Главная / แฟนตาซี / ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร / บทที่ 3 กลับสวรรค์ชั้นฟ้า

Share

บทที่ 3 กลับสวรรค์ชั้นฟ้า

last update Последнее обновление: 2024-11-10 20:38:05

หลังจากสนทนาพาทีกับหวังเยี่ยนเสร็จสิ้น เขาก็ให้สาวใช้นามว่า'จื่อจิง'มาเป็นผู้ติดตามส่วนตัวแก่ข้า 

อย่างน้อยชายผู้นั้นก็ยังเห็นความสำคัญของลำดับศักดิ์อยู่บ้าง  นับว่าเขาพอจะรู้ธรรมเนียมปฏิบัติกับสตรีสูงศักดิ์

'ขอบใจแม่นางจื่อจิงมากที่มาส่งข้า' แม้ดวงตามองไม่เห็นแต่นางรู้ทันทีว่าห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้เหมาะสมกับนาง กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายคลึงกับกลิ่นที่นางสัมผัสที่แก้มของเขา สิ่งนั้นมันคือกลิ่นอะไรกันแน่ หอมนวลละมุน

'เรียกอาจื่อเถิดเจ้าค่ะ อย่าเรียกบ่าวเช่นนั้นเลยหากท่านประมุขได้ยินเข้าเกรงว่าจะต้องโทษเอาได้เพคะ' 

'เอาเถิด งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าอาจื่อหรือไม่ก็จื่อเอ๋อร์ก็แล้วกัน ข้าสะดวกแบบนี้ มีข้าอยู่ไหนเลยเขาจะกล้าเอาเปรียบผู้ใดต่อหน้าข้า' ร่างงามระหงย่างก้าวช้าช้าอย่างคิดคำนึงจนปลายเท้าสัมผัสกับวัตถุแข็งๆจึงเข้าใจว่าเป็นพื้นต่างระดับ

'ข้าอยากส่องคันฉ่อง รบกวนจื่อเอ๋อร์ประคองข้าหน่อยได้หรือไม่' มือทั้งสองข้างยังคงลอยหวืออยู่กลางอากาศจนกระทั่งจื่อจิงจับแขนเล็กค่อยประคับประคองด้วยความระมัดระวังไปจนถึงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ในสายตาของนางส่วนหนึ่งมีความอคติกับเทพเซียนจึงยั้งไมตรีไว้ครึ่งส่วนเพียงแต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น

มิใช่ว่านางมิอยากสนทนากับเซียนชุดขาวผู้นี้แต่อย่างว่าวิถีมารกับเซียนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นางสงบเยือกเย็น ปฏิบัติตนค่อยเป็นค่อยไปแช่มช้า แต่สำหรับแดนมารนั้น มุทะลุ ว่องไว ปราดเปรื่อง แม้แต่ถ้อยคำของนางยังสุภาพอ่อนน้อมเป็นที่สุด 

'ท่านหญิงเซียนต้องการอะไรอีกหรือไม่เพคะ' จื่อจิ้งยังคงเคารพนางอยู่ ใจหนึ่งรับรู้ได้ว่าสักวันหนึ่งนางอาจขึ้นมาเป็นนายหญิงอีกคน 

'ช่วยสางผมให้ข้าได้หรือไม่' 

'เพคะ' จื้อจิงค่อยๆปลดผ้าผูกผมของนางออกผมสีดำมีกลิ่นหอมคล้ายดอกกล้วยไม้บางชนิด หวีไม้ลายหงษ์ถูกนำมาใช้สางผมให้แก่สตรีเซียน

'จื่อจิง ประมุขของเจ้าเป็นคนดีหรือไม่' จื่อจิงชะงักเล็กน้อย

 อย่างท่านประมุขงั้นหรือ? เรียกว่า มารก็ไม่ใช่ ปีศาจก็ไม่เชิง อีกทั้งท่านประมุขยังมีส่วนที่ดีเฉกเช่นเทพเซียนอยู่บ้าง หากชั่งน้ำหนักดีชั่วและถูกผิดก็คงครึ่งหนึ่งถูกครึ่งหนึ่งผิดกระมัง ถึงเป็นเช่นนั้นปวงมารวิหคเจ็ดก็ยังคงให้ความเคารพต่อท่านประมุขที่สุด

'ท่านประมุขมีทั้งดีและชั่วเพคะ' 

'ชั่ว? แล้วชั่วอย่างไร' จื่อจิงคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่แต่ไม่กล้าตอบสุ่มสี่สุ่มห้าจึงพยายามตอบตามมุมมองของตน แม้ไม่มีกฎใดในบัญญัติมารห้ามมิให้วิจารณ์ท่านประมุขแต่ในฐานะข้ารับใช้ ย่อมเป็นเรื่องไม่สมควร

'บางสิ่งท่านประมุขต้องทำเพราะหน้าที่ สักวันหนึ่งท่านจะรู้และเข้าใจเอง' ถ้อยคำกำกวมของจื่อจิงทำให้นางเคลือบแคลงใจอยู่หลายส่วน แต่เอาเถิดถึงเวลาโชคชะตาฟ้าลิขิตนางคงจะรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสของตนเอง

'ข้าง่วงแล้ว เจ้าก็ไปพักเถิด'

'ให้ข้าประคองขึ้นเตียงหรือไม่' 

'ไม่เป็นไร' จื่อจิงวางหวีไม้ลงอย่างเบามือแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ

เมื่อเซียนสาวไม่สัมผัสถึงพลังชีวิตของใครในห้องนี้แล้วนางจึงปลดผ้าแพรที่ปิดดวงตาอยู่ลง ใบหน้างดงามราวกับภาพวาดมองสำรวจตนเองในคันฉ่องบานใหญ่ตรงหน้า นางเกลียดความงามล่มนรกล่มสวรรค์ของนาง หากไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้น เรื่องที่นางเองก็หลงลืมไปแล้วเช่นกัน ไม่ทราบว่าความทรงจำ ณ ห้วงเวลานั้นเลวร้ายเพียงใด เมื่อกลับสู่โลกขาวดำอีกครา นางก็ได้ละทางโลกหันหลังให้แก่ทุกสรรพสิ่งเช่นนี้

ด้วยต้นกำเนิดตระกูลสูงศักดิ์ถูกสอนสั่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่าเรื่องหมั้นหมายและเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ครอบครัวต้องจัดการ แต่นางไม่คิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วปานนี้ สิ่งหนึ่งที่นางแสนมั่นใจคือ หวังเยี่ยนไม่ได้แต่งกับนางเพราะใบหน้าที่งดงามนี้ คิ้วโก่งดั่งคันศร ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อ ดวงตาสีดำประกายมุก จมูกโด่งเชิดรั้น นางลูบกรอบหน้าของตนเอง ความงามดั่งภาพวาดเช่นนี้บางครั้งก็เป็นทุกข์โดยแท้...

เมื่อถึงยามเฉิน[1] เฟิงจางจิ้งตื่นขึ้นมาเวลาเดิมอย่างเช่นทุกวัน  นางรำลึกไว้เสมอว่าสตรีเซียนที่ดีห้ามเกียจคร้านและต้องปฏิบัติเคร่งครัดสม่ำเสมอ ทว่า คิดไม่ถึงว่าจื่อจิงมาคอยแล้วแต่ยามเหมา[2]นำอ่างล้างมาเตรียมไว้

