[เกวลิน]
บรื้นนน!! เสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้นขณะที่กำลังโลดแล่นด้วยความเร็วอยู่บนถนนใหญ่ ฉันที่นั่งอยู่ฝั่งข้างๆคนขับได้แต่นั่งพิงเบาะรถพลางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย แม้ว่าเสียงเครื่องยนต์หรือเสียงแอร์รถดังขนาดไหน แต่บรรยากาศในรถกลับเงียบจังเลยแฮะ แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ฉัน…ไม่อยากได้ยินอะไรจากคนเห็นแก่ตัวข้างๆทั้งนั้น ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ขวับ!! เมื่อกี้หลังจากที่ขึ้นมาบนรถแล้ว คุณคิมหันต์เขายื่นของบางอย่างมาให้ฉันด้วยล่ะ ตั้งแต่ได้มันมาฉันก็ถือมันไว้ในมือแน่นไม่ปล่อยเลย 'ยาคุมฉุกเฉิน!!' สิ่งที่อยู่ในมือฉันตอนนี้ มันตอกย้ำความจริงบางอย่างขึ้นมาได้ชัดเจน ความจริงที่ว่าฉัน…เป็นแค่สิ่งของสำหรับเขาเท่านั้นสินะ ฉันแค่เผลอลืมมันไปชั่วขณะจริงๆ เผลอลืมไปเลยว่าฉัน…คือคนที่เขาเกลียด และฉันเอง…ก็ควรรู้สึกแบบนั้นกับเขาด้วยสิ ฉันเองก็เกลียดเขา เกลียดเขามาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำนี่ แต่ทำไมนะ…ทำไมความจริงข้อนี้มันถึงทำให้ฉันรู้สึกหน่วงที่อกข้างซ้ายก็ไม่รู้ ฉัน…ไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด!! ฟุ่บ!! ฉันเอนตัวลงกับเบาะรถอีกครั้ง ก่อนจะพยายามหลับตาลงไปด้วยความอ่อนล้า เฮ้อออ! ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้นะ? ไม่ใช่เหนื่อยกาย แต่เหนื่อยใจต่างหากล่ะ! ฉันขอหลับไม่ตื่นตลอดไปเลยได้มั้ยนะ? ปี๊นนน!!! เพิ่งหลับตาลงไปได้ไม่นาน จู่ๆฉันกลับต้องสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงบีบแตรรถดังเข้ามาในโสตประสาท พรึ่บ!! ฉันลืมตาขึ้นมามองดูสถานการณ์ตรงหน้า ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาสายตาก็ดันไปสบเข้ากับแสงไฟหน้ารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่กำลังแล่นด้วยความเร็วอยู่ฝั่งตรงกันข้าม แสงที่ส่องเข้ามาในตามันสว่างจ้าจนทำให้ฉันแสบตาไปหมด “โอ้ย!!” ฉันยกมือขึ้นมาปิดตาเอาไว้เพื่อป้องกันแสงไฟส่องเข้ามาในตา …และทันใดนั้นเองจู่ๆความรู้สึกแน่นหน้าอกมันก็ก่อเกิดขึ้นมากับร่างกายฉัน ฉันรู้สึกแน่นหน้าอกมากๆจนหายใจไม่ออกเลยด้วยซ้ำ และในขณะเดียวกันนั้นมันก็มีความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวฉัน “ฮึกๆๆฮือออ!” ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้ มันเหมือนกับความฝันที่ฉันเคยฝันไปเมื่อวันก่อนไม่มีผิด เป็นภาพตอนที่ฉันอยู่บนรถกับแม่ และฉันก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ดังมาจากข้างๆตัวอีกแล้ว ทำไมจู่ๆความฝันนี้ถึงได้ผุดเข้ามาในหัวฉันได้อีกแล้วล่ะ? “แม่เหรอ?” “ฮึกๆ! เกวลูก! เราไปหาพ่อกันนะลูก ฮือออ” “พ่อเหรอ? แฮ่กๆ! พ่ออยู่ไหนเหรอคะแม่?” “ฮึกฮือออ!!” “อึก! มะ…แม่! แฮ่กๆ! แม่~” ปี๊นนนน!!! ฉันได้ยินเสียงแตรรถอีกแล้ว เสียงบีบแตรจากรถบรรทุกที่วิ่งใกล้เข้ามาหาเราสองคนเรื่อยๆไม่มีชะลอเลย ไม่นะ! ถ้ารถบรรทุกคันนั้นยังวิ่งตรงเข้ามาหาเราไม่หยุดแบบนั้น ฉันกับแม่ต้องแย่แน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นมันต้อง… โครม!!! รถบรรทุกคันนั้นวิ่งเข้าชนรถของเราสองคนอย่างจัง แรงกระแทกที่กระทบกันมันทำให้รถที่ฉันนั่งกับแม่กระเด็นกระดอนไปไกลหลายตลบ ความรู้สึกเจ็บปวดโลดแล่นไปทั่วทั้งร่างกายฉัน ทำไมฉันถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการโดนรถชนได้ดีขนาดนี้เลยล่ะ? สิ่งที่ฉันเห็นในความทรงจำตอนนี้…มันเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม…ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้กันนะ? ‘แม่!!!’ ความทรงจำต่อมาที่ผุดขึ้นมาในหัว คือเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง ในตอนที่ฉันกำลังประสบกับความเจ็บปวดจากการโดนรถชนอยู่ในรถ ฉันเหลือบไปเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงเข้ามาทางรถของเรา ‘แม่!!!’ เดี๋ยวนะ! ทำไมร่างของผู้ชายที่ฉันเห็นในความทรงจำมันถึงได้คุ้นตาขนาดนี้ล่ะ ไหนจะเสียงร้องตะโกนของผู้ชายคนนั้นที่ดังขึ้นมานั่นอีก ทุกอย่างมันดูคุ้นไปหมด ยิ่งผู้ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาใกล้มากเท่าไร ภาพใบหน้าของเขาในหัวฉันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ชัดเข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนในที่สุด… …ฉันเห็นแล้ว ฉันเห็นหน้าของผู้ชายคนนั้นแล้ว หมับ!! ฉันรู้สึกได้ว่ามือที่กำลังปิดตาของตัวเองเอาไว้ถูกกระชากออกไปอย่างแรง และทันทีที่ฉันลืมตาขึ้นมาเห็นคนตรงหน้า มันทำให้ฉันมั่นใจในภาพความทรงจำที่เห็นก่อนหน้านี้ ฉันมั่นใจว่าผู้ชายที่ฉันเห็นในความทรงจำ…คือคุณคิมหันต์!! เป็นเขาไม่ผิดแน่!! “เกวลิน! เป็นอะไร?!” นี่มัน…ไม่ใช่ความฝันนี่ ฉันจำได้แล้ว! เหตุการณ์ที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้…คือความจริงทุกอย่าง มันคือเหตุการณ์ตอนที่ฉันกับแม่โดนรถชนเมื่อเจ็ดปีก่อน เหตุการณ์ที่ฉันเคยลืมไปถึงเจ็ดปี ฉัน…จำได้แล้ว!! “แฮ่กๆๆ!! คุณคิมหันต์! ทำไม…ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่นั่นได้ล่ะ?” ฉันเอ่ยถามคนตรงหน้าออกไปด้วยความรู้สึกสงสัยและสับสนไปหมด อีกทั้งความรู้สึกแน่นหน้าอกมันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฉันหายใจแทบไม่ได้เลย ทำไม…ทำไมคุณถึงไปโผล่ในอุบัติเหตุเมื่อเจ็ดปีก่อนได้ล่ะ? คุณคิมหันต์ “เธอพูดอะไรของเธอ?” “อึก! แฮ่กๆๆ!!” ความรู้สึกแน่นหน้าอกมันทวีคูณขึ้นกว่าเดิม จนฉันไม่สามารถนั่งอยู่บนรถได้อีกต่อไป มันอึดอัดไปหมด! คงจะดีกว่านี้ถ้าฉันได้ออกไปจากรถคันนี้ให้เร็วที่สุด ปึงๆๆ!! ฉันหันไปเปิดประตูเพื่อหวังจะออกไปจากตรงนี้ แต่กลับต้องร้อนรนมากกว่าเดิม จนเผลอทุบประตูรถอย่างบ้าคลั่ง เมื่อรับรู้ได้ว่าประตูรถถูกล็อคจากฝั่งคนขับ “แฮ่กๆๆ!! เปิดประตู!!” ฉันหอบหายใจอย่างแรงพลางตะโกนบอกคนข้างๆให้ปลดล็อคประตูรถ “เกวลิน! เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ?!” “ฉันบอกให้เปิดประตูไง!!” ฉันโพล่งตะโกนใส่คนข้างๆออกไปซะเสียงดังลั่นรถจนคนตัวสูงชะงักไปเลย ปึง!! คุณคิมหันต์หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปปลดล็อคประตูรถ ทันทีที่ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูรถแล้ว ฉันก็ไม่รอช้าที่จะเปิดประตูแล้ววิ่งออกมาจากรถอย่างไว ตึก!ตึก!ตึก! ฉันตะเกียกตะกายพาร่างของตัวเองออกมาจากรถ ก่อนจะมานั่งหอบหายใจอยู่ที่ริมถนนข้างทาง “แฮ่กๆๆ!! ฮึกๆๆ” ฉันหอบหายใจเข้าไปในปอดอย่างบ้าคลั่ง บวกกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมๆกับความทรงจำต่างๆมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุดไม่หย่อน ฉัน…จำได้แล้วว่าตอนนั้นแม่ฉันกำลังจะพาฉันไปที่ไหน? ฉันจำได้แล้ว…ว่าทำไมตอนนั้นแม่ถึงร้องไห้ออกมาไม่หยุด? สิ่งที่ฉันเคยลืมไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ฉันจำมันได้แทบทุกอย่างเลย แต่ความจริงที่ฉันจำได้ขึ้นมา…มันกลับสร้างความเจ็บปวดให้ฉันมากจริงๆ มากจนฉันยอมรับมันไม่ไหวแล้ว ขวับ!! ในขณะที่ฉันกำลังยืนเท้าเข่าหอบหายใจและร้องไห้ออกมาราวกับคนเสียสติ ร่างทั้งร่างของฉันกลับถูกกระชากให้หันกลับไปมองคนตัวสูง ที่วิ่งตามฉันออกมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “เกวลิน เธอเป็…” “ฉันจำได้แล้ว! ฮึกๆ วันที่เกิดอุบัติเหตุ ฮึก ฉัน…จำได้แล้ว!! ตอนนั้น…ฮึก…ตอนนั้นแม่จะพาฉัน…” หมับ!! ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยคำพูดในหัวออกไปได้หมด คนตัวสูงกลับดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเขาไว้แน่น “ลืมมันไปซะ เกวลิน! เธอ…ต้องลืมมันไปซะ!!” “ฮึกๆๆ! คุณรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่มั้ย? ฮือออ ทำไมคุณไม่บอกฉัน? ฮึกๆฮืออ” ฉันหวนนึกถึงคำพูดที่คุณคิมหันต์เคยพูดกับฉันไว้ เรื่องที่เขาบอกให้ฉันเตรียมตัวรับมือกับความเจ็บปวดที่จะตามมา มันคือเรื่องนี้ใช่มั้ย? มัน…เจ็บปวดอย่างที่เขาว่าจริงๆ ฉันรับมือกับความจริงข้อนี้ไม่ไหวจริงๆ…[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