แชร์

บทที่ 4 ตัวตนของเขา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-10 20:38:30

ครั้นเมื่อถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเฟิงจางจิ้งเห็นทิวทัศน์แปลกตาราวกับว่าไม่ได้มาที่นี่เสียนาน หลายแสนปีมาแล้วที่นางจากเมืองสุขาวดีสู่พงไพรขจีวนา[1]จึงไม่รู้สึกยินดีเท่าใดนักที่ต้องกลับมาที่นี่

จื่อจิงคอยประคับประคองเฟิงจางจิ้งอย่างระมัดระวัง

'เสี่ยวจิ้ง' เสียงเรียกของประมุขสวรรค์ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงผู้มีเกศาสีเงินประดับด้วยกวานเงินลวดลายมังกร[2] สวมชุดสีขาวทั้งร่าง สง่างาม ปกคลุมด้วยไอเซียนรัศมีอบอุ่นแผ่กำจาย

'คำนับเทียนจวิน' เฟิงจางจิ้งย่อตัวคำนับเล็กน้อยตามธรรมเนียม จื่อจิงเองก็เช่นกันแม้ว่านางจะเป็นสาวใช้แดนมารแต่ก็เป็นสาวใช้ที่มาจากชนชั้นสูงรู้ธรรมเนียมปฏิบัติทั้งแดนเซียนและแดนมารอย่างถี่ถ้วน

'ตำหนักเหม่ยฮวาของเจ้า พี่ยังให้สาวใช้มาปัดกวาดเช็ดถูอยู่เสมอ เจ้าเดินทางมาไกลคงเหนื่อยมาก พักผ่อนเถิดแล้วพลบค่ำค่อยมาพบพี่ที่ตำหนักต๋าเทียนกง' เฟิงหวังเหล่ยกล่าวอย่างเป็นกันเอง

เฟิงจางจิ้งเอ่ยกับเขาราวกับเขาเป็นคนนอกทั้งๆที่พวกเราก็ต่างเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด สมัยก่อนยังพูดคุยวิ่งเล่นและปรึกษาเรื่องส่วนตัวกันอย่างไม่มีปิดบัง ผิดกันกับตอนนี้ เหตุใดนางถึงได้ทำท่าทีราวกับรังเกียจเขา

'ขอบพระทัยเพคะ ' นางตอบอย่างสำรวมก้มโค้งคำนับอีกครั้ง ก่อนจะค่อยค่อยถอยออกไปไม่แม้แต่จะพูดคำอื่นใดอีก

            เมื่อเดินมาจนเข้าเขตตำหนักของตนจึงปลดผ้าแพรขาวออก ตำหนักนี้เมื่อยังวัยเยาว์นางอาศัยอยู่กับพี่เลี้ยงของนางนามว่า 'ผานเยว่ถิง' ปีนั้นเฟิงหวังเหล่ยใกล้จะเข้ารับตำแหน่งเทียนจวินแล้ว จึงมิค่อยมีผู้ใดใส่ใจนางนัก นางยังไปๆมาๆอยู่ระหว่างสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากับสถานที่ฝึกตน ห้องของนาง สิ่งของทุกอย่างถูกทำความสะอาดอย่างดีเหมือนเพิ่งเมื่อวานนี้เองที่นางตัดสินใจออกจากที่นี่โดยไม่หันหลังกลับมา

ครั้งนี้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเร็วจนนางไม่ทันยั้งคิด ไม่ทันรู้ตัว

'จื่อเออร์' 

'เพคะ' 

'ข้าอยากได้ชาหวงเหมยกุ้ย' นางนึกถึงรสชาเมื่อวันวานที่ได้ดื่มรวมกับท่านประมุขของจื่อจิง ประมุขท่านนั้นเขาเป็นประมุขเมืองใดกัน ระหว่างที่อยู่วังของเขาเอาแต่สวมผ้าแพรปิดตาอยู่ตลอด จึงมิอาจหยั่งรู้ได้ว่าคือเมืองใดอีกทั้งกักตนอยู่ในหุบเขาสิ้นชีวาอยู่นาน ต่อให้เห็นแต่ไม่อาจนึกได้ว่าคือเมืองใดอยู่ดี เพียงสงสัยว่าเขาย่อมต้องเป็นประมุขเมืองใดในแดนมารแน่นอน

