่ามือใหญ่ข้างนั้นที่ยื่นมาเกี่ยวเส้นผมทัดใบหูให้นาง  นางแทบลืมลมหายใจไปชั่วขณะกับท่าทางสนิทสนมที่เขาทำกับนาง  

“มีคนลอบมองอยู่ใช่ไหม”  นางถามเสียงเบาจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ

“อืม” เขารับคำแล้วเก็บมือกลับอย่างเสียดาย

“เป็นกลุ่มใดกัน”

“ข้าไม่มั่นใจ”  เขาไม่อยากให้นางกังวลมากเกินไป ขอเพียงนางอยู่ข้างกายเขา จะไม่อันตรายใดเกิดขึ้นกับนางได้แน่นอน

“ท่านว่าแผนของท่านจะได้ผลหรือ? ผู้อื่นจะเชื่อว่าท่านทัพหลงใหลสาวงามจริงหรือ?”    

“ทำไมเจ้าช่างมีแต่คำถามนัก” เขาหัวเราะออกมา  “จางฟางหรงที่ข้ารู้จัก เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองยิ่ง เอาเถิด อย่างไรจวิ้นอ๋องออกปากให้ข้าเชิญเจ้าไปร่วมงานเลี้ยงแล้ว”

“งานเลี้ยงอันใดหรือ? ทำไมท่านแม่ทัพเพิ่งมาบอกข้า แล้วขาของข้ายังพันผ้าเช่นนี้จะไปร่วมงานเลี้ยงที่ใดได้”

“มีข้าอยู่ เจ้าจะกังวลเรื่องใดอีก” เขาบีบปลายจมูกโด่งรั้นของนางอย่างหยอกล้อ  

“ก็ข้าไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็นหญิงงามมากพอที่จะทำให้ท่านหวั่นไหวนะสิ”  นางย่นจมูกใส่เขา

คราวนี้หลัวหลิวหยางระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนทำให้เหล่าทหารที่ติดตามมาถึงกับจ้องมอง

เอาแล้ว! พวกเขาได้มีเรื่องไปบอกเล่าให้พี่น้องที่ค่ายทหารนับหมื่นได้รู้แล้วว่าแม่ทัพใหญ่ของเราก็หัวเราะเป็นเช่นมนุษย์ทั่วไป

แม่ทัพหนุ่มสวมชุดสีน้ำเงินเข้มขับเน้นรูปร่างองอาจและยิ่งโดดเด่นเมื่ออยู่บนอาชาศึกงามสง่า หลัวหลิวหยางกระตุ้นม้าไปใกล้หน้าต่างรถม้าแล้วโน้มกายลง  บดบังสายตาคู่งามที่จ้องมองภาพสองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านรวงดึงดูดสายตาของหญิงสาว

“ชะโงกหน้าออกมาถึงเพียงนี้ ประเดี๋ยวก็ได้ตกรถม้าหรอก” เขาอดดุนางไม่ได้ ทั้งขำทั้งเอ็นดู สายตาของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน

“ข้าไม่คิดจะเพิ่มบาดแผลให้ตนเองหรอกนะ” นางเบ้ปากใส่เขา แต่เพราะรูปร่างสูงใหญ่ของเขาบดบังหน้าต่างแทบจะมิดทำให้นางยอมขยับกระเถิบเข้าไปด้านใน  

“สองข้างทางคึกคักนัก ข้าวของก็น่าสนใจไม่เหมือนในเมืองหลวงเลยสักนิด”

“เก็บความตื่นเต้นของเจ้าไปก่อน หากเจ้าได้เห็นตลาดสองแคว้น เจ้าจะยิ่งตกตะลึงกว่านี้”

“ตลาดสองแคว้น! ข้าจำได้ ท่านเขียนในจดหมายว่าทุกสิบวันจะเป็นวันชุมนุมของคนสองแคว้นมีสินค้าแปลกตา ผู้คนจากหลากหลายชนเผ่านำสินค้าของค้าขายแลกเปลี่ยน เราจะไปดูกันใช่ไหม” 

“ไม่ใช่วันนี้”  เขาหัวเราะในลำคอแล้วเงยตัวขึ้นนั่งเหยียดแผ่นหลังตรง “เจ้ารีบรักษาตัวให้หาย ข้าจะพาเจ้าไปดู”

“อื้ม!”

