ผลั๊วะ! ปั่ก! ปั่ก! พลั่ก!
"มึงจะซ้อมมันจนตายมันก็ไม่คายออกมาหรอกว่าใครส่งมันมา" ผมบอกรุยที่ตอนนี้มันกำลังเสยหมัดเข้าท้องและปลายคางไอ้ตี๋ ซึ่งกำลังถูกมัดแขนทั้งสองข้างโยงไว้กับคานของโกดัง
"ง้างปากยากฉิบหายไอ้ห่านี่" รุยสะบัดนวดข้อมือของมันพลางบ่นหลังจากเล่นไอ้ตี๋ซะยับเยิน
"มึงเล่นมันขนาดนั้น ไม่ตายก็บุญล่ะ" ไต้ฝุ่นที่นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าอยู่บนถังน้ำมันพูดขึ้น เมื่อเห็นสภาพของร่างที่โดนมัดห้อยไว้
"เก็บมันเลยดีไหมวะ ไหน ๆ มันก็ไม่พูด" รุยคลายผ้าคาดมือก่อนจะเช็ดเหงื่อที่ไหลท่วมหน้าเนื่องจากออกแรงไปเยอะ ความคิดมันก็เหมาะสมกับที่โตมาจากบ้านยากูซ่าแก๊งดัง แต่ความโหดของรุยคงแพ้พี่ริวอยู่ดี รายนั้นผมคาดเดาความคิดไม่ออกจริงๆ เบื้องหน้าอาจดูสุภาพและสง่างาม แต่ภายในต่างกันโดยสิ้นเชิง
"พอเหอะ กูว่าส่งตำรวจเถอะ" ผมออกความคิดเห็น ถึงแม้ไอ้ตี๋จะสร้างความเสียหายให้คลับของพวกเรามากแค่ไหน แต่ผมยังไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรตอนนี้เสียหน่อย
คลับของพวกผมเพิ่งเปิดมาได้ไม่ถึงปี ไอ้ห่านี่ก็แอบเอาเคข้ามาขายจนตำรวจตามกลิ่นมาเจอ คลับพวกผมเลยต้องปิดเคลียร์เรื่องไปหลายวัน ดูจากการขายแบบโจ่งแจ้งของมัน ดูก็รู้ว่ามันต้องการให้งานเข้าคลับของพวกผม ไอ้รุยส่งคนไปสืบแต่ก็ไม่สามารถเข้าถึงเจ้าของเคพวกนั้นได้ อยากรู้นักเชียวใครส่งมันมา ลำพังตัวมันจะมีปัญญาหาของบริสุทธิ์ขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน นอกเสียจากจะมาจากเจ้าใหญ่จริงๆ
"กูเห็นด้วย จับมันส่งตำรวจเถอะ" ฮิลล์ที่ยืนดูพิงถังน้ำมันเงียบๆ มานานเอ่ยขึ้นหลังผมพูดจบ
"ไม่! กูยังไม่หนำใจเลย" รุยว่าพลางเริ่มมัดผ้าคาดมืออีกครั้ง ให้ตายเถอะ! ดูจากสายตามันแล้ว วันนี้ไอ้ตี๋คงปางตายแน่
"งั้นมึงก็ซ้อมจนกว่าจะพอใจมึง แล้วจับมันส่งตำรวจ" ห้ามมันไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่สู้ปล่อยให้รุยมันจัดการไอ้ตี๋ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน
"ดีล!"
"อ้ากกก!!...."
เสียงไอ้ตี๋กรีดร้องดังสนั่นไปทั่วโกดัง ไม่ต้องกลัวว่าเสียงมันจะเล็ดลอดไปจนถึงชาวบ้านได้หรอก แต่ถึงแม้เล็ดลอดไปพวกผมก็มีวิธีจัดการให้เรื่องมันเงียบอยู่ดี
....สถานีบังคับการตำรวจ....