'เชิญท่านเซียนเจ้าค่ะ' จื่อจิงนำชาหวงเหมยกุ้ยรินใส่ถ้วยลายวิหคเพลิงอย่างประณีตแล้วยื่นให้แก่เซียนหญิง

'จื่อเออร์ ท่านประมุขของเจ้าครองแดนใดอยู่หรือแล้วเจ้ามาจากเผ่าอะไร' 

'จื่อจิงมาจากเผ่าวิหคเพคะ ท่านประมุขของข้าครองอยู่แดนโลกันตร์อีกชื่อหนึ่งที่ทุกคนต่างทราบกันดีคือนรกอเวจีเพคะ '

เคร้ง เสียงถ้วยชาล่วงหล่นจากมือของเฟิงจางจิ้งอย่างแรง ประมุขผู้นั้นเขาเป็นจอมมารหรือนี่! นางเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้วถึงการได้รับการแต่งตั้งประมุขมารของเขาเพราะปีนั้นเขาได้รับการแต่งตั้งไล่เลี่ยกับพี่ชายของนางเทียว หากจะให้สาธยายถึงความสลับซับซ้อนของดินแดนทั่วทั้งสีทะเลแปดดินแดนเกรงว่าพูดทั้งวันก็ยังคงเล่าไม่หมดกระมัง

'จอมมารผู้นั้นก็คือเผ่าวิหคด้วย?'

'เพคะ ท่านประมุขมาจากเผ่าวิหคเพลิงเพคะ เคยมีคำกล่าวที่ว่า แม้นสูญสลายมลายสิ้นสู่พสุธา วิหคเหินสู่ฟ้าคืนกสิณ[3] คือท่านประมุขเพคะ' นางพิเคราะห์บทกลอนนั้นแล้วยังไม่เข้าใจอยู่หลายส่วน 

ไม่ว่ามนุษย์หรือเทพเซียนก็ต่างมีเพียงชีวิตเดียวมิใช่หรือ?

 ในโลกนี้ไหนเลยความนิรันดร์จะคงอยู่ตลอดไป?

'เช่นนั้นเอง เหตุใดเจ้าถึงภักดีกับเขาเช่นนี้ มิคิดจะเดินวิถีเซียนบ้างหรือจื่อเออร์'

'ข้าโชคดีที่มีท่านประมุขเป็นผู้ปกครองดินแดน เขาปกครองด้วยความยุติธรรมและเที่ยงธรรมเพคะ แม้ว่าเราจะขึ้นชื่อว่าเป็นมารแต่มารย่อมมีคุณธรรมได้ ท่านประมุขกล่าวเช่นนั้นเพคะ เรื่องของวิถีเซียนข้าคิดว่าไม่เหมาะกับข้าสักเท่าใด ข้าไม่เชื่อในกฎเกณฑ์และกฎเกณฑ์จะสำคัญอย่างไรหากเราปฏิบัติตนโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น วิถีเซียนของพวกท่านกฎเกณฑ์มากมาย บางเรื่องข้ายังเห็นว่าไม่จำเป็น' เฟิงจางจิ้งพอจะเข้าใจอยู่หน่อยถึงทรรศนะที่แตกต่างอย่างหนึ่งที่นางเห็นคือพี่ชายของนางผู้เดินวิถีเซียนกลับมีสนมมากมาย มากรัก หลายใจ ผิดกับประมุขมารผู้นั้นแม้แต่สนมสักคนก็ยังไม่มีและมีที่ไหนแค่เห็นนางน่าสนใจกลับฉุดนางกลับวังตนเองถึงเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็ส่งเทียบมาสู่ขอตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว

อืม เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เขาก็มีความจริงใจอยู่มาก แม้ข้าจะไม่ชมชอบในวิถีมารสักเท่าใดนัก แต่ขอเพียงเขาแสดงความจริงใจ ข้าอาจยอมตบแต่งกับเขา..