ดูถูกมิได้ คนที่นี่ช่างมีระเบียบวินัยเสียจริง ตรงต่อเวลา ไม่เลวเลยทีเดียว

'จื่อจิง เจ้าตื่นเช้าเช่นนี้ทุกวันเลยหรือ?' จื่อจิงตะลึงงันในความงามของหญิงสาว นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าภายใต้ผ้าแพรขาวเป็นที่ประจักษ์ ดวงตาสีดำประกายมุกสุกใสแวววาวมากล้นด้วยเสน่ห์ ริมฝีปากอวบอิ่มสีเดียวกับผลอิงเถา จมูกโด่งเชิดรั้นดั่งคันศรรับกับใบหน้า  ความสงสัยก่อนหน้าได้หายไปจนหมดจด ที่แท้เพราะสตรีเซียนท่านนี้งดงามจนน่าตกตะลึง มิแปลกว่าเหตุใดถึงได้ถูกจอมมารจับตัวมา ขนาดว่านางเพิ่งตื่นยังงดงามถึงเพียงนี้ หลังประโคมเครื่องประทินโฉม ในโลกนี้จะมีผู้ใดงามเทียมนางได้อีกเล่า

ใบหน้าเช่นนี้ต้องตายแล้วเกิดใหม่กี่ชาติถึงจะได้มา?

'จื่อจิง'สตรีเซียนกดเสียงหนักจนจื่อจิงหลุดออกจากภวังค์ความงามของนาง

'เพคะ' ราวกับต้องมนต์ แม้เป็นสตรีเหมือนกันยังหลงใหลในรูปลักษณ์ของนาง

'อืม ช่างแปลกเสียจริง' เฟิงจางจิ้งครุ่นคิด นางมั่นใจอยู่ครึ่งส่วนว่าหวังเยี่ยนจะต้องเป็นผู้นับถือวิถีมาร แต่เรื่องนี้ก็ยังแปลกอยู่ดีเพราะผิดวิสัยปกติของพวกเผ่ามาร คนจำพวกนั้นทำสิ่งใดไร้กฎเกณฑ์ ดีแต่ทำตามอำเภอใจ

'เหตุเพราะท่านประมุขตื่นเช้ามากเพคะ ท่านประมุขสั่งไว้ว่ายิ่งเขาตื่นเช้ามากเพียงใดพวกข้าย่อมต้องตื่นก่อนท่านเสมอ' จื่อจิงแสดงความเห็นเพื่อคลายความสงสัยให้เซียนหญิง

ที่แท้ประมุขท่านนี้มีความคิดที่ดีอยู่ไม่น้อย แสดงตนเป็นตัวอย่าง แม้ว่าท่าทางจะเหมือนคนพาลแต่กลับมีความคิดก้าวไกล นับว่าใช้ได้

ก๊อก ก๊อก 

'อีกสักครู่ ข้าจะพาท่านหญิงกลับสู่สวรรค์ชั้นฟ้า ' เซียนหญิงนำผ้าแพรขาวกลับมาผูกตาแต่ครานี้มิได้ปิดบังอีกครึ่งใบหน้า เผยริมฝีปากอวบอิ่มระเรื่อนางแต้มชาดแดงขับใบหน้าขาวผ่องเพื่อเตรียมพร้อมกับการเผชิญหน้ากับใครบางคน

'จื่อจิงจะตามไปดูแลท่านหญิงที่สวรรค์ชั้นฟ้าด้วย มิต้องเป็นกังวลเพคะ' เฟิงจางจิ้งพยักหน้ารับรู้

 จื่อจิงได้รับหน้าที่ดูแลว่าที่จักรพรรดินีด้วยชีวิตของจื่อจิงย่อมต้องปกป้องและภักดีให้สมกับที่จอมมารไว้ใจ

'อืม' หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องครบครัน จื่อจิงประคับประคองเฟิงจางจิ้งอย่างระมัดระวัง

 ส่วนจอมมารเขามิได้ออกไปส่งนางแต่อย่างใด กลับมองเซียนหญิงเดินจากไปจนลับสายตา ตามจริงเขาควรจะให้นางนั่งบนเกี้ยว[3]พร้อมด้วยองค์รักษ์ติดตามขบวนใหญ่ส่งนางให้สมเกียรติแต่ทำเช่นนั้นคงจะเอิกเกริกเกินไป

ช่างเถอะ นางรักสงบเพียงนั้น อาจชอบการมาและจากไปอย่างเงียบเชียบมากกว่า 

แต่ว่า เซียนหญิงในชุดขาวท่านนั้น งดงามแม้กระทั่งแผ่นหลังเชียว..