"ทำไมผู้ต้องหาถึงมีสภาพแบบนี้ครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังพิมพ์บันทึกถามขึ้นหลังจากเห็นภาพไอ้ตี๋ที่ถูกลูกน้องของรุยหิ้วปีกเข้ามานั่ง
"พอดีว่ามันวิ่งหนีแล้วหกล้มครับ" ผมบอกเจ้าหน้าที่ ถึงแม้มันจะดูเป็นข้อแก้ตัวที่ไม่น่าเชื่อถือก็เถอะ
"ผมจัดการเองจ่า จ่าไปทำอย่างอื่นเถอะ" อยู่ ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนเดินเข้ามาสลับตำแหน่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่ถามผมในตอนแรก หมอนี่หน้าตาดีใช้ได้แฮะ
"ให้การเท็จ มีโทษนะครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาใหม่เอ่ยขึ้น ตาเรียวยาวมองไปยังไอ้ตี๋แล้วหันมาจ้องพวกผมสี่คนเขม็ง นี่สินะสายตาสอบสวนของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
"ถามมันสิครับว่ามีใครทำอะไรมันไหม" ไอ้รุยไหวไหล่แล้วเอนตัวกับพนักเก้าอี้เอ่ยขึ้น มันใช้เท้าของมันเตะไปที่หน้าแข้งของไอ้ตี๋จนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง
" (T-T ) ( T-T) ( T-T) (T-T ) " ไอ้ตี๋ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ ก็แหงละสิ! มันคงยอมบอกหรอกว่าโดนอะไรมา ไอ้รุยเล่นขู่มันมาตลอดทางขนาดนั้น ตอนแรกคิดว่าจะให้ลูกน้องของรุยพามันมาส่งตำรวจก็พอ แต่คิดดูอีกที ถ้าอยากให้เรื่องคืบหน้าพวกผมคงต้องมาด้วยตัวเอง และอีกสักพักทนายของพวกเราคงมาถึง พวกผมจะได้ไม่ต้องนั่งตอบคำถามพวกนี้เอง กูบอกแล้วให้รอทนายแล้วมาพร้อมกัน เป็นไงล่ะใจร้อนดีนัก
"เห็นไหมครับ พวกผมไม่ได้ทำอะไรเลย" รุยเอ่ยหลังจากพอใจกับการส่ายหน้าเชิงปฏิเสธของไอ้ตี๋ ไม่นานนักก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนเดินมาป้องปากกระซิบกระซาบข้างใบหูของเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าหวานสุดหล่อคนนั้น คนอะไรถึงแม้สายตาที่มองมายังพวกผมจะดูดุแต่ก็เซ็กซี่กระชากใจฉิบหาย
"ครับ อย่าคิดว่ามีเงินแล้วเรื่องมันจะเงียบนะครับ" คุณตำรวจคนนั้นพูดหลังจากนายตำรวจอีกคนเดินจากไป จากใบหน้าที่นิ่งอยู่แล้วกลายเป็นนิ่งขึ้นไปอีกราวกับประติมากรรมน้ำแข็งชิ้นเอก ผมให้อภัยได้เพราะใบหน้าพระเจ้าปั้นของหมอนี่ แต่เพื่อนๆ ของพวกผมเหมือนจะไม่พอใจกับสายตาดูหมิ่นดูแคลนนั้น
"คุณกำลังกล่าวหาผู้เสียหายอยู่นะครับ" ฮิลล์ที่มีบทแค่นั่งเงียบๆ โพล่งขึ้นมา มันคงจะเหลืออดเต็มที พวกผมเป็นประเภทที่ไม่ยอมให้ใครดูถูกเสียด้วยสิ
ปัง!
"พวกผมเป็นผู้เสียหายนะครับ ส่วนไอ้นั่นมันเป็นโจร!" รุยที่มันเริ่มไม่สบอารมณ์ตบโต๊ะดังลั่นก่อนชี้หน้าส่งสายตาแข็งกร้าวไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่กำลังอมยิ้มมุมปากเมื่อมองพวกผม แล้วมันจะยิ้มหาพระแสงอะไรผมก็อยากจะถามเหมือนกัน
"ถึงเขาจะเป็นโจร คุณก็ไม่มีสิทธิ์ซ้อมเขาแบบนี้นะครับ" คุณตำรวจโน้มตัวเท้าศอกประสานมือวางบนโต๊ะ ดวงตาเรียวคู่สวยจ้องเขม็งไปยังรุยที่กระแทกก้นนั่งบนเก้าอี้หายใจฟึดฟัดอย่างขัดใจ เพราะถูกผมดึงให้มันนั่งลง