นางพยักหน้ารับ เผลอมองเขาด้วยสายตาชื่นชม บุรุษผู้นี้โดดเด่นเหลือเกิน เขาไม่ได้ครอบครองความหล่อเหลาเจ้าเสน่ห์ แต่แววตาคมปลาบและท่วงท่าดุดันกลับขับเน้นให้เขาดูห้าวหาญองอาจ  ผู้อื่นยิ่งใหญ่เพราะมีวงศ์ตระกูล แต่เขาสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขวนขวายด้วยสองมือ เขาจึงเป็นต้นแบบให้เด็กหนุ่มเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

จางฟางซินคิดถึงเมื่อคืนที่เดินหมากติดพันกับเขา  บนตักมีแมวป่าขาเป๋ที่ไม่ยอมลงจากตักง่ายๆ แต่นางก็พอใจให้มันนอนหมอบตรงนั้น  แม้หลัวหลิวหยางบอกผู้อื่นว่าเขาหยุดพักผ่อนแต่เขาก็ยังมีงานให้สะสางไม่น้อย เขาแสดงความไว้ใจนางมากขึ้นขนาดพูดคุยเรื่องงานและปัญหาเหล่านั้นกับนาง แต่เพื่อไม่ให้ผู้อื่นคิดว่าเขาลอบเอาเรื่องสำคัญมาปรึกษานาง จึงให้เสี่ยวจิ้งยกหมากกระดานมาตั้งเบื้องหน้า แต่ไม่คิดว่าเขากับนางจะถกเรื่องชนกลุ่มน้อยและปัญหาโจรป่าที่แก้ไม่ตก เพราะเงื่อนไขห้ามทหารบุกรุกเขตแดน ทำให้เขาไม่อาจไล่ล่าโจรป่าพวกนั้นได้

‘ข้าเคยยื่นข้อเสนอไปที่แคว้นเหยี่ยนเพื่อปราบโจรป่า แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเลยสักนิด’ 

‘พวกเขาคงคิดว่าท่านจะอาศัยโจรป่าข้ามเขตแคว้นไปบุกยึดชายแดนแคว้นเหยี่ยนกระมัง” นางพูดพลางวางเม็ดหมากสีขาว มือข้างหนึ่งยังลูบบนลำตัวเจ้าแมวป่า  

‘เจ้าเห็นชัดเจนถึงเพียงนี้’  เขาวางเม็ดหมากสีดำลงไปประหลาดใจที่นางคิดเช่นเดียวกับเขา แต่เรื่องนี้เขาไม่เคยพูดกับผู้ใด

‘ช่องโหว่งอย่างกับรูหลังคาบ้าน ช่วงเวลาปกติคนในบ้านอาจไม่เดือดร้อน แต่ถ้าไม่รีบปิดมีหวังฝนมาคงได้น้ำท่วมบ้านแน่’  นางวางหมากสีขาวสกัดเม็ดหมากของเขาไว้  

เขาเลิกคิ้วแล้วจ้องดวงตาวาววับของนาง ‘คิดว่าตนเองแข็งแกร่งพอจะสกัดข้าได้หรือ?’

‘ความแข็งแรงยอมสู้ท่านไม่ได้’  นางกะพริบตาใส่เขา ‘ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมให้ทหารเข้าบ้าน ก็ไม่ได้หมายว่าชาวบ้านทั่วไปจะไปไม่ได้ใช่หรือไม่’

‘สอดแนมหรือ?’  เขาคลึงเม็ดหมากในมือและครุ่นคิด มิใช่ว่าไม่เคยคิดเรื่องนี้ แต่ติดขัดที่จวิ้นอ๋องโม่โฉวทำตัวสนิทสนมกับเขาอย่างไม่ถือยศศักดิ์ วางตัวสนิทสนมกับเขาราวกับสหายที่รู้จักกันมานาน ทำให้เขาไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามจนเกินไป

‘ท่านว่าข้าจะมีโอกาสได้ไปเยือนแคว้นเหยี่ยนด้วยตนเองหรือไม่’  นางเอ่ยแล้วก่อกวนสมาธิเขาด้วยการเคาะนิ้วลงบนโต๊ะที่วางกระดานหมาก เขาเลิกคิ้ว มุมปากกระตุกยิ้มร้ายกาจ