[1] ยามเฉิน คือ ช่วงเวลา 07.00 – 08.59 น.

[2] ยามเหมา คือ ช่วงเวลา  05.00 – 06.59 น.

[3] เกี้ยว คือ คานหามของจีนอย่างหนึ่ง ยิ่งมีคนหามมากก็ยิ่งแสดงถึงมีอำนาจและลำดับศักดิ์ที่มาก

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 19 กระบี่เฟิงจางจิ้ง

    หลายๆวันมานี้ท่านเซียนหญิงเฟิงจางจิ้งและเสวี๋ยอิงต่างทำหน้าที่ดูแลพวกข้าได้อย่างดีเยี่ยม วิชาเซียนของพวกเขาทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นเทพเซียนที่แท้ ข้ายังคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เสมอมิรู้ว่าเลื่อนขั้นไปถึงไหนกันแล้ว เสวี๋ยอิงคนนั้นยามอยู่กับเฟิงจางจิ้งเซียนเพียงลำพังแสนแตกต่างกับตอนที่พูดคุยกับพวกข้าอย่างมากข้าสังเกตเสวี๋ยอิงตั้งแต่วันเเรกจนวันสุดท้ายสรุปความได้ว่า เสวี๋ยอิงคนนี้เป็นวิหคเหมันตกาลโดยแท้ นับถือวิถีเซียนเคร่งครัด และที่สำคัญเขารักของเฟิงจางจิ้งเซียนสหายของข้าอย่างแท้จริง ข้ากับเฟิงจางจิ้งเซียนตกลงกันไว้ว่าหลังจากจบการฝึกปรือครั้งนี้จะรับข้าเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงในวังสวรรค์'ความพยายามของพวกเจ้า เปิ่นจวินเห็นแล้วว่าสมควรแก่เวลา กระบี่ของผู้ใดจะกลับคืนสู่เจ้าของ' หลงลี่เสกกระบี่อันทรงฤทธิ์ที่ส่องแสงเรืองรองและส่งคืนสู่เซียนผู้เป็นเจ้าของ กระบี่เหล่านั้นลอยกลับมาอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเจ้าของ'กระบี่มีจิตวิญญาณของมัน ผู้เป็นเจ้าของต้องตั้งชื่อด้วยก่อนจะเซ่นกระบี่ด้วยเลือด''ขอรับ! เจ้าค่ะ! ซือฝุ' เซียนสตรีและเซียนบุรุษทั้งหกขานรับ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 18 รักครั้งเก่า

    'เสวี๋ยอิง เฟิงจางจิ้งเซียนฝากข้ามาตามท่านไปที่เรือนไผ่ด้านหลัง' เรือนไผ่ด้านหลังที่ว่า อยู่ริมธารน้ำตกที่ข้าใช้วิชาสนทนากับหวังเยี่ยนเกอเรือนไผ่นั่นดูเหมือนจะเป็นเรือนไผ่ที่ท่านเซียนเนรมิตขึ้นมาเพราะตอนที่ข้าไปไม่เห็นจะมีเรือนไผ่อยู่พลังเซียนของเฟิงจางจิ้งเซียนเหนือชั้นกว่าเซียนคนอื่นมากอย่างข้าคงเสกได้เพียงแค่เก้าอี้หนึ่งตัวกับวิชาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยที่หวังเยี่ยนสอนก็เท่านั้น'รบกวนแม่นางช่วยนำทางไปที' เขากล่าวเสียงเรียบพลางสะบัดชายผ้าขาวอย่างอ่อนโยนยามอยู่ใกล้เขารู้สึกหนาวเหน็บจริงสมแล้วที่เป็นถึงวิหคหิมะ'ตามข้ามาเถิด' เขาเดินตามข้าอย่างสงบเสงี่ยมจริงแท้หรือวิสัยของพวกวิหคหิมะเป็นเช่นนี้เอง แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เคร่งครัดวิถีเซียน'ขอบคุณที่มาส่ง''ไม่ต้องเกรงใจ พวกท่านสูงส่งกว่าข้า ข้าย่อมยินดีช่วย' เขาพยักหน้ารับเงียบๆแล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่เฟิงจางจิ้งเซียนนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ พูดได้ว่าน่าเอ็นดู ข้าแอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหาที่เหมาะๆสักที เสกกาน้ำชาหนึ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 17 คนแซ่เสวี่ย

