"ไลลาไม่ได้ตั้งใจ..." เสียงหวานเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัวในท่าทีของรุ่นพี่หนุ่มรวมถึงตั้งใจอยากที่จะอธิบายให้อีกคนได้รู้ ทว่า...คนตัวสูงที่ยืนคร่อมร่างเล็กอยู่ก็ไม่คิดสนใจ "ทำไม อยากได้ฉันมากนักเหรอ" ดวงตาคมจ้องมองถามคนตัวเล็ก "พะ พี่คามิล...มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ" "ครั้งเดียวไม่พอใจใช่ไหม" ปากหนายังคงถาม "มะ ไม่ใช่นะคะ พี่คามะ..." ไม่รอให้ริมฝีปากบางได้พูดจบ "ถ้าอยากได้ฉันนัก ฉันก็จะสนองให้..."
View More1 คามิล
ตึก
ตึก
เสียงสองเท้าหนักของชายวัยยี่สิบสี่เจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรใส่สูทท่าทีสุขุมสาวเท้าเดินถือแท่งเหล็กแกร่งตรงเข้าไปยังชายวัยกลางคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ภายในห้องมืดเก็บเสียง
"ฮ ฮึก อยะ อย่าทำอะไรผมเลย" ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นไหว้ยังคนที่เข้ามาใหม่โดยที่ไม่สามารถที่จะเห็นหน้าอีกคนได้ชัดเนื่องจากหยดเลือดนั้นได้บดบังสายตาของเขาไปจนหมดทำให้ไม่สามารถที่จะโฟกัสคนตรงหน้าได้ คนตัวสูงที่ค่อย ๆ เดินเข้าไปก็ชะงักนิ่งหยุดเดินก้มลงมองไปยังคนที่ยกมือขึ้นไหว้เขาไม่หยุดนิ่งแววตาไร้ความรู้สึก ซึ่งในขณะนั้นเองชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ทันทีก่อนที่จะเบิกตากว้างขึ้นมาสุดขีด
"ค คุณคามิล..."
ผลั้วะ!
ไม่รอช้าให้คนตรงหน้าได้เอ่ยปากพูดอะไร แท่งเหล็กในมือแกร่งก็จัดการฟาดลงไปยังใบหน้าของชายวัยกลางคนทันทีสุดแรงจนใบหน้านั้นนองเลือดฟุบสลบไปยังพื้นห้องที่เต็มไปด้วยความมืด
"..." ดวงตาคมของร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเย็นชาเลื่อนสายตาก้มลงมองยังสภาพของคนที่นอนอยู่ด้วยแววตาไร้ความรู้สึกก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมายังลูกน้องคนสนิทโดยที่ยังคงมีหยดเลือดไหลติดอยู่ตามแท่งเหล็กในมือ
"จัดการที่เหลือ" เสียงทุ้มนิ่งเอ่ยบอก
"ครับ" ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับรู้ในคำสั่งก่อนที่ดวงตาคมนัยน์ตาสีเทาตามแบบฉบับลูกครึ่งไทย-เยอรมันจะผละสายตาออกจากใบหน้าของคนตรงหน้าพร้อมกับปล่อยแท่งเหล็กในมือที่เต็มไปด้วยเลือดสีเข้มโยนลงบนพื้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เคร้ง!~
เสียงแท่งเหล็กกระทบลงบนพื้นอย่างจังสร้างเสียงดังออกมา ทว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเย็นชาก็ไม่คิดสนใจค่อย ๆ สาวเท้าเดินออกจากบริเวณห้องมืดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกแววตาเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยากจะคาดเดาในความคิดและความรู้สึกของร่างสูง ซึ่งขณะที่สองเท้าหนักกำลังเดินอยู่นั้น
ครืดดดด ~
เสียงโทรศัพท์ของคามิลก็ดังขึ้นทำให้มือหนาเลื่อนลงไปหยิบโทรศัพท์ราคาแพงขึ้นมามอง
มาร์
ติ้ด
"อืม"
(คามิล อยู่ไหน...)
(...วันนี้ขึ้นวอร์ดแผนกจิตเวชนะ อย่าลืม)
"รู้แล้ว"
(โอเค งั้นมาร์ไม่กวนแล้ว ถ้าพักเบรกแล้วเดี๋ยวมาร์โทรหานะ)
"อือ" สิ้นเสียงทุ้มนิ่งตอบกลับ ปลายสายก็ไม่เซ้าซี้ถามอะไรอีกคนต่อเลือกที่จะกดตัดสายไปตามปกติ เช่นเดียวกับคนตัวสูงที่จัดการกดปิดโทรศัพท์หรูเดินตรงออกไปยังด้านนอกด้วยสีหน้าเยือกเย็นไม่แสดงความรู้สึก
อีกด้าน
"ปะป๊า..." เสียงหวานของร่างบางเอ่ยอ้อนคนเป็นพ่อขึ้นดังไปทั่วโต๊ะอาหารที่นั่งกินข้าวกันอยู่
"ไม่ก็คือไม่ ไลลา" ธามตอบกลับลูกสาวตัวเล็กของตัวเองเสียงนิ่งเมื่ออีกคนพยายามที่จะอ้อนขอย้ายออกไปอยู่คอนโดตามลำพัง
"ปะป๊าใจร้าย..." เจ้าของใบหน้าใสดวงตากลมโตราวกับบาร์บี้เอ่ยพร้อมกับรีบหันไปขอความช่วยเหลือจากวาวาคนเป็นแม่
"...หม่ามิ๊~"
"หม่ามิ๊ก็ช่วยเรื่องนี้ไม่ได้ ปะป๊าไม่เห็นด้วย" ชายวัยกลางคนมองหน้าบอกลูกสาวเสียงเข้ม ปกติแล้วธามจะเป็นคนตามใจไลลามากกว่าใคร เพราะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา เนื่องจากเขามีลูกทั้งหมดสามคนซึ่งก็คือแทนไทเป็นลูกชายคนโต แล้วก็ไลลาลูกสาวที่นั่งอ้อนงอแงใส่เขาอยู่ แล้วคนสุดท้ายก็คือไทก้าลูกชายคนเล็กที่นั่งกินข้าวในจานตัวเองอยู่เงียบ ๆ
"พี่ธาม..." เสียงหวานใสของวาวาทำท่าจะเอ่ยช่วยลูกสาวพูด ทว่าก็ต้องชะงักนิ่งไปเมื่อเจอแววตาคมกริบของคนรัก
"ไม่ก็คือไม่ เรื่องนี้พี่ไม่เห็นด้วย"
"ตะ แต่..."
"วาวา ไม่ก็คือไม่" เจ้าของใบหน้าหล่อของชายวัยกลางคนมองหน้าบอกแม่ของลูกเสียงเข้มทำเอาวาวานั่งเงียบไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีกอย่างรู้ดีในความหวงลูกสาวของอีกคน
"เฮ้อ" หญิงวัยกลางคนได้แต่ถอนหายใจมองหน้าคนเป็นลูกช่วยอะไรไม่ได้ เพราะรู้จักในนิสัยของพ่อของลูกดี ธามเวลาใจดีก็คือใจดี แต่ถ้าเมื่อไรที่ดุขึ้นมา...วาวาเองก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เช่นกัน
"ไลลาไม่รักปะป๊าแล้ว ปะป๊าใจร้ายไม่เข้าใจไลลา" พูดจบ ร่างบางเจ้าของใบหน้าใสก็เบะปากงอแงเอาแต่ใจใส่ชายวัยกลางคนราวกับเด็กก่อนจะเดินปึงปังแสดงความงอแงอย่างชัดเจนสาวเท้าเดินตรงขึ้นไปยังภายในห้องนอนตัวเองทันทีโดยมีสายตาของทุกคนที่มองตามแผ่นหลังเล็กด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน ไทก้ารู้สึกชินเลยเฉย ๆ ขณะที่วาวารู้สึกสงสารปนเอ็นดู เช่นเดียวกับธามที่ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมากับความงอแงของลูกสาว เขาไม่ได้อยากที่จะขัดใจคนตัวเล็ก แต่การที่จะปล่อยให้ไลลาออกไปใช้ชีวิตคนเดียว เขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้กับความดื้อตาใสและความใสซื่อทันคนบ้างไม่ทันคนบ้างของไลลา เขาจึงต้องพยายามใจแข็งไม่ยอมให้ลูกสาวได้ย้ายออกไปอยู่คอนโดตามที่เธอต้องการ