'เอาเถอะ เพลานี้ก็ใกล้พลบค่ำเต็มทีช่วยข้าเลือกชุดและเครื่องประดับที่ ข้าต้องเข้าพบเทียนจวินค่ำนี้' ข้าสั่งจื่อจิงเสร็จก็หันหน้าเข้าคันฉ่องบานใหญ่ค่อยค่อยแต่งแต้มเครื่องประทินโฉมโทนอ่อนพอเหมาะ

'เพคะ' ไม่รู้ว่าเข้าวังครั้งนี้จะได้เจอเทียนโฮ่ว[4]ท่านนั้นไหม 'หนานอี้หรงเซียน' ข้าไม่ชอบเทียนโฮ่วผู้นั้น ผู้มาจากเผ่าจิ้งจอก เจ้าเล่ห์เพทุบาย เพราะนางจิ้งจอกผู้นั้นทำให้ผานเยว่ถิงต้องถูกขังอยู่ในคุกน้ำแข็งหลายแสนปี 

เพราะนางทำให้เกิดเรื่องร้ายมากมาย..

[1] เปรียบเปรยถึงการปลีกวิเวกออกจากแดนเซียน

[2] กวาน  คือ สิ่งที่ชนชั้นสูงชาวจีนในสมัยโบราณใช้สวมครอบบนศีรษะ เพื่อเป็นเครื่องบอกระดับประดับพระยศพระเกียรติ

[3] เปรียบเปรยว่า ไม่มีวันดับสูญ แม้ดับสูญก็กำเนิดขึ้นมาอีกได้

[4] เทียนโฮ่ว คือ พระอัครมเหสีของจักรพรรดิสูงสุดแดนเซียน(เทียนจวิน)

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 19 กระบี่เฟิงจางจิ้ง

    หลายๆวันมานี้ท่านเซียนหญิงเฟิงจางจิ้งและเสวี๋ยอิงต่างทำหน้าที่ดูแลพวกข้าได้อย่างดีเยี่ยม วิชาเซียนของพวกเขาทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นเทพเซียนที่แท้ ข้ายังคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เสมอมิรู้ว่าเลื่อนขั้นไปถึงไหนกันแล้ว เสวี๋ยอิงคนนั้นยามอยู่กับเฟิงจางจิ้งเซียนเพียงลำพังแสนแตกต่างกับตอนที่พูดคุยกับพวกข้าอย่างมากข้าสังเกตเสวี๋ยอิงตั้งแต่วันเเรกจนวันสุดท้ายสรุปความได้ว่า เสวี๋ยอิงคนนี้เป็นวิหคเหมันตกาลโดยแท้ นับถือวิถีเซียนเคร่งครัด และที่สำคัญเขารักของเฟิงจางจิ้งเซียนสหายของข้าอย่างแท้จริง ข้ากับเฟิงจางจิ้งเซียนตกลงกันไว้ว่าหลังจากจบการฝึกปรือครั้งนี้จะรับข้าเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงในวังสวรรค์'ความพยายามของพวกเจ้า เปิ่นจวินเห็นแล้วว่าสมควรแก่เวลา กระบี่ของผู้ใดจะกลับคืนสู่เจ้าของ' หลงลี่เสกกระบี่อันทรงฤทธิ์ที่ส่องแสงเรืองรองและส่งคืนสู่เซียนผู้เป็นเจ้าของ กระบี่เหล่านั้นลอยกลับมาอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเจ้าของ'กระบี่มีจิตวิญญาณของมัน ผู้เป็นเจ้าของต้องตั้งชื่อด้วยก่อนจะเซ่นกระบี่ด้วยเลือด''ขอรับ! เจ้าค่ะ! ซือฝุ' เซียนสตรีและเซียนบุรุษทั้งหกขานรับ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 18 รักครั้งเก่า