    บรรดาเหล่าเซียนยืนเรียงกันเป็นสองแถวแบ่งแยกสตรีและบุรุษเพียงแค่โดดลงเหวก็ตกลงมาโผล่ที่หุบเขาไท่ซาน ไม่คิดว่าหุบเขาแห่งนี้จะยังมีสำนักที่คล้ายสำนักสงฆ์อยู่ เบื้องหน้ามีเสามังกรสีเหลืองอร่ามสลักรูปปั้นมังกรสามหัวขนาดยักษ์มันถูกตั้งไว้กลางโถง ช่างเสมือนจริงเหลือเกิน..'เสวี๋ยอิงคารวะท่านอาจารย์' ชายหนุ่มหัวขาวก้มโค้งคำนับต่อหน้ารูปปั้นมังกรสามหัวอาจารย์ที่ไหนกันไม่เห็นจะมีใครสักคน เฟิงจางจิ้งคิด'ถือว่ามีฝีมือ ส่วนคนอื่นยังต้องฝึกอีกมาก' ร่างมังกรสามหัวแปรเปลี่ยนเป็นบุรุษสามคน หน้าตางดงาม สวมชุดฮั่นฝูสีดำ รูปร่างแกร่งกำยำ มองแค่ตาเปล่าก็สัมผัสได้แล้วว่าปราณเซียนของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใดข้ายังเคยได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งสามเป็นสัตว์เทพแห่งบรรพกาลที่บังเกิดมาพร้อมกับเหล่าอสูรร้ายแห่งบรรพกาลอย่างเช่น อสูรเถาอู้กับฮุ่นตุ้น[1]'เสี่ยวเซียนทั้งห้าขอคารวะท่านอาจารย์' เฟิงจางจิ้งเซียนกล่าวนำข้าและเพื่อนพ้องอีกสามคนจึงพากันก้มโค้งคารวะดังที่เฟิงจางจิ้งกล่าวนำไว้ ไม่แน่ว่าในช่วงหลายวันมานี้อาจมีแต่เรื่องสนุกเกิดขึ้น'ไม่ต้องมากพิธี ข้าเ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 16 เรื่องในอดีต

    ‘ยินดีต้อนรับกลับ' หวังเยี่ยนเดินเข้าไปกอดซ้อนอีกทีหนึ่ง เขาไม่รู้มาก่อนว่าพวกนางรู้จักกันคนหนึ่งก็เปรียบเสมือนน้องสาวในไส้ส่วนอีกคนก็คือภรรยาของเขา จากนี้ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เขาจะเป็นคนปกป้องพวกนางเอง ไม่มีผู้ใด ไม่มีอดีตและแม้อดีตจะลบล้างไม่ได้ หากแต่เมื่อวันวานแห่งความขมขื่นผันผ่านไป หลังจากนี้เขาจะเป็นแสงสว่างชี้นำพวกนางเอง พวกนางคงยังมีความหลังให้ระลึกถึงกันอีกมากเห็นสมควรปล่อยให้สนทนากันเพียงลำพัง กิจของสตรีบุรุษมิควรยุ่งจอมมารสะกิดหลิงหลิวเหว่ยพยักพเยิดหน้าไปทางประตูแล้วพากันเดินออกไปเงียบๆ เซียนหญิงกับมารสาวมองหน้ากันร่ำไห้กันเงียบงัน ก่อนจะบอกเล่าถึงความทรมานแสนสาหัสและเรื่องเขา'คนนั้น''เยว่ถิง ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้แล้วเจ้ากับจอมมารรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่''ไม่เจอกันเพียงไม่กี่แสนปี ท่านหญิงของข้ากลายเป็นคนช่างถามแล้วรึ''เพราะข้าสนิทใจที่พูดคุยกับเจ้าต่างหาก!'