"เพราะมีตำรวจที่ให้ท้ายคนร้ายแบบคุณไง โจรถึงเต็มบ้านเต็มเมือง" สายตาของตำรวจคนนั้นที่มองมายังรุยดูเอ็นดูจนคนถูกมองขัดใจ ถึงขั้นลุกขึ้นยืนชี้หน้าด่าตำรวจคนนั้นอีกรอบ ไอ้รุยมันไม่ชอบให้ใครมองว่ามันเด็กอยู่แล้ว
"วันๆ ไม่ทำหน้าที่ เอาแต่เลียแข้งเลียขานายไปวันๆ" รุยยังคงด่าอย่างต่อเนื่อง
เปรี๊ยะ! ผมเหมือนได้ยินเสียงเส้นความอดทนของคุณตำรวจคนนั้นขาดลง หัวคิ้วบนใบหน้าหล่อละมุนนั้นกระตุกเบาๆ
"มึงพอได้แล้วรุย" ผมเอื้อมมือไปจับบ่าปรามไอ้รุย ที่เราอยู่ตอนนี้มันถิ่นเขานะเว้ย
"ทำไม! มึงกลัวมันเหรอ!" มันหันมาถามผมด้วยสายตาเอาเรื่อง กูไม่ได้กลัว แต่มึงช่วยดูตีนกี่ตีนที่อยู่ที่นี่ก่อน
"จ่า! จ่าแชมป์! แจ้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานกับคุณคนนี้ด้วยครับ" คุณตำรวจคนที่โดนไอ้รุยชี้หน้ายืนขึ้นก่อนจะตะโกนไปยังตำรวจอีกคน ตำรวจคนนั้นสะดุ้งตัวโหยงเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเอง ถึงแม้จะมีคำว่าครับที่ดูเหมือนจะสุภาพตามหลัง แต่หากน้ำเสียงที่ถูกเปล่งออกมานั้นแผ่อำนาจบางอย่างจนผมเสียวสันหลัง ตั้งแต่เกิดมานี่คงเป็นคนที่สองรองจากปู่ที่ทำให้ผมแอบกลัวได้
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมนอนเหม่ออยู่อย่างนั้น แต่แล้วเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้นติ๊ง!ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากริว: “ว่างไหม?”หัวใจผมกระตุกวูบแปลก ๆ ก่อนจะรีบพิมพ์ตอบกลับไปฝุ่น: “มีอะไร?”รออยู่ครู่หนึ่ง ข้อความถัดไปก็เด้งขึ้นมาริว: “มาหาหน่อย”ผมนิ่วหน้า อะไรของเขาวะ?ฝุ่น: “นายอยู่บ้าน?”ริว: “หน้าห้องนาย”หน้าห้อง?!ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงทันที กวาดตามองนาฬิกา…จะเที่ยงคืนแล้วหมอนี่มันคิดอะไรอยู่ถึงมาโผล่แถวนี้เวลานี้วะ?ผมหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมก่อนจะเดินออกไปตามที่เขาบอกผมเปิดประตูออกไปก็เจอเขายืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ ใบหน้านิ่งเฉยเหมือนทุกครั้ง แต่มีบางอย่างในแววตาที่ดูไม่เหมือนเดิม“มาทำไม?” ผมถามพลางกอดอก“คุยกันหน่อย”“เรื่องอะไร?”“เรื่องของเรา”คำว่า ‘เรา’ ทำให้ผมชะงักไปนิดหน่อย“ไม่มีอะไรให้คุย” ผมบอกเสียงเรียบ “ฉันพูดไปหมดแล้ว”ริวไม่ได้ตอบอะไรในทันที เขาแค่ยกบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้แล้วจุดไฟ สูดมันเข้าปอดก่อนจะพ่นควันออกมาช้า ๆ“…ฉันไม่ชอบความไม่แน่นอน” เขาพูดขึ้นในที่สุด“หืม?”“ฉันไม่ชอบอะไรที่คลุมเครือ” เขาเอียงหน้ามองผม “แล้วฉัน
ผมกอดอกมองสองพี่น้องเถียงกันอย่างไม่รู้จะทำยังไง เรื่องระหว่างผมกับริวมันซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายให้รุยเข้าใจได้"กูสองคนแค่จูบกันไอ้รุย ยังไม่ได้เอากัน"พวกยากูซ่านี่เชื่อถือไม่ได้จริงๆ ไม่ได้เอาพ่อง!"ถ้าจูบกันแล้วก็ต้องเป็นแฟนกันสิ จะมาแอบกินกันเฉยๆ เหมือนไอ้ฮิลล์ไม่ได้นะ" รุยเถียงต่อ"เราแค่จูบกันรุย นายอย่างี่เง่า" น้ำเสียงของไอ้ยากูซ่าขี้เก๊กเริ่มระอา"นายอย่ามาโมโหกลบเกลื่อน" รุยยังคงไม่ยอม"วุ้ยย! มึงจะอะไรนักหนากะอีแค่จูบ ใครๆ เขาก็จูบกันได้ตอนเมา" ผมพูดแทรกขึ้นมา ถ้าผมไม่มีปัญหาทุกอย่างก็น่าจะจบสินะ"พ่องมึงดิ จะมีกี่คนที่จูบพี่ของเพื่อนตอนเมา"มากกว่าจูบกูก็ทำกันมาล่ะ"เออ…มันก็แค่อุบัติเหตุ ใช่ไหม?" ประโยคหลังผมหันไปหาริว เพื่อขอกำลังสนับสนุน"อือ…" ริวพยักหน้า“กูไม่ใช่เด็กแล้วนะริว!"