    'เสวี๋ยอิง เฟิงจางจิ้งเซียนฝากข้ามาตามท่านไปที่เรือนไผ่ด้านหลัง' เรือนไผ่ด้านหลังที่ว่า อยู่ริมธารน้ำตกที่ข้าใช้วิชาสนทนากับหวังเยี่ยนเกอเรือนไผ่นั่นดูเหมือนจะเป็นเรือนไผ่ที่ท่านเซียนเนรมิตขึ้นมาเพราะตอนที่ข้าไปไม่เห็นจะมีเรือนไผ่อยู่พลังเซียนของเฟิงจางจิ้งเซียนเหนือชั้นกว่าเซียนคนอื่นมากอย่างข้าคงเสกได้เพียงแค่เก้าอี้หนึ่งตัวกับวิชาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยที่หวังเยี่ยนสอนก็เท่านั้น'รบกวนแม่นางช่วยนำทางไปที' เขากล่าวเสียงเรียบพลางสะบัดชายผ้าขาวอย่างอ่อนโยนยามอยู่ใกล้เขารู้สึกหนาวเหน็บจริงสมแล้วที่เป็นถึงวิหคหิมะ'ตามข้ามาเถิด' เขาเดินตามข้าอย่างสงบเสงี่ยมจริงแท้หรือวิสัยของพวกวิหคหิมะเป็นเช่นนี้เอง แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เคร่งครัดวิถีเซียน'ขอบคุณที่มาส่ง''ไม่ต้องเกรงใจ พวกท่านสูงส่งกว่าข้า ข้าย่อมยินดีช่วย' เขาพยักหน้ารับเงียบๆแล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่เฟิงจางจิ้งเซียนนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ พูดได้ว่าน่าเอ็นดู ข้าแอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหาที่เหมาะๆสักที เสกกาน้ำชาหนึ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 17 คนแซ่เสวี่ย

    บรรดาเหล่าเซียนยืนเรียงกันเป็นสองแถวแบ่งแยกสตรีและบุรุษเพียงแค่โดดลงเหวก็ตกลงมาโผล่ที่หุบเขาไท่ซาน ไม่คิดว่าหุบเขาแห่งนี้จะยังมีสำนักที่คล้ายสำนักสงฆ์อยู่ เบื้องหน้ามีเสามังกรสีเหลืองอร่ามสลักรูปปั้นมังกรสามหัวขนาดยักษ์มันถูกตั้งไว้กลางโถง ช่างเสมือนจริงเหลือเกิน..'เสวี๋ยอิงคารวะท่านอาจารย์' ชายหนุ่มหัวขาวก้มโค้งคำนับต่อหน้ารูปปั้นมังกรสามหัวอาจารย์ที่ไหนกันไม่เห็นจะมีใครสักคน เฟิงจางจิ้งคิด'ถือว่ามีฝีมือ ส่วนคนอื่นยังต้องฝึกอีกมาก' ร่างมังกรสามหัวแปรเปลี่ยนเป็นบุรุษสามคน หน้าตางดงาม สวมชุดฮั่นฝูสีดำ รูปร่างแกร่งกำยำ มองแค่ตาเปล่าก็สัมผัสได้แล้วว่าปราณเซียนของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใดข้ายังเคยได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งสามเป็นสัตว์เทพแห่งบรรพกาลที่บังเกิดมาพร้อมกับเหล่าอสูรร้ายแห่งบรรพกาลอย่างเช่น อสูรเถาอู้กับฮุ่นตุ้น[1]'เสี่ยวเซียนทั้งห้าขอคารวะท่านอาจารย์' เฟิงจางจิ้งเซียนกล่าวนำข้าและเพื่อนพ้องอีกสามคนจึงพากันก้มโค้งคารวะดังที่เฟิงจางจิ้งกล่าวนำไว้ ไม่แน่ว่าในช่วงหลายวันมานี้อาจมีแต่เรื่องสนุกเกิดขึ้น'ไม่ต้องมากพิธี ข้าเ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 16 เรื่องในอดีต

    ‘ยินดีต้อนรับกลับ' หวังเยี่ยนเดินเข้าไปกอดซ้อนอีกทีหนึ่ง เขาไม่รู้มาก่อนว่าพวกนางรู้จักกันคนหนึ่งก็เปรียบเสมือนน้องสาวในไส้ส่วนอีกคนก็คือภรรยาของเขา จากนี้ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เขาจะเป็นคนปกป้องพวกนางเอง ไม่มีผู้ใด ไม่มีอดีตและแม้อดีตจะลบล้างไม่ได้ หากแต่เมื่อวันวานแห่งความขมขื่นผันผ่านไป หลังจากนี้เขาจะเป็นแสงสว่างชี้นำพวกนางเอง พวกนางคงยังมีความหลังให้ระลึกถึงกันอีกมากเห็นสมควรปล่อยให้สนทนากันเพียงลำพัง กิจของสตรีบุรุษมิควรยุ่งจอมมารสะกิดหลิงหลิวเหว่ยพยักพเยิดหน้าไปทางประตูแล้วพากันเดินออกไปเงียบๆ เซียนหญิงกับมารสาวมองหน้ากันร่ำไห้กันเงียบงัน ก่อนจะบอกเล่าถึงความทรมานแสนสาหัสและเรื่องเขา'คนนั้น''เยว่ถิง ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้แล้วเจ้ากับจอมมารรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่''ไม่เจอกันเพียงไม่กี่แสนปี ท่านหญิงของข้ากลายเป็นคนช่างถามแล้วรึ''เพราะข้าสนิทใจที่พูดคุยกับเจ้าต่างหาก!'