"...เริ่มเลย" ทันทีที่เรียวปากหนาพูดจบ มือบางก็จัดการผลักร่างแกร่งของสามีให้ล้มลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่ก่อนที่เธอจะรีบกระโดดเข้าไปขึ้นคร่อมร่างหนา ไม่รอช้าที่จะก้มลงไปซุกไซ้เข้าที่ซอกคอสามีพร้อมทั้งใช้มือที่ว่างอยู่จัดการถอดเสื้อผ้าของคนใต้ร่างออก คามิลที่นอนมองการกระทำของหญิงสาวก็อดที่จะรู้สึกวูบวาบพอใจไม่ได้ เพราะไลลาไม่เคยแสดงความร้อนแรงแบบนี้ใส่เขามาก่อน พอได้เห็นภรรยาตัวเล็กที่หน้าตาไม่ต่างจากบาร์บี้มีชีวิตทำ ความพลุ่งพล่านก็ปะทุอยู่ในร่างกายของหมอมาเฟียอย่างไม่น่าเชื่อลิ้นเล็กสอดแทรกเข้ามายังปากหนาของสามีตัวสูงพร้อมกับซุกซนจนคนที่นอนอยู่ทนไม่ไหวต้องจูบตอบกลับด้วยความเร่าร้อนหนักหน่วง"อื้อออ~" ทั้งสองต่างแลกลิ้นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ไลลาจะรู้สึกได้ความแข็งตึงจากอะไรบางอย่างที่เธอกำลังนั่งทับอยู่ตรงนั้นของเขายังคงไวต่อความรู้สึกเหมือนเคย..."ถอดกางเกงให้พี่หน่อย" เจ้าของใบหน้าหล่อเอ่ยบอกภรรยาน้ำเสียงกระเส่า ซึ่งมือเล็กก็ทำตามอย่างที่พ่อของลูกบอกทันที โดยขณะที่หญิงสาวกำลังใช้มือถอดกางเกงที่อีกคนสวมใส่อยู่ มือหนาของอีกคนที่นอนอยู่ก็เคลื่อนเข้ามาลูบยังหน้าท้องแบนราบของร่างเล็ก
@อิตาลีครืดดด ~เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ไกลดังขึ้นทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อที่เพิ่งกลับมาจากการประชุมงานเดินเข้าไปหยิบขึ้นมากดรับสายติ้ด(ไงคะพี่คามิล เลี้ยงลูกได้ไหม) เสียงหวานจากปลายสายเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง หลังจากตกลงกันว่าคามิลจะพาไลลากับลูกน้อยมาคุยงานด้วยที่อิตาลีเพื่อเป็นการพักผ่อนไปด้วยในตัว วันนี้คนตัวสูงจึงปล่อยให้แม่ของลูกได้ออกไปเที่ยวเล่นช็อปปิงตามประสา โดยมีเขาเป็นคนอาสาที่จะเลี้ยงลูกน้อยแทนเอง"เลี้ยงได้" เจ้าของใบหน้าหล่อเอ่ยพร้อมกับอุ้มลูกน้อยวัยทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่กี่เดือนขึ้นมาอุ้มไว้แนบอกแกร่ง(จริงนะ ให้ไลลารีบกลับไปช่วยดูไหม)"ไม่เป็นไร หาความสุขใส่ตัวไปเถอะ เรื่องลูกไม่ต้องห่วง พี่เลี้ยงได้" เรียวปากหนากรอกเสียงบอกปลายสาย(โอเค แต่ถ้ามีอะไรหรือเลี้ยงไม่ไหว โทรหาไลลาได้ตลอดเลยนะคะ)"อืม"(งั้นไลลาขอไปช็อปปิงต่อก่อนน้าาา~)"..." ร่างสูงเผลอยิ้มออกมากับเสียงใสที่ยังคงสดใสอยู่ตลอดเวลาของภรรยา นิ้วแกร่งกดตัดสายไปก่อนจะก้มลงเล่นกับลูกชายตัวเองที่นอนกินนมอยู่บนอ้อมแขนหนาของเขาเด็กน้อยนอนมองหน้าคนเป็นพ่อตาใสไม่รู้เรื่องพร้อมกับปากที่ยังคงดูดกินขวดนมอย่าง