ปั่ก!"ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายเหรอ..." ริวตบหัวรุย"อู้ยยส์...เจ็บนะ พะ..พี่" ไอ้รุยเริ่มกลัวเมื่อเห็นสายตาของพี่ชายตัวเองริวถอนหายใจก่อนล้วงกระเป๋าหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด เขาพ่นควันออกจากปากก่อนพูดประโยคที่สิ้นคิดที่สุดออกมา"คบก็คบสิ""ชะ...ช่ายย ห๊ะ!! เดี๋ยวๆ คบอะไร ใครคบกัน" ผมถามด้วยความตกใจ"
…ไซโคลน Talk…ผมยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องพักในโรงแรม มองแสงไฟของโตเกียวที่ส่องสว่างอยู่เบื้องล่าง แต่ความคิดของผมกลับไม่ได้อยู่ที่ทิวทัศน์เหล่านั้นเลยโทรศัพท์ในมือสั่นอีกครั้ง แจ้งเตือนข้อความจากไต้ฝุ่น“มาถึงแล้ว”ผมกลืนน้ำลายลงคอช้า ๆ หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นิ้วโป้งแตะไปบนหน้าจอโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบชักมือกลับราวกับของร้อนสารวัตร… มาถึงญี่ปุ่นแล้วจริง ๆผมถอนหายใจแรง กดโทรศัพท์ปิดเสียงก่อนจะโยนมันลงบนโต๊ะ ผมเงยหน้ามองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ เห็นภาพสะท้อนของชายหนุ่มที่พยายามทำเป็นไม่สนใจอะไร แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่นผมคิดว่า… ถ้าออกมาห่างไกลขนาดนี้แล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นผมคิดว่า… ถ้าหายไปจากสายตาเขาแล้ว อีกฝ่ายก็คงไม่รู้สึกอะไรแต่เปล่าเลย…สารวัตรตามมาถึงที่นี่และที่สำคัญกว่านั้นคือ ผมไม่ได้แน่ใจว่าตัวเองอยากให้เขาหาเจอหรือไม่…สไนเปอร์ Talk…ผมยืนอยู่หน้าโรงแรมหรูใจกลางโตเกียว มองขึ้นไปยังชั้นบนสุดที่เป็นห้องพักของไซโคลนไต้ฝุ่นเป็นคนบอกผมว่าไซโคลนอยู่ที่นี่ และถึงแม้เขาจะไม่ได้บอกเลขห้องตรง ๆ แต่แค่มีข้อมูลนี้ก็มากพอแล้วผมกำโทรศัพท์แน่น สูดหายใจเข้าลึก ๆถ้าผมขึ้นไป
…สไนเปอร์ Talk…ผมมองจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า แต่มันกลับเบลอไปหมดคดียังคงเดินหน้า งานทุกอย่างยังคงต้องทำเหมือนเดิม แต่มีบางอย่างในใจที่คอยฉุดรั้งให้ผมไม่มีสมาธิไซโคลนไม่อยู่แล้วจริง ๆเขาหายไปจากชีวิตผมแบบสมบูรณ์แบบ… ไม่มีร่องรอย ไม่มีการติดต่อกลับ ไม่มีแม้แต่เงาของเขาให้เห็นผมถอนหายใจ กวาดสายตามองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวจะโทรไปดีไหม?นิ้วผมเลื่อนไปที่ชื่อของเขา ก่อนจะชะงัก… และกดปิดหน้าจอไปถ้าเขาอยากให้ผมตามหา… เขาคงจะทิ้งอะไรไว้ให้ผมบ้างแต่เขาเลือกที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์ แปลว่าเขาคงต้องการแบบนั้นจริง ๆ“เฮ้อ…” ผมเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงาน“เข้ามา”จ่าแชมป์โผล่หน้าเข้ามา “สารวัตร ผมมีข่าวบางอย่าง”ผมเลิกคิ้ว “ข่าวอะไร?”“คนของเราสืบมาให้แล้วครับ…” จ่าแชมป์ส่งแฟ้มเอกสารให้ผม “คุณไซโคลนอยู่ที่ญี่ปุ่นจริง ๆ และดูเหมือนเขาจะตั้งใจอยู่ที่นั่นอีกนาน”ผมนิ่งไป ก่อนจะเปิดแฟ้มออกดู รายละเอียดที่ระบุอยู่ตรงหน้ามันชัดเจนจนผมปฏิเสธไม่ได้และมีรูปที่ไซโคลนไปไหนมาไหนกับริวอย่างสนิทสนม…ใจผมคล้ายๆ มีอะไรหนักๆ กดทับไว้จนเจ็บผม… กำลังจะเสียเขาไปแล้วจริง ๆ
