ปกรณัมใต้แสงดาว

ปกรณัมใต้แสงดาว

last updateLast Updated : 2024-11-04
By:  เพลงมีนาCompleted
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
10
1 rating. 1 review
33Chapters
4.1Kviews
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

นางไม่อยากเชื่อเลยสักนิด เมื่อครู่นางยังชื่นชมความงามของทัศนียภาพข้างทาง ทว่าเพียงพริบตา รถม้าวิ่งเร็วผิดจังหวะ นางกำลังจะตะโกนถามสารถีว่าเกิดเรื่องใดขึ้น รถม้าของนางก็เหมือนถูกกระแทกอย่างแรง รถม้าหมุนคว้าง ร่างของนางกระแทกผนังของรถม้าหลายครั้ง ราวกับกระดูกทุกชิ้นหลุดออกจากข้อต่อ นางหวีดร้องอย่างลืมตัว จนกระทั้งทุกอย่างสงบลง นางขยับตัวเพียงเล็กน้อยแต่เจ็บปวดจนต้องหลั่งน้ำตา หูสองข้างยังอื้ออึง สมองยังมึนงง นางรับรู้การเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้ ดวงตากลมพยายามเบิกกว้างจ้องมองภาพผ่านม่านน้ำตา มือที่พอขยับได้ควานหาอาวุธ ทว่านางกลับพบมีดสั้นที่อาจารย์มอบให้ติดตัว นางกำมีดพกแน่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่นางจะไว้ป้องกันตนเองได้ “อย่าขยับ!” น้ำเสียงแข็งกร้าวดังขึ้นทำเอาร่างของจางฟางซินชะงักงันไปชั่วขณะ นางมองเห็นใบหน้าผู้เข้ามาไม่ชัด แต่เป็นกระบี่เปื้อนโลหิตนั้นกลับทำให้เบิกตากว้าง ปลายกระบี่อยู่ใกล้ใบหน้านางมากจนแทบจะรู้สึกได้ถึงรสชาติคาวเลือดที่ติดอยู่ที่กระบี่ ความเจ็บปวดถาโถมปล้นชิงสติของนางไปจนหมดสิ้น รสชาติความตายเป็นเช่นนี้หรือ? แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหน้านางคือผู้ใดกัน มัจจุราชมารับดวงวิญญาณนางหรือ? เหตุใดใบหน้ามัจจุราชจึงดูคุ้นตาเหลือเกิน!

View More

Chapter 1

Chapter1.  ไม่อยากเชื่อเลย

จางฟางซิน บุตรสาวเสนาบดีตกอับสกุลจาง ในยุคสมัยที่ตระกูลจางยังรุ่งเรื่อง บิดามีภรรยาสองคนทั้งสองเป็นพี่น้องกันตกลงปลงใจใช้สามีร่วมกัน บิดามีบุตรเพียงสองคนคือจางฟางซิน และจางฟางหรง น้องที่เกิดหลังนางแค่ครึ่งชั่วยาม  มารดาของนางจากไปตั้งแต่วันที่นางถือกำเนิด หลังจากนั้นสามปีภรรยาอีกคนก็จากไป บิดาเศร้าโศกเสียใจจนร่างกายเจ็บป่วย ก่อนจะสิ้นใจบิดาได้ฝากฝั่งจางฟางซินและจางฟางหรงให้สหายรักช่วยดูแลพร้อมทรัพย์สินก้อนสุดท้ายที่เหลือน้อยนิด     

จางฟางซินในวัยสิบสองจูงมือจางฟางหรงมายังสำนักศึกษาไผ่หยก ภายใต้การดูแลของสหายรักของบิดานามหยางอี้เสียง และด้วยความสงสารเวทนาจึงรับบุตรของสหายเป็นบุตรบุญธรรม

ชีวิตของจางฟานซินจึงเริ่มต้นใหม่ที่นี่ จนกระทั้งวันที่นางอายุสิบเจ็ด ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปตลอดกาล

....

นางไม่อยากเชื่อเลย  อีกเพียงไม่กี่ลี้นางจะไปถึงที่หมายแล้วแท้ๆ เหตุใดถึงถูกตามไล่ล่าอย่างไร้หนทางเช่นนี้  

จางฟางซินเคยอ่านเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับชายแดนตะวันออก นางศึกษาทุกอย่างจนมั่นใจว่าตัวเองเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างดียิ่ง ทว่านางไม่คิดว่า การลอบเดินทางที่ใช้เวลาครึ่งเดือนนี้จะมาจบลงที่รถม้าของนางพลิกคว่ำหลายตลบเช่นนี้

ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้รู้ว่านี่ไม่ได้ฝันไป แม้นางเตรียมใจไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นเร็วเพียงนี้ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น ขอเพียงนางได้ส่งสาส์นลับนี้ให้ถึงมือแม่ทัพพิทักษ์บูรพาเสียก่อน  

หลังจากรถม้าของนางหยุดตีลังกาแล้ว นางได้ยินเสียงการต่อสู้ด้านนอก สารถีที่จ้างมาคงไม่อาจเป็นช่วยนางได้ และอาจรักษาชีวิตตนเองไม่ได้เช่นกัน  เพียงการขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บปวดก็แล่นไปทั่วร่าง นางหลุดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด นางเป็นคนมีความอดทนสูงหากไม่เจ็บปวดเจียนตายเช่นนี้ นางคงไม่หลั่งน้ำตาออกมาเช่นนี้ 

นางควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้...ไม่งั้นลำบากแน่ ...

หญิงสาวตื่นจากอาการมึนงงแล้วเริ่มขยับกาย แต่ข้อเท้าของนางเจ็บจนไม่อาจขยับได้ นางนั่งนิ่งๆ และพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงเอื้อมมือไปผลักตั่งเตี้ยเคยเป็นที่เขียนจดหมายออกจากข้อเท้าของนางออก  นางรับรู้การเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้ ดวงตากลมพยายามเบิกกว้างจ้องมองภาพผ่านม่านน้ำตา มือที่พอขยับได้ควานหาอาวุธ ทว่านางกลับพบมีดสั้นที่พ่อบุญธรรมมอบให้ติดตัว นางกำมีดพกแน่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่นางจะไว้ป้องกันตนเองได้  

“อยู่นิ่งๆ”

จางฟานซินได้ยินเสียงดุดัน แต่คำพูดเหล่านี้ไม่ได้แทรกเข้ามาในสมองเลย นางพยายามดิ้นให้เป็นอิสระ

“อย่าขยับ!”

น้ำเสียงแข็งกร้าวดังขึ้นทำเอาร่างของจางฟางซินชะงักงันไปชั่วขณะ นางมองเห็นใบหน้าผู้เข้ามาไม่ชัด แต่เป็นกระบี่เปื้อนโลหิตนั้นกลับทำให้เบิกตากว้าง ปลายกระบี่อยู่ใกล้ใบหน้านางมากจนแทบจะรู้สึกได้ถึงรสชาติคาวเลือดที่ติดอยู่ที่กระบี่

            ความเจ็บปวดถาโถมปล้นชิงสติของนางไปจนหมดสิ้น รสชาติความตายเป็นเช่นนี้หรือ? แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหน้านางคือผู้ใดกัน มัจจุราชมารับดวงวิญญาณนางหรือ?

เหตุใดใบหน้ามัจจุราชจึงดูคุ้นตาเหลือเกิน! 

หลัวหลิวหยางสบถเมื่อคนตรงตรงหน้าเป็นลมหมดสติ เขาขมวดคิ้วมอง ‘เด็กหนุ่ม’ บอบบาง ตรงหน้า เขายกตั่งที่ทับท่อนล่างนั้นออก ยื่นมือไปตบแก้มเรียกสติ แต่อีกฝ่ายยังไร้การปฏิกิริยา เขาต้องวัดดวงเอาแล้ว รถม้าคันนี้หลุดจากม้าตีลังกามาเกือบจะตกเขา รถม้าพาดกับต้นไม้ใหญ่ เพียงการขยับตัวเล็กน้อยทำให้รถเสียสมดุลพร้อมจะตกลงไปหุบเขาเบื้องล่าง  เขาไม่วางใจให้ผู้อื่นเข้ามาช่วยคนในนี้จึงต้องเข้ามาด้วยตนเอง  ชายหนุ่มเก็บกระบี่ที่เปื้อนเลือดแล้วอุ้มร่างที่เบาหวิวขึ้น เสื้อผ้าที่สวมเป็นสีทึมแต่กลิ่นเลือดโชยแตะปลายจมูกของเขา  เขาอุ้มเด็กหนุ่มที่อ่อนปวกเปียกออกมา ใช้ปลายเท้าแตะหลังคารถม้าถีบตัวเองออกมาได้ทันเวลาก่อนที่รถม้าจะร่วงลงไปด้านล่าง   

หลัวหลิวหยางกวาดตามองทหารยี่สิบนายของตนที่กวาดต้อนโจรป่าเสร็จสิ้นแล้ว น่าเสียดายที่ไม่อาจช่วยสารถีชะตาขาดผู้นี้ได้  เดิมทีเขาคิดจะส่งเด็กหนุ่มผู้นี้ให้นายทหารคนอื่นอุ้มกลับไปรักษาที่จวนแม่ทัพ แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา เขาจึงเปลี่ยนใจอุ้มร่างที่หมดสติขึ้นหลังม้า สั่งการให้ทหารเก็บกวาดให้เรียบร้อย ส่วนตัวเขามุ่งหน้ากลับจวนแม่ทัพพิทักษ์บูรพาทันที