หนึ่งปีผ่านไป...ตึกตึกเสียงสองเท้าหนักของหมอหนุ่มในชุดสูทสุขุมเดินตรงออกไปจากบริเวณคลินิกของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งท่ามกลางเหล่าพยาบาล พนักงานในคลินิกที่ต่างผงกหัวทักทายเจ้านายสุดหล่อเจ้าของใบหน้าเย็นชา ทว่าในตอนนั้นเองครืดดด ~ โทรศัพท์ราคาแพงของร่างสูงดังขึ้นขณะที่เขากำลังเดินอยู่ทำให้ดวงตาคมก้มลงไปมองธนาติ้ด"อืม"(คุณคามิลครับ จะแวะเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยเลยไหมครับ)"อืม เดี๋ยวเข้าไป"(ครับ) หลังจากที่คุยกับลูกน้องคนสนิทเสร็จ หมอหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะเดินตรงไปยังรถสปอร์ตราคาแพงของตัวเองขับเคลื่อนออกไปด้วยความรวดเร็วเอี๊ยด!ไม่นานสปอร์ตสีเทาดำคันใหม่ที่เพิ่งถอยออกมาได้ไม่นานก็ถูกขับเข้ามาจอดยังบริเวณใต้ตึกอาคารขนาดใหญ่พร้อมกับมีเหล่าการ์ดมากมายที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูรีบก้มหัวทักทายแก่เจ้านายตัวสูงที่เพิ่งมาถึง"สวัสดีครับคุณคามิล" เสียงธนาเดินเข้ามาทักทายเจ้านายอีกครั้ง"..." คามิลก็พยักหน้ารับรู้ใช้มือหนาเลื่อนลงไปติดกระดุมเสื้อสูทของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเดินตรงเข้าไปยังด้านในตึกอาคารขนาดใหญ่ที่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจของเขา ทว่าธุรกิจนี้มันไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่หลายคนรู
สองเดือนผ่านไป..."มึนหัวจัง..." เสียงหวานของร่างเล็กพึมพำออกมาขณะที่กำลังยืนทำอาหารอยู่ภายในห้องครัวขนาดใหญ่ ไลลามีสีหน้าที่รู้สึกไม่ดีบอกไม่ถูกกับอาการบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในร่างกายของตัวเอง ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ หญิงสาวมักจะมีอาการมึนหัว รวมถึง..."ทำไมวันนี้กลิ่นอาหารไม่ค่อยดีเลย" เรียวปากบางอมชมพูเอ่ยก่อนจะรู้สึกทนไม่ไหวรีบสาวเท้าเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลเพื่อที่จะอาเจียนออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียวหมดแรง"ปะ...เป็นอะไรไปเนี่ย" เจ้าของใบหน้าเรียวใสเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกไม่ดี ทว่าในตอนนั้นเอง"ลลิดา" เสียงทุ้มคุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นทำให้คนตัวเล็กพยายามทำตัวเป็นปกติพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงของตัวเองลุกขึ้นปรับสีหน้าให้ดูยิ้มแย้มอย่างเคยเดินออกจากห้องน้ำคอนโดหรู"กลับมาแล้วเหรอคะ" ร่างบางเดินยิ้มหวานเข้าไปเอ่ยถามยังสามีป้ายแดงของเธอหลังจากที่แต่งงานกันมาได้เข้าเดือนที่สอง"อืม พี่เข้ามาเห็นแก๊สเปิดอยู่แต่ไม่เจอเธอเลยเรียกหาดู""ไลลาอยากเข้าห้องน้ำกะทันหันน่ะค่ะ""..." คามิลพยักหน้ารับรู้พร้อมกับมองหน้าภรรยาตัวเล็กนิ่ง"พะ พี่คามิลมีอะไรหรือเปล่า""ทำไมวันนี้หน้าซีด ๆ " เจ