…ไซโคลน Talk…ผมไม่ได้หลบหน้าเล่น ๆ แต่ผมเอาจริงหลังจากวันนั้น ผมไม่ได้ติดต่อกลับไปหาสารวัตรอีกเลย ไม่มีการส่งกาแฟ ไม่มีการไปหา ไม่มีแม้แต่ข้อความทิ้งไว้เหมือนทุกทีผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดื้อรั้นและไม่เคยยอมแพ้ แต่ครั้งนี้… บางทีผมอาจต้องเป็นฝ่ายปล่อยมือจริง ๆตอนแรกมันก็ยากอยู่หรอก กว่าจะห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึง ไม่ให้เผลอกดโทรหาหรือส่งข้อความไป ผมต้องข่มใจตัวเองอยู่หลายครั้ง ต้องดื่มให้หนักขึ้น ต้องเอางานมากลบความคิด แต่สุดท้ายแล้ว… มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักทุกคืนก่อนนอน ผมยังคงเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หวังว่าบางทีสารวัตรอาจจะเป็นฝ่ายส่งข้อความมาก่อน หรืออย่างน้อยอาจจะมีมิสคอลสักสายแต่ไม่มีเลย…เหมือนเขาหายไปจากชีวิตของผมโดยสมบูรณ์ผมเอนตัวพิงกระจกห้องพักโรงแรมในโตเกียว มองแสงไฟของเมืองที่ยังคงสว่างไสว ทว่าความเงียบในห้องมันกลับกดดันผมยิ่งกว่าความวุ่นวายข้างนอกผมคิดถึงสารวัตร…คิดถึงคนที่เอาแต่ทำหน้าเรียบเฉยเวลาถูกแหย่ คิดถึงคนที่บ่นว่าผมกวนประสาทแต่ก็ยังยอมให้มากวนอยู่ทุกวันผมไม่ได้อยากหนีมาไกลขนาดนี้หรอก แต่ผมรู้ว่า ถ้ายังอยู่ที่เดิม ผมคงไม่มีวันอดใจไม่ไหวแล้วกระโจนไปหาเขาอีกตาม
…สไนเปอร์ Talk…ไซโคลนไม่ได้พูดเล่น เขาเอาจริงหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้รับข้อความหรือสายโทรศัพท์จากไซโคลนอีกเลย ไม่มีการแวะมาหา ไม่มีใครส่งกาแฟมาให้ที่โรงพักตอนเช้า และแน่นอน… ไม่มีใครมารอผมเลิกงานอีกเลยผมคิดว่าตัวเองควรจะโล่งใจ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหรอ? ผมอยากให้ไซโคลนออกไปจากชีวิต อยากให้ไซโคลนอยู่ห่างจากปัญหาทั้งหมด เขาอยากปกป้องไซโคลนจากความวุ่นวายนี้…แต่ทำไมมันถึงรู้สึกไม่ใช่แบบนั้นวะ?ในช่วงแรกผมพยายามไม่คิดอะไรมาก มันก็ดีแล้วที่เขาได้ไปใช้ชีวิตปกติของตัวเอง ไม่ต้องมาลำบากกับผมแต่พอผ่านไปเป็นอาทิตย์ ไซโคลนก็ยังไม่ติดต่อมา“หมอนั่นคงจะลืมฉันไปแล้วจริง ๆ” ผมพึมพำช่วงเวลาที่ไม่มีไซโคลนอยู่รอบตัว ทำให้รู้ว่า… ชีวิตของผมขาดอะไรบางอย่างไปจริง ๆไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าที่ปกติจะมีกาแฟจากร้านประจำส่งมาให้พร้อมโน้ตแซว ๆ จากไซโคลน หรือแม้แต่ช่วงเย็นที่ผมมักจะเจอเขามานั่งรออยู่ในห้อง พอไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว วันเวลาของผมกลับดูเงียบเหงาอย่างน่าประหลาดผมทำงานเหมือนเดิม ใช้ชีวิตแบบเดิม ออกไปสืบคดีเหมือนเดิม แต่กลับรู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันผิดแปลกไปหมด“สารวัตร… คุณโอเคหรือเปล่า?”เส