ความเจ็บปวดปลุกจางฟานซินเป็นระยะๆ นางมึนงงเกินกว่าจะเข้าใจเสียงพูดคุยที่ได้ยิน ทว่านางกลับผ่อนคลายเมื่อรู้สึกว่าร่างกายถูกโอบกอดด้วยกรุ่นไออบอุ่นและเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ ไร้ความตื่นตระหนก นั้นย่อมหมายความว่านางจะปลอดภัยในวงแขนนี้ 

มีแต่เรื่องฉุกเฉินเท่านั้นที่จะทำให้หลัวหลิวหยางยอมแตะต้องกายของผู้อื่นเช่นนี้ อาชาศึกงามสง่าถูกควบขี่เข้าประตูเมืองอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านหลบหลีกแล้วชะเง้อมองแผ่นหลังองอาจของแม่ทัพรักษาชายแดนตะวันออก  นอกจากความน่าเกรงขามแล้ว เขายังครอบครองฉายา ‘ดวงกินภรรยา’ อีกด้วย  

แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของหลัวหลิวหยาง เขาหยุดม้าเมื่อมาถึงจวน ออกปากสั่งให้บ่าวไพร่เชิญหมอทหารมาดูอาการคนเจ็บ เพราะเป็นคนเสียงดังอยู่แล้ว คำพูดธรรมดาจึงทำให้บรรดาบ่าวไพร่ตัวสั่นรีบทำตามทันที   หลัวหลิวหยางอุ้ม ‘เด็กหนุ่ม’ ไปนอนบนเตียงในห้องปีกซ้าย เขาอยู่ในสนามรบมานานกว่าสิบปี  บาดแผลน้อยใหญ่ล้วนผ่านตามาแล้ว  ร่างสูงหมุนตัวไปหยิบกรรไกรมาตัดเสื้อของ ‘เด็กหนุ่ม’ออกมาเพื่อจะได้สำรวจบาดแผล

หลัวหลิวหยางไม่ยอมเสียเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เขรอะไปด้วยฝุ่นจากการไล่ล่าโจรป่า หากเขาไม่ได้นำทหารออกลาดตระเวนผ่านไปพอดี เรื่องจะหนักหนาเพียงใด มีผู้ใดเดินทางโดยไร้ผู้อารักขากันบ้าง เขาเข้ามาประจำการที่ชายแดนตะวันออกสองปี  แม้จะสงบมากขึ้นกว่าแต่เดิมแต่ยังกวาดล้างโจรถ่อยไม่หมด รอยต่อระหว่างชายแดนสองแคว้นคือที่ซ่อนตัวที่ดีของโจรเหล่านั้น  และเอกสารลงนามในสัญญาไม่ล่วงล้ำเขตแดนของแคว้น เขาจึงทำได้เพียงไล่ล่าไปสุดเขต เมื่อพวกโจรชั่วหลบเร้นเข้าไปในแนวป่าก็ไม่อาจข้ามเขตเข้าไปได้จับกุมได้

“หูซาน!”

“ขอรับท่านแม่ทัพ”

“ให้คนไปดูซากรถม้า ดูตราบนรถม้าและข้าวของที่มีในรถมาด้วย”

“รับทราบ”

หูซานเป็นทหารคนสนิทร่วมรบมาหลายปี เมื่อได้รับคำสั่งก็หมุนตัวออกไปอย่างไม่ลังเล เขาเดินสวนกันบ่าวที่เดินนำหมอทหารเข้ามาด้านใน

“ท่านแม่ทัพ ท่านหมอมาแล้วขอรับ”

มือที่แกะเสื้อเปื้อนเลือดอยู่ชะงักไป หัวคิ้วขมวดยุ่งเหยิง เขาสูดลมหายใจลึกก่อนแหวกสาบเสื้อของเด็กหนุ่มออก หลัวหลิวหยางเงยตัวขึ้นแล้วยกมือเป็นสัญญาณให้ทั้งหมอและบ่าวรับใช้ชายหยุดที่ประตู

“เจ้าไปเชิญแม่นมเหมยกุ้ยมาที่นี่ก่อน”

“ขอรับ”

บ่าวไพร่ในจวนแม่ทัพพิทักษ์บูรพาเคยชินกับการรับคำสั่ง ไม่ว่าผู้เป็นนายสั่งอะไรไม่มีใครกล้าตั้งคำถามหรือขัดคำสั่ง  เขาหันมาทางหมอทหารแล้วเอ่ย

