[เกวลิน]
บรื้นนน!! เสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้นขณะที่กำลังโลดแล่นด้วยความเร็วอยู่บนถนนใหญ่ ฉันที่นั่งอยู่ฝั่งข้างๆคนขับได้แต่นั่งพิงเบาะรถพลางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย แม้ว่าเสียงเครื่องยนต์หรือเสียงแอร์รถดังขนาดไหน แต่บรรยากาศในรถกลับเงียบจังเลยแฮะ แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ฉัน…ไม่อยากได้ยินอะไรจากคนเห็นแก่ตัวข้างๆทั้งนั้น ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ขวับ!! เมื่อกี้หลังจากที่ขึ้นมาบนรถแล้ว คุณคิมหันต์เขายื่นของบางอย่างมาให้ฉันด้วยล่ะ ตั้งแต่ได้มันมาฉันก็ถือมันไว้ในมือแน่นไม่ปล่อยเลย 'ยาคุมฉุกเฉิน!!' สิ่งที่อยู่ในมือฉันตอนนี้ มันตอกย้ำความจริงบางอย่างขึ้นมาได้ชัดเจน ความจริงที่ว่าฉัน…เป็นแค่สิ่งของสำหรับเขาเท่านั้นสินะ ฉันแค่เผลอลืมมันไปชั่วขณะจริงๆ เผลอลืมไปเลยว่าฉัน…คือคนที่เขาเกลียด และฉันเอง…ก็ควรรู้สึกแบบนั้นกับเขาด้วยสิ ฉันเองก็เกลียดเขา เกลียดเขามาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำนี่ แต่ทำไมนะ…ทำไมความจริงข้อนี้มันถึงทำให้ฉันรู้สึกหน่วงที่อกข้างซ้ายก็ไม่รู้ ฉัน…ไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด!! ฟุ่บ!! ฉันเอนตัวลงกับเบาะรถอีกครั้ง ก่อนจะพยายามหลับตาลงไปด้วยความอ่อนล้า เฮ้อออ! ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้นะ? ไม่ใช่เหนื่อยกาย แต่เหนื่อยใจต่างหากล่ะ! ฉันขอหลับไม่ตื่นตลอดไปเลยได้มั้ยนะ? ปี๊นนน!!! เพิ่งหลับตาลงไปได้ไม่นาน จู่ๆฉันกลับต้องสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงบีบแตรรถดังเข้ามาในโสตประสาท พรึ่บ!! ฉันลืมตาขึ้นมามองดูสถานการณ์ตรงหน้า ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาสายตาก็ดันไปสบเข้ากับแสงไฟหน้ารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่กำลังแล่นด้วยความเร็วอยู่ฝั่งตรงกันข้าม แสงที่ส่องเข้ามาในตามันสว่างจ้าจนทำให้ฉันแสบตาไปหมด “โอ้ย!!” ฉันยกมือขึ้นมาปิดตาเอาไว้เพื่อป้องกันแสงไฟส่องเข้ามาในตา …และทันใดนั้นเองจู่ๆความรู้สึกแน่นหน้าอกมันก็ก่อเกิดขึ้นมากับร่างกายฉัน ฉันรู้สึกแน่นหน้าอกมากๆจนหายใจไม่ออกเลยด้วยซ้ำ และในขณะเดียวกันนั้นมันก็มีความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวฉัน “ฮึกๆๆฮือออ!” ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้ มันเหมือนกับความฝันที่ฉันเคยฝันไปเมื่อวันก่อนไม่มีผิด เป็นภาพตอนที่ฉันอยู่บนรถกับแม่ และฉันก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ดังมาจากข้างๆตัวอีกแล้ว ทำไมจู่ๆความฝันนี้ถึงได้ผุดเข้ามาในหัวฉันได้อีกแล้วล่ะ? “แม่เหรอ?” “ฮึกๆ! เกวลูก! เราไปหาพ่อกันนะลูก ฮือออ” “พ่อเหรอ? แฮ่กๆ! พ่ออยู่ไหนเหรอคะแม่?” “ฮึกฮือออ!!” “อึก! มะ…แม่! แฮ่กๆ! แม่~” ปี๊นนนน!!! ฉันได้ยินเสียงแตรรถอีกแล้ว เสียงบีบแตรจากรถบรรทุกที่วิ่งใกล้เข้ามาหาเราสองคนเรื่อยๆไม่มีชะลอเลย ไม่นะ! ถ้ารถบรรทุกคันนั้นยังวิ่งตรงเข้ามาหาเราไม่หยุดแบบนั้น ฉันกับแม่ต้องแย่แน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นมันต้อง… โครม!!! รถบรรทุกคันนั้นวิ่งเข้าชนรถของเราสองคนอย่างจัง แรงกระแทกที่กระทบกันมันทำให้รถที่ฉันนั่งกับแม่กระเด็นกระดอนไปไกลหลายตลบ ความรู้สึกเจ็บปวดโลดแล่นไปทั่วทั้งร่างกายฉัน ทำไมฉันถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการโดนรถชนได้ดีขนาดนี้เลยล่ะ? สิ่งที่ฉันเห็นในความทรงจำตอนนี้…มันเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม…ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้กันนะ? ‘แม่!!!’ ความทรงจำต่อมาที่ผุดขึ้นมาในหัว คือเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง ในตอนที่ฉันกำลังประสบกับความเจ็บปวดจากการโดนรถชนอยู่ในรถ ฉันเหลือบไปเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงเข้ามาทางรถของเรา ‘แม่!!!’ เดี๋ยวนะ! ทำไมร่างของผู้ชายที่ฉันเห็นในความทรงจำมันถึงได้คุ้นตาขนาดนี้ล่ะ ไหนจะเสียงร้องตะโกนของผู้ชายคนนั้นที่ดังขึ้นมานั่นอีก ทุกอย่างมันดูคุ้นไปหมด ยิ่งผู้ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาใกล้มากเท่าไร ภาพใบหน้าของเขาในหัวฉันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ชัดเข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนในที่สุด… …ฉันเห็นแล้ว ฉันเห็นหน้าของผู้ชายคนนั้นแล้ว หมับ!! ฉันรู้สึกได้ว่ามือที่กำลังปิดตาของตัวเองเอาไว้ถูกกระชากออกไปอย่างแรง และทันทีที่ฉันลืมตาขึ้นมาเห็นคนตรงหน้า มันทำให้ฉันมั่นใจในภาพความทรงจำที่เห็นก่อนหน้านี้ ฉันมั่นใจว่าผู้ชายที่ฉันเห็นในความทรงจำ…คือคุณคิมหันต์!! เป็นเขาไม่ผิดแน่!! “เกวลิน! เป็นอะไร?!” นี่มัน…ไม่ใช่ความฝันนี่ ฉันจำได้แล้ว! เหตุการณ์ที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้…คือความจริงทุกอย่าง มันคือเหตุการณ์ตอนที่ฉันกับแม่โดนรถชนเมื่อเจ็ดปีก่อน เหตุการณ์ที่ฉันเคยลืมไปถึงเจ็ดปี ฉัน…จำได้แล้ว!! “แฮ่กๆๆ!! คุณคิมหันต์! ทำไม…ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่นั่นได้ล่ะ?” ฉันเอ่ยถามคนตรงหน้าออกไปด้วยความรู้สึกสงสัยและสับสนไปหมด อีกทั้งความรู้สึกแน่นหน้าอกมันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฉันหายใจแทบไม่ได้เลย ทำไม…ทำไมคุณถึงไปโผล่ในอุบัติเหตุเมื่อเจ็ดปีก่อนได้ล่ะ? คุณคิมหันต์ “เธอพูดอะไรของเธอ?” “อึก! แฮ่กๆๆ!!” ความรู้สึกแน่นหน้าอกมันทวีคูณขึ้นกว่าเดิม จนฉันไม่สามารถนั่งอยู่บนรถได้อีกต่อไป มันอึดอัดไปหมด! คงจะดีกว่านี้ถ้าฉันได้ออกไปจากรถคันนี้ให้เร็วที่สุด ปึงๆๆ!! ฉันหันไปเปิดประตูเพื่อหวังจะออกไปจากตรงนี้ แต่กลับต้องร้อนรนมากกว่าเดิม จนเผลอทุบประตูรถอย่างบ้าคลั่ง เมื่อรับรู้ได้ว่าประตูรถถูกล็อคจากฝั่งคนขับ “แฮ่กๆๆ!! เปิดประตู!!” ฉันหอบหายใจอย่างแรงพลางตะโกนบอกคนข้างๆให้ปลดล็อคประตูรถ “เกวลิน! เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ?!” “ฉันบอกให้เปิดประตูไง!!” ฉันโพล่งตะโกนใส่คนข้างๆออกไปซะเสียงดังลั่นรถจนคนตัวสูงชะงักไปเลย ปึง!! คุณคิมหันต์หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปปลดล็อคประตูรถ ทันทีที่ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูรถแล้ว ฉันก็ไม่รอช้าที่จะเปิดประตูแล้ววิ่งออกมาจากรถอย่างไว ตึก!ตึก!ตึก! ฉันตะเกียกตะกายพาร่างของตัวเองออกมาจากรถ ก่อนจะมานั่งหอบหายใจอยู่ที่ริมถนนข้างทาง “แฮ่กๆๆ!! ฮึกๆๆ” ฉันหอบหายใจเข้าไปในปอดอย่างบ้าคลั่ง บวกกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมๆกับความทรงจำต่างๆมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุดไม่หย่อน ฉัน…จำได้แล้วว่าตอนนั้นแม่ฉันกำลังจะพาฉันไปที่ไหน? ฉันจำได้แล้ว…ว่าทำไมตอนนั้นแม่ถึงร้องไห้ออกมาไม่หยุด? สิ่งที่ฉันเคยลืมไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ฉันจำมันได้แทบทุกอย่างเลย แต่ความจริงที่ฉันจำได้ขึ้นมา…มันกลับสร้างความเจ็บปวดให้ฉันมากจริงๆ มากจนฉันยอมรับมันไม่ไหวแล้ว ขวับ!! ในขณะที่ฉันกำลังยืนเท้าเข่าหอบหายใจและร้องไห้ออกมาราวกับคนเสียสติ ร่างทั้งร่างของฉันกลับถูกกระชากให้หันกลับไปมองคนตัวสูง ที่วิ่งตามฉันออกมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “เกวลิน เธอเป็…” “ฉันจำได้แล้ว! ฮึกๆ วันที่เกิดอุบัติเหตุ ฮึก ฉัน…จำได้แล้ว!! ตอนนั้น…ฮึก…ตอนนั้นแม่จะพาฉัน…” หมับ!! ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยคำพูดในหัวออกไปได้หมด คนตัวสูงกลับดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเขาไว้แน่น “ลืมมันไปซะ เกวลิน! เธอ…ต้องลืมมันไปซะ!!” “ฮึกๆๆ! คุณรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่มั้ย? ฮือออ ทำไมคุณไม่บอกฉัน? ฮึกๆฮืออ” ฉันหวนนึกถึงคำพูดที่คุณคิมหันต์เคยพูดกับฉันไว้ เรื่องที่เขาบอกให้ฉันเตรียมตัวรับมือกับความเจ็บปวดที่จะตามมา มันคือเรื่องนี้ใช่มั้ย? มัน…เจ็บปวดอย่างที่เขาว่าจริงๆ ฉันรับมือกับความจริงข้อนี้ไม่ไหวจริงๆ…“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า