หนึ่งเดือนต่อมา...หมับ!เสียงมือเล็กแอบย่องเข้าไปสวมกอดเข้าที่เอวหนาของแฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังยืนทำอาหารเช้าอยู่ด้วยรอยยิ้มหวานสดใส"เอ๊ะโอ~ วันนี้คุณพ่อบ้านทำอะไรให้หมูน้อยทานคะ" เรียวปากบางอมชมพูเอ่ยถาม"ข้าวผัดปูกับไข่เจียวหมูสับ""ว้าว รู้ใจจังเลย รู้ได้ไงคะว่าไลลาอยากกิน""เธอละเมองอแงใส่พี่มั้ง" เจ้าของใบหน้าหล่อตอบกลับอย่างประชดใส่คนตัวเล็ก เพราะเมื่อคืนก่อนนอน ร่างบางเอาแต่พูดกรอกหูเขาว่าอยากจะกินข้าวผัดปูกับไข่เจียวหมูสับ"ชิ!" คนตัวเล็กทำหน้ายู่ออกมาพร้อมกับผละมือเล็กออกจากเอวแกร่ง เดินตรงเข้าไปยังบริเวณที่มีแซนด์วิชหน้าตาน่ากินวางอยู่ มือบางไม่รอช้าที่จะหยิบแซนด์วิชนั้นขึ้นมากัดกินด้วยสีหน้ามีความสุข คามิลที่กำลังยืนทำอาหารอยู่ก็ได้แต่ลอบยิ้มออกมากับความน่ารักของแฟนตัวเล็กที่ทุกครั้งไม่ว่าจะกินอะไรก็จะยิ้มหวานตาหยีมีความสุขอยู่ตลอด รวมถึงแซนด์วิชที่เขาตั้งใจทำไว้เพื่อให้คนตัวเล็กได้หยิบกินระหว่างรออาหารหลักจากเขาอยู่ใช้เวลาไม่นาน นักศึกษาแพทย์หนุ่มก็ทำอาหารทุกอย่างเสร็จนำลงไปใส่จานเดินเข้าไปวางไว้ให้ร่างเล็กอย่างที่มักจะทำให้อยู่เป็นประจำ ทว่า..."ทำไมวันนี้เสื้อถึงได้รัด
@โรงแรมเมื่อกินอาหารเสร็จ ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายกลับมายังห้องพักของตัวเอง โดยไลลาเองก็รีบเดินเข้าไปจัดการอาบน้ำชำระล้างความเหนียวตัวอยู่พอสมควรจากอากาศร้อนที่อบอ้าวอยู่ไม่น้อย ซึ่งใช้เวลาไม่นาน สองเท้าเล็กก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าท่าทีสบายตัวในชุดนอนสีหวานตัวเก่ง ทว่าเดินออกมาได้ไม่นาน ดวงตากลมโตก็ต้องชะงักไปหลังจากที่เหลือบไปเห็นแฟนหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งไขว่ห้างจ้องมองหน้าเธอนิ่ง สวมใส่เพียงแค่กางเกงสแล็กส์สีดำเผยให้เห็นหน้าท้องกำยำไร้สิ่งปกปิด"พี่คามิล ถอดเสื้อทำไมคะ แอร์เย็นนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก" เรียวปากเล็กเอ่ยถามขึ้นอย่างคนไม่รู้เรื่องในเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ร่างเล็กสาวเท้าเดินตรงเข้าไปยังบริเวณโต๊ะเครื่องแป้งหมายจะทาครีมราคาแพงลงบนใบหน้าใส แต่แล้วก็ต้องถูกมือหนาของคนที่นั่งอยู่เอื้อมเข้าไปคว้าร่างเล็กเข้าหาตัว"อ๊ะ...อะไรคะเนี่ย" ดวงตากลมโตมองหน้าถามแฟนตัวสูงขึ้นสีหน้างุนงงสงสัย"ลืมจริง หรือแกล้งเนียน""คะ?" ไลลาถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจกว่าเดิม เพราะวันนี้เธอมัวแต่มีความสุขไปกับการกิน การทำนั่นทำนี่ จนลืมบางอย่างไปเสียสนิท"ลืมจริงสินะ" คามิลเอ่ยพึมพำขึ้น
Comments