“ท่านหมอโปรดรอสักครู่”  แม้น้ำเสียงที่ใช้จะเบาลงแต่ความหนักแน่นผสานแรงกดดันทำให้คนเป็นหมอถึงกับเหงื่อตก

หรือจะเป็นคนพิเศษของท่านแม่ทัพอหังการ์ผู้นี้  

หลัวหลิวหยางรู้ดีว่าการรักษาคนไม่ควรประวิงเวลา แต่สถานการณ์นี้เขาไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างไรกับ ‘เด็กหนุ่ม’ ผู้นั้น  จะว่าไปเขาไม่ได้สนใจชื่อเสียงของตนเองจะมัวหมอง และตอนที่เข้ามาทุกคนคงเห็นแล้วว่าเขา ‘อุ้ม’ คนเจ็บเข้ามาด้วยตนเอง

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

Comments

user avatar
Nok Thanikkul
เพิ่งเริ่มอ่าน ก็ชอบแล้ว ติดตามตอนต่อไปค่ะ หวังว่าจะอัพเดตทุกวัน เป็นเรื่องที่สองที่อ่านผลงาน เพลงมีนา เรื่องแรกที่อ่านก็ชอบมาก
2024-11-29 09:56:15
1
33 Chapters
Chapter1.  ไม่อยากเชื่อเลย
จางฟางซิน บุตรสาวเสนาบดีตกอับสกุลจาง ในยุคสมัยที่ตระกูลจางยังรุ่งเรื่อง บิดามีภรรยาสองคนทั้งสองเป็นพี่น้องกันตกลงปลงใจใช้สามีร่วมกัน บิดามีบุตรเพียงสองคนคือจางฟางซิน และจางฟางหรง น้องที่เกิดหลังนางแค่ครึ่งชั่วยาม มารดาของนางจากไปตั้งแต่วันที่นางถือกำเนิด หลังจากนั้นสามปีภรรยาอีกคนก็จากไป บิดาเศร้าโศกเสียใจจนร่างกายเจ็บป่วย ก่อนจะสิ้นใจบิดาได้ฝากฝั่งจางฟางซินและจางฟางหรงให้สหายรักช่วยดูแลพร้อมทรัพย์สินก้อนสุดท้ายที่เหลือน้อยนิด จางฟางซินในวัยสิบสองจูงมือจางฟางหรงมายังสำนักศึกษาไผ่หยก ภายใต้การดูแลของสหายรักของบิดานามหยางอี้เสียง และด้วยความสงสารเวทนาจึงรับบุตรของสหายเป็นบุตรบุญธรรมชีวิตของจางฟานซินจึงเริ่มต้นใหม่ที่นี่ จนกระทั้งวันที่นางอายุสิบเจ็ด ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปตลอดกาล....นางไม่อยากเชื่อเลย อีกเพียงไม่กี่ลี้นางจะไปถึงที่หมายแล้วแท้ๆ เหตุใดถึงถูกตามไล่ล่าอย่างไร้หนทางเช่นนี้ จางฟางซินเคยอ่านเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับชายแดนตะวันออก นางศึกษาทุกอย่างจนมั่นใจว่าตัวเองเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างดียิ่ง ทว่านางไม่คิดว่า การลอบเดินทางที่ใช้เวลาครึ่งเดือนนี้จะมาจบลงที่รถม
last updateLast Updated : 2024-10-27
Read more
Chapter2. เจ้ารู้จักข้ารึ?
เสียงครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น เรียกสติของแม่ทัพหนุ่มวัยยี่สิบหกให้หันไปมอง เขาหมุนตัวเดินไปก้มมอง แขนซ้ายมีรอยบาดเป็นทางยาว ดูแล้วไม่น่าจะลึกแต่เลือดไหลออกมามาก แต่ส่วนที่น่าจะเจ็บที่สุด น่าจะเป็นข้อเท้าขวาของนาง“แม่นมเหมยกุ้ยมาแล้วขอรับ”“ท่านแม่ทัพ”แม่นมเหมยกุ้ยเป็นสตรีวัยสี่สิบสองที่ท่านแม่ทัพให้ความเคารพดุจญาติผู้ใหญ่ นางยกชายกระโปรงก้าวเร็วๆ เข้าไปหา พอเห็นสภาพคนที่นอนหมดสติบนเตียงก็อุทานออกมา“รบกวนแม่นมแล้ว”“ได้ๆ ทางนี้ข้าจัดการเอง” นางรับคำอย่างรู้หน้าที่ “เด็กๆ ไปยกน้ำอุ่นมา ผ้าสะอาดด้วย ห้ามผู้ชายเข้าใกล้ และขอเชิญท่านมาทางนี้เจ้าค่ะ”แม่นมเหมยกุ้ยสั่งการรวดเร็ว หลัวหลิวหยางถอนหายใจเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินออกมา เพียงยกเท้าพ้นธรณีประตู เสียงแม่นมก็ดังไล่หลังมาทันที“ข้าสั่งคนเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านแม่ทัพแล้ว ท่านควรผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วนะเจ้าค่ะ”“ข้าทราบแล้ว”มุมปากของหลัวหลิวหยางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่เพราะใบหน้าดุดันอยู่เป็นนิจจึงแทบไม่เห็นรอยยิ้มนั้น ในจวนแห่งนี้มีสตรีน้อยมาก บ่าวไพร่ที่เป็นหญิงล้วนมีแม่นมเหมยกุ้ยคัดเลือกเข้ามาทำงาน เขาจึงวางใจเรื่องเหล่านี้บ้าง รวมทั้ง
last updateLast Updated : 2024-10-27
Read more
Chapter3. เสี้ยวเวลาอันแสนสั้น
มือหยาบกร้านเพราะจับกระบี่กรำศึกมายาวนานยื่นไปปัดม่านมุ้งออก แม้บอกตัวเองว่าอยู่สนามรบมานาน ทว่าเมื่อเห็นสตรีที่หมดสติ แขนเต็มไปด้วยแผลถลอก ร่องรอยขูดขีด ยังเหลือรอยเลือดยังแห้งกรังที่ผมของนาง ข้อเท้าข้างขวาถูกพันผ้าอย่างแน่นหนา เสี้ยวเวลาอันแสนสั้นก่อนหมดสติ ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจ ปฏิกิริยาในตอนนี้แม้นางยังหลับอยู่ แต่ยังคงเป็นความหวาดกลัว เปลือกตาของนางกระตุก ปลายนิ้วมือขยับเกร็ง หลัวหลิวหยางเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวไว้โดยไม่ทันคิด“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว”ไม่ใช่ถ้อยคำอ่อนโยนหวานหู แต่น้ำเสียงหนักแน่นที่พร้อมปกป้องขับไล่ความหวาดกลัวของหญิงสาว นางบีบมือของเขาแน่นราวกับเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยว เขาไม่อาจผละไปจากนางได้จึงค่อยๆ นั่งลงบนเตียงข้างนาง ดวงตาของเขาจ้องมองริมฝีปากของนางพึมพำ แม้รู้ว่านางยังไม่ได้สติแต่เขากลับโน้มตัวลง แนบใบหูใกล้ริมฝีปากของนาง “ท่านช่วยชีวิตข้า” หญิงสาวพึมพำแทบฟังไม่ออก นางลืมตาขึ้นมองเขา แล้วพยายามขยับตัว เพียงการขยับตัวเล็กน้อยก็ทำให้นางหลุดเสียงร้องเจ็บปวดออกมา“นอนลงไป ใจเย็นๆ”“ข้า...” นางพยายามอย่างสุดกำลัง อย่างน้อยนางก็ได้มา
last updateLast Updated : 2024-10-27
Read more
Chapter4. แค่ฝุ่นผงในสายตาของเขา
ยามใดที่จางฟางหรงออกไปชุมนุมกับเหล่าบัณฑิต จางฟางซินจะออกไปด้วย นางแต่งกายเป็นบุรุษ แต่ก่อนยังเยาว์วัย จางฟางซินมักแต่งกายเป็นชายเสมอ เพราะนิสัยนางที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตนอกรั้วบ้าน บิดามารดารักใคร่เอ็นดู ตามใจลูกสาวคนเดียว จางฟางหรงจึงเหมือนมีคู่แฝด แต่เมื่อเติบโตขึ้น รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ในขณะที่นางอรชรอ้อนแอ้น ความแตกต่างระหว่างชายหญิงเห็นได้เด่นชัด แม้ว่านางพยายามปกปิดเพียงใดก็ตาม ในบางประเด็นที่ถกเถียงกัน จางฟางซินที่แต่งกายเป็นชายติดตามจางฟางหรง ไม่อาจแสดงความคิดใดได้ นางจึงเขียนจดหมายน้อยให้จางฟางหรงเอ่ยตอบไปแทนนาง ปรัชญาเมธีหรือแม้แต่ตำรายุทธ ล้วนเป็นนางที่ท่องจำเข้าใจอย่างท่องแท้ แต่จางฟางหรงมักชอบการเขียนโคลงกลอนชื่นชมความของธรรมชาติและสตรี ทุกครั้งที่นางอยากถกปัญหาบ้านเมือง นางจะเขียนในจดหมายน้อยโดยใช้ชื่อของจางฟางหรง เป็นเช่นนี้มานานจนทุกคนเข้าใจไปว่าจางฟางหรงผู้มีบุคลิกเสเพลเป็นเสือซ่อนเล็บที่ทรงความรู้ความสามารถ แต่เมื่อไปสอบจอหงวนกลับพลาดอย่างน่าเสียดาย แต่กระนั้น ยามใดที่องครัชทายาทมีปัญหาใดมักมาปรึกษากับจางฟางหรง และจางฟางหรงก็หอบปัญหาเหล่านั้นมาให้จางฟาง
