[คิมหันต์]
ตืดๆๆ!! หลังจากที่ส่งเกวลินเข้าห้องน้ำไปได้สักพักหนึ่ง ผมก็ออกมาจัดการธุระของตัวเองต่อที่โซฟา นั่งไปได้แค่แปบเดียวก็ต้องมารำคาญเสียงมือถือของเกวลินที่ดังรบกวนไม่หยุดไม่หย่อน จนผมต้องก้มลงไปจัดการกับมันจนได้ ‘ทิวเขา’ ตอนแรกผมก็ว่าจะก้มลงไปกดปิดเสียงหรือวางสาย แต่ทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทรมาเท่านั้นแหละ ผมคงปล่อยไปเฉยๆไม่ได้แล้วล่ะ หึ! ทิวเขาเหรอ? ผมได้ยินชื่อเด็กคนนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของบริษัทฝ่ายคู่แข่ง ที่ผ่านมาผมไม่ได้สนใจอะไรกับเด็กคนนี้สักเท่าไรและไม่คิดว่าเด็กอย่างเขาจะกล้าต่อกรอะไรกับฝ่ายเรา แต่เหมือนว่าผมจะประมาทเด็กคนนี้ไปสินะ หึ! แต่วิธีที่เด็กคนนั้นใช้เล่นงานฝ่ายเรามันก็…สมกับเป็นเด็กจริงๆ! แต่ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำผมประหลาดใจไม่น้อย เรื่องที่เด็กคนนั้นรู้จักกับเกวลิน สองคนนั้นเป็นเพื่อนกันสินะ! พอมาคิดเอาตอนนี้ก็พอเดาออกว่าสองคนนั้นรู้จักกันได้ยังไง? ทั้งเกวลินและเด็กคนนั้นเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะบริหารเหมือนกัน ดูจากที่เรียกชื่อแทนกันเมื่อวาน…คงจะสนิทสนมกันมากเลยสินะ!! ติ๊ด!! ผมยกมือถือขึ้นมากดรับสาย ก่อนจะกดเปิดลำโพงให้เสียงดัง แล้ววางมันกลับลงไปบนโต๊ะตรงหน้าอย่างเดิม [“เกว! เกวอยู่ไหนเหรอ? มาเจอทิวหน่อยได้มั้ย? ไม่สิ! ทิวไปหาเกวได้มั้ย? ทิวอยากจะอธิบายเรื่องเมื่อวานให้เกวเข้าใจอ่ะ“] หึ! เกว…ทิว… ฟังแล้วน่าหงุดหงิดชะมัด! ใครอนุญาติให้นายมาเรียกคนของฉันแบบนั้นกัน! “…” [“ฮัลโหล! เกว! เกวฟังทิวอยู่รึเปล่า?”] “อยากจะอธิบายอะไรก็ว่ามาสิ!” [“แกเป็นใคร? มารับโทรศัพท์เกวได้ยังไง? แล้วเกวอยู่ไหน? ทำไมเกวไม่มารับโทรศัพท์เองล่ะ?”] หึ! น้ำเสียงร้อนรนแบบนี้ น่าฟังกว่าเยอะเลย “เกวลินเหรอ? เกวลินก็…อาบน้ำอยู่น่ะ!” [“นี่แก…ทำอะไรเกว!? แกเป็นใครกันแน่ฮ่ะ!?”] “ฉันเหรอ? หึ! ฉันว่านายน่าจะรู้จักฉันดีเลยนะ ทิวเขา!” [“แกรู้จักฉันได้ยังไง?”] “นายเป็นถึงลูกชายคนเดียวของบริษัทคู่แข่งเลยนะ ฉันจะไม่รู้จักได้ยังไงล่ะ?” [“แก…คิมหันต์เหรอ?!!”] “หัวไวดีนี่! ว่าแต่…นายเห็นของขวัญที่ฉันส่งกลับไปให้นายรึยังล่ะ?” [“เรื่องข่าว…ฝีมือแกสินะ!”] “เฮอะ! ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้ที่บอกว่านายหัวไวล่ะกันนะ!” [“แกทำแบบนี้ทำไม?”] “ถามแบบนี้มันไม่ขี้โกงไปหน่อยเหรอ? ทีนายยังแอบซื้อข้อมูลของโรงแรมฉันไปปล่อยข่าวฉันยังไม่ถามนายสักคำเลยนะ!” [“คิดว่าทำแบบนี้เรื่องมันจะจบรึไง?”] พูดแบบนี้…แปลว่าจะไม่ยอมจบง่ายๆสินะ “ทำไม? จะแอบเอาข่าวของฉันไปปล่อยอีกรึไง? คราวนี้ให้ฉันบอกข้อมูลดีๆให้นายเอามั้ย? เอาเป็น…พาร์ทต่อจากข่าวที่ฉันเอาผู้หญิงเข้าโรงแรมเมื่อวาน” [“พูดบ้าอะไรของแกฮ่ะ!?”] “หึ! นายไม่อยากรู้เหรอว่าผู้หญิงที่ฉันลากเข้าโรงแรมมาด้วยเป็นใคร?” ฟุ่บ!! ผมลุกออกจากที่นั่งบนโซฟา ก่อนจะหยิบมือถือที่เปิดสายค้างไว้ขึ้นมาไว้กับตัว แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนทันที เมื่อกี้…เสียงน้ำไหลหยุดไปสักพักแล้ว ผมเลยคิดว่าเกวลินน่าจะออกมาจากห้องน้ำแล้วแน่ๆ และตอนนี้ก็คงจะกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องสินะ [“นี่แก…อย่าบอกนะว่าผู้หญิงในข่าวคือ…”] ปัง!! ผมเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างแรง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาด้วยความพอใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไปเจอกับแผ่นหลังเรียบเนียนของเกวลิน ที่ตอนนี้กำลังยืนหันหลังแต่งตัวอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ “คุณคิม! นี่คุณเข้ามาได้ยังไงเนี่ย? ฉันแต่งตัวอยู่ ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” คนตัวเล็กที่มีสีหน้าตกใจทันทีที่เห็นผม ก่อนจะรีบร้อนคว้าผ้าเช็ดตัวที่อยู่ใกล้ๆมาปิดร่างของตัวเองเอาไว้ หึ! เสียงร้องตะโกนที่ดังชัดแจ่วของเกวลินมันทำให้ผมอดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้จริงๆ เพราะเสียงของเธอมันดังมาก ดังจนผมมั่นใจว่ามันทำให้คนที่อยู่ในสายตอนนี้ได้ยินเสียงของเกวลินผ่านมือถือได้แน่ๆ ฟึ่บ!! ผมยกมือถือขึ้นมาแนบหูเอาไว้ ก่อนจะพูดบางอย่างออกไปกับปลายสาย “เสียงดังฟังชัดขนาดนี้ คงพอจะเดาออกแล้วสินะ ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครกันแน่!” [“นี่แกทำอะไรเกว? ไอ้…”] ติ๊ด!! เมื่อพูดในสิ่งที่อยากจะพูดออกไปหมดแล้ว ผมก็รีบกดตัดสายลงทันที ไม่อยู่รอฟังเด็กนั่นด่าผมหรอก “นั่นมันมือถือฉันนี่! คุณเอามาได้ยังไง? แล้วเมื่อกี้คุณคุยกับใคร?” ท่าทีของเกวลินดูกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเลย นี่คงจะรู้อยู่แล้วสินะว่าใครโทรมาหาตัวเอง “ทิวเขา เมื่อกี้เด็กคนนั้นโทรมาหาเธอน่ะ แต่ฉันรับสายให้แล้วล่ะ ฉันบอกไปว่า…เธอกำลังอาบน้ำอยู่” “อะไรนะ?! คุณพูดแบบนั้นได้ยังไง? ไม่สิ! คุณถือวิสาสะมายุ่งกับโทรศัพท์คนอื่นมั่วซั่วแบบนี้ได้ยังไงกัน?” เกวลิน! ฉันไม่ชอบท่าทีของเธอตอนนี้เลยนะ เธอไม่พอใจที่ฉันรับโทรศัพท์เธอ หรือไม่พอใจที่ฉันบอกกับเด็กคนนั้นว่าเธออยู่กับฉันกันแน่!! “ฉันต้องขออนุญาตเธอด้วยรึไง? ทั้งตัวเธอและของของเธอทุกอย่าง…เป็นของฉัน!! ลืมไปแล้วเหรอฮ่ะ!?” “คุณมัน…น่าเกลียดที่สุด” หึ! เกลียดเหรอ? ทีเมื่อคืนยังกอดฉันแน่นด้วยท่าทีที่ชอบฉันมากอยู่เลย มาตอนนี้จะบอกว่าเกลียดฉันงั้นเหรอ? ตึก!ตึก!ตึก! ผมค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินอย่างเชื่องช้า พลางใช้สายตาจ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้าไม่พักละสายตา “คนที่ควรจะต้องขออนุญาตคือเธอมากกว่านะเกวลิน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรที่ไหนหรือจะอยู่กับใครหน้าไหนก็ตาม เธอก็ต้องบอกฉันสิ!” ฟึ่บ!! ผมเอื้อมมือออกไปลูบไล้ใบหน้าเนียนของเกวลินอย่างแผ่วเบา แม้ว่ามันจะเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาขนาดไหนก็ตาม แต่ท่าทีของคนตัวเล็กตรงหน้าตอนนี้กลับสั่นเทาขึ้นมาด้วยความกลัวและโกรธอย่างเห็นได้ชัด หึ! เธอกลับมามองฉันด้วยสายตาแบบนี้อีกแล้วนะ เกวลิน “อะไรที่ฉันอนุญาต…เธอก็ทำ อะไรที่ฉันไม่อนุญาต…เธอก็ไม่ควรทำ อย่างเช่น…เรื่องเด็กที่ชื่อทิวเขานั่น! ฉันไม่ค่อยชอบให้เธอเข้าไปยุ่งกับมันสักเท่าไรเลยนะ” “…” “เธอรู้ใช่มั้ย…ว่าสิ่งที่เธอควรทำต่อจากนี้คืออะไรหืม?” “…” ดวงตาแข็งกร้าวและน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเกวลินตอนนี้ มัน…น่าหงุดหงิดชะมัด!! “ฉันถามว่าเข้าใจมั้ย? เกวลิน!” “ฮึก! เข้าใจค่ะ!” เสียงเล็กตอบออกมาด้วยความสั่นเครือ แม้จะฟังดูน่าหงุดหงิด แต่ก็น่าพอใจมากเช่นกันที่เธอเชื่อฟังฉัน “หึ! ดีมาก!! รีบแต่งตัวซะ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาไปซื้อมือถือเครื่องใหม่!” “คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมต้องซื้อเครื่องใหม่ด้วย?” ปัง!!! ผมไม่ตอบแต่กลับเขวี้ยงมือถือของเกวลินที่อยู่ในมือทิ้งไปอย่างแรง จนมือถือเครื่องนั้นแตกกระจายเละเทะไม่เหลือชิ้นดี! ซึ่งนั้นเป็นเจตนาที่ผมตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วล่ะ “คุณคิมหันต์! นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณฮ่ะ!?” “ถ้าไม่ทำแบบนี้ เด็กคนนั้นก็คงจะติดต่อเธอไม่เลิกน่ะสิ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น…ฉันจะไม่พอใจเอามากๆเลยนะ เกวลิน” “คุณมัน…บ้าที่สุด!!”“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า