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 15 การกลับมาของผานเยว่ถิง

    จอมมารหนุ่มอุ้มร่างบางที่หลับใหลไปในอ้อมกอดมายังในห้องส่วนตัวและจัดแจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือเพียงเเค่จับเเขนเล็กหรือเเตะเพียงเบาเบาก็ยังเกรงกลัวเหลือเกินว่ากระดูกขาวเช่นเทพเซียนจะแตกหัก เนื้อตัวนุ่มนิ่มบอบบางราวกับปุยนุ่นเช่นนี้ คนหยาบกระด้างอย่างเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหลายวันมานี้ไม่ได้รับโลหิตดับดวงจิตมารภายในร่างจึงรู้สึกกระหายอย่างมาก ยิ่งอยู่ใกล้นางกลิ่นหอมรัญจวนยิ่งเพิ่มทวีคูณ เกรงกลัวจะห้ามใจไม่อยู่'เหว่ยตี้ ข้ากระหายเหลือเกิน''เชิญจอมมารไปที่โถงก่อนเถิด ขุนนางมารรออยู่แล้ว เสี่ยวโม่[1]จะไปเตรียมเครื่องดื่มดับกระหายมาให้''อืม' ร่างองอาจรวบผมขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแต่งกายเสียใหม่แล้วจึงเรียกจื่อจิงมาเฝ้าเซียนหญิงแล้วค่อยเดินออกไปครั้นเดินทางมายังโถงใหญ่ก็เห็นชี้ชัดแล้วว่ามีขุนนางมารบางส่วนหายไปจากโถงแห่งนี้ ไม่ต้องคาดเดาก็รู้แจ่มแจ้งว่าขุนนางมารเหล่านั้นคงแยกพรรคพรรคแยกฝ่ายตามเผ่ยอวิ๋น

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 14 แตกหัก

    หวังเยี่ยนและเฟิงจางจิ้งแยกกันไปถอดเครื่องแต่งกายออกแล้วสวมชุดตามเดิมเพื่อมาหารือกันเรื่องเหล่าองครักษ์มารของเผ่ยอวิ๋นจวิน ผู้อาวุโสทั้งสี่ยินดียื่นมือเข้ามาช่วย หวังเยี่ยนออกจะเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้เข้าห้องหอแต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักจึงต้องเลื่อนเข้าห้องหอออกไปก่อน อย่างไรกว่าจะได้เข้าห้องหอกันอีกครั้งคงต้องรอหลังพิธีอภิเษกเฟิงจางจิ้งเซียนขึ้นเป็นจักรพรรดินีมาร....'ต้องขอขอบคุณเฉินฮุยเกอมากที่ตามมาช่วยข้ากับฮูหยินอีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้ด้วย' หวังเยี่ยนก้มโค้งคำนับเฉินฮุยอีกครั้ง'ไม่เป็นไร ลืมไปแล้วรึว่าพวกเราคือพี่น้องกัน ข้าผิดหวังมากนะหวังเยี่ยนที่ไม่เชิญพวกข้าเข้าร่วมงานอภิเษก' เฉินฮุยตำหนิจอมมารยกใหญ่อีกครั้งทั้งๆที่นับถือกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว เจ้าหวังเยี่ยนยังทำตัวห่างเหินกับพวกเขาอีก หากมิใช่ว่าเรื่องที่เกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้าในงานแต่งเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนต้องเรียกเซียนชั้นสูงทั้งสิบมาหารือมีหรือที่พวกเขาจะรู้&

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status