last updateLast Updated : 2024-10-27
Read more
Chapter5.ตัวข้าสำคัญที่สุดแล้ว
“ข้ารู้แค่ว่านี่เป็นป้ายประจำตัวองค์รัชทายาท” เขากอดอกยืนฟังนาง พยายามสนใจเพียงดวงตากลมโตสีนิล ไม่มองผิวกายเนียนละเอียดที่เต็มไปด้วยรอยบอบช้ำ ตลอดการเดินทาง นางครุ่นคิดอยู่หลายตลบว่าจะเริ่มเรื่องอย่างไรให้เขาเชื่อใจนาง จะแสดงตัวเช่นไรไม่ให้ถูกจับได้ว่าเป็นหญิง แต่เมื่อฐานะถูกเปิดเผยแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะต้องปิดบังอันใดอีก นางสูดลมหายใจแล้วเอ่ยออกมา“ข้าคือจางฟางหรง”“หือ?” หลัวหลิวหยางเลิกคิ้วประหลาดใจ “จางฟางหรง?”“จางฟางหรงที่เขียนจดหมายโต้ตอบกับท่าน” นางยังคงสงบใจกล่าวต่อ “ข้าเคยพบจางฟางหรง เขาเป็นบุตรบุญธรรมของอาจารย์ข้า เขาเป็นบุรุษมิใช่สตรี”“ถูกต้อง จางฟางหรงที่ท่านแม่ทัพพบคือน้องชายต่างมารดาของข้า ข้าชื่อจางฟางซิน ข้าและจางฟางหรงเป็นบุตรบุญธรรมของอาจารย์ หยางอี้เสียง” นางแนะนำตัวเอง และเมื่อเห็นว่าเขาไม่คิดจะพูดขัด นางจึงพูดต่อ “คนที่เขียนจดหมายถึงท่านคือข้า ข้าใช้ชื่อของน้องชายเพื่อคุยกับท่าน”แววตาของหลัวหลิวหยางประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีเขาสงสัยมาตลอด บุรุษอย่างจางฟางหรงดูเหมือนคนที่ไม่สนใจตำราพิชัยยุทธ์ ไม่ชอบการทหาร แต่กลับแลกเปลี่ยนความคิดกับเขาและเสนอแนวทางให้เขาหลาย
last updateLast Updated : 2024-10-27
Read more
Chapter 6. ไม่ถูกใจรึ
“เช่นนั้น...” นางอ้าปากแต่ยังพูดได้เพียงสองคำ เขาก็ยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน ครู่หนึ่งแม่นมเหมยกุ้ยเข้ามาพร้อมหญิงรับใช้ที่นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้จางฟางซินผลัดเปลี่ยน แม่นมเหมยกุ้ยพยักหน้าให้บ่าวรับใช้ออกไปก่อน เมื่อเหลือเพียงสามคนนางจึงเอ่ยขึ้น“แม่นางได้สติดีแล้ว ข้าจึงจัดเตรียมเสื้อผ้ามาให้” “ขอบคุณแม่นมเหมยกุ้ยมากเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หลายวันมานี้ท่านลำบากเพราะข้าแท้ๆ ข้าวของเครื่องใช้ของข้าอยู่ในรถม้า”“ในรถม้ามีของสำคัญใดหรือไม่ ข้าส่งคนออกไปดูไม่พบสิ่งใด พวกโจรคงขโมยไปหมดแล้ว”จางฟางซินส่ายหน้าไปมา “นอกจากเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวแล้วไม่มีสิ่งอื่นเจ้าค่ะ โจรกลุ่มนั้นคงปล้นเสียเทียวแล้ว”‘ตัวข้าสำคัญที่สุดแล้ว’ นางไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไป เกรงว่าเขาจะเห็นว่านางเป็นคนชอบเยินยอตัวเอง ยังไม่ทันพูดอะไรต่อเด็กรับใช้ประคองถ้วยยาเข้ามา หญิงสาวยิ้มค้าง ดวงตาจ้องมองหลัวหลิวหยางเป็นเชิงถาม นี่นางต้องดื่มยาอีกแล้วหรือ? ปกตินางเป็นคนแข็งแรงจนน้องชายหยอกล้อว่านางแข็งแรงเหมือนวัว ร้อยวันพันปีจะเจ็บป่วยสักครั้ง หากไม่นับข้อเท้าของนางที่เจ็บหนัก นางคิดว่าตัวเองแข็งแรงดีแล้วจริงๆ หลัวหลิวห