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 15 การกลับมาของผานเยว่ถิง

    จอมมารหนุ่มอุ้มร่างบางที่หลับใหลไปในอ้อมกอดมายังในห้องส่วนตัวและจัดแจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือเพียงเเค่จับเเขนเล็กหรือเเตะเพียงเบาเบาก็ยังเกรงกลัวเหลือเกินว่ากระดูกขาวเช่นเทพเซียนจะแตกหัก เนื้อตัวนุ่มนิ่มบอบบางราวกับปุยนุ่นเช่นนี้ คนหยาบกระด้างอย่างเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหลายวันมานี้ไม่ได้รับโลหิตดับดวงจิตมารภายในร่างจึงรู้สึกกระหายอย่างมาก ยิ่งอยู่ใกล้นางกลิ่นหอมรัญจวนยิ่งเพิ่มทวีคูณ เกรงกลัวจะห้ามใจไม่อยู่'เหว่ยตี้ ข้ากระหายเหลือเกิน''เชิญจอมมารไปที่โถงก่อนเถิด ขุนนางมารรออยู่แล้ว เสี่ยวโม่[1]จะไปเตรียมเครื่องดื่มดับกระหายมาให้''อืม' ร่างองอาจรวบผมขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแต่งกายเสียใหม่แล้วจึงเรียกจื่อจิงมาเฝ้าเซียนหญิงแล้วค่อยเดินออกไปครั้นเดินทางมายังโถงใหญ่ก็เห็นชี้ชัดแล้วว่ามีขุนนางมารบางส่วนหายไปจากโถงแห่งนี้ ไม่ต้องคาดเดาก็รู้แจ่มแจ้งว่าขุนนางมารเหล่านั้นคงแยกพรรคพรรคแยกฝ่ายตามเผ่ยอวิ๋น

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 14 แตกหัก

    หวังเยี่ยนและเฟิงจางจิ้งแยกกันไปถอดเครื่องแต่งกายออกแล้วสวมชุดตามเดิมเพื่อมาหารือกันเรื่องเหล่าองครักษ์มารของเผ่ยอวิ๋นจวิน ผู้อาวุโสทั้งสี่ยินดียื่นมือเข้ามาช่วย หวังเยี่ยนออกจะเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้เข้าห้องหอแต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักจึงต้องเลื่อนเข้าห้องหอออกไปก่อน อย่างไรกว่าจะได้เข้าห้องหอกันอีกครั้งคงต้องรอหลังพิธีอภิเษกเฟิงจางจิ้งเซียนขึ้นเป็นจักรพรรดินีมาร....'ต้องขอขอบคุณเฉินฮุยเกอมากที่ตามมาช่วยข้ากับฮูหยินอีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้ด้วย' หวังเยี่ยนก้มโค้งคำนับเฉินฮุยอีกครั้ง'ไม่เป็นไร ลืมไปแล้วรึว่าพวกเราคือพี่น้องกัน ข้าผิดหวังมากนะหวังเยี่ยนที่ไม่เชิญพวกข้าเข้าร่วมงานอภิเษก' เฉินฮุยตำหนิจอมมารยกใหญ่อีกครั้งทั้งๆที่นับถือกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว เจ้าหวังเยี่ยนยังทำตัวห่างเหินกับพวกเขาอีก หากมิใช่ว่าเรื่องที่เกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้าในงานแต่งเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนต้องเรียกเซียนชั้นสูงทั้งสิบมาหารือมีหรือที่พวกเขาจะรู้&

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status