‘อย่าได้คิด’ เขาขู่  

‘ข้าจะคิดอะไรได้’ นางยิ้มตอบไม่หลบตาเขา ‘ศัตรูไม่ขยับ ข้าจะขยับได้อย่างไร’

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 34.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ จบ

    “ก็...ก็ใช่นะสิ เป็นของนายของข้ามอบให้มา” นางพยายามดิ้นรนแต่กลับถูกท่อนแขนรัดเอวนางแน่นขึ้นจนเผลอร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา“นายเจ้าเป็นเศรษฐีที่ถูกหายตัวไปเมื่อสองเดือนก่อนรึ จุ๊ๆ เจ้าอย่ามาโกหกเลย บอกมาเถอะว่ารถม้าคันนั้นอยู่ที่ใด สมบัติในรถคันนั้นต้องมีมากกว่าที่เจ้าขนลงไปแน่”ฟางซินแตกตื่นจนพูดไม่ออก ยังไม่ทันคิดหาวิธีเอาตัวรอด ร่างของนางถูกเหวี่ยงลงพื้น หญิงสาวทั้งเจ็บและจุก พยายามดิ้นรนแต่ชายคนหนึ่งกลับคร่อมร่างนางไว้และอีกสองคนยึดแขนคนละข้าง เหตุการณ์กลับมาซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง นางนึกถึงเพียงใบหน้าของปีศาจภูเขา แต่นี่อยู่นอกเขตอาคม เขาไม่อาจออกมาช่วยนางได้ไม่! เขาจะออกมานอกเขตอาคมไม่ได้! เขาอาจจะตาย! และถ้ามีคนรู้ว่าปีศาจภูเขามีอยู่จริง จะต้องถูกชาวบ้านเชิญนักพรตมาสังหารเป็นแน่! นางยอมให้เขาเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด!“โอ๊ย!”แมวป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่คนที่คร่อมร่างหญิงสาวอยู่ กรงเล็บของมันทำให้ใบหน้าของคนผู้นั้นเป็นรอยแผล และเพราะความเจ็บปวดที่ทำให้รับทำให้ชายคนนั้นจับแมวป่าตัวนั้นออกจากร่างของตนแล้วทุ่มลงบนพื้นกระแทกถูกก้อนหิน แมวป่าส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีอ่อนแรง

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 33.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 6.

    ทว่านางกลับมีหมาป่าสองสามตัวติดตามลงมาส่ง นางเดาว่าปีศาจภูเขาคงขู่บังคับให้ทำเช่นนี้ คิดได้ดังนั้นหัวใจนางก็ยิ่งเต้นรัว นางไม่อยากจากเขาไปไหนเลย เพียงแต่ว่าครั้งนี้ได้มาลาบิดามารดาก่อนจะไปอยู่กับเขาชั่วชีวิต แต่เขาเป็นปีศาจ หากผู้อื่นรู้เขาเกรงว่าครอบครัวของนางจะลำบาก ระหว่างเดินทาง นางจึงครุ่นคิดหาแผนการเพื่อให้ได้ออกจากบ้านอย่างไร้กังวลหญิงสาวลอบเข้าบ้านหลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นผ่านมาเห็น เสียงไอโขลกๆ ของมารดาทำให้ฟางซินแทบทิ้งทุกสิ่งที่หอบมาเพื่อเข้าไปในเรือน บานประตูที่ถูกผลักออกโดยง่ายนั้น ทำให้มารดาที่นั่งปักผ้าอยู่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าบุตรสาวคนเดียวที่หายไปร่วมเดือนก็ดีใจจนหลั่งน้ำตา“แม่คิดว่าเจ้า...เจ้า...”“ข้าไม่เป็นอะไรท่านแม่” นางวางข้าวของที่หอบลงมาจากเขา เปิดห่อผ้าหยิบโสมคนออกมาให้มารดา “นี่โสมคนชั้นเยี่ยม ข้าจะนำมาไปให้ท่านหมอปรุงยาให้ท่านแม่”“เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากไหน แล้วนี่...เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ผู้อื่นลือกันว่าเจ้าตกเขาตายไปแล้ว”“เอ่อ...มีคนใจดีช่วยชีวิตข้าไว้” นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่เกือบถูกขืนใจ นางเองก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้นอีก “ข้า...ข้าข

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 32.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 5

    ฟางซินทั้งเขินอายและเสียวซ่าน นางผงกศีรษะขึ้นมอง เห็นเพียงศีรษะของเขาอยู่ตรงกลางหว่างขา นางอับอายเหลือเกินจึงพยายามดันศีรษะของเขาออก ทว่ารสสัมผัสที่เขามอบให้แสนเย้ายวนจนได้แต่ขยุ้มเส้นผมนุ่มสลวยที่นางบรรจงสางให้เขาอย่างดี เขาช้อนสะโพกนางให้ลอยขึ้น ถอนนิ้วเรียวออกแล้วห่อลิ้นแทรกเข้าไปแทนที่ น้ำหวานที่หลั่งออกมาทำให้ยิ่งฮึกเหิม เสียงครางกระเส่าของนางเสมือนรางวัลที่เขาตักตวงจากกายสาว สะโพกของนางลอยขึ้นจากพื้นโยกไหวตามอารมณ์รัญจวนที่เกิดขึ้น นางหลั่งน้ำหวานออกมามากล้นแต่ยังไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาถอนลิ้นออกแล้วเปลี่ยนเป็นนิ้วเรียวสองนิ้วเข้าไป“อ๊า!” ฟางซินหลุดเสียงหวีดร้องออก สะบัดใบหน้าไปมา“เจ้า...ต้องพร้อมมากกว่านี้” เขาพูดเสียงแหบพร่า นิ้วร้ายยังคงเคลื่อนไหวเข้าออกนำพาน้ำหวานวาวใสให้หลั่งออกมาก ร่างกายของเขาแทบปริแตกด้วยความต้อง เขาจ้องมองร่างขาวเนียนบิดไปมาด้วยความรัญจวนจนกระทั่งร่างนางเกร็งและช่องทางที่แสนคับแคบบับรัดรุนแรงด้วยไปถึงจุดสุขสมฟางซินหวีดร้องอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายร้อนผ่าวและหลอมละลายด้วยน้ำมือของเขา เขาถอนนิ้วออกช้าๆ นางหอบหายใจแรงมองเห็นเขาส่งนิ้วที่เปื้อนเปรอะน้ำ

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 31.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 4

    “เปล่า” เขาส่ายหน้าไปมา “เป็นข้าที่ต้องดูแลเจ้า เจ้าถอดเสื้อผ้าสิ เร็วเข้า” “ไม่ เอ่อ...” เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดีไม่คิดรังแกนาง นางจึงยอมทำตามที่เขาสั่ง แต่การจะเปลือยกายต่อหน้าผู้อื่นนั้น นางไม่อาจทำได้ “เอาอย่างนี้ ท่านขึ้นจากน้ำไปก่อน ข้าจะถอดเสื้อผ้าในน้ำนี้” “อย่างนั้นรึ” เขาถามและนางก็พยักหน้ายืนยันแทนคำตอบ เขาจึงยอมเป็นฝ่ายขึ้นจากน้ำไปก่อน ฟางซินถอนหายใจโล่งอก ปีศาจตนนี้เอาใจไม่ยากนัก นิสัยคล้ายเด็กมากกว่า แต่นางก็ไม่เคยรู้จักปีศาจตนใดมาก่อนจึงไม่รู้ว่าปีศาจตนอื่นเป็นเช่นนี้หรือไม่ ฟางซินเห็นเขาหันหลังให้เหมือนยามที่นั่งหน้ากองไฟทุกค่ำคืน นางจึงถอดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำนี่ออก ให้ร่างกายเปลือยเปล่าได้สัมผัสความอุ่นร้อนพอดีของสายน้ำ นางหลับตาอย่างผ่อนคลาย มันสบายอย่างนี้เองหรือ นางเผลอคลางออกมาอย่างไม่รู้ตัวแต่ประสาทการรับรู้ของปีศาจภูเขานั้นยอดเยี่ยม เขาหันขวับมามองด้วยความเป็นห่วง ทว่าภาพที่เห็นคือสาวงามเปลือกกายในสระน้ำ หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากทรวงอก ดอกบัวคู่งามปริ่มน้ำชวนหลงใหล ผิวกายของนางแม้มีรอยบอบช้ำทว่ากลับน่ายื่นม

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 30.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 3

    ขึ้นเขาครั้งนี้เพราะหวังว่าจะหาโสมหรือสมุนไพรหายาก แต่ไม่คิดว่าจะเจอพวกคนในหมู่บ้านมาทำร้ายนางได้ นางหายออกจากบ้านมากี่วันแล้วนะ มีใครออกตามหานางบ้างไหม? มีคนเป็นห่วงนางหรือเปล่า? หรือคิดเพียงแค่ว่านางอาจหนีเอาตัวรอดทิ้งความยากจนไว้เบื้องหลัง เขารู้ว่าอาหารที่ตนทำไม่อร่อย แต่เห็นนางกินจนเกลี้ยงชามก็อดปิติยินดีไม่ได้ “ข้า...ข้ามาอยู่ที่นี่กี่วันแล้ว” “เจ็ดวัน” ปีศาจตอบ “ฝนตกติดต่อกัน หนักบ้างเบาบ้าง” “อย่างนั้นหรือ?” นางถามเหมือนรำพึงไม่ต้องการคำตอบ แต่ถ้าได้อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ คงดีไม่น้อย ไม่ต้องกลับไปเผชิญเรื่องเลวร้ายใดอีก เห็นท่าทางนิ่งงันของนางแล้ว ปีศาจภูเขารู้สึกใจคอไม่ดีนัก เขายื่นมือไปแตะแขนนางเบาๆ ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา มุมปากค่อยๆ คลี่ยิ้มอ่อนหวานทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้ง “ข้า...ข้าอยากอาบน้ำ” “อาบน้ำ?” เขาทำหน้างุนงงไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ “ได้ๆ ตอนนี้ไม่มีฝนแล้ว ข้าจะพาไปที่สระน้ำกลางป่า มีน้ำพุร้อน ที่นั้นจะช่วยรักษาบาดแผลให้เจ้าได้” “น้ำพุ

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 29.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 2

    พายุฝนกระหน่ำทำเอาหญิงสาวต้องขดตัวกลมเพื่อปกป้องความเหน็บหนาวที่ถาโถมเข้าใส่ เสื้อผ้าบนร่างนั้นทั้งเก่าและขาดวิ่นแทบปกปิดเนินอกสล้างนั้นไม่ได้เลย หญิงสาวได้สติเมื่อผ้าผืนชุบน้ำผืนหนึ่งบรรจงเช็ดใบหน้าให้อย่างระวังว่ากรงเล็บจะถูกผิวกายของนาง หญิงสาวได้สติเพราะลมเย็นพัดผ่านผิวกาย มือเล็กยกขึ้นปกปิดทรวงอกไว้ เงาดำนั้นผงะเล็กน้อยแล้วถอยห่าง ฟางซินรู้สึกได้ว่าเงาดำนั้นก้าวออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว นางจึงลุกขึ้นนั่ง ก้มมองสภาพตัวเองที่เสื้อผ้าแทบจะปกปิดอะไรไม่ได้เลย นางหยิบผ้าที่ที่วางในอ่างเล็กๆ นั้น ชุบน้ำแล้วเช็ดที่ใบหน้าและแขน แสงไฟจากกองไฟทำให้เห็นว่านางนั่งอยู่บนพรมหนังสัตว์ในถ้ำแห่งหนึ่ง ด้านนอกคงมีพายุฝนโหมกระหน่ำ นางอยู่ด้านในได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้องคำรามและไอเย็นแผ่กระจายเข้ามา นางไม่กล้ามองเท้าขวาของตนเองเลย เจ็บจนน้ำตาร่วง และยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นางก็ยิ่งขวัญเสีย “จะ...เจ็บ...เจ็บมากรึ” ฟางซินได้ยินเสียงแหบแห้งจากด้านหลัง ร่างใหญ่โตนั้นแทบบดบังแสงสว่างจากกองไฟหมดสิ้น นางอ้าปากแต่พูดไม่ออก มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นหลุดจากริมฝ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status