last updateLast Updated : 2024-10-27
Read more
Chapter 7.ได้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ
“ขอโทษด้วย” จางฟางซินพูดอย่างนึกขึ้นได้ “ท่านแม่ทัพกรุณากับข้ายิ่ง”“เจ้าต้องกินอะไรบ้าง เพื่อจะได้มีแรง” เขาหยิบตะเกียบคีบเนื้อปลากะพงนึ่งให้นาง“ข้าทำเองได้” นางเตือนเขา “มือของข้ายังใช้การได้ดีอยู่”“แขนซ้ายเจ้ายังเจ็บอยู่” ดูท่านางก็ดื้อดึงไม่แพ้เขาเช่นกัน “เอาไว้เจ้าหายดีแล้วค่อยปรนนิบัติข้าคืนก็แล้วกัน”“ข้าจะจำใส่ใจไว้” นางพูดพลางกินมื้อเที่ยงของตัวเอง หลายวันนี้กินแต่โจ๊ก พอมีอาหารเลิศรสเข้าปาก ใบหน้าของนางพลันแช่มชื้นขึ้น“อร่อยไหม” หลัวหลิวหยางถามเพราะสีหน้าของนางช่างดูมีความสุขเสียเหลือเกิน “ข้าจำได้ว่าท่านเคยปรึกษาเรื่องเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ที่เป็นภูเขาเสียส่วนใหญ่ ข้าวในถ้วยนี้มาจากแปลงนาเชิงเขาใช่หรือไม่” เขายิ้มแทนคำตอบ เขาเคยเขียนจดหมายถึง ‘จางฟางหรง’ ปรึกษาเรื่องเหล่านี้จริง และจางฟางหรงช่วยค้นหาวิธีเพาะปลูกและกักเก็บน้ำ ทำให้สองปีมานี้ แผ่นดินที่เคยแห้งแล้งทางทิศตะวันออกเปลี่ยนเป็นเขียวขจีด้วยทุ่งข้าวและพืชพรรณมากมาย “ดีจริง วันนี้ได้กินข้าวที่ท่านปลูกแล้ว”“ข้าสั่งผู้อื่นปลูกต่างหาก” เขาพูดพลางคีบเห็ดผัดน้ำมันหอยให้นาง “เห็ดนี่ได้มาจากภูเขา เก็บมาเมื่อเช้า
last updateLast Updated : 2024-10-28
Read more
Chapter 8. ไม่มีทางเป็นอย่างข่าวลือ
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาเคยเขียนจดหมายไร้สาระเล่าให้จางฟางหรงฟังว่าจับแมวป่าได้ แมวป่ามีมูลค่า หนังของมันเป็นที่ต้องการ แต่เปาเป่าตัวเล็กนัก แม่ของมันรวมทั้งพี่น้องมันอยู่ที่ใด ตอนนั้นเขาไม่คิดว่าจะเลี้ยงมัน แต่ไม่รู้นึกอย่างไรหิ้วแมวป่ากลับมาโยนให้แม่นมช่วยดูแล มันเป็นแมวป่าแต่ถูกคนเอาใจใส่ดูแล ความดุร้ายจึงลดลง เป็นจังหวะเดียวกับที่ ‘จางฟางหรง’ ตอบจดหมายและขอความเมตตาจากเขาให้เลี้ยงมัน พร้อมทั้งแนะนำให้เขาหานมแพะมาป้อนมันอีกด้วย เขาไม่เคยตอบ ‘จางฟางหรง’ ว่าเขาตัดสินใจเลี้ยงมันไว้ จนเวลานี้ ‘จางฟางซิน’ ได้มาพบกับมันด้วยตนเองจางฟางซินพยักหน้า แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อหลัวหลิวหยางหิ้วหนังคอเจ้าแมวป่าออกจากอกของนาง ยื่นแมวยักษ์ไปทางหูซานให้อุ้มแมวไว้ แล้วเขาก็อุ้มนางขึ้นจากพื้น“ท่าน!”“เจ้าอยู่นิ่งๆ ในห้องไม่ได้สินะ” เขาหัวเราะในลำคออุ้มนางมานั่งที่เก้าอี้กลมที่ศาลาหกเหลี่ยม “อุดอู้อยู่ในห้องมาสี่ห้าวันแล้ว ข้าอยากออกมารับแสงแดดบ้าง” นางอาศัยจังหวะที่เขาอยู่ใกล้นาง กระซิบบอกเขา “ข้าอยากเห็นพื้นที่ ภูมิประเทศและผู้คน ข้ามาถึงหลายวันแล้ว ให้ข้าช่วยงานท่านบ้างเถิด”เพื่อไม่ให้ผู้อื่น
