[คิมหันต์]
ตืดๆๆ!! หลังจากที่ส่งเกวลินเข้าห้องน้ำไปได้สักพักหนึ่ง ผมก็ออกมาจัดการธุระของตัวเองต่อที่โซฟา นั่งไปได้แค่แปบเดียวก็ต้องมารำคาญเสียงมือถือของเกวลินที่ดังรบกวนไม่หยุดไม่หย่อน จนผมต้องก้มลงไปจัดการกับมันจนได้ ‘ทิวเขา’ ตอนแรกผมก็ว่าจะก้มลงไปกดปิดเสียงหรือวางสาย แต่ทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทรมาเท่านั้นแหละ ผมคงปล่อยไปเฉยๆไม่ได้แล้วล่ะ หึ! ทิวเขาเหรอ? ผมได้ยินชื่อเด็กคนนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของบริษัทฝ่ายคู่แข่ง ที่ผ่านมาผมไม่ได้สนใจอะไรกับเด็กคนนี้สักเท่าไรและไม่คิดว่าเด็กอย่างเขาจะกล้าต่อกรอะไรกับฝ่ายเรา แต่เหมือนว่าผมจะประมาทเด็กคนนี้ไปสินะ หึ! แต่วิธีที่เด็กคนนั้นใช้เล่นงานฝ่ายเรามันก็…สมกับเป็นเด็กจริงๆ! แต่ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำผมประหลาดใจไม่น้อย เรื่องที่เด็กคนนั้นรู้จักกับเกวลิน สองคนนั้นเป็นเพื่อนกันสินะ! พอมาคิดเอาตอนนี้ก็พอเดาออกว่าสองคนนั้นรู้จักกันได้ยังไง? ทั้งเกวลินและเด็กคนนั้นเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะบริหารเหมือนกัน ดูจากที่เรียกชื่อแทนกันเมื่อวาน…คงจะสนิทสนมกันมากเลยสินะ!! ติ๊ด!! ผมยกมือถือขึ้นมากดรับสาย ก่อนจะกดเปิดลำโพงให้เสียงดัง แล้ววางมันกลับลงไปบนโต๊ะตรงหน้าอย่างเดิม [“เกว! เกวอยู่ไหนเหรอ? มาเจอทิวหน่อยได้มั้ย? ไม่สิ! ทิวไปหาเกวได้มั้ย? ทิวอยากจะอธิบายเรื่องเมื่อวานให้เกวเข้าใจอ่ะ“] หึ! เกว…ทิว… ฟังแล้วน่าหงุดหงิดชะมัด! ใครอนุญาติให้นายมาเรียกคนของฉันแบบนั้นกัน! “…” [“ฮัลโหล! เกว! เกวฟังทิวอยู่รึเปล่า?”] “อยากจะอธิบายอะไรก็ว่ามาสิ!” [“แกเป็นใคร? มารับโทรศัพท์เกวได้ยังไง? แล้วเกวอยู่ไหน? ทำไมเกวไม่มารับโทรศัพท์เองล่ะ?”] หึ! น้ำเสียงร้อนรนแบบนี้ น่าฟังกว่าเยอะเลย “เกวลินเหรอ? เกวลินก็…อาบน้ำอยู่น่ะ!” [“นี่แก…ทำอะไรเกว!? แกเป็นใครกันแน่ฮ่ะ!?”] “ฉันเหรอ? หึ! ฉันว่านายน่าจะรู้จักฉันดีเลยนะ ทิวเขา!” [“แกรู้จักฉันได้ยังไง?”] “นายเป็นถึงลูกชายคนเดียวของบริษัทคู่แข่งเลยนะ ฉันจะไม่รู้จักได้ยังไงล่ะ?” [“แก…คิมหันต์เหรอ?!!”] “หัวไวดีนี่! ว่าแต่…นายเห็นของขวัญที่ฉันส่งกลับไปให้นายรึยังล่ะ?” [“เรื่องข่าว…ฝีมือแกสินะ!”] “เฮอะ! ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้ที่บอกว่านายหัวไวล่ะกันนะ!” [“แกทำแบบนี้ทำไม?”] “ถามแบบนี้มันไม่ขี้โกงไปหน่อยเหรอ? ทีนายยังแอบซื้อข้อมูลของโรงแรมฉันไปปล่อยข่าวฉันยังไม่ถามนายสักคำเลยนะ!” [“คิดว่าทำแบบนี้เรื่องมันจะจบรึไง?”] พูดแบบนี้…แปลว่าจะไม่ยอมจบง่ายๆสินะ “ทำไม? จะแอบเอาข่าวของฉันไปปล่อยอีกรึไง? คราวนี้ให้ฉันบอกข้อมูลดีๆให้นายเอามั้ย? เอาเป็น…พาร์ทต่อจากข่าวที่ฉันเอาผู้หญิงเข้าโรงแรมเมื่อวาน” [“พูดบ้าอะไรของแกฮ่ะ!?”] “หึ! นายไม่อยากรู้เหรอว่าผู้หญิงที่ฉันลากเข้าโรงแรมมาด้วยเป็นใคร?” ฟุ่บ!! ผมลุกออกจากที่นั่งบนโซฟา ก่อนจะหยิบมือถือที่เปิดสายค้างไว้ขึ้นมาไว้กับตัว แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนทันที เมื่อกี้…เสียงน้ำไหลหยุดไปสักพักแล้ว ผมเลยคิดว่าเกวลินน่าจะออกมาจากห้องน้ำแล้วแน่ๆ และตอนนี้ก็คงจะกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องสินะ [“นี่แก…อย่าบอกนะว่าผู้หญิงในข่าวคือ…”] ปัง!! ผมเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างแรง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาด้วยความพอใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไปเจอกับแผ่นหลังเรียบเนียนของเกวลิน ที่ตอนนี้กำลังยืนหันหลังแต่งตัวอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ “คุณคิม! นี่คุณเข้ามาได้ยังไงเนี่ย? ฉันแต่งตัวอยู่ ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” คนตัวเล็กที่มีสีหน้าตกใจทันทีที่เห็นผม ก่อนจะรีบร้อนคว้าผ้าเช็ดตัวที่อยู่ใกล้ๆมาปิดร่างของตัวเองเอาไว้ หึ! เสียงร้องตะโกนที่ดังชัดแจ่วของเกวลินมันทำให้ผมอดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้จริงๆ เพราะเสียงของเธอมันดังมาก ดังจนผมมั่นใจว่ามันทำให้คนที่อยู่ในสายตอนนี้ได้ยินเสียงของเกวลินผ่านมือถือได้แน่ๆ ฟึ่บ!! ผมยกมือถือขึ้นมาแนบหูเอาไว้ ก่อนจะพูดบางอย่างออกไปกับปลายสาย “เสียงดังฟังชัดขนาดนี้ คงพอจะเดาออกแล้วสินะ ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครกันแน่!” [“นี่แกทำอะไรเกว? ไอ้…”] ติ๊ด!! เมื่อพูดในสิ่งที่อยากจะพูดออกไปหมดแล้ว ผมก็รีบกดตัดสายลงทันที ไม่อยู่รอฟังเด็กนั่นด่าผมหรอก “นั่นมันมือถือฉันนี่! คุณเอามาได้ยังไง? แล้วเมื่อกี้คุณคุยกับใคร?” ท่าทีของเกวลินดูกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเลย นี่คงจะรู้อยู่แล้วสินะว่าใครโทรมาหาตัวเอง “ทิวเขา เมื่อกี้เด็กคนนั้นโทรมาหาเธอน่ะ แต่ฉันรับสายให้แล้วล่ะ ฉันบอกไปว่า…เธอกำลังอาบน้ำอยู่” “อะไรนะ?! คุณพูดแบบนั้นได้ยังไง? ไม่สิ! คุณถือวิสาสะมายุ่งกับโทรศัพท์คนอื่นมั่วซั่วแบบนี้ได้ยังไงกัน?” เกวลิน! ฉันไม่ชอบท่าทีของเธอตอนนี้เลยนะ เธอไม่พอใจที่ฉันรับโทรศัพท์เธอ หรือไม่พอใจที่ฉันบอกกับเด็กคนนั้นว่าเธออยู่กับฉันกันแน่!! “ฉันต้องขออนุญาตเธอด้วยรึไง? ทั้งตัวเธอและของของเธอทุกอย่าง…เป็นของฉัน!! ลืมไปแล้วเหรอฮ่ะ!?” “คุณมัน…น่าเกลียดที่สุด” หึ! เกลียดเหรอ? ทีเมื่อคืนยังกอดฉันแน่นด้วยท่าทีที่ชอบฉันมากอยู่เลย มาตอนนี้จะบอกว่าเกลียดฉันงั้นเหรอ? ตึก!ตึก!ตึก! ผมค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินอย่างเชื่องช้า พลางใช้สายตาจ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้าไม่พักละสายตา “คนที่ควรจะต้องขออนุญาตคือเธอมากกว่านะเกวลิน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรที่ไหนหรือจะอยู่กับใครหน้าไหนก็ตาม เธอก็ต้องบอกฉันสิ!” ฟึ่บ!! ผมเอื้อมมือออกไปลูบไล้ใบหน้าเนียนของเกวลินอย่างแผ่วเบา แม้ว่ามันจะเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาขนาดไหนก็ตาม แต่ท่าทีของคนตัวเล็กตรงหน้าตอนนี้กลับสั่นเทาขึ้นมาด้วยความกลัวและโกรธอย่างเห็นได้ชัด หึ! เธอกลับมามองฉันด้วยสายตาแบบนี้อีกแล้วนะ เกวลิน “อะไรที่ฉันอนุญาต…เธอก็ทำ อะไรที่ฉันไม่อนุญาต…เธอก็ไม่ควรทำ อย่างเช่น…เรื่องเด็กที่ชื่อทิวเขานั่น! ฉันไม่ค่อยชอบให้เธอเข้าไปยุ่งกับมันสักเท่าไรเลยนะ” “…” “เธอรู้ใช่มั้ย…ว่าสิ่งที่เธอควรทำต่อจากนี้คืออะไรหืม?” “…” ดวงตาแข็งกร้าวและน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเกวลินตอนนี้ มัน…น่าหงุดหงิดชะมัด!! “ฉันถามว่าเข้าใจมั้ย? เกวลิน!” “ฮึก! เข้าใจค่ะ!” เสียงเล็กตอบออกมาด้วยความสั่นเครือ แม้จะฟังดูน่าหงุดหงิด แต่ก็น่าพอใจมากเช่นกันที่เธอเชื่อฟังฉัน “หึ! ดีมาก!! รีบแต่งตัวซะ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาไปซื้อมือถือเครื่องใหม่!” “คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมต้องซื้อเครื่องใหม่ด้วย?” ปัง!!! ผมไม่ตอบแต่กลับเขวี้ยงมือถือของเกวลินที่อยู่ในมือทิ้งไปอย่างแรง จนมือถือเครื่องนั้นแตกกระจายเละเทะไม่เหลือชิ้นดี! ซึ่งนั้นเป็นเจตนาที่ผมตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วล่ะ “คุณคิมหันต์! นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณฮ่ะ!?” “ถ้าไม่ทำแบบนี้ เด็กคนนั้นก็คงจะติดต่อเธอไม่เลิกน่ะสิ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น…ฉันจะไม่พอใจเอามากๆเลยนะ เกวลิน” “คุณมัน…บ้าที่สุด!!”[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