last updateLast Updated : 2024-10-28
Read more
Chapter 9. แม่น้ำดุจดารา
มีคู่ศัตรูคู่แข่งอยู่รอบด้าน เราต้องกำหนดกลยุทธ์ วางแผน โจมตี ตั้งรับ เพื่อชิงความได้เปรียบกับฝ่ายตรงข้าม ไม่เช่นนั้นเราก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ศาสตร์ทุกแขนงควรทำการศึกษาและนำมาประยุกต์ปรับใช้กับการทำงานเพื่อให้ผลสำเร็จเกิดขึ้นตามมา เจ้าชื่นชอบการอ่านตำราแต่อ่อนด้อยประสบการณ์ ยังไม่เข้าใจท่องแท้หรอกกระมัง”ในน้ำเสียงนั้นคล้ายดูแคลนอยู่หลายส่วน แต่จางฟางซินกลับพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย นางยื่นมือไปรับน้ำชาอย่างระวังไม่ให้หกใส่ตำราพิชัยยุทธที่เขาให้นางหยิบยืมมาอ่าน “ข้าก็เคยคิดอยู่ว่า กลยุทธการศึกเหล่านี้ หากศึกษาให้เข้าใจถึงแก่นแท้ เราย่อมสามารถปรับเปลี่ยนมาใช้ในชีวิตประจำวันได้”“เช่น?”“การค้าอย่างไรเล่า” นางยื่นหน้าไปหาเขา “หากเราจะทำการค้าก็ต้องเรียนรู้ว่าคู่แข่งเป็นใคร จุดเด่น จุดอ่อนคืออะไร ทำเลที่ตั้งของร้านก็เหมือนชัยภูมิในการทำศึก ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่เล่า” หลัวหลิวหยางหัวเราะในลำคอแล้วพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย”“ลักษณะชัยภูมิสำหรับทำศึกมีส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่าการจัดกระบวนทัพ ความได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นอยู่กับการสภาพภูมิประเทศ เปรียบได้กับการกำหนดพื้นที่ตั้งร้านค้า
last updateLast Updated : 2024-10-29
Read more
Chapter 10. ดูถูกข้าหรือ?
“ท่านเคยสงสัยในตัวจวิ้นอ๋องหรือไม่” นางถามรู้สึกสบายจนเผลอเอนตัวไปพิงไหล่ของเขา “ตามจริงแล้ว เรื่องในวังหลวงข้าก็ไม่ล่วงรู้ลึกตื้นหนาบางของผู้อื่นนัก”“แต่เจ้าเชื่อใจองค์รัชทายาท ยอมเดินทางเสี่ยงภัยมาหาข้า”“เพราะท่านมีภัย ข้าจึงรีบมา”“เจ้าไม่ได้รู้จักข้าด้วยซ้ำ” “ท่านกล่าวผิดแล้ว ท่านไม่รู้จักข้าแต่ข้ารู้จักท่าน” นางหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย “ท่านน่าจะให้ข้าพาเปาเป่ามาด้วย” “คนขาเจ็บกับแมวขาพิการ”“ท่านแม่ทัพดูถูกข้าหรือ?” “ข้าพูดความจริงต่างหาก” เขาหัวเราะในลำคอ แต่เมื่อมองเลยไปยังป่าทึบดวงตาของเขามีพลันฉายแววแข็งกร้าวขึ้นมา “มีเรื่องใดหรือ?” นางถามเพราะรู้สึกว่าร่างกายที่นางพิงอยู่มีอาการตื่นตัว“ไม่มีเรื่องใดให้เจ้าต้องกังวล” เขาพูดเก็บสายตากลับมา นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้ม ดวงตาของเขาคมปลาบต่อให้ไม่ต้องลงมือแค่ใช้สายตาจ้องมองก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดในสายตาคู่นั้นจนไม่อาจถอนสายตาได้เลย ทว่าอาการนิ่งงันไปของจางฟางซินทำให้หลัวหลิวหยางเข้าใจผิด เขาเบือนหน้าไปสบถอย่างหงุดหงิด อย่างไรนางก็เป็นหญิง จะไม่ให้หวาดกลัวยามเขาเผลอใช้สายตากดดันผู้อื
last updateLast Updated : 2024